Mon Jul 10 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ประเภท ระดับ อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดของผู้ปฏิบัติการ ในการปฏิบัติการฉุกเฉินตามคำสั่งการแพทย์หรือการอำนวยการ พ.ศ. 2566


ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ประเภท ระดับ อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดของผู้ปฏิบัติการ ในการปฏิบัติการฉุกเฉินตามคำสั่งการแพทย์หรือการอำนวยการ พ.ศ. 2566

ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ประเภท ระดับ อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดของผู้ปฏิบัติการ ในการปฏิบัติการฉุกเฉินตามคำสั่งการแพทย์หรือการอานวยการ พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง อานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดในการปฏิบัติการแพทย์ของผู้ช่วยเวชกรรม ตามคำสั่ง การแพทย์หรือการอานวยการ พ.ศ. 2556 และประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง อา นาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจากัดในการปฏิบัติการอานวยการของผู้ช่วยอานวยการตามคาสั่ง การแพทย์หรือการอานวยการ พ.ศ. 2558 เพื่อให้สอดคล้องกับการให้ประกาศนียบัตรหรือเครื่องหมาย วิทยฐานะแก่ผู้ผ่านการศึกษาหรือฝึกอบรม ตามมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 29 (1) แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ประกอบกับข้อ 19 ของระเบียบคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ว่าด้วยการประชุ มของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ พ.ศ. 2561 คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน จึงได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 5/2566 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ให้ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้เรียกว่า “ ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ประเภท ร ะดับ อานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจากัดของผู้ปฏิบัติการในการปฏิบัติการฉุกเฉิน ตามคาสั่งการแพทย์หรือการอานวยการ พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก (1) ประกาศคณะกรรมการกำรแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดในการปฏิบัติการแพทย์ของผู้ช่วยเวชกรรมตามคำสั่งการแพทย์หรือการอำนวยการ พ.ศ. 2556 (2) ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจากัดในการปฏิ บัติการอานวยการของผู้ช่วยอานวยการตามคาสั่งการแพทย์หรือการอานวยการ พ.ศ. 2558 ข้อ 4 ในประกาศนี้ “ ปฏิบัติการแพทย์ ” หมายความว่า การปฏิบัติการฉุกเฉินที่กระทาโดยตรงต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน เกี่ยวกับการประเมิน การดูแล การเคลื่อนย้ายหรือลาเลียง การนาส่งต่อ การตรวจวินิจฉัย และ การบาบัดรักษาพยาบาล รวมถึงการเจาะหรือผ่าตัด การใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือแพทย์ การให้หรือ บริหารยาห รือสารอื่น หรือการสอดใส่วัตถุใด ๆ เข้าไปในร่างกายผู้ป่วยฉุกเฉิน และให้หมายรวมถึง ้ หนา 42 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 165 ง ราชกิจจานุเบกษา 10 กรกฎาคม 2566

การรับแจ้งและจ่ายงานให้ผู้ปฏิบัติการอื่นกระทาโดยตรงต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งการปฏิบัติการฉุกเฉิน ที่ต้องกระทำตามคาสั่งการแพทย์ด้วย แต่ไม่รวมถึงการกระทำใดอันเป็นการปฐมพยาบำล “ ปฏิบัติการอานวยการ ” หมายความว่า การปฏิบัติการฉุกเฉินที่ไม่ได้กระทาโดยตรงต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ประกอบด้วยการจัดการ การประสานงาน การควบคุมดูแล และการติดต่อสื่อสารอันมีความจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการปฏิบัติการแพทย์ที่ถูกต้อง สมบูรณ์ และทัน ท่วงที “ คาสั่งการแพทย์ ” หมายความว่า คาชี้แจงให้เข้าใจและสั่งให้ทาตามเป็นลาดับขั้นตอน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการปฏิบัติการแพทย์ตาม “ อานวยการ ” หมายความว่า การอานวยการทางการแพทย์ฉุกเฉินโดยแพทย์อานวยการ ปฏิบัติการฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการจัดการและควบคุมการปฏิบัติ การฉุกเฉินของผู้ปฏิบัติการซึ่งเป็น ผู้ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการฉุกเฉิน ทั้งการอานวยการทั่วไปและการอานวยการตรง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการฉุกเฉินรายงานภาวะของผู้ป่วยฉุกเฉินและปฏิบัติการฉุกเฉินตามคาสั่ง การแพทย์ “ อานวยการทั่วไป ” หมายความว่า การอานวยการซึ่งได้จัดทาและประกาศไว้เป็นเอกสาร ด้วยวิธีการที่กาหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อเป็นคาสั่งประจา ขั้นตอนวิธี หรือเกณฑ์วิธีปฏิบัติการฉุกเฉิน ให้ผู้ปฏิบัติการซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการฉุกเฉิน ดำเนินการหรือปฏิบัติตาม รวมทั้ง กา รตรวจสอบและพิจารณากระบวนการและผลการปฏิบัติการฉุกเฉินย้อนหลังด้วย “ อานวยการตรง ” หมายความว่า การอานวยการเชื่อมตรงระหว่างบุคคลต่อบุคคลขณะกำลัง ปฏิบัติการฉุกเฉิน ณ สถานที่ที่มีผู้ป่วยฉุกเฉินหรือที่เกิดเหตุการณ์ หรือผ่านการสื่อสารทางไกลด้วยวาจา ลายลักษณ์ อักษร อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม หรือวิธีการสื่อสารอื่น “ รับแจ้ง ” หมายความว่า การรับแจ้งการเจ็บป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศ ทางการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉิน แล้วส่งข้อมูลและสารสนเทศต่อไปยังผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ หรือ สถานพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้คำแนะนำเชื่อมตรงระหว่างบุคคลต่อบุคคล ด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม หรือวิธีการสื่อสารอื่น ให้ผู้แจ้งหรือผู้อาจ ช่วยได้ให้ทำการปฐมพยาบาลหรือปฏิบัติการแพทย์แก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ตามสมควรแก่กรณี ทั้งนี้ ให้ หมายความรวมถึงการรับแจ้งทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วย “ จ่ายงาน ” หมายความว่า การถ่ายทอดคาสั่ง รวมทั้งประสานการปฏิบัติการฉุกเฉินเชื่อมตรง ระหว่างบุคคลต่อบุคคลด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม หรือวิธีการสื่อสารอื่น ไปยังผู้ปฏิบัติการ หน่วย ปฏิบัติการ หรือสถานพยาบาลตามคาสั่งการแพทย์และคาสั่งอำนวยการรวมถึง การช่วยกากับดูแลและการควบคุมการปฏิบัติการฉุกเฉินเชื่อมตรงระหว่างบุคคลต่อบุคคล ณ สถานที่ ที่มีผู้ป่วยฉุกเฉินหรือที่เกิดเหตุการณ์ หรือผ่านการสื่อสารทางไกลด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร อิเล็กทรอ นิกส์ โทรคมนาคม หรือวิธีการสื่อสารอื่น โดยผู้ปฏิบัติการซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการ ฉุกเฉินที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการฉุกเฉินอื่นหรือ ผู้ปฐมพยาบาลรายงานภาวะผู้ป่วยฉุกเฉินและเฝ้าติดตามคุณภาพการปฏิบัติก ำรให้การช่วยเหลือ และเฝ้าติดตามการปฏิบัติการฉุกเฉินของผู้ปฏิบัติการซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการฉุกเฉินนั้น ้ หนา 43 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 165 ง ราชกิจจานุเบกษา 10 กรกฎาคม 2566

ข้อ 5 ให้ผู้ปฏิบัติการจำแนกเป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้ (1) ประเภทวิชาชีพ หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ที่ประกอ บวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ได้แก่ (ก) ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาฉุกเฉินการแพทย์ (ข) ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพผดุงครรภ์ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล และการผดุงครรภ์ ที่ปฏิบัติการฉุกเฉิน (ค) ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ปฏิบัติการฉุกเฉิน (2) ประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ หมายความว่า ผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรตามข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 และ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปฏิบัติการกับ สพฉ. ข้อ 6 ให้ผู้ปฏิบัติการประเภทวิชาชีพตามข้อ 5 (1) ปฏิบัติการฉุกเฉินได้ตามอำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ข้อ 7 ให้ผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ ตามข้อ 5 (2) มี 6 ระดับ ดังต่อไปนี้ (1) ระดับ 1 เรียกว่า อาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ เรียกโดยย่ อว่า “ อฉพ. ” ( Emergency Medical Responder : EMR ) (2) ระดับ 2 เรียกว่า พนักงานฉุกเฉินการแพทย์ เรียกโดยย่อว่า “ พฉพ. ” ( Emergency Medical Technician - Basic : EMT - B ) (3) ระดับ 3 เรียกว่า พนักงานฉุกเฉินการแพทย์พิเศษ เรียกโดยย่อว่า “ พฉพพ. ” ( Emergency Medical Technician : EMT ) (4) ระดับ 4 เรียกว่า เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ เรียกโดยย่อว่า “ จฉพ. ” ( Emergency Medical Technician - Intermediate : EMT - I ) (5) ระดับ 5 เรียกว่า “ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ขั้นสูง ” เรียกโดยย่อว่า “ จฉพส. ” ( Advanced Emergency Medical Technician : AEMT ) (6) ระดับ 6 เรียกว่า “ นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ” เรียกโดยย่อว่า “ นฉพ. ” ( Emergency Medical Technician - Paramedic : EMT - P ) ให้ผู้ปฏิบัติการแต่ละระดับตามวรรคหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่ ขอบเขตความรับ ผิดชอบ หรือข้อจำกัดในการปฏิบัติการฉุกเฉิน ตามคาสั่งการแพทย์หรือการอานวยการตามแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ . 25 6 6 เรืออากาศเอก อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ้ หนา 44 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 165 ง ราชกิจจานุเบกษา 10 กรกฎาคม 2566

อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัดของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ ในการปฏิบัติการฉุกเฉิน ตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการ แนบท้ายประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ประเภท ระดับ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัดของผู้ปฏิบัติการ ในการปฏิบัติการฉุกเฉินตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการ พ . ศ . 2566 ข้อ 1 อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัดของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉิน การแพทย์แต่ละสาขา ในการปฏิบัติการแพทย์และปฏิบัติการอํานวยการ ตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการ ตาม ประกาศนี้จะกําหนดขั้นการกระทํา โดยใช้สัญลักษณ์ดังต่อไปนี้ ให้ใช้สัญลักษณ์ “ ก ” เป็นขั้นที่กําหนดว่าผู้ปฏิบัติการในสาขานั้นสามารถกระทําได้ตามการอํานวยการ ทั่วไปหรือการอํานวยการตรง รวมทั้งให้คําสั่งการแพทย์แก่ผู้ปฏิบัติการในระดับที่ต่ํากว่า ให้ใช้สัญลักษณ์ “ ข ” เป็นขั้นที่กําหนดว่าผู้ปฏิบัติการในสาขานั้นสามารถกระทําได้ตามการอํานวยการ ทั่วไปหรือการอํานวยการตรง ให้ใช้สัญลักษณ์ “ ค ” เป็นขั้นที่กําหนดว่าผู้ปฏิบัติการในสาขานั้นสามารถกระทําได้เฉพาะตามการ อํานวยการตรง ให้ใช้สัญลักษณ์ “ ง ” เป็นขั้นที่กําหนดว่าผู้ปฏิบัติการในสาขานั้นสามารถช่วยกระทําได้ภายใต้การ ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ประกอบวิชาชีพ หรือกลุ่มช่วยฉุกเฉินการแพทย์ในระดับที่มีขั้นของการปฏิบัติการแพทย์นั้น ในสัญลักษณ์ “ ก ” ให้ใช้สัญลักษณ์ “ จ ” เป็นขั้นที่กําหนดให้ผู้ปฏิบัติการในสาขานั้น ห้ามกระทําการปฏิบัติการแพทย์นั้น กับผู้ป่วยฉุกเฉิน ข้อ 2 ให้ผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์แต่ละสาขา มีอํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัดในการปฏิบัติการแพทย์ตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการได้ ดังต่อไปนี้ รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 1 . การแยกบุคคลออกจากสิ่งอันตราย / การใช้อุปกรณ์ พิทักษ์บุคคล (body substance isolation/person protective equipment) 1 . 1 อุปกรณ์พิทักษ์บุคคล ระดับ C ก ก ก ก ข ข 1 . 2 อุปกรณ์พิทักษ์บุคคล ระดับ D ก ก ก ก ก ข 2 . เทคนิคการจัดทางหายใจ (airway techniques) 2 . 1 การใช้อุปกรณ์พยุงทางหายใจ (airway adjunct) 2 . 1 . 1 การสอดใส่อุปกรณ์พยุงทางหายใจที่มุ่งให้เข้าไป ในคอหอยส่วนปาก (oropharyngeal airway) ก ก ข ค ค ง

2 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 2 . 1 . 2 การสอดใส่อุปกรณ์พยุงทางหายใจที่มุ่งให้เข้าไป ในคอหอยส่วนจมูก (nasopharyngeal airway) ก ข ค ง จ จ 2 . 1 . 3 การสอดใส่อุปกรณ์พยุงทางหายใจชนิดเหนือ กล่องเสียง (supraglottic airway) ข ค ง จ จ จ 2 . 2 การจัดทางหายใจโดยไม่ใช้อุปกรณ์ (airway maneuvers) 2 . 2 . 1 การกดหน้าผากเชยคาง (head tilt-chin lift) ก ก ข ข ข ค 2 . 2 . 2 การยกขากรรไกร (jaw thrust) ก ก ข ข ค ค 2 . 2 . 3 กำ ร ดู แ ล ผู้ ป่ ว ย มี รู เ จา ะ เ ปิ ด ท่ อ ล ม (management of existing tracheostomy) ค ง ง จ จ จ 2 . 3 การเจาะเยื่อไครโคไทรอยด์ (cricothyrotomy) 2 . 3 . 1 การเจาะด้วยเข็ม (needle) ค ง จ จ จ จ 2 . 3 . 2 การเจาะด้วยการผ่าตัด (surgical) ง จ จ จ จ จ 2 . 4 การขจัดสิ่งขัดขวางทางหายใจ (obstructed airway clearance) 2 . 4 . 1 การขจัดสิ่งขัดขวางทางหายใจโดยไม่ใช้อุปกรณ์ (manual obstructed airway clearance) 2 . 4 . 1 . 1 การกวาดด้วยนิ้ว (finger sweep) ก ก ข ข ค ค 2 . 4 . 1 . 2 การตบหลังและกระแทกทรวงอก (back blow and chest thrust) ก ก ข ข ค ค 2 . 4 . 1 . 3 การรัดกระตุกที่ท้อง (Heimlich maneuver) ก ก ข ข ข ข 2 . 5 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมในผู้ใหญ่ (adult intubation) 2 . 5 . 1 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมทางปาก (orotracheal) ข ง ง จ จ จ 2 . 5 . 2 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยา ที่ไม่ทําให้เป็นอัมพาต (pharmacological facilitation without paralytic) ค ง ง จ จ จ 2 . 5 . 3 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยาที่ทํา ให้เป็นอัมพาต (pharmacological facilitation with paralytic) ง ง จ จ จ จ 2 . 5 . 4 การตรวจยืนยันการสอดใส่หลอดคาในท่อลม (confirmation procedures)

3 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 2 . 5 . 4 . 1 การติดตามระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ในลมหายใจออก (end-tidal carbon dioxide monitoring) ข ค ง จ จ จ 2 . 5 . 4 . 2 กำ ร แ ป ล ผ ล ค ลื่ น ร ะ ดั บ คาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจออก (end-tidal carbon dioxide waveform interpretation) ข ง จ จ จ จ 2 . 5 . 5 การใช้อุปกรณ์ส่องกล่องเสียงร่วมกับใช้คีมคีบ (laryngoscopy with Magill forceps) ข ง จ จ จ จ 2 . 6 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมในเด็ก (pediatric intubation) 2 . 6 . 1 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมทางปากในเด็ก (pediatric orotracheal) ค ง จ จ จ จ 2 . 6 . 2 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยาระงับ ประสาท (pediatric sedation) ค ง จ จ จ จ 2 . 6 . 3 การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยาที่ทํา ให้เป็นอัมพาต (pediatric paralytic) ง ง จ จ จ จ 3 . ระบบการให้ออกซิเจน (oxygen delivery systems) 3 . 1 การให้ออกซิเจนด้วยหลอดสอดจมูก (nasal cannula) ก ก ข ข ข ค 3 . 2 การให้ออกซิเจนด้วยหน้ากากมีถุงกักอากาศ (mask with bag) ก ก ข ข ค ค 3 . 3 การพ่นละออง (nebulizer) ก ข ค ง จ จ 4 . การดูดของเหลวออกจากทางหายใจ (suction) 4 . 1 การดูดด้วยลูกสูบยางใช้มือบีบ (manually operated) ก ก ก ข ข ข 4 . 2 การดูดด้วยใช้เครื่องมือกล (mechanically operated) 4 . 2 . 1 การดูดทางปาก (oral suction) ก ข ข ค ง จ 4 . 2 . 2 การดูดทางหลอดคาในท่อลม (endotracheal suction) ข ข ค ง จ จ 5 . การใช้เครื่องมือกลช่วยการหายใจในผู้ใหญ่ (adult ventilation-assisted/mechanical) 5 . 1 การใช้ปากเป่าผ่านหน้ากาก (mouth to pocket mask) ก ก ก ข ข ข

4 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 5 . 2 การใช้ถุงบีบลมผ่านหน้ากากกันลมย้อน (bag- valve-mask) ก ก ข ข ค จ 5 . 3 การใช้ถุงมีที่กักออกซิเจนบีบลมผ่านหน้ากากกันลม ย้อน (bag-valve-mask with supplemental oxygen and reservoir) ก ก ข ค ค จ 5 . 4 การใช้ High flow nasal cannula ค ง จ จ จ จ 6 . การใช้เครื่องกลช่วยการหายใจในเด็ก (pediatric ventilation-assisted/mechanical) 6 . 1 การใช้ถุงบีบลมผ่านหน้ากากกันลมย้อนในเด็ก (bag-valve-mask in pediatric) ข ข ค ค จ จ 6 . 2 การใช้ถุงมีที่กักออกซิเจนบีบลมผ่านหน้ากากกันลม ย้อนในเด็ก (bag-valve-mask with supplemental oxygen and reservoir in pediatric) ข ข ค ง จ จ 6 . 3 การใช้ถุงมีที่กักออกซิเจนบีบลมผ่านหน้ากากกันลม ย้อนในทารก (bag-valve-mask with supplemental oxygen and reservoir in neonate/infant) ข ค ค จ จ จ 7 . การใช้เครื่องกลช่วยการหายใจ (mechanical ventilation-assisted) 7 . 1 การใช้เครื่องกลช่วยการหายใจโดยไม่รุกร่างกาย ด้ ว ย PEEP, BiPAP, CPAP ( noninvasive positive pressure ventilation with PEEP, BiPAP, CPAP) ค ง ง จ จ จ 7 . 2 การช่วยการหายใจผ่านเข็มเจาะเยื่อไครโคไทรอยด์ (percutaneous transtracheal ventilation) ข ค ง จ จ จ 7 . 3 การใช้เครื่องกลช่วยการหายใจแบบอัตโนมัติ ระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (automated transport mechanical ventilation) ค ง ง จ จ จ 7 . 4 การใช้เครื่องอัดแรงดันออกซิเจนแบบพกพา (portable oxygen power resuscitation) ข ข ค ง จ จ 8 . หัตถการวินิจฉัย (diagnostic procedures) 8 . 1 การตรวจระดับกลูโคสในเลือดจากหลอดเลือดฝอย (capillary blood glucose) ก ก ก ข ข ข 8 . 2 การแปลผลความอิ่มออกซิเจนตามชีพจร (pulse oximetry) ก ก ก ข ค ค

5 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 8 . 3 การใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) 8 . 3 . 1 การทําและแปลผลคลื่นเสียงความถี่สูงใน การประเมินผู้บาดเจ็บ (EFAST) ข ง จ จ จ จ 8 . 3 . 2 การทําและแปลผลคลื่นเสียงความถี่สูงใน การประเมินตําแหน่งอื่น ค ง จ จ จ จ 8 . 4 การแปลผล CXR ในภาวะฉุกเฉิน ค จ จ จ จ จ 8 . 5 การแปลผล CT brain ในภาวะฉุกเฉิน ค จ จ จ จ จ 8 . 6 การเก็บสิ่งส่งตรวจจากหลอดเลือดดํา ข ค ง จ จ จ 8 . 7 การแปลผล point of care test จากสิ่งส่งตรวจ ค ง จ จ จ จ 8 . 8 การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram acquisition) ก ข ข ค ง จ 8 . 9 การแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram interpretation) 8 . 9 . 1 การแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจในผู้ป่วยหัวใจ หยุดเต้น (electrocardiogram interpretation in cardiac arrest) ก ข ค จ จ จ 8 . 9 . 2 การแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจขั้นสูง (advanced electrocardiogram interpretation) ข ค ง จ จ จ 9 . หัตถการในระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะ (genital/urinary procedures) 9 . 1 การใส่หลอดสวนปัสสาวะทางท่อปัสสาวะ (Foley’s catheter) ข ค ค จ จ จ 10 . เทคนิคโลหิตพลวัต (hemodynamic techniques) 10 . 1 การเฝ้าตรวจการบริหารสารน้ํา / ยาทางหลอด เลือดดํา (monitoring existing IV) ก ข ข ง จ จ 10 . 2 การดูแลทางเปิดเข้าหลอดเลือดดํา (peripheral venous access maintenance) ก ข ข ง จ จ 10 . 3 การดูแลหลอดสวนท่อเลือดดํา (central venous maintenance) ข ค ค จ จ จ 1 0 . 4 กำ ร ดู แ ล เ ข็ ม แ ท ง เ ข้ำ คำ โ พ ร ง ก ร ะ ดู ก (intraosseous maintenance) ข ค ค จ จ จ 10 . 5 การดูแลหลอดสวนหลอดเลือดแดง (arterial catheter maintenance) ข ค ง จ จ จ

6 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 10 . 6 การแทงเข้าและบริหารสารน้ําทางหลอดเลือดดํา (intravenous access & infusion) ข ค ค จ จ จ 10 . 7 การแทงเข้าคาและบริหารสารน้ํา / ยาเข้าในโพรง กระดูก (intraosseous access and infusion) ข ค ง จ จ จ 10 . 8 การใส่หลอดสวนสายสะดือ (umbilical catheter insertion) ค ง จ จ จ จ 10 . 9 การบริหารสารน้ํา / ยา ผ่านช่องอุปกรณ์ฝังคา (access indwelling port) ง จ จ จ จ จ 1 0 . 1 0 การ บริ หำ ร สำ ร น้ํำ / ยาด้ ว ย เ ค รื่ อ ง ก ล (mechanical IV pumps) ข ค ง จ จ จ 11 . กำ ร เ ฝ้ำ ต ร ว จ โ ล หิ ต พ ล วั ต ( hemodynamic monitoring) 11 . 1 การเฝ้าตรวจโลหิตพลวัตด้วยหัตถการในร่างกาย (invasive hemodynamic monitoring) ค ง จ จ จ จ 11 . 2 การกดเวกัส (vagal maneuvers) 11 . 2 . 1 Valsalva’s maneuver ข ค ง จ จ จ 11 . 2 . 2 การนวดแคโรติด (carotid sinus massage) ค ง จ จ จ จ 12 . หัตถการทางสูติกรรม (obstetrics procedures) 12 . 1 การช่วยคลอดปกติในกรณีฉุกเฉิน (assisting normal delivery of newborn) ข ข ข ค ค ง 12 . 2 การทําคลอดปกติในกรณีฉุกเฉิน (normal delivery of newborn) ข ค ค จ จ จ 12 . 3 การช่วยคลอดผิดปกติในกรณีฉุกเฉิน (assisting complicated delivery of newborn) ค ง ง จ จ จ 12 . 4 การตัดสายสะดือ (umbilical cord cutting) ข ค ง จ จ จ 12 . 5 การหนีบสายสะดือ (umbilical cord clamping) ข ข ข ค ค ง 13 . หัตถการอื่นๆ (other techniques) 13 . 1 การตรวจวัดสัญญาณชีพ (vital signs) 13 . 1 . 1 การตรวจวัดอุณหภูมิกาย (taking temperature) ก ก ก ข ข ข 13 . 1 . 2 การตรวจวัดความดันเลือด (taking blood pressure) ก ก ก ข ข ข

7 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 13 . 1 . 3 การตรวจวัดอัตราชีพจร (taking pulse rate) ก ก ก ข ข ข 13 . 1 . 4 การตรวจวัดอัตราการหายใจ (taking respiratory rate) ก ก ก ข ข ข 13 . 1 . 5 การตรวจวัดการไหลกลับของเลือดฝอย (capillary refilling time) ก ก ก ข ข ข 13 . 2 หัตถการการห้ามเลือด (bleeding control techniques) 13 . 2 . 1 การกดห้ามเลือด (direct pressure) ก ก ก ข ข ข 13 . 2 . 2 การกดห้ามเลือดด้วยแรงดัน (pressure dressing) ก ก ก ข ข ข 13 . 2 . 3 การใช้สายรัดห้ามเลือดบริเวณรยางค์ (extremity tourniquet) ก ก ข ค ค ค 13 . 2 . 4 การใช้สายรัดห้ามเลือดบริเวณข้อต่อรยางค์ (junctional tourniquet) ข ข ค ง จ จ 13 . 3 การใส่ท่อสวนกระเพาะอาหารทางจมูก (nasogastric tube) ข ข ค จ จ จ 13 . 4 การใส่ท่อสวนกระเพาะอาหารทางปาก (orogastric tube) ข ข ค จ จ จ 13 . 5 การเจาะถุงหุ้มหัวใจ (pericardiocentesis) ง จ จ จ จ จ 13 . 6 การลดแรงดันในช่องเยื่อหุ้มปอดโดยใช้เข็มเจาะ (needle thoracostomy) ข ง ง จ จ จ 13 . 7 การตรึงผู้ป่วย (patient restraint) 13 . 7 . 1 การยึดตรึง (physical restraint) ก ก ข ค ค ค 13 . 7 . 2 การใช้ยาตรึง (pharmacological) ค ค ง จ จ จ 13 . 8 การดูแลผู้ป่วยถูกคุกคามทางเพศเบื้องต้น (sexual assault victim initial management) ข ข ค ง ง ง 13 . 9 การดูแลผู้ป่วยถูกทารุณเบื้องต้น (violence victim initial management) ข ข ค ง ง ง 13 . 10 การแต่งแผล (wound dressing) ก ข ข ค ค ค 14 . การกู้ชีพ (resuscitation) 1 4 . 1 กำ ร ช่ ว ย ฟื้ น คื น ชี พ ( cardiopulmonary resuscitation: CPR)

8 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 14 . 1 . 1 การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในทารก (basic CPR for neonate/infant) ก ข ข ค ง จ 14 . 1 . 2 การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในเด็ก และการใช้ เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิด อัตโนมัติ (basic CPR for pediatric and AED) ก ก ก ข ข ข 14 . 1 . 3 การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในผู้ใหญ่ และการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิด อัตโนมัติ (basic CPR for adult and AED) ก ก ก ข ข ข 14 . 1 . 4 การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงในทารก (advanced CPR for neonate/infant) ข ค ค ง จ จ 14 . 1 . 5 การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงในเด็ก (advanced CPR for pediatric) ข ค ค ง จ จ 14 . 1 . 6 การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงในผู้ใหญ่ (advanced CPR for adult) ข ค ค ง จ จ 14 . 2 การกดหน้าอกโดยใช้เครื่องกล (mechanical chest compression device) ก ข ค ง จ จ 1 4 . 3 กำ ร ดู แ ล ผู้ ป่ ว ย ห ลั ง ฟื้ น คื น ชี พ ( post resuscitative care) ข ค ค ง ง ง 14 . 4 การฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบไม่อัตโนมัติ (manual defibrillation) ข ค จ จ จ จ 14 . 5 การผันคืนจังหวะหัวใจ (cardioversion) 14 . 5 . 1 การผันคืนจังหวะหัวใจด้วยไฟฟ้า (electrical cardioversion) ค ง จ จ จ จ 14 . 5 . 2 การผันคืนจังหวะหัวใจด้วยยา Adenosine (pharmacological cardioversion : Adenosine) ค ง จ จ จ จ 14 . 6 การกํากับจังหวะหัวใจ (cardiac pacing) ค ง จ จ จ จ 15 . หัตถการทางโครงร่าง (skeletal procedures) 15 . 1 การรักษาอวัยวะส่วนที่ถูกตัดขาด (care of the amputation part) ก ข ข ค ค ค 1 5 . 2 กำ ร ดำ ม ก ร ะ ดู ก หั ก / ข้ อ เ ค ลื่ อ น (fracture/dislocation immobilization techniques) ก ข ข ข ค ค 1 5 . 3 กำ ร จั ด ก ร ะ ดู ก หั ก / ข้ อ เ ค ลื่ อ น เ ข้ำ ที่ (fracture/dislocation realignment techniques) ค ง จ จ จ จ

9 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 15 . 4 การพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บเหมือนท่อนไม้กลิ้ง (spine immobilization techniques with log roll) ก ก ก ข ข ข 15 . 5 การรัดกระดูกเชิงกราน (pelvic binding) ก ข ข ค ค จ 15 . 6 การใส่เครื่องดึงกระดูกต้นขา (traction splint) ค ค ง จ จ จ 16 . การยกและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (lifting and moving techniques) 16 . 1 การลากที่รักแร้ (axillary drag) ก ก ก ข ข ข 16 . 2 การลากที่เสื้อ (clothes drag) ก ก ก ข ข ข 16 . 3 การลากที่เท้า (foot drag) ก ก ก ข ข ข 16 . 4 การลากด้วยผ้าห่ม (blanket drag) ก ก ก ข ข ข 16 . 5 การลากแบบพนักงานผจญเพลิง (firefighter’s drag) ก ก ก ข ข ข 16 . 6 การอุ้มแบบพนักงานผจญเพลิง (firefighter’s carry) ก ก ก ข ข ข 16 . 7 การอุ้มที่แขนและขา (extremity carry/lift) ก ก ก ข ข ข 16 . 8 การช่วยเหลือผู้ป่วยที่เดินได้ (assisting an ambulatory patient) ก ก ก ข ข ข 16 . 9 การใช้เก้าอี้ยกผู้ป่วย (stair chair/chair) ก ก ก ข ข ข 16 . 10 การใช้เปลล้อเลื่อน (wheeled stretcher) ก ก ก ข ข ข 16 . 11 การใช้กระดานยาวดามกระดูกสันหลัง (long spinal board & head immobilizer) ก ก ก ข ข ข 16 . 12 การใช้เปลตัก (scoop stretcher) ก ก ก ข ข ข 16 . 13 การช่วยให้พ้นอันตรายอย่างรวดเร็ว (rapid extrication) ก ก ก ข ข ข 16 . 14 การใช้กระดานสั้นดามกระดูกสันหลัง (Kendrick extrication device) ก ก ข ค ค ง 16 . 15 การใช้เฝือกสุญญากาศแบบเต็มตัว (full body vacuum mattress) ข ค ง จ จ จ 16 . 16 การเปลแผ่นม้วน (sketch stretcher) ข ค ง จ จ จ 16 . 17 การเปลตะกร้า (basket stretcher) ข ค ง จ จ จ 16 . 18 การปฏิบัติการแพทย์อื่นๆ 16 . 18 . 1 การใส่ปลอกดามคอ (cervical collars) ก ก ก ข ข ข 16 . 18 . 2 การถอดหมวกนิรภัย (removal helmet) ก ก ก ข ข ข

10 รายการปฏิบัติการแพทย์ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 17 . หั ต ถ กำ ร ทำ ง จั ก ษุ ก ร ร ม ( ophthalmological procedures) 17 . 1 การชะล้างตา (ocular eye irrigation) ก ข ค ง จ จ 18 . วิ ธี กำ ร บ ริ หำ ร ยำ ( drug administration technique) 18 . 1 การช่วยบริหารยาที่แพทย์สั่งไว้ประจําตัวผู้ป่วย (assist self-own medication) ก ก ก ข ข ข 1 8 . 2 กำ ร บ ริ หำ ร ยำ สู ด ( inhaled medication administration) ก ก ข ค จ จ 1 8 . 3 กำ ร บ ริ หำ ร ยำ วิ ธี อื่ น ตำ ม protocol (pharmacological non-inhaled techniques) 18 . 3 . 1 การบริหารยากินตาม Protocol (oral administration) ก ก ข ค จ จ 18 . 3 . 2 การบริหารยาใต้ลิ้น (sublingual administration) ก ก ข ค จ จ 18 . 3 . 3 การบริหารยาทางทวารหนัก (intrarectal administration) ข ข ค จ จ จ 18 . 3 . 4 การฉีดยาเข้าหนัง (intradermal injection) ค ง ง จ จ จ 18 . 3 . 5 การฉีดยาเข้าใต้หนัง (subcutaneous injection) ข ข ค จ จ จ 18 . 3 . 6 การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular injection) ข ข ค จ จ จ 18 . 3 . 7 การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดํา (intravenous injection) ข ข ค จ จ จ 18 . 3 . 8 การฉีดยาเข้าโพรงกระดูก (intraosseous injection) ข ข ง จ จ จ 18 . 3 . 9 การบริหารยาทางท่อลม (intratracheal administration) ข ค ง จ จ จ

ข้อ 3 ให้ผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์แต่ละสาขา มีอํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือ ข้อจํากัดในการปฏิบัติการอํานวยการตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการได้ ดังต่อไปนี้ รายการปฏิบัติการอํานวยการ อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์ นฉพ . จฉพส . จฉพ . พฉพพ . พฉพ . อฉพ . 1 . การรับแจ้งการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก ก ข ข ง จ 2 . การประสานปฏิบัติการฉุกเฉิน ก ข ง ง จ จ 3 . การจ่ายงานปฏิบัติการฉุกเฉิน ก จ จ จ จ จ 4 . การกํากับ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติการ ฉุกเฉิน ตามคําสั่งการแพทย์ของแพทย์อํานวยการ ปฏิบัติการฉุกเฉิน ง จ จ จ จ จ 5 . การคัดแยกระดับความฉุกเฉินทางโทรศัพท์ (phone triage) ก ข ง ง จ จ 6 . ให้คําแนะนําแก่ผู้แจ้งให้ทําการปฐมพยาบาลหรือการ ปฏิบัติการฉุกเฉิน ตามแนวทาง ขั้นตอนวิธี และเกณฑ์ วิธีที่แพทย์อํานวยการปฏิบัติการฉุกเฉินกําหนด (Prearrival Instruction) ก ข ค ค จ จ 7 . การออกรหัสตามคู่มือ Criteria Base Dispatch เพื่อ จัดลําดับการบริบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน ก ค ง ง จ จ 8 . จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลสารสนเทศจากผู้แจ้ง เหตุการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก ก ข ข ง จ 9 . รับคําสั่งทางการแพทย์หรือการอํานวยการ จากแพทย์ อํานวยการปฏิบัติการฉุกเฉิน ก ค จ จ จ จ 10 . การถ่ายทอดคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการ ก ข ง ง จ จ 11 . การวิเคราะห์ข้อมูลการปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อประกัน คุณภาพการปฏิบัติการแพทย์และการอํานวยการ ก ข ง ง จ จ 12 . การจัดทําข้อมูลทรัพยากรสนับสนุนการปฏิบัติงานใน เขตพื้นที่ (Surge capacity) ก ข ง ง จ จ