Tue May 16 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

ระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อความร่วมมือด้านสังคม พ.ศ. 2566


ระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อความร่วมมือด้านสังคม พ.ศ. 2566

ระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อความร่วมมือด้านสังคม พ.ศ. 2566 โดยที่เห็นเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อความร่วมมือด้านสังคม พ.ศ. 2558 เพื่อให้การดาเนินงาน เกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนโครงการขององค์กรพัฒนาเอกชนเป็นไปอย่างเหมาะสม และมีประสิ ทธิภาพ จึงได้กำหนดระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อความร่วมมือด้านสังคม พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การให้เงินอุดหนุน แก่องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อความร่วมมือด้านเพื่อสังคม พ.ศ. 2558 ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “ เงินอุดหนุน ” หมา ยความว่า เงินที่ได้รับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจาปี เพื่อส่งเสริมสนับสนุนโครงการขององค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อดูแลและพัฒนาศักยภาพกลุ่มเป้าหมาย “ โครงการ ” หมายความว่า โครงการขององค์กรพัฒนาเอกชนที่เสนอขอรับเงินอุดหนุน ตามระเบียบนี้ “ องค์กรพัฒนาเอกชน ” หมา ยความว่า คณะบุคคลภาคเอกชนซึ่งรวมกลุ่มกันจำนวน ไม่น้อยกว่าห้าคน ที่มีบุคคลร่วมดาเนินงานเพื่อจัดทากิจกรรมในการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม โดยไม่มุ่งแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน และไม่รวมถึงการรวมกลุ่มของคณะบุคคลเพื่อดำเนินกิจกรรม เฉพาะ เพื่อประโยชน์ของคณะบุคคลนั้น หรือกิจกรรมทางการเมือง และมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรเอกชน ที่รับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ และองค์กรภาคประชาชนที่รับรองเป็นองค์กรสวัสดิการชุมชน หน่วยงานรัฐ “ กลุ่มเป้าหมาย ” หมายความว่า (1) คนไร้ที่พึ่ง ตามกฎหมายว่าด้วยกำรคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ฯ (2) ผู้พ้นโทษ และผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ ที่ประสบสภาวะยากลำบาก “ กรม ” หมายความว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ “ อธิบดี ” หมายความว่า อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ “ คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชน “ กอง ” หมายความว่า กองกิจการอาสาสมัครและภาคประชาสังคม ้ หนา 1 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 113 ง ราชกิจจานุเบกษา 16 พฤษภาคม 2566

ข้อ 5 วัตถุประสงค์ในการจ่ายเงินอุดหนุน เพื่อใช้ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงาน ขององค์กรพัฒนาเอกชนขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย และ ยังไม่ได้รับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ หรือองค์กรสวัสดิการชุมชน หรือใช้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ ที่ประสงค์ให้องค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามาช่วยดำเนินการ ข้อ 6 โครงการที่ขอรับเงินอุดหนุนต้องมีลักษณะ ดังนี้ (1) เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริม หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้ง เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน ประชาชน ในการร่วมมือด้านสังคม เพื่อคุ้มครองและส่งเสริม คุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมาย (2) มีกิจกรรมการดำเนินงานที่สอดคล้องกับพันธกิจของกระทรวงการพั ฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน (3) โครงการที่ขอรับการสนับสนุน ต้องไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเต็มจำนวน จากส่วนราชการหรือองค์กรอื่นใด ข้อ 7 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “ คณะกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุน แก่องค์กรพัฒนาเอกชน ” ประกอบด้วย อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานกรรมการ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีเป็นรองประธาน กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งอธิบดีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านสังคม จานวนสี่คน เป็นกรรมการ ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ ผู้อานวยการกองกิจการอาสาสมัครและภาคประชาสังคม เป็นกรรมการและเลขานุการ และหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสังคม เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ 8 กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสองปี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งเพราะครบวาระอาจได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ แต่จะดารงตาแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอธิบดีดารงตาแหน่งครบวาระแล้ว ให้กรร มการผู้ทรงคุณวุฒิที่ซึ่งพ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ข้อ 9 นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระข้อ 8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตาแหน่ง เมื่อ (1) ตาย ( 2) ลาออก ( 3) เป็นบุคคลล้มละลาย ( 4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ้ หนา 2 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 113 ง ราชกิจจานุเบกษา 16 พฤษภาคม 2566

( 5) ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทาโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ข้อ 10 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการเข้าร่วมการประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็น องค์ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการ ทาหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานกรรมการมอบหมายกรรมการทาหน้าที่ประธานในที่ประชุ มหรือ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการหนึ่งคนให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธาน ในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ข้อ 1 1 ให้คณะกรรมการ มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการจัดสรรและการใช้จ่ายอุดหนุนในการส่งเสริม และสนับสนุนองค์กรพัฒนาเอกชนในการดาเนินความร่วมมือเพื่อสังคมเพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ( 2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทางาน เพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือทำการแทนตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ( 3) พิจารณาอนุมัติโครงการเพื่อสนับสนุนเงินอุดหนุนให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดาเนินโครงการ ที่กำหนดตามข้อ 6 ( 4) ติดตาม และประเมินผลการดาเนินงานขององค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับการสนับสนุน เงินอุดหนุน ( 5) รายงานผลการดาเนินงานแก่อธิบดี ข้อ 12 องค์กรพัฒนาเอกชนจะต้องเตรียมข้อเสนอโครงการตามแบบข้อเสนอโครงการ และแบบสรุปโครงการพร้อมทั้งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่เคยมีมาก่อน หากเป็ นโครงการต่อเนื่อง ให้สรุปผลการดาเนินโครงการที่ผ่านมา ข้อ 13 องค์กรพัฒนาเอกชนที่ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนสามารถยื่นแบบข้อเสนอโครงการ ต่ออธิบดีเพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณา พร้อมเอกสารประกอบ ดังนี้ ( 1) ระเบียบหรือข้อบังคับขององค์กรพัฒนาเอกชน ( 2) รายชื่อคณะกรร มการบริหารองค์กร หรือคณะกรรมการ หรือคณะทางาน ขององค์กร พัฒนาเอกชนชุดปัจจุบัน ( 3) แสดงบัญชีรายได้และรายจ่ายของรอบปีที่ผ่านมา ยกเว้นองค์กรที่จัดตั้งไม่ถึงหนึ่งปี ( 4) มติของคณะกรรมการบริหารองค์กร หรือคณะกรรมการ หรือคณะทางาน เห็นชอบ ให้ขอรับการสนับส นุนโครงการ และมติที่เกี่ยวข้องการดาเนินงานตามระเบียบนี้ ้ หนา 3 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 113 ง ราชกิจจานุเบกษา 16 พฤษภาคม 2566

( 5) องค์กรพัฒนาเอกชนที่เป็นกลุ่มหรือคณะบุคคล มีที่ตั้งอยู่ส่วนกลาง ให้ส่วนราชการหรือ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์กรภาคเอกชนที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือองค์กรสาธารณประโยชน์ รับรองว่าเป็นองค์กรที่ มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกาหนด องค์กรพัฒนาเอกชนที่เป็นกลุ่มหรือคณะบุคคลที่มีที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ให้สำนักงาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังห วัดที่องค์กรพัฒนา เอกชนนั้นตั้งอยู่ รับรองว่าเป็นองค์กรที่มีการดาเนินงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกาหนด ( 6) เอกสารหรือหลักฐานอื่น ๆ ที่องค์กรพัฒนาเอกชนเห็นสมควรนาเสนอ เพื่อประกอบ การพิจารณาเพิ่มเติม ข้อ 14 องค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนต้องรายงานผลการดาเนินงานตามโครงการ ที่ได้รับเงินอุดหนุนที่คณะกรรมการกำหนด ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เสร็จสิ้นโครงการ ข้อ 15 การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนตามระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบของทางราชการโดยอนุโลม และให้กอง ควบคุม ดูแล กากับ ติดตามผลการดาเนินงานโครงการ และการใช้จ่ายเงินขององค์กร พัฒนาเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณให้เป็นไปตามแบบขอรับเงินอุดหนุนและเงื่อนไข ที่คณะกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนกาหนด ข้อ 16 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ อาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปติดตามกา รดาเนินงาน ตามโครงการขององค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุน รวมทั้งสอบถามหรือสัมภาษณ์บุคคล ที่เกี่ยวข้อง ข้อ 17 ให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กำหนดแบบพิมพ์ ตลอดจนรายละเอียด ในการปฏิบัติงานตามความจำเป็น ข้อ 18 ให้อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นผู้ รักษาการตามระเบียบนี้ และวินิจฉัยชี้ขาด ในกรณีที่มีปัญหาหรือข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 2 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 25 6 6 กิตติ อินทรกุล รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ้ หนา 4 ่ เลม 140 ตอนพิเศษ 113 ง ราชกิจจานุเบกษา 16 พฤษภาคม 2566