ประกาศศาลจังหวัดตาก เรื่อง คำสั่งให้ นายสันต์ หรือนายพุฒ เครือน้อย เป็นคนสาบสูญ

ประกาศศาลจังหวัดตาก เรื่อง คําสั่งให้ นายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย เป็นคนสาบสูญ ด้วย นางอนงค เครือนอย ผู้รอง ตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ที่ 7 ตําบลหนองบัวเหนือ อําเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ได้ยื่นคํารองขอให้ศาลมีคําสั่งให้ นายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย เป็นคนสาบสูญ ศาลไตสวนแล้วได้ความวา ผู้รองเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย เมื่อประมาณป พ.ศ. 2547 นายสันต หรือ นายพุฒ เดินทางไปทํางานที่จังหวัดสงขลา โดยระหวางนั้นได้ติดต่อกับผู้รองและสงเงินให้ผู้รองใชจายเรื่อยมา ต่อมาเมื่อประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 นายสันต หรือ นายพุฒ โทรศัพทแจงผู้รองวานายจางจะให้ทําหนังสือเดินทางไปทํางาน ที่ประเทศมาเลเซีย จึงยายชื่อออกจากทะเบียนบ้านที่จังหวัดตากไปเขาทะเบียนบ้านที่อําเภอสะเดา จังหวัดสงขลา หลังจากนั้นเมื่อกลางป พ.ศ. 2555 นายสันต หรือ นายพุฒ ก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาผู้รอง และสงเงินให้ใชจายเชนเดิม เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ผู้รองได้ตรวจสอบขอมูลทางทะเบียนบ้าน พบวานายสันต หรือ นายพุฒ ได้ยายที่อยู่ไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ผู้รองได้พยายามติดต่อนายสันต หรือ นายพุฒ ทุกชองทาง ตางไม่มีผู้ใดทราบวานายสันต หรือ นายพุฒ ไปอยู่ที่ไหน จึงได้ลงบันทึกประจําวันไว เป็นหลักฐาน นับแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2555 ที่ผู้รองติดต่อนายสันต หรือ นายพุฒ เป็นครั้งสุดทาย เป็นตนมาจนถึงปจจุบันเป็นระยะเวลากวา 9 ปแล้ว แต่ก็ไม่ทราบขอเท็จจริงวานายสันต หรือ นายพุฒ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อาศัยอยู่ที่ใด และทําให้ประสบปญหาเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของนายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย ผู้รองจึงเป็นผู้มีสวนได้เสียที่จะยื่นคํารองขอต่อศาล เมื่อขอเท็จจริงได้ความวา นายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย ได้ไปจากภูมิลําเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นระยะเวลาเกินกวาหาป โดยไม่มีใครรูแนวานายสันต หรือ นายพุฒ เ ครือนอย ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลานั้น กรณีมีเหตุสมควรสั่งให้ นายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย เป็นคนสาบสูญ จึงมีคําสั่งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 ให้ นายสันต หรือ นายพุฒ เครือนอย เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 61 ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ณัฏฐพรรษ ญาณวารี ผู้พิพากษา ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 18 ง ราชกิจจานุเบกษา 2 มีนาคม 2566