ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยระเบียบปฏิบัติในการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2566
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยระเบียบปฏิบัติในการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2566
ระเบียบส ํานักนํายกรัฐมนตรี ว่ําด้วยระเบียบปฏิบัติในกํารปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นกํารสมควรวํางระเบียบปฏิบัติในกํารปรับเป็นพินัย รวมทั้งระยะเวลําในกํารดําเนินกําร ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในกํารดําเนินกํารตํามพระรําชบัญญัติว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภําพ อําศัยอํานําจตํามควํามในมําตรํา 8 วรรคสอง แห่งพระรําชบัญญัติว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 นํายกรัฐมนตรีโดยควํามเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวํางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่ํา “ ระเบียบสํานักนํายกรัฐมนตรีว่ําด้วยระเบียบปฏิบัติในกํารปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนํายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ข้อ 3 ในระเบียบนี้ “ ข้ํารําชกํารและพนักงํานของหน่วยงํานของรัฐ ” หมํายควํามว่ํา บุคคลซึ่งกฎหมํายที่ก ําหนดควํามผิด ทํางพินัยบัญญัติให้มีอ ํานําจในกํารดําเนินกํารตํามกฎหมํายนั้น ทั้งนี้ บรรดําที่ไม่ได้เป็นเจ้ําหน้ําที่ของรัฐ “ เจ้ําหน้ําที่ของรัฐ ” หมํายควํามว่ํา พนักงํานเจ้ําหน้ําที่ เจ้ําพนักงําน นํายทะเบียน คณะบุคคล และเจ้ําหน้ําที่ของรัฐที่เรียกชื่ออย่ํางอื่น บรรดําที่กฎหมํายบัญญัติให้มีอํานําจปรับเป็นพินัยหรือที่รัฐมนตรี ประกําศก ําหนดให้เป็นผู้มีอ ํานําจปรับเป็นพินัยตํามมําตรํา 14 “ หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐ ” หมํายควํามว่ํา (1) ปลัดสํานักนํายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หรือปลัดทบวง ในกรณีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐ สังกัดส ํานักงํานปลัดส ํานักนํายกรัฐมนตรี ส ํานักงํานปลัดกระทรวง หรือส ํานักงํานปลัดทบวง แล้วแต่กรณี (2) อธิบดีหรือหัวหน้ําส่วนรําชกํารที่เรียกชื่ออย่ํางอื่นซึ่งมีฐํานะเทียบเท่ํากรม ในกรณีที่ เจ้ําหน้ําที่ของรัฐสังกัดกรม หรือส่วนรําชกํารที่เรียกชื่ออย่ํางอื่นซึ่งมีฐํานะเทียบเท่ํากรม แล้วแต่กรณี (3) ผู้ว่ํารําชกํารจังหวัด ในกรณีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐสังกัดรําชกํารส่วนภูมิภําคในจังหวัด (4) ผู้บริหํารสูงสุดของรัฐวิสําหกิจ ในกรณีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐสังกัดรัฐวิสําหกิจ (5) ผู้บริหํารสูงสุดของหน่วยงํานอื่นของรัฐ ในกรณีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐสังกัดหน่วยงํานอื่นของรัฐ (6) นํายกองค์กํารบริหํารส่วนจังหวัด นํายกเทศมนตรี ผู้ว่ํารําชกํารกรุงเทพมหํานคร นํายกเมืองพัทยํา หรือนํายกองค์กํารบริหํารส่วนตําบล ในกรณีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐสังกัดองค์กํารบริ หําร ส่วนจังหวัด เทศบําล กรุงเทพมหํานคร เมืองพัทยํา หรือองค์กํารบริหํารส่วนตําบล แล้วแต่กรณี (7) นํายกสภําวิชําชีพ ในกรณีที่พนักงํานหรือลูกจ้ํางของสภําวิชําชีพมีอ ํานําจปรับเป็นพินัย (8) ผู้บริหํารสูงสุดของหน่วยงํานของรัฐซึ่งเป็นฝ่ํายเลขํานุกํารของคณะกรรมกํารหรือคณะบุคคล ที่ เรียกชื่ออย่ํางอื่นตํามที่กฎหมํายบัญญัติให้มีอ ํานําจปรับเป็นพินัย ้ หนา 1 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 146 ง ราชกิจจานุเบกษา 21 มิถุนายน 2566
“ คณะกรรมกําร ” หมํายควํามว่ํา คณะกรรมกํารว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัยที่นํายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ตํามมําตรํา 38 ข้อ 4 หน่วยงํานของรัฐต้องจัดให้มีช่องทํางติดต่อสื่อสํารโดยวิธีกํารทํางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออ ํานวยควํามสะดวกให้แก่ผู้ถูกกล่ําวหําหรือบุคคลอื่นใด ผู้ถูกกล่ําวหําหรือบุคคลอื่นใดมีสิทธิยื่นคําร้อง คํารับสํารภําพ คําชี้แจง คําแก้ข้อกล่ําวหํา กํารปฏิเสธข้อกล่ําวหํา กํารแจ้ง ยื่น หรือส่งหนังสือหรือเอกสํารอื่นใดต่อหน่วยงํานของรัฐโดยวิธีกําร ทํางอิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ ในกํารติดต่อสื่อสํารที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐเป็นผู้ดําเนินกํารติดต่อผู้ถูกกล่ําวหําหรือบุคคลอื่นใด ให้ดําเนินกํารโดยวิธีกํารทํางอิเล็กทรอนิกส์ได้เมื่อผู้ถูกกล่ําวหําหรือบุคคลอื่นนั้นยินยอมหรือร้องขอ ข้อ 5 ในกํารดําเนินกํารปรับเป็นพินัย หํากผู้ถูกกล่ําวหําผู้ใดไม่อําจกระท ํากํารอย่ํางหนึ่งอย่ํางใด ภํายในระยะเวลําที่กําหนดไว้ในกฎหมําย กฎ หรือคําสั่งได้เพรําะมีพฤติกํารณ์ที่จําเป็นอันมิได้เกิดขึ้นจําก ควํามผิดของผู้นั้น ถ้ําผู้นั้นมีคําขอหรือเจ้ําหน้ําที่ของรัฐเห็นสมควร เจ้ําหน้ําที่ของรัฐอําจขยํายระยะเวลํา และดําเนิ นกํารส่วนหนึ่งส่วนใดที่ล่วงมําแล้วเสียใหม่ก็ได้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีกํารยื่นคําขอ ต้องยื่นคําขอ ภํายในสิบห้ําวันนับแต่พฤติกํารณ์เช่นว่ํานั้นได้สิ้นสุดลง ข้อ 6 ในกํารวํางระเบียบเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์กํารกําหนดค่ําปรับเป็นพินัยของรัฐมนตรี ตํามมําตรํา 9 วรรคสําม อย่ํางน้อยต้ องก ําหนดให้มีผล ดังต่อไปนี้ (1) ในกํารพิจํารณําก ําหนดค่ําปรับเป็นพินัย เจ้ําหน้ําที่ของรัฐต้องค ํานึงถึงข้อเท็จจริง ตํามมําตรํา 9 (1) เพื่อกําหนดจํานวนค่ําปรับเป็นพินัยในเบื้องต้น จํากนั้นจึงพิจํารณําข้อเท็จจริง ตํามมําตรํา 9 (2) ถึง (4) ประกอบ เพื่อใช้เป็นเหตุในกํารลดหรือเพิ่มจ ํานวนค่ําปรับเป็นพินัย ที่ได้ก ําหนดไว้ในเบื้องต้น (2) ในกรณีที่ผู้กระทําควํามผิดทํางพินัยได้รับผลประโยชน์จํากกํารกระทําควํามผิดทํางพินัย จํานวนค่ําปรับเป็นพินัยต้องไม่ต่ํากว่ําผลประโยชน์ที่ได้รับ แต่ต้องไม่เกินอัตรําขั้นสูงที่กฎหมํายซึ่ง บัญญัติ ควํามผิดทํางพินัยก ําหนดไว้ (3) ในกรณีที่ผู้กระทําควํามผิดทํางพินัยมีฐํานะยํากจนและกระทําควํามผิดด้วยควํามจําเป็น เพื่อยังชีพของตนและครอบครัว ให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐกําหนดค่ําปรับเป็นพินัยในอัตรําต่ําที่สุดเท่ําที่จะท ําได้ แต่ต้องไม่ต่ํากว่ําห้ําสิบบําทหรือไม่น้อยกว่ําอัต รําขั้นต่ําที่กฎหมํายก ําหนดไว้ แล้วแต่กรณี โดยมิให้นําควํามใน (2) มําใช้บังคับ ข้อ 7 ในกํารพิจํารณําให้ผู้กระท ําควํามผิดทํางพินัยผ่อนชําระตํามมําตรํา 9 วรรคสอง ให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐพิจํารณําฐํานะกํารเงิน รํายได้ รํายจ่ําย และภําระหนี้สิน เว้นแต่ผู้กระทําควํามผิด ทํางพินัยมีพฤติกํารณ์หลีกเลี่ยงไม่ช ําระค่ําปรับเป็นพินัย ้ หนา 2 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 146 ง ราชกิจจานุเบกษา 21 มิถุนายน 2566
กํารกําหนดจํานวนเงินและระยะเวลําในกํารผ่อนชําระ ให้พิจํารณําจํากจํานวนค่ําปรับเป็นพินัย ประกอบกับฐํานะกํารเงิน รํายได้ รํายจ่ําย และภําระหนี้สิน เพื่อไม่ให้กระทบต่อกํารดํารงชีวิตของ ผู้กระท ําควํามผิดทํางพินัยและครอบค รัว ทั้งนี้ กํารผ่อนชําระต้องเสร็จสิ้นก่อนขําดอํายุควํามตํามมําตรํา 11 ไม่น้อยกว่ําหกสิบวัน ข้อ 8 ในกรณีที่รัฐมนตรีผู้รักษํากํารตํามกฎหมํายซึ่งบัญญัติควํามผิดทํางพินัยไม่ได้ออกระเบียบ ตํามข้อ 6 ให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐพิจํารณําก ําหนดค่ําปรับเป็นพินัยตํามแนวทํางตํามข้อ 6 ข้อ 9 ในกํารรํายงํานกํารสั่งปรับเป็นพินัยให้หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐทรําบตํามมําตรํา 13 เจ้ําหน้ําที่ของรัฐอําจจัดทํารํายงํานเป็นรํายเดือน รํายไตรมําส หรือรํายปี ตํามที่หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐ ก ําหนด โดยให้คํานึงถึงปริมําณคดีควํามผิดทํางพินัย กํารจัดทําสรุปผลกํารปรับเป็นพินัยเพื่อเปิดเผยผ่ํานระบบเทคโนโลยีสํารสนเทศตํามมําตรํา 13 อย่ํางน้อยต้องระบุข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) จ ํานวนคดีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐยุติกํารพิจํารณําก ําหนดค่ําปรับเป็นพินัย (2) จ ํานวนคดีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐมีค ําสั่งปรับเป็นพินัย (3) จ ํานวนคดี ที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐส่งส ํานวนให้พนักงํานอัยกํารตํามมําตรํา 23 (4) จ ํานวนคดีที่พนักงํานอัยกํารหรือเจ้ําหน้ําที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศําล (5) จํานวนคดีที่ศําลมีคําพิพํากษําว่ําผู้ถูกกล่ําวหํากระทําควํามผิดทํางพินัย และจํานวนคดี ที่ศําลสั่งยกฟ้องหรือไม่รับไว้พิจํารณํา (6) จํานวนเงินค่ําปรับเป็นพินัยทั้งหมดที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐหรือศําลมีคําสั่งปรับเป็นพินัยและ จ ํานวนเงินค่ําปรับเป็นพินัยทั้งหมดที่ได้รับกํารช ําระ (7) จํานวนคดีที่ศําลมีคําสั่งตํามมําตรํา 10 โดยแยกคําสั่งตํามมําตรํา 10 วรรคหนึ่งและ วรรคสอง (8) ข้อมูลอื่นตํามที่คณะกรรมกํารก ําหนด ข้อมูลตํามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้แยกตํามประเภทฐํานควํามผิด กํารจัดทําข้อมูลตํามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ทําโดยวิธีกํารทํางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสํามํารถ ประมวลผลได้ ข้อ 10 ในกรณีที่กฎหมํายซึ่งบัญญัติควํามผิดทํางพินัยมิได้บัญญัติให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐตําแหน่งใด มีอ ํานําจปรับเป็นพินั ย ให้รัฐมนตรีผู้รักษํากํารตํามกฎหมํายนั้นประกําศก ําหนดบัญชีรํายชื่อตําแหน่งข้ํารําชกําร และพนักงํานของหน่วยงํานของรัฐที่มีตําแหน่งไม่ต่ํากว่ําระดับชํานําญกํารขึ้นไปหรือเทียบเท่ําเป็นผู้มีอํานําจ ปรับเป็นพินัย โดยในกรณีที่กฎหมํายกําหนดอัตรําค่ําปรับเป็นพินัยสูงสุดไว้ไม่เกินหนึ่งหมื่นบําท รัฐมนตรี จะก ําหนดให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐดังกล่ําวคนเดียวเป็นผู้มีอ ํานําจพิจํารณํากํารปรับเป็นพินัยก็ได้ กํารพิจํารณําปรับเป็นพินัยที่ต้องท ําเป็นองค์คณะ ให้องค์คณะประกอบด้วยหัวหน้ําองค์คณะหนึ่งค น และองค์คณะอีกไม่น้อยกว่ําสองคน ้ หนา 3 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 146 ง ราชกิจจานุเบกษา 21 มิถุนายน 2566
เมื่อรัฐมนตรีกําหนดให้กํารพิจํารณําปรับเป็นพินัยในเรื่องใดอยู่ในอํานําจของผู้มีอํานําจปรับเป็น พินัยเพียงคนเดียว ให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐที่พบเห็นกํารกระทําควํามผิด หรือเจ้ําหน้ําที่ของรัฐที่หัวหน้ําหน่วยงําน ของรัฐก ําหนดจํากบัญชีรํายชื่อตํามวรร คหนึ่งเป็นผู้มีอ ํานําจปรับเป็นพินัย เมื่อกํารพิจํารณําปรับเป็นพินัยเรื่องใดต้องทําเป็นองค์คณะ ให้หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐกําหนด ผู้เป็นหัวหน้ําองค์คณะและองค์คณะจํากบัญชีรํายชื่อตํามวรรคหนึ่ง ตํามที่เห็นสมควร ในระหว่ํางกํารพิจํารณําปรับเป็นพินัย หํากมีเหตุที่ทําให้องค์คณะคนใดคนหนึ่งไม่อําจพิจํารณํา ปรับเป็นพินัยต่อไปได้ ให้หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐกําหนดเจ้ําหน้ําที่ของรัฐในบัญชีรํายชื่อตํามวรรคหนึ่ง เพื่อประกอบเป็นองค์คณะแทน ข้อ 11 ในกรณีที่กํารปรับเป็นพินัยกระท ําเป็นองค์คณะ ในกํารพิจํารณําเพื่อมีค ําสั่ง หัวหน้ ําองค์คณะและองค์คณะทุกคนมีหน้ําที่พิจํารณําวินิจฉัย จะงดออกเสียงมิได้ ให้หัวหน้ําองค์คณะตํามข้อ 10 วรรคสี่ ถํามองค์คณะที่เข้ําร่วมพิจํารณําทีละคน ให้ออกควํามเห็น และลงมติทุกประเด็นที่จะพิจํารณํา โดยให้หัวหน้ําออกควํามเห็นและลงมติเป็นคนสุดท้ําย กํารวินิจฉัย ให้ถือตําม ควํามเห็นของฝ่ํายข้ํางมําก ถ้ําคะแนนเสียงเท่ํากัน ให้ออกเสียงลงคะแนนใหม่โดยพลันอีกครั้งหนึ่ง ถ้ําคะแนนเสียงยังเท่ํากันอีก ให้ถือว่ําองค์คณะมีมติในทํางที่เป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่ําวหํามํากกว่ําหรือเป็นผลร้ําย แก่ผู้ถูกกล่ําวหําน้อยกว่ํา แล้วแต่กรณี องค์คณะที่ร่วมพิจํารณําผู้ใดไม่เห็นพ้องด้วยกับเสียงข้ํางมํากมีสิทธิทําควํามเห็นแย้งแนบไว้ ในส ํานวน ข้อ 12 คําสั่งปรับเป็นพินัยหรือยุติกํารปรับเป็นพินัยต้องทําเป็นหนังสือระบุวัน เดือน ปี และลงลํายมือชื่อเจ้ําหน้ําที่ของรัฐผู้มีอ ํานําจปรับเป็นพินัยหรือลํายมือชื่อขององค์ คณะทุกคน แล้วแต่กรณี ข้อ 13 หนังสือแจ้งข้อกล่ําวหําอย่ํางน้อยต้องมีสําระส ําคัญตํามแนวทํางที่ระบุไว้ท้ํายระเบียบนี้ ค ําสั่งปรับเป็นพินัยตํามมําตรํา 20 อย่ํางน้อยต้องมีรํายละเอียดตํามที่ก ําหนดไว้ในมําตรํา 21 (1) ถึง (5) และจะมีรํายละเอียดตํามแนวทํางที่ระบุไว้ท้ํายระเบียบนี้ด้วยก็ได้ ข้อ 14 เพื่อประโยชน์ในกํารกําหนดค่ําปรับเป็นพินัยให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตํามมําตรํา 9 และกํารจัดท ํารํายงํานตํามมําตรํา 13 ให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐเก็บรักษําข้อมูลเกี่ยวกับกํารดําเนินกําร ปรับเป็นพินัยไว้เป็นหลั กฐําน แต่จะนําข้อมูลดังกล่ําวไปใช้ในทํางที่เป็นโทษแก่ผู้กระทําควํามผิดทํางพินัย ในเรื่องอื่นที่มิใช่กํารพิจํารณํากําหนดค่ําปรับเป็นพินัยหรือกํารจัดทํารํายงํานดังกล่ําวมิได้ เว้นแต่จะมี กฎหมํายบัญญัติไว้เป็นอย่ํางอื่น กํารเก็บรักษําข้อมูลตํามวรรคหนึ่ง ให้จัดเก็บโดยวิธีกํารทํางอิ เล็กทรอนิกส์ ข้อ 15 ในกรณีที่ศําลกําหนดวิธีพิจํารณําคดีควํามผิดทํางพินัยโดยวิธีกํารทํางอิเล็กทรอนิกส์ กํารจัดทําสํานวนตํามมําตรํา 23 ให้จัดทําโดยวิธีกํารทํางอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับวิธีพิจํารณําคดี ที่ศําลก ําหนดดังกล่ําว ้ หนา 4 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 146 ง ราชกิจจานุเบกษา 21 มิถุนายน 2566
ข้อ 16 หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐอําจก ําหนดระเบียบปฏิบัติเพิ่มเติมจํากที่ก ําหนดไว้ในระเบียบนี้ก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งต่อกฎหมํายและระเบียบนี้ โดยให้คํานึงถึงควํามสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และไม่เป็น ภําระแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องจนเกินสมควร ข้อ 17 ในวําระเริ่มแรกไม่เกินห้ําปี นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ หํากมีกรณีที่ไม่อําจปฏิบัติ ตํามระเบียบนี้ได้หรือกํารปฏิบัติตํามระเบียบนี้ก่อให้เกิดภําระแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องจนเกินสมควร หัวหน้ําหน่วยงําน ของรัฐอําจขออนุมัติคณะกรรมกําร เพื่อด ําเนินกํารแตกต่ํางจํากระเบียบนี้ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดก็ได้ และให้คณะกรรมกํารมีอํานําจอนุมัติให้ดําเนินกํารแตกต่ํางจํากระเบียบนี้ได้ตํามที่จําเป็น โดยคํานึงถึง ควํามสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และกํารอ ํานวยควํามสะดวกแก่ประชําชนเป็นส ําคัญ ประกําศ ณ วันที่ 2 0 มิถุนํายน พ.ศ. 256 6 พลเอก ปร ะยุทธ์ จันทร์โอชํา นํายกรัฐมนตรี ้ หนา 5 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 146 ง ราชกิจจานุเบกษา 21 มิถุนายน 2566
แนวทางการทําหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา หนังสือแจ้งข้อกล่าวหาการกระทําความผิดทางพินัย เลขที่ …/… … ( ชื่อหน่วยงานของรัฐ ) … สถานที่ออกหนังสือ วันที่ออกหนังสือ ชื่อผู้ถูกกล่าวหา ที่อยู่ ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทําอันเป็นความผิดทางพินัย 1 . การกระทําที่กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําความผิด รวมทั้งวัน เวลา และสถานที่ที่กระทํา ความผิด 2 . พยานหลักฐานเชิงประจักษ์ประกอบข้อกล่าวหา ( ถ้ามี ) ข้อกฎหมาย ( ข้อกล่าวหา โดยระบุมาตราที่บัญญัติความผิดทางพินัย พร้อมทั้งอัตราค่าปรับเป็นพินัย ที่กฎหมายบัญญัติ ) ช่องทางการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ( ให้ระบุสถานที่ในการจัดส่งหรือช่องทางติดต่อสื่อสารทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ) สิทธิในการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ท่านมีสิทธิที่จะชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ก็ได้ หากท่านไม่ชี้แจงภายในระยะเวลา … วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพิจารณาเพื่อมีคําสั่งปรับเป็นพินัยต่อไป ลงชื่อ … เจ้าหน้าที่ของรัฐ
2 หนังสือแจ้งข้อกล่าวหาการกระทําความผิดทางพินัย เลขที่ …/… … ( ชื่อหน่วยงานของรัฐ ) … สถานที่ออกหนังสือ วันที่ออกหนังสือ ชื่อผู้ถูกกล่าวหา ที่อยู่ ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทําอันเป็นความผิดทางพินัย 1 . การกระทําที่กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําความผิด รวมทั้งวัน เวลา และสถานที่ที่กระทํา ความผิด 2 . พยานหลักฐานเชิงประจักษ์ประกอบข้อกล่าวหา ( ถ้ามี ) ข้อกฎหมาย ( ข้อกล่าวหา โดยระบุมาตราที่บัญญัติความผิดทางพินัย พร้อมทั้งอัตราค่าปรับเป็นพินัย ที่กฎหมายบัญญัติ ) ช่องทางการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ( ให้ระบุสถานที่ในการจัดส่งหรือช่องทางติดต่อสื่อสารทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ) สิทธิในการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ท่านมีสิทธิที่จะชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ก็ได้ หากท่านไม่ชี้แจงภายในระยะเวลา … วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพิจารณาเพื่อมีคําสั่งปรับเป็นพินัยต่อไป ลงชื่อ … หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ / ผู้ซึ่งหัวหน้าหน่วยงานของรัฐมอบหมาย
แนวทางการทําคําสั่งปรับเป็นพินัย คําสั่ง …( ชื่อหน่วยงานของรัฐ )… เลขที่ … /… เรื่อง คําสั่งปรับเป็นพินัย สถานที่ออกคําสั่ง วันที่ออกคําสั่ง ชื่อผู้ถูกกล่าวหา ที่อยู่ 1 . ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทําอันเป็นความผิดทางพินัย ( มาตรา 21 ( 1 )) 1 . 1 การกระทําที่กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําความผิด รวมทั้งวัน เวลา และสถานที่ที่กระทํา ความผิด 1 . 2 คําชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหา ( ถ้ามี ) 1 . 3 เจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณารายละเอียดของการกระทําความผิดและคําชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ของท่านแล้ว ( ถ้ามี ) เห็นว่า ท่านกระทําความผิดทางพินัยตามมาตรา … มาตรา … และมาตรา … แห่งพระราชบัญญัติ … 2 . อัตราค่าปรับเป็นพินัยตามกฎหมายและจํานวนค่าปรับเป็นพินัย ( มาตรา 21 ( 2 )) 2 . 1 อัตราค่าปรับเป็นพินัยที่กฎหมายกําหนด การกระทําความผิดของท่าน กฎหมายกําหนดอัตราค่าปรับเป็นพินัย ดังนี้ มาตรา … อัตราค่าปรับ … บาท มาตรา … อัตราค่าปรับ … บาท มาตรา … อัตราค่าปรับ … บาท ฯลฯ ฯลฯ 2 . 2 จํานวนค่าปรับเป็นพินัยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกําหนดให้ต้องชําระ เจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาแล้ว กําหนดให้ท่านต้องชําระค่าปรับเป็นพินัย ดังนี้ มาตรา … จํานวนค่าปรับ … บาท มาตรา … จํานวนค่าปรับ … บาท มาตรา … จํานวนค่าปรับ … บาท ฯลฯ ฯลฯ รวมจํานวนค่าปรับเป็นพินัยที่ท่านต้องชําระทั้งสิ้น … บาท
2 3 . ระยะเวลาที่ต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันแต่ไม่เกินสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ( มาตรา 21 ( 3 )) ต้องชําระค่าปรับเป็นพินัยภายใน … วัน นับแต่วันที่ได้รับคําสั่งนี้ 4 . กระบวนการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องดําเนินการต่อไป ถ้าผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธข้อกล่าวหา หรือไม่ชําระค่าปรับเป็นพินัยภายในระยะเวลาที่กําหนด ( มาตรา 21 ( 4 )) ในกรณีที่ท่านปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ชําระค่าปรับเป็นพินัยภายในระยะเวลาที่กําหนด เจ้าหน้าที่ของรัฐจะสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐาน เพื่อดําเนินการให้มีการฟ้อง คดีต่อศาลต่อไป ในการปฏิเสธข้อกล่าวหาสามารถส่งผ่านช่องทางตามข้อ 7 . 2 5 . สิทธิในการขอผ่อนชําระตามมาตรา 9 วรรคสอง ( มาตรา 21 ( 5 )) ในกรณีที่ท่านไม่อาจชําระค่าปรับในคราวเดียวได้ มีสิทธิร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือศาลเพื่อผ่อนชําระค่าปรับ โดยให้แจ้งเหตุผลในการขอผ่อนชําระและระบุจํานวนเงินที่ประสงค์ จะผ่อนชําระมาในคําร้องขอผ่อนชําระด้วยผ่านช่องทางตามข้อ 7 . 2 6 . สิทธิในการยื่นคําร้องขอต่อศาลตามมาตรา 10 กรณีไม่มีเงินชําระค่าปรับเป็นพินัย ( มาตรา 21 ( 5 )) ( 1 ) ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาและกระทําความผิดทางพินัยเพราะเหตุแห่งความยากจน เหลือทนทานหรือเพราะความจําเป็นอย่างแสนสาหัสในการดํารงชีวิต อาจยื่นคําร้องเพื่อให้ศาล กําหนดค่าปรับเป็นพินัยต่ํากว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือขอทํางานบริการสังคมหรือทํางาน สาธารณประโยชน์แทนค่าปรับเป็นพินัยได้ โดยให้แจ้งเหตุผลประกอบการยื่นคําร้องมาด้วย ( 2 ) ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาและไม่มีเงินชําระค่าปรับเป็นพินัย อาจยื่นคําร้องต่อศาล โดยแสดงเหตุผลอันสมควรเพื่อขอทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ เป็นพินัยได้ ( 3 ) การยื่นคําร้องตาม ( 1 ) หรือ ( 2 ) สามารถยื่นผ่านช่องทางตามข้อ 7 . 2 7 . ช่องทางการชําระค่าปรับเป็นพินัย / ปฏิเสธข้อกล่าวหา / ยื่นคําร้อง ( มาตรา 21 ( 6 )) 7 . 1 ท่านสามารถชําระค่าปรับเป็นพินัยได้ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้ ธนาคาร … เลขบัญชี … หน่วยบริการรับชําระเงินของ … เครื่องรับจ่ายเงินอัตโนมัติ (ATM) ตามบาร์โคดหรือคิวอาร์โคดที่แนบมาด้วยนี้ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ โมไบล์แบงกิง (Mobile Banking) ตามบาร์โคดหรือคิวอาร์โคดที่แนบมาด้วยนี้ อินเทอร์เน็ตแบงกิง (Internet Banking) ธนาคาร … เลขบัญชี … สถานที่หรือวิธีการอื่นใดที่สามารถเข้าถึงการทําธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ชําระ ณ จุดรับชําระค่าปรับเป็นพินัยของ …
3 7 . 2 ท่านสามารถปฏิเสธข้อกล่าวหา / ยื่นคําร้องขอผ่อนชําระ / ยื่นคําร้องขอให้กําหนดค่าปรับ เป็นพินัยต่ํากว่าที่กฎหมายบัญญัติ หรือขอทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์ แทนการชําระค่าปรับเป็นพินัย ตามช่องทางต่อไปนี้ ( 1 ) ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กําหนดตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ . ศ . 2565 … ( 2 ) ที่อยู่ของหน่วยงานของรัฐในการปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือยื่นคําร้อง หรือส่งหนังสือ หรือเอกสาร … ลงชื่อ … เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ออกคําสั่ง ( ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นองค์คณะ ให้ลงลายมือชื่อขององค์คณะทุกคน )