Fri May 19 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัย เกี่ยวกับการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2566


ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัย เกี่ยวกับการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2566

ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัย เกี่ยวกับการทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2566 ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับ อากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียม และสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 มีผลใช้ บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2565 และประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและ การอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บหลักประกันการชาระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในระหว่างการพิจารณา ทบทวนความจาเป็น ในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือ เคลือบด้วยโลหะเจือ ของอะลูมิเนียมแ ละสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคม นิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2565 เพื่อเปิดการทบทวน ความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป และเรียกเก็บหลักประกันการชาระอากร ในระหว่างการพิจารณาทบทวน จนกว่าผลการพิจารณาทบทวนจะใช้บังคับ และต่อมาคณะกรรมการ พิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้มีคาวินิจฉัยให้ยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ที่กาหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้ การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2560 และให้คืนบรรดาหลักประกัน การชาระอากรที่ได้เรียกเก็บไว้ระหว่างทบทวนโดยไม่ชักช้า ตามประกาศคณะกรรมการพิจำรณา การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากร ตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือ ของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนา ม พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ 2 ข้อ 4 และข้อ 8 ของกฎกระทรวง การแสดงข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และการหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้ การทุ่มตลาดและการอุดหนุน พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ้ หนา 31 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 116 ง ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 25 6 2 อธิ บดีกรมการค้าต่างประเทศจึงออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็น สาระสาคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้ การทุ่มตลาดต่อไปไว้ ดังเอกสารท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 256 6 รณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ้ หนา 32 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 116 ง ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

1 เอกสารท้ายประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสาคัญ ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2566 ข้อ 1 ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (คณะกรรมการ ทตอ.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการ ตามพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ. การตอบโต้ การทุ่มตลาดฯ) ได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิด จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2560 ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2564 กาหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจากการนาเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบ หรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยม เวียดนาม ในอัตราร้อยละ 6.20 - 40.49 ของราคา ซี ไอ เอฟ และให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในอัตรา ร้อยละ 0 ของราคา ซี ไอ เอฟ สาหรับกรณีนาเข้าสินค้าดังกล่าวที่มีสภาพผิวการเคลือบด้วยสารอนินทรีย์ ( Inorganic coating) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงกรณีนาเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออกภายใต้กฎหมาย ว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ข้อ 2 การเปิดทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากร ตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสี แบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2565 และได้เผยแพร่ประกาศดังกล่าวลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ ได้แก่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เพื่อให้สาธารณชนรับรู้และให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถ ดำเนินการตามที่กฎหมายและกฎระเบียบกำหนดด้วยความถูกต้องครบถ้วน ข้อ 3 การพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรมการค้าต่างประเทศได้ดาเนินการพิจารณาทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้ การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดตามพระราชบัญญัติการตอบโ ต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยมีรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณา ดังนี้ 3.1 สินค้าที่ถูกพิจารณา ได้แก่ สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียม และสังกะสีแบบจุ่มร้อน ภายใต้พิกัดศุลกากร ตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2564 และรหัสสถิติ ตามรหัสสถิติสินค้าที่แก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม ฉบับปี พ.ศ. 2565 ตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 194/2564 เรื่องแก้ไข

2 เพิ่มเติมรหัสสถิติสินค้า ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2564 จำนวน 32 รายการ ได้แก่ 7210.6111.011 7210.6111.012 7210.6111.013 7210.6111.021 7210.6111.022 7210.6111.023 7210.6111.031 7210.6111.032 7210.6111.033 7210.6111.041 7210.6111.042 7210.6111.043 7210.6111.090 7210.6191.011 7210.6191.012 7210.6191.013 7210.6191.090 7210.6192.011 7210.6192.090 7212.5023.000 7212.5024.000 7212.5029.000 7225.9990.043 7225.9990.044 7225.9990.045 7225.9990.046 7225.9990.047 7225.9990.048 7225.9990.049 7225.9990.090 7226.9919.090 และ 7226.9999.090 ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยสินค้าที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้เป็น สินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าที่ถูกพิจารณา ( Like Product) เนื่องจากมีองค์ประกอบ เช่น ลักษณะทางกายภาพ ขั้นตอนการผลิต การนำไปใช้ เหมือนกันทุกประการหรือคล้ายคลึงกันอย่างมาก 3.2 ผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวข้อง 3.2.1 ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ 1) บริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด 2) บริษัท เอ็นเอส - สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด 3) บริษัท ซิน เคอ หยวน จากัด 4) บริษัท ราชสีมาผลิตเหล็ก จากัด 3.2.2 ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 1) Hoa Sen Group 2) Nam Kim Steel Joint Stock Company 3) Hoa Phat Steel Sheet Company 4) Vnsteel Thang Long Coated Sheets Joint Stock Company 5) Maruichi Sun Steel Joint Stock Company 6) Ton Dong A Corporation 7) Dai Thien Loc Corporation 8) NS Bluescope Vietnam 9) Southern Steel Sheet Co., Ltd . 3.2. 3 ผู้นาเข้า 1) บริษัท เค อาร์ สตีล จำกัด 2) บริษัท เคที.อัลติเมท จำกัด 3) บริษัท เจ เอ็น พี เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด 4) บริษัท เจ.เจ. คอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด 5) บริษัท เมทัล บิวล์ดิง (ประเทศไทย) จำกัด 6) บริษัท เมทัล วัน (ไทยแลนด์) จำกัด 7) บริษัท เอเซีย สตีล เวิร์ค จากัด 8) บริษัท เอส.เจ.เอส. สตีล จำกัด 9) บริษัท เอส.ซี.พี. ซินดิเคท จากัด

3 10) บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด 11) บริษัท เอสวี เมทัลเวิลด์ จากัด 12) บริษัท แมกซ์ สตีล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด 13) บริษัท ไต่เฮงสตีลเทรดดิ้ง จำกัด 14) บริษัท เคจี ดองบู ไทย สตีล จำกัด 15) บริษัท ไทยเมททัล แอนด์ สตีลคอยล์ จำกัด 16) บริษัท ไทยทวีพรค้าเหล็ก จำกัด 17) บริษัท กิมไทย จำกัด 18) บริษัท คอยล์ เซ็นเตอร์ จำกัด 19) บริษัท ซันสตีล กรุ๊ป จากัด 20) บริษัท ซี.เอส.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 21) บริษัท ทิธากร สตีล จำกัด 22) บริษัท ที - วัน เม็ททอลลิค จำกัด 23) บริษัท ธีรชัยสตีล เซ็นเตอร์ จำกัด 24) บริษัท นาสป้า เอเซีย จำกัด 25) บริษัท บลูโอโซน สตีล จำกัด 26) บริษัท พรีเฟอร์ สตีล เซอร์วิส จากัด 27) บริษัท พีทีที เมทัลชีท จากัด 28) บริษัท มั่นคง สตีล จำกัด 29) บริษัท รัชดาศูนย์รวมวัสดุ จากัด 30) บริษัท วี.เอ็น.สตีล อินเตอร์เทรด จำกัด 31) บริษัท สตีล โปลีแมท จากัด 32) บริษัท สตีลแอนด์แมชชีน อิมพอร์ต จำกัด 33) บริษัท สยามเหล็กไทย อุตสาหกรรม จำกัด 34) บริษัท อะลูไทย เมทัล จากัด 35) บริษัท อัศวเม็ททอล (ไทยแลนด์) จำกัด 36) บริษัท ศูนย์บริการเหล็กสยาม จำกัด (มหาชน) 37) ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภาพย์ภูมิดี 3.2. 4 สมาคมในทางการค้าและกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 1) กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2) สมาคมหลังคาเหล็กไทย 3) สมาคมการค้าผู้ผลิตหลังคาเหล็กไทย 3.2.5 สถานเอกอัครราชทูตในฐานะรัฐบาลของประเทศแหล่งกาเนิดหรือประเทศผู้ส่งออกสินค้า ที่ถูกพิจารณา ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจาประเทศไทย

4 3.3 ชวงเวลาของข อมูลที่ใชในการพิจารณาทบทวน 3.3.1 การพิจารณาว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มีการทุ่มตลาด ต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก ใช้ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (ช่วงระยะเวลา การทบทวนการทุ่มตลาด : POR ) 3.3.2 การพิจารณาว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มีความเสียหาย ต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก ใช้ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม 256 0 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 3.4 การส่งแบบสอบถามเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงและความเห็นต่อการเปิดทบทวน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งแบบสอบถามไปยังผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ปรากฏรายชื่อตามข้อ 3.2 เพื่อให้แจ้งข้อเท็จจริงและความเห็นสาหรับใช้ประกอบการพิจารณาทบทวน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามภายในระยะเวลาที่กาหนด ดังนี้ 3.4.1 ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันภายในประเทศ จานวน 1 ราย คือ บริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด 3.4.2 ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1) Hoa Sen Group 2) Maruichi Sun Steel Joint Stock Company 3) Nam Kim Steel Joint Stock Company 3.5 ข้อมูลที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวข้อง 3.5.1 ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีความเห็นว่าควรยุติการทบทวนฯ เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปได้ว่าการยุติการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจะก่อให้เกิด ความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก โดยเห็นว่าจากข้อมูลในช่วงระยะเวลาพิจารณาทบทวนฯ ไม่ปรากฏ ความเสียหายจากการนาเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และไม่ปรากฏว่าการนาเข้า สินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามส่งผลกระทบต่อการประกอบการของอุตสาหกรรมภายใน สรุปได้ ดังนี้ (1) ปริมาณการนาเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามลดลง โดยมีแนวโน้มลดลงจนถึงปัจจุบัน (ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565) (2) ตามข้อมูลจากช่วงระยะเวลาที่นามาใช้พิจารณาการทุ่มตลาด (วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564) ปรากฏว่าราคาขายสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น มาก และตามข้อมูลจากช่วงระยะเวลาที่นามาใช้พิจารณาความเสียหาย (วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564) ไม่ปรากฏว่ามีการกดราคา ตัดราคา และหยุดยั้งการขึ้นราคาของสินค้าชนิดเดียวกันของ อุตสาหกรรมภายใน (3) ผลกระทบต่อการดำเนินงานของอุตสาหกรรมภายใน พบว่าปริมาณสินค้า มูลค่าการจำหน่าย ส่วนแบ่งตลาด และกาไร เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 และไม่ปรากฏว่าปริมาณ การนาเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามส่งผลต่อปริมาณการจาหน่ายสินค้าชนิดเดียวกัน ของอุตสาหกรรมภายใน โดยสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามให้ความสาคัญกับการส่งสินค้าดังกล่าวไปจาหน่ายใน ตลาดสหภาพยุโรปมากกว่า อีกทั้งเห็นว่าผลกระทบที่มีต่อผลประกอบการของอุตสาหกรรมภายในอาจเกิดจาก

5 การนาเข้าสินค้าจากประเทศอื่น เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีการนาสินค้าชนิดเดียวกันเข้ามาจาหน่ายใน ประเทศไทยในปริมาณมากและในราคาที่ต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรง 3.5.2 ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันในประเทศ เห็นด้วยกับการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด กับสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิด จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามต่อไป โดยเห็นว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าดังกล่าว จะทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก ข้อชี้แจง การพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในกรณีนี้เป็นไป ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้บัญญัติและกาหนดไว้สอดคล้องกับหลักการของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การ การค้าโลก (WTO Anti-Dumping Agreement: ADA) โดยคณะกรรมการ ทตอ. จะพิจารณาว่าการยุติการเรียก เก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก หรือไม่ ซึ่งในกรณีที่คณะกรรมการ ทตอ. มีคาวินิจฉัยว่าการยุติการเรียกเก็บ อากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มี การทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีกจะมีการกำหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป 3.6 การตรวจสอบความเป็นจริงของข้อกล่าวอ้างและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาทบทวน กรมการค้าต่างประเทศได้เดินทางไปตรวจสอบความเป็นจริงของข้อกล่าวอ้างและเอกสาร ที่อุตสาหกรรมภายในแจ้งตามแบบสอบถาม ณ ที่ทาการของบริษัท ระหว่างวันที่ 1 3 ถึงวันที่ 20 กันยายน 2565 โดยพบว่าข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถาม และเอกสารหลักฐานทางบัญชีที่ผ่านการรับรองแล้ว สามารถตรวจสอบได้ ตรงกับเอกสารหลักฐานต้นฉบับ จึงมีความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถยอมรับได้ 3.7 การแจ้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนเพื่อรับฟัง ข้อโต้แย้งของผู้มีส่วนได้เสีย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 กรมการค้าต่างประเทศได้ส่งรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริง ที่จะใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจาเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่คณะกรรมการ ทตอ. ได้มีมติเห็นชอบแล้ว ไปยังผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้โอกาสยื่นข้อโต้แย้งตามที่มาตรา 30 ประกอบมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติมกาหนด และจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียยื่นข้อโต้แย้ง ด้วยวาจาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีสรุปประเด็นข้อโต้แย้งและความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งทาง คณะกรรมการ ทตอ. ได้มีข้อชี้แจงดังกล่าว ดังนี้ 3.7.1 ความเป็นไปได้ที่จะมีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก (1) ข้อมูลตามเอกสารหลักฐานแสดงอย่างชัดเจนถึงแนวโน้มว่าสินค้าจากประเทศที่ถูก พิจารณาจะทาให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก ข้อชี้แจง เมื่อพิจารณาปริมาณการนาเข้าทั้งหมดจากประเทศที่ถูกพิจารณา พบว่า ผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่ให้ความร่วมมือในแบบสอบถาม มีสัดส่วนปริมาณการนาเข้าที่ค่อนข้างมาก แต่ไม่พบพฤติกรรม การทุ่มตลาดอย่างชัดเจน โดยประเทศที่ถูกพิจารณามีการเพิ่มศักยภาพการส่งออก แต่ไม่ได้เน้นส่งออกมายังประเทศ ไทยและประเทศในอาเซียนที่มีการบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าเหล็ก GL จากสาธารณรัฐสังคม นิยมเวียดนาม และพบว่าสัดส่วนการนำเข้าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและ

6 สาธารณรัฐเกาหลีซึ่งถูกไทยบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็ก GL อยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งไม่พบ ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ถูกพิจารณากับความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน จึงไม่ สามารถสรุปได้ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็ก GL จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จะทาให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก (2) ยังคงปรากฏพฤติการณ์ทุ่มตลาดของบริษัท Hoa Sen Group ซึ่งเป็นผู้ผลิต ในอุตสาหกรรมเหล็กของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ข้อชี้แจง จากการตรวจสอบความเป็นจริงของข้อมูลมูลค่าปกติและราคาส่งออกในช่วง ระยะเวลาการทบทวนที่ได้รับตามแบบสอบถามจากบริษัท Hoa Sen Group ไม่พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด (พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดที่อัตราร้อยละ – 11.74 ของราคา ซี ไอ เอฟ) (3) สนับสนุนคาวินิจฉัยตามร่างผลการทบทวนตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้ การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ของกรมการค้าต่างประเทศ และ Article 11.3 ของ ADA ที่ให้ยุติการใช้บังคับ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดฯ เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานสนับสนุนอย่างเพียงพอว่าการยุติการเรียกเก็บ อากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก และสินค้าที่ส่งมาจากผู้ส่งออกรายใหญ่ ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามสองรายในช่วงระยะเวลาการทบทวนที่นาข้อมูลมาใช้ในการพิจารณาทบทวนมี อัตราส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดติดลบหรือไม่มีนัยสำคัญ ข้อชี้แจง การพิจารณาทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ในกรณีนี้เป็นไปตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติมประกอบกับอนุบัญญัติซึ่ง บัญญัติและกาหนดไว้สอดคล้องกับหลักการของ ADA โดยคณะกรรมการ ทตอ. จะพิจารณาว่าการยุติการเรียกเก็บอากร ตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีกหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่คณะกรรมการ ทตอ. มีคาวินิจฉัยว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้น คืนมาอีกจะมีการกาหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป 3.7.2 ข้อมูลราคาส่งออกของผู้ผลิตอุตสาหกรรมเหล็กสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในปี 2564 เป็นผลมาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ข้อชี้แจง เมื่อพิจารณาราคานำเข้าสินค้าเหล็ก GL จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จากข้อมูลในช่วงหลังระยะเวลาการทบทวน พบว่าปริมาณการนาเข้าและราคานาเข้าของสินค้าเหล็ก GL จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีแนวโน้มลักษณะเดียวกับในปี 2564 โดยเปรียบเทียบราคานาเข้าในช่วงปี 2563 ถึงปี 2565 พบว่าราคานาเข้าในปี 2565 สูงขึ้นกว่าราคานาเข้าปี 2564 และ ปี 2563 และพบว่า ปริมาณการนำเข้าเหล็ก GL จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปี 2565 ลดลงจากปี 2564 ซึ่งไม่เพียงพอที่จะ สรุปได้ว่าจะเกิดสภาวะการทุ่มตลาดดังช่วงเวลาที่ผ่านมา 3.7.3 หลักการที่กรมการค้าต่างประเทศและคณะกรรมการ ทตอ. ใช้ในการพิจารณาทบทวน ตามมาตรา 57 ไม่สอดคล้องกับแนวทางการพิจารณาทบทวนสินค้าอุตสาหกรรมเหล็กที่ผ่านมา ข้อชี้แจง การพิจารณาทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ตามมาตรา 57 ทุกกรณีรวมทั้งกรณีสินค้าเหล็ก GL ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุบัญญัติ ที่เกี่ยวข้องกาหนดไว้ ซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกับหลักการของ ADA โดยคณะกรรมการ ทตอ. จะต้องพิจารณาว่า

7 การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีกหรือไม่ และในกรณีที่คณะกรรมการ ทตอ. มีคำวินิจฉัยว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มี การทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก จะกาหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป อย่างไร ก็ตาม คาวินิจฉัยของคณะกรรมการ ทตอ. ขึ้นอยู่กับข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใช้ในการพิจารณาทบทวนซึ่งอาจแตกต่างกัน ได้ในแต่ละกรณี 3.8 การวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป กรมการค้าต่างประเทศได้นาข้อมูลข้อเท็จจริง ความเห็น และข้อโต้แย้ง ที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับตามแบบสอบถามและช่องทางอื่นที่กฎหมายกาหนดซึ่งผ่านกระบวนการตรวจสอบ ความเป็นจริงของข้อกล่าวอ้างและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว มาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ภายใต้ พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ เพื่อจัดทำผลการทบทวน โดยในกรณีที่ผู้มีส่วนได้เสียปฏิเสธที่จะนำ พยานหลักฐานมาแสดง ไม่นาพยานหลักฐานมาแสดงภายในเวลาที่กาหนด หรือไม่ให้ความร่วมมือเพื่อให้ได้มา ซึ่งพยานหลักฐาน หรือขัดขวางกระบวนการพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาด การพิจารณาจะรับฟังเพียงข้อเท็จจริง เท่าที่มีอยู่หรืออาจรับฟังไปในทางที่ไม่เป็นคุณแก่ผู้นั้น ตามที่มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กาหนดไว้ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Best Information Available: BIA ตาม Article 6.8 และ Annex II (1) ของ ADA โดยได้เสนอผลการทบทวนต่อคณะกรรมการ ทตอ. เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ดังนี้ 3.8.1 การพิจารณาความเป็นไปได้ที่การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้ มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทาให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 14 มาตรา 15 และมาตรา 18 ประกอบ มาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติมกำหนด โดยคำนวณจากข้อมูลที่ได้รับ ตามแบบสอบถามที่ผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งภายในระยะเวลาที่กาหนด ทั้งนี้ มีผู้ผลิตและผู้ส่งออกให้ ความร่วมมือตอบแบบสอบถามครบถ้วนสมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่กาหนดเพียง 2 ราย ได้แก่ Hoa Sen Group และ Maruichi Sun Steel Joint Stock Company ดังนี้ (1) Hoa Sen Group 1) มูลค่าปกติ พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กาหนด โดยคำนวณจากราคาขายของสินค้าที่ถูกพิจารณาในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจากข้อมูลที่ได้รับ ตามแบบสอบถาม ซึ่งทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน โดยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 2) ราคาส่งออก พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กาหนด โดยคานวณจากราคาส่งออกของสินค้าที่ถูกพิจารณาที่ส่งมายังประเทศไทยจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถาม ซึ่งทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน โดยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 3) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กำหนด โดยเปรียบเทียบมูลค่าปกติตาม 1) กับราคาส่งออกตาม 2) ที่ขั้นตอนทางการค้าเดียวกันและในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ - 11.74 ของราคา ซี ไอ เอฟ

8 (2) Maruichi Sun Steel Joint Stock Company 1) มูลค่าปกติ พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กำหนด โดยคำนวณจากราคาขายของสินค้าที่ถูกพิจารณาในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจากข้อมูลที่ได้รับ ตามแบบสอบถาม ซึ่งทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน โดยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 2) ราคาส่งออก พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กาหนด โดยคานวณจากราคาส่งออกของสินค้าที่ถูกพิจารณาที่ส่งมายังประเทศไทยจากข้อมูลที่ได้รับตามแบบสอบถาม ซึ่งทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน โดยวิธีถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 3) ส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด พิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กาหนด โดยเปรียบเทียบมูลค่าปกติตาม 1) กับราคาส่งออกตาม 2) ที่ขั้นตอนทางการค้าเดียวกันและในช่วงเวลา เดียวกัน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ 1.40 ของราคา ซี ไอ เอฟ ( 3 ) ผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายอื่นจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กรณีผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่ไม่ให้ความร่วมมือในกระบวนการไต่สวน พิจารณา ตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ กาหนด โดยใช้ราคาปกติและราคาส่งออก ของผู้ผลิตและผู้ส่งออกที่แจ้งข้อมูลในกระบวนการไต่สวน ได้แก่ Hoa Sen Group และ Maruichi Sun Steel Joint Stock Company ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่เป็นข้อมูลในการคานวณตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 27 กาหนด ซึ่งสอดคล้องกับ Article 6.8 และ Annex II (7) ของ ADA โดยเปรียบเทียบมูลค่าปกติในสาธารณรัฐสังคมนิยม เวียดนามกับราคาส่งออกของสินค้าที่ส่งมายังประเทศไทยที่ขั้นตอนทางการค้าเดียวกันและในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราร้อยละ 66.83 ของราคา ซี ไอ เอฟ 3.8.2 การพิจารณาความเป็นไปได้ที่การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้ มีความเสียหายต่อไปหรือทำให้ความเสียหายฟื้นคืนมาอีก การพิจารณาความเป็นไปได้ดังกล่าวในกรณีนี้เป็นการพิจารณาความเสียหายอย่าง สาคัญจากการทุ่มตลาดที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในและความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าทุ่มตลาดกับความเสียหายต่อ อุตสาหกรรมภายใน ตามหลักเกณฑ์ที่มาตรา 19 มาตรา 20 และมาตรา 21 ประกอบมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ. การตอบโต้ การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติมกาหนด โดยพิจารณาจากข้อมูลปริมาณการของนาเข้าสินค้านาเข้าที่ทุ่มตลาดและ ผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ และผลกระทบจากสินค้านาเข้า ที่ทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ 1) ปริมาณของสินค้าทุ่มตลาดและผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิด เดียวกันในตลาดภายในประเทศ (1) ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากข้อมูลสถิติการนาเข้าจากกรมศุลกากรในช่วงเวลาที่มีการใช้บังคับอากร ตอบโต้การทุ่มตลาด ตั้งแต่ปี 2560 ถึงปี 2564 เป็นต้นมา พบว่าในปี 2561 มีปริมาณการนาเข้าสินค้า ที่ถูกพิจารณาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมายังประเทศไทยลดลง จากนั้นในช่วงปี 2562 ถึงปี 2564

9 (POR) ปริมาณการนำเข้ามีความผันผวน โดยเมื่อเปรียบเทียบปริมาณการนาเข้าในช่วงปี 2563 (PPR) ถึงปี 2564 (POR) พบว่ามีปริมาณนำเข้าลดลงร้อยละ 64.43 (2) ผลของการทุ่มตลาดที่มีต่อราคาของสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ จากการเปรียบเทียบราคาของสินค้าทุ่มตลาดกับราคาขายของสินค้าชนิด เดียวกันของอุตสาหกรรมภายในที่ขั้นตอนทางการค้าเดียวกันและในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าสินค้าทุ่มตลาดยังคงมี การตัดราคาในช่วงปี 2560 ถึงปี 2563 ( PPR) การกดราคาในช่วงปี 2561 ถึงปี 2563 ( PPR) และการยับยั้ง การขึ้นราคาในปี 2561 เทียบกับปี 2560 และในช่วงปี 2564 ( POR) เทียบกับปี 2563 ( PPR) รวมถึงมีการขาย ต่ำกว่าทุนในปี 2561 2) ผลกระทบของการทุ่มตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน พิจารณาโดยประเมินจากปัจจัยและดัชนีทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อสภาวะ ของอุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ (1) ยอดจำหน่าย ปริมาณการขาย และราคาขาย ยอดจาหน่าย และปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 2561 ถึงปี 2564 (POR) เมื่อพิจารณาราคาขายในประเทศพบว่าเพิ่มขึ้นในปี 2561 และลดลงในปี 2562 และปี 2563 (PPR) ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นในปี 2564 (POR) (2) กำไร/ขาดทุน อุตสาหกรรมภายในมีผลประกอบการกาไรจากการขายภายในประเทศลดลง จากกาไร ในปี 2560 เป็นขาดทุน ในปี 2561 ต่อมากลับมีกาไรในปี 2562 และปี 2563 (PPR) ก่อนปรับลดลง ในปี 2564 (POR) (3) กำลังการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิต กาลังการผลิตของสินค้าชนิดเดียวกันลดลงในปี 2561 ต่อมากาลังการผลิต เพิ่มขึ้นในปี 2562 และปี 2563 (PPR) ก่อนที่จะลดลงในปี 2564 (POR) อัตราการใช้กาลังการผลิตลดลง ในปี 2561 และปี 2562 ก่อนที่จะปรับมา เพิ่มขึ้นในปี 2563 (PPR) และปี 2564 (POR) (4) ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีปริมาณการผลิต ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2560 ถึงปี 2562 ต่อมามีปริมาณการผลิตสูงขึ้นในปี 2563 (PPR) และปี 2564 (POR) (5) ผลิตภาพ อุตสาหกรรมภายในมีผลิตภาพค่อนข้างคงที่ (6) ส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมภายในมีส่วนแบ่งตลาดลดลง ในปี 2561 ต่อมาปรับตัวเพิ่มขึ้น ในปี 2562 ถึงปี 2563 ( PPR) และปรับตัวลดลงในปี 2564 ( POR) ( 7) ผลตอบแทนจากการลงทุน ( ROA) อุตสาหกรรมภายในมีผลตอบแทนจากการลงทุนลดลงในปี 2561 ต่อมา เพิ่มขึ้นในปี 2562 ปี 2563 (PPR) และปี 2564 (POR)

10 (8) กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน กระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงในปี 2561 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2562 และ ปี 2563 (PPR) อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดจากการดำเนินงานกลับมียอดติดลบในปี 2564 (POR) (9) สินค้าคงคลัง อุตสาหกรรมภายในมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นในปี 2561 ต่อมาลดลงในปี 2562 และปี 2563 ( PPR) ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นในปี 2564 ( POR) (10) การจ้างงาน อุตสาหกรรมภายในมีการจ้างงานลดลงในปี 2561 และปี 2562 ต่อมา เพิ่มขึ้น ในปี 2563 (PPR) และลดลงในปี 2564 (POR) (11) ค่าจ้างแรงงาน อุตสาหกรรมภายในมีค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นในปี 2561 ต่อมาลดลงใน ปี 2562 และปี 2563 (PPR) ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2564 (POR) (12) อัตราการเจริญเติบโต เมื่อพิจารณาอัตราการเจริญเติบโตของสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบ ด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน พบว่าในปี 2561 ปริมาณขายของอุตสาหกรรมภายในลดลง ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น ต่อมาในปี 2562 ปริมาณขายของอุตสาหกรรมภายในเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ความต้องการใช้ในประเทศลดลง สาหรับปี 2563 (PPR) และปี 2564 (POR) ปริมาณขายของอุตสาหกรรมภายใน และ ความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น (13) ความสามารถในการระดมทุนหรือการลงทุน สินทรัพย์ของอุตสาหกรรมภายในเพิ่มขึ้นในปี 2561 และลดลงในปี 2562 ต่อมาเพิ่มขึ้นในปี 2563 (PPR) และปี 2564 (POR) (14) ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศ พบการตัดราคาในช่วงปี 2560 ถึงปี 2563 ( PPR) การกดราคาในช่วง ปี 2561 ถึงปี 2563 ( PPR) และการยับยั้งการขึ้นราคาในปี 2561 เทียบกับปี 2560 และในช่วงปี 2564 ( POR) เทียบกับปี 2563 ( PPR) รวมถึงมีการขายต่ำกว่าทุนในปี 2561 (15) ความมากน้อยของส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าปกติและราคาส่งออกที่ขั้นตอนทางการค้าเดียวกัน และในช่วงเวลาเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน ในช่วงระยะเวลาการทบทวน ( POR) พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด ของสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกาเนิดจาก สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ร้อยละ - 11.74 ถึงร้อยละ 66.83 ของราคาซี ไอ เอฟ 3) สรุปผลการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะมีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือ ฟื้นคืนมาอีก ตามมาตรา 57 จากการพิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสีย ในกระบวนการไต่สวน พบว่าไม่มีมูลเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มี การทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก โดยในกรณี Hoa Sen Group ไม่พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาด และกรณี Maruichi Sun Steel Joint Stock Company พบส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดในอัตราที่ต่าเพียง

11 ร้อยละ 1.40 ของราคา ซี ไอ เอฟ (ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่แจ้งข้อมูลตาม แบบสอบถาม ซึ่งทั้งสองรายเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเหล็ก GL หลักมายังประเทศไทย) ซึ่งไม่เพียงพอที่จะเชื่อได้ ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทาให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก นอกจากนี้ ในการพิจารณาเกี่ยวกับความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน พบว่าปริมาณการนาเข้าสินค้าทุ่มตลาด จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีปริมาณลดลงในช่วง POR โดยไม่พบว่ามีการตัดราคา และกดราคา ในช่วง POR นอกจากนี้ พบว่ากาไรที่ลดลงในช่วง POR ได้เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมาก และพบว่าการลดลงของ ส่วนแบ่งตลาดเป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอื่น ๆ อีกทั้งยังพบว่า ยอดจำหน่าย ปริมาณขายในประเทศ ราคาขายในประเทศ และปริมาณการผลิตได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วง POR ข้อ 4 คาวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการ ทตอ. ได้พิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับในกระบวนการทบทวนตาม หลักเกณฑ์ที่ พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดแล้ว และได้มีคำวินิจฉัย ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ให้ยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ที่กาหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อนที่มีแหล่งกาเนิดจาก สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2560 เนื่องจากไม่มีมูลเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้ การทุ่มตลาดจะทาให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก โดยให้คืนบรรดาหลักประกัน การชาระอากรที่ได้เรียกเก็บไว้ระหว่างการทบทวนโดยไม่ชักช้าเพื่อให้เป็นไปตามที่มาตรา 57 วรรคสี่กาหนด ซึ่งได้มีการออกประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวน ความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือ เคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อน ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2566 _____________________________