Fri Jul 07 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

ประกาสธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 2/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 3)


ประกาสธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 2/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 3)

ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกช. 2/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียน การประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกากับ (ฉบับที่ 3) 1 . เหตุผลในการออกประกาศ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการ การชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 ซึ่งแก้ไขเ พิ่มเติมโดยประกาศธนาคาร แห่งประเทศไทย ที่ สนช. 17/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและ การขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 7 กันยายน 2561 เพื่อประโยชน์ในการกากับดูแลบริการการชาระเงินให้มีความมั่นคงปลอดภัย น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ นั้น เพื่อส่งเสริมให้การประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับมีการดาเนินงานที่โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและหลักธรรมาภิบาลที่ดี คำนึงถึงผู้มี ส่วนได้เสียและความเสี่ยง อย่างรอบด้านอันจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเห็นควร กาหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ กรรมการ และผู้ซึ่ง มีอำนาจจัดการของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติม 2 . อำนาจตามกฎหมาย อาศัยอานาจตามความในมาตรา 17 และมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติระบบการชาระเงิน พ.ศ. 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอ ขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ ตามความในประกาศฉบับนี้ 3 . ประกาศที่แก้ไข ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 17/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการ การชำระเงินภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 7 กันยายน 2561 4 . ขอบเขตการบังคับใช้ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ และผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน ้ หนา 30 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

5 . เนื้อหา 5.1 ให้เพิ่มคำนิยาม “ ธุรกิจทางการเงิน ” ระหว่างคำว่า “ ผู้ซึ่งมีอำนาจจัดการ ” และ “ ธปท. ” ในข้อ 4.1 ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 ““ ธุรกิจทางการเงิน ” หมายความว่า ( 1 ) ธุรกิจสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ( 2 ) ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกากับ ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกากับ ธุรกิจระบบ หรือเครือข่ายอิเล็ กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล ซึ่งเป็นกิจการที่ต้องขออนุญาต ตามกฎหมาย ( 3 ) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ ( 4 ) ธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ( 5 ) ธุรกิจประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยประกันชีวิต และธุรกิจประกันวินาศภัยตามกฎหมาย ว่าด้วยประกันวินาศภัย ( 6 ) ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน และธุรกิจให้บริการ ระบบคราวด์ฟันดิง ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( 7 ) ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ( 8 ) ธุรกิจทรัสตีตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน ( 9 ) ธุรกิจการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ( 10 ) ธุรกิจอื่นที่ ธปท. ประกาศกำหนด ” 5.2 ให้ยกเลิกความใน (1.4) (1.5) (1.6) ของข้อ 4.2.1 ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียน การประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 17/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 7 กันยายน 2561 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “(1.4) ไม่อยู่ระหว่างถูกสั่งระงับการดำเนินงานทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเป็นการชั่วคราว หรือไม่เคยถูกเพิกถอนการอนุญาตหรือการขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจระบบ การชาระเงินภายใต้การกากับ หรือธุรกิจบริการการชาระเงิน ภายใต้การกากับ ตามกฎหมายว่าด้วย ระบบการชำระเงิน ้ หนา 31 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

( 1.5 ) ไม่เคยต้องคาพิพากษาหรือคาสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินหรือไม่เคยต้อง คำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือไม่เคยเป็นบุคคลที่ถูกกาห นดให้เป็นผู้ที่มีการกระทาอันเป็นการก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธ ที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง หรือไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทาความผิดฐานสนับสนุนทางการเงิน แก่การก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและ ปรา บปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ( 1.5/1 ) ไม่เคยเป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจระบบการชำระเงิน ภายใต้การกากับ หรือธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือขึ้นทะเบียน ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ( 1.5/1.1 ) มีการกระทำอันไม่เป็นธรรมหรือเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ( 1.5/1.2 ) มีการกระทำที่แสดงถึงการหลีกเลี่ยงหรือสนับสนุนการหลีกเลี่ยง การขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจระบบการชาระเงินภายใต้ การกำกับ หรือธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ หรือ ( 1.5/1.3 ) มีการกระทำหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการกระทำอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือส่งผลกระทบต่อระบบการชำระเงินโดยรวม ( 1.6 ) มีกร รมการหรือผู้ซึ่งมีอำนาจจัดการซึ่งมีลักษณะ ดังนี้ ( 1.6.1 ) มีอายุไม่ต่ากว่า 20 ปีบริบูรณ์ ( 1.6.2 ) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 18 ประกอบกับ มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ( 1.6.3 ) ไม่เคยเป็นกรรมการ หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของ ผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินในขณะที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจหรือเพิกถอนการจดทะเบียน ประกอบธุรกิจ โดยผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบในการถูกเพิกถอนการอนุญาต หรือถูกเพิกถอน การจดทะเบียน ( 1.6.4 ) ไม่เ คยได้รับโทษจำคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับ การประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน ( 1.6.5 ) ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทาความผิดฐานฟอกเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน หรือไม่เคยเป็นบุคคลที่ถูกกาหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทาอันเป็นการก่อการร้าย หรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง หรือไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงที่ สุดว่ากระทาความผิด ฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง ตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธ ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ้ หนา 32 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

( 1.6.6 ) ไม่เคยถูกถอดถอนจากการเป็ นกรรมการหรือผู้มีอานาจในการจัดการของ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน หรือไม่เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ หรือผู้มีอานาจในการจัดการของบริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการหรือผู้ มีอานาจในการจัดการของบริษัทประกันชีวิตตามกฎหมาย ว่าด้วยประกันชีวิต หรือบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย เว้นแต่การถอดถอนนั้น ไม่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตหรือทุจริตต่อหน้าที่ ( 1.6.7 ) ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ( 1.6.8 ) ไม่เคยถูก ธปท. สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือหน่วยงานของรัฐทั้งในและ ต่างประเทศ กล่าวโทษ ร้องทุกข์ หรือกำลังถูกดาเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกง หรือทุจริต เว้นแต่ปรากฏว่า คดีถึงที่สุดโดยไม่มีความผิด ( 1.6.9 ) ไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทาหรือเคยกระทาการอันเป็นการหรือก่อให้เกิด การฉ้อโกง หรือฉ้อโกงประชาชน หรือเป็นการปฏิบัติต่อผู้บริโภคโดยไม่สุจริตหรือไม่เป็นธรรม ( 1.6.10 ) ไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทาหรือเคยกระทาการอันเป็นการหรือก่อให้เกิด การเลือกปฏิบัติหรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใด อันอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ ทับซ้อน ( Conflict of Interest ) หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีพฤติกรรม ที่แสดงถึงการกระทำอันส่อไปในทางไม่สุจริต สำหรับนิติบุคคลตามข้อ (1.1.1) ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือ ผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ของ ธปท. หรือนิติบุคคลตามข้อ (1.1.2) - (1.1.5) ซึ่งมีกฎหมายกาหนดเกี่ยวกับลักษณะต้องห้าม หรือคุณสมบัติของกรรมการหรือผู้ซึ่งมีอานาจจัดการของบุคคลดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ให้ได้รับ ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณ ฑ์ข้อ (1.6.3) (1.6.4) และข้อ (1.6.6) - (1.6.10)” 5.3 ให้ยกเลิกความใน (2) ของข้อ 4.2.1 ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียน การประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 และให้ใช้ ข้อความต่อไปนี้แทน “(2) ให้ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับยื่นแบบการขออนุญาต พร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ (เอกสารแนบ 1) ต่อ ธปท. และแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ ผู้ถือหุ้นของตนที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 10 ของจานวนหุ้นที่จาหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยให้นับรวมหุ้น ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวต่อ ธปท. ตามแบบที่กำหนดในคู่มือสำหรับประชาชน ้ หนา 33 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

สำหรับนิติบุคคลตามข้อ (1.1.1) ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือผู้ประกอบธุรกิจ ที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ซึ่งอยู่ภายใต้การกากับดูแลของ ธปท. และนิติบุคคลตามข้อ (1.1.2) ที่มิได้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ซึ่งมีกฎหมายกำหนดเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามหรือคุณสมบัติของผู้ถือหุ้นของบุคคลดังกล่าวไว้เป็น การเฉพาะแล้ว และนิติบุคคลตามข้อ (1.1.3) - (1.1.5) รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของ ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถื อหุ้นตามวรรคหนึ่ง ผู้ที่เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับอีกบุคคลหนึ่งในลักษณะ ดังต่อไปนี้ ( 1 ) เป็นคู่สมรส ( 2 ) เป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือ ( 3 ) เป็นตัวการ ตัวแทน ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับมากกว่า 1 ประเภทธุรกิจ สามารถยื่นแบบการขออนุญาต พร้อมเอกสารหลักฐานตามที่กำหนดในคราวเดียวกันได้ ” 5.4 ให้ยกเลิกความใน (1.3) (1.4) (1.5) ของข้อ 4.2.2 ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียน การประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 17/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 7 กันยายน 2561 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน “(1.3) ไม่อยู่ระหว่างถูกสั่งระงับการดาเนินกิจการทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเป็นการชั่วคราว หรือไ ม่เคยถูกเพิกถอนการอนุญาตหรือการขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจระบบ การชาระเงินภายใต้การกากับ หรือธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ตามกฎหมายว่าด้วย ระบบการชำระเงิน (1.4) ไม่เคยต้องคาพิพากษาหรือคาสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่น ดิน หรือไม่เคย ต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทาความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน หรือไม่เคยเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายหรือ การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง หรือไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทาความผิด ฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง ตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธ ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ้ หนา 34 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

( 1.4 / 1 ) ไม่เคยเป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจระบบการชาระเงินภายใต้ การกากับ หรือธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนตามที่ กฎหมายกำหนด ซึ่งมีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ( 1.4/1.1 ) มีการกระทำอันไม่เป็นธรรมหรือเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ( 1.4/1.2 ) มีการกระทาที่แสดงถึงการหลีกเลี่ยงหรือสนับสนุนการหลีกเลี่ยง การขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจระบบการชาระเงินภายใต้ การกำกับ หรือธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้กำรกำกับ หรือ ( 1.4/1.3 ) มีการกระทาหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการ กระทำอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือส่งผลกระทบต่อระบบการชำระเงินโดยรวม ( 1.5 ) มีกรรมการหรือผู้ซึ่งมีอำนาจจัดการซึ่งมีลักษณะ ดังนี้ ( 1.5.1 ) มีอายุไม่ต่ากว่า 20 ปีบริบูรณ์ ( 1.5.2 ) มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 18 ประกอบกับมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ( 1.5.3 ) ไม่เคยเป็นกรรมการ หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้มีอานาจในการจัดการของ ผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินในขณะที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจหรือเพิกถอนการจดทะเบียน ประกอบธุรกิจ โดยผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบในการถูกเพิกถอนการอนุญาตหรือถูกเพิกถอน การจดทะเบียน ( 1.5.4 ) ไม่เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุกในความผิดเกี่ยวกับ การประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน ( 1.5.5 ) ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคาสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือต้องไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากร ะทาความผิดฐานฟอกเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน หรือไม่เคยเป็นบุคคลที่ถูกกาหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทาอันเป็นการก่อการร้าย หรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง หรือไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทาความผิด ฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง ตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธ ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ( 1.5.6 ) ไม่เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการหรือผู้มีอานำจในการจัดการของ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน หรือไม่เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการ หรือผู้มีอานาจในการจัดการของบริษัทหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่เคยถูกถอดถอนจากการเป็นกรรมการหรือผู้มีอานาจในการจัดการข องบริษัทประกันชีวิตตามกฎหมาย ว่าด้วยประกันชีวิต หรือบริษัทประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย เว้นแต่การถอดถอนนั้น ไม่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตหรือทุจริตต่อหน้าที่ ้ หนา 35 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

( 1.5.7 ) ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ องค์การ หรือหน่วยงาน ของรัฐ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ( 1.5.8 ) ไม่เคยถูก ธปท. สานักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือหน่วยงานของรัฐทั้งในและ ต่างประเทศ กล่าวโทษ ร้องทุกข์ หรือกาลังถูกดาเนินคดี ในความผิดฐานฉ้อโกง หรือทุจริต เว้นแต่ ปรากฏว่าคดีถึงที่สุดโดยไม่มีความผิด ( 1.5.9 ) ไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทาหรือเคยกระทำการอันเป็นการหรือก่อให้เกิด การฉ้อโกง หรือฉ้อโกงประชาชน หรือเป็นการปฏิบัติต่อผู้บริโภคโดยไม่สุจริตหรือไม่เป็นธรรม ( 1.5.10 ) ไม่ มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทาหรือเคยกระทำการอันเป็นการหรือก่อให้เกิด การเลือกปฏิบัติหรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใด อันอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ( Conflict of Interest ) หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีพฤติกรรม ที่แสดงถึงการกระทำอันส่อไปในทางไม่สุจริต สาหรับนิติบุคคลตามข้อ (1.1.1) ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือผู้ประกอบ ธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. หรือนิติบุคคลตามข้อ (1.1.2) - (1.1.5) ซึ่งมีกฎหมายกาหนดเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามหรือคุณสมบัติ ของกรรมการหรือผู้ซึ่งมีอำนาจจัดการของบุคคลดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์ข้อ (1.5.3) (1.5.4) และข้อ (1.5.6) - (1.5.10)” 5.5 ให้ยกเลิกความใน (2) ของข้อ 4.2.2 ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนช. 5/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการขอขึ้นทะเบียน การประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับ ลงวันที่ 16 เมษายน 2561 และให้ใช้ ข้อความต่อไปนี้ แทน “(2) ให้ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินภายใต้การกากับยื่นแบบการขอขึ้นทะเบียน พร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ (เอกสารแนบ 2) ต่อ ธปท. และแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ ผู้ถือหุ้นของตนที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยให้นับรวมหุ้นของ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวต่อ ธปท. ตามแบบที่กำหนดในคู่มือสำหรับประชาชน สำหรับนิติบุคคลตามข้อ (1.1.1) ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือผู้ประกอบธุรกิจ ที่มิใช่สถาบันการเงินตำมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ซึ่งอยู่ภายใต้การกากับดูแลของ ธปท. และนิติบุคคลตามข้อ (1.1.2) ที่มิได้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ซึ่งมีกฎหมายกำหนดเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามหรือคุณสมบัติของผู้ถือหุ้นของบุคคลดังกล่าวไว้เป็น การเฉพาะแล้ว และนิติบุคคลตามข้อ (1.1.3) - (1.1.5) รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของ ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้ นตามวรรคหนึ่ง ้ หนา 36 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566

ผู้ที่เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับอีกบุคคลหนึ่งในลักษณะ ดังต่อไปนี้ ( 1 ) เป็นคู่สมรส ( 2 ) เป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือ ( 3 ) เป็นตัวการ ตัวแทน ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจบริ การการชำระเงินภายใต้การกำกับมากกว่า 1 ประเภทธุรกิจ สามารถยื่นแบบการขออนุญาต พร้อมเอกสารหลักฐานตามที่กำหนดในคราวเดียวกันได้ ” 6 . วันเริ่มต้นบังคับใช้ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 2 9 มิถุนายน พ.ศ. 256 6 เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ้ หนา 37 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 163 ง ราชกิจจานุเบกษา 7 กรกฎาคม 2566