ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565
ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรกำหนดจริยธรรมการวิจัยทั่วไป เพื่อเป็นแนวทางให้นักวิจัยยึดถือ ประพฤติปฏิบัติ และมีกระบวนการรักษาจริยธรรมการวิจัย เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณและ ชื่อเสียง และฐานะของความเป็นนักวิจัยที่มีคุณภาพ คุณธรรม และจริยธรรม ให้เป็นที่ยอมรับของ ประชาคมวิจัย และประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาศัยอานาจตามความในมาตรา 33 (1) แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 ประกอบกับมาตรา 41 (10) แห่งพระราชบัญญัติสภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโดยความเ ห็นชอบของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในระเบียบนี้ “ จริยธรรมการวิจัยทั่วไป ” หมายความว่า หลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติและวิธีปฏิบัติที่ดี ของนักวิจัยและหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมที่ต้องยึดถือปฏิบัติ “ การวิจัย ” หมายความว่า การศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดลองอย่างเป็นระบบ อันจะทาให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ความรู้ใหม่ หรือหลักการไปใช้ในการตั้งกฎ ทฤษฎี แนวทางในการปฏิบัติ เพื่อเป็นพื้นฐานของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อสร้างนวัตกรรม อันจะสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ “ นวัตกรรม ” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ สิ่งประดิษฐ์ บริการ กรรมวิธี ที่เกี่ยวกับการผลิต การจัดโครงสร้างองค์กร ระบบบริหารจัดการ การบริหารการเงิน ธุรกิจ การตลาด หรือในการอื่นใด ทั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสาคัญและนาไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้าง ทั้งในเชิงพาณิชย์และสาธารณะ “ นักวิจัย ” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งทาการวิจัย และให้หมายความรวมถึง ผู้ร่วมศึกษาวิจัย ผู้ช่วยวิจัย แล ะปราชญ์ชาวบ้านหรือนักวิจัยท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้ได้รับทุนให้ศึกษาวิจัย โดยนาภูมิปัญญาท้องถิ่นไปผสมผสานกับความรู้ใหม่เพื่อสร้างผลงานนาไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ เชิงสังคม หรือเชิงสาธารณประโยชน์ด้วย ้ หนา 5 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
“ หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ” หมายควา มว่า หน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมทั้ง สถาบันอุดมศึกษา ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการวิจัยและนวัตกรรม “ ผลงานวิจัย ” หมายความว่า ข้อค้นพบหรือผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยหรือการสร้างนวัตกรรม โดยการค้นคว้า การทดลอง การสำรวจหรือการศึกษา รวมถึงองค์ความรู้ การประดิษฐ์ กระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ กระบวนการบริการ หรือการจัดการในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นข้อค้นพบใหม่หรือพัฒนา ให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสาคัญและนาไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ก็ตาม “ กสว. ” หมายความ ว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมาย ว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 “ คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย “ สำนักงาน ” หมายความว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ข้อ 4 ให้ประธาน กสว. รักษาการตามระเบียบนี้ หมวด 1 บททั่วไป ข้อ 5 จริยธรรมการวิจัยทั่วไปให้เป็นไปตามที่กำหนดในระเบียบนี้ และตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกาหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เว้นแต่ในกรณีที่มีกฎหมายหรือกฎกาหนดจริยธรรม การวิจัยเรื่องใดไว้โดยเฉพาะและมีหลักเกณฑ์จริยธรรมที่มีมาตรฐานในการปฏิบัติไม่ต่ากว่าหลักเกณฑ์ ที่กำหนดในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติไปตามที่กาหนดไว้ในจริยธรรมการวิจัยดังกล่าว ข้อ 6 การวิจัย ต้องยึดถือและปฏิบัติตามหลักการ ดังนี้ (1) ความซื่อสัตย์สุจริต ( honesty ) (2) การมีมาตรฐานการวิจัยอย่างเคร่งครัด ( rigour ) (3) ความโปร่งใสและการสื่อสารโดยเปิดเผย ( transparency and open communication ) (4) การมีศีลธรรม คุณธรรม มนุษยธรรม นิติธรรม และความเคารพผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย (5) ความรับผิดรับชอบและถูกตรวจสอบได้ ( accountability ) หมวด 2 จริยธรรมการวิจัยทั่วไปของนักวิจัย ข้อ 7 นักวิจัย และที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองและผู้อื่น มีจิตสำนึกที่ดี กล้าตัดสินใจ และกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ดารงตนเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ร่วมงาน คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ้ หนา 6 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
ข้อ 8 นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องรักษาภาพลักษณ์ของนักวิจัยและ หน่วยงาน ในระบบวิจัยและนวัตกรรม นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจริยธรรมการวิจัย เมื่อพบเห็นการกระทำความผิดจริยธรรมการวิจัย นักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการวิจัยต้องรำยงาน ให้หน่วยงานต้นสังกัดและคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีหน้าที่และอำนาจรับผิดชอบทราบ ข้อ 9 นักวิจัยต้องมีอิสระทางวิชาการ มีใจเปิดกว้างรับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น และทำการวิจัยโดยปราศจากอคติทุกขั้นตอนของการวิจัย ข้อ 10 นักวิจัยต้องให้เกียรติผู้อื่น เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ข้อ 11 นักวิจัยต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ โดยทำวิจัยอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความเสียสละ ขยัน อดทน อุทิศเวลาทางานวิจัยให้ได้ผลดีที่สุด โดยดาเนินการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กาหนด ในโครงการวิจัย และไม่ละทิ้งงาน ข้อ 12 นักวิจัยต้องไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยวิธีการลอกเลียน ดัดแปลง หรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด รวมทั้งต้องไม่กระทำการอันเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น นักวิจั ยต้องไม่ลอกเลียนผลงานของตนเอง ( self - plagiarism ) และไม่นาผลงานของตนเอง ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดไปใช้ในสาระสำคัญหรือทำซ้าในโครงการวิจัยอื่นโดยไม่อ้างอิง ข้อ 13 นักวิจัยต้องไม่บิดเบือนข้อมูล ( falsification ) หรือสร้างข้อมูลเท็จ ( fabrication ) เพื่อให้ได้มาซึ่งผลการวิจัยตามที่ตนต้ องการหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ข้อ 14 ในการวิจัยที่มีเนื้อหาสาระกระทบถึงบุคคลอื่นไม่ว่าในทางเป็นคุณหรือเป็นโทษ นักวิจัยจะต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงรอบด้าน การใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงเพียงแหล่งเดียวย่อม ไม่เป็นไป ตามมำตรฐานการวิจัย ในการนาเสนอผลงานวิจัยที่มีเนื้อหากระทบถึงบุคคลอื่นตามวรรคหนึ่ง นักวิจัยต้องนาเสนอ โดยปราศจากอคติ ไม่ชี้นำไปในทางที่นักวิจัยต้องการ ข้อ 15 นอกจากต้องปฏิบัติตามจริยธรรมของนักวิจัยตามระเบียบนี้แล้ว ที่ปรึกษาโครงการวิจัย ต้องไม่แทรกแซง หรือครอบงาทางความคิดของนักวิจัย ที่ปรึกษาโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อาจมีส่วนร่วมในผลงานวิจัยได้ไม่เกินร้อยละห้าสิบ และต้องไม่นาเสนอผลงานวิจัยในฐานะผู้นิพนธ์หลัก หมวด 3 จริยธรรมในกระบวนการวิจัย ข้อ 16 นักวิจัยต้องใช้ความรู้ตามหลักวิชาการและวิชาชีพ ดาเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบ และเป็นไปตามระเบียบแบบแผนวิธีการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับของศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่วิจัย มาตรฐาน การวิจัยที่เกี่ยวข้องและอ้างถึงบุคคลหรือแหล่งที่มาของข้อมูลที่นามาใช้ในงานวิจัยอย่างถูกต้อง ้ หนา 7 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
ข้อ 17 นักวิจัยต้องมีพื้นฐานค วามรู้ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัยอย่างเพียงพอ มีความรู้ความชานาญ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ทำวิจัย เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการทาวิจัย ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ช่วยวิจัย และนักวิจัยที่ทาการศึกษาวิจัยเพื่อเสนอผลงานเพื่อขอรับปริญญาสาขาใดสาขาหนึ่ง ข้อ 18 นักวิจัยต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากการรับทุนสนับสนุนงานวิจัยในลักษณะที่ซ้าซ้อน สำหรับงานวิจัยเรื่องเดียวกันหรือมีสาระสำคัญอย่างเดียวกั น ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับในกรณีที่การวิจัยนั้นใช้เงินทุนสนับสนุนจากหลายแหล่ง และนักวิจัยได้แจ้งให้ผู้ให้ทุนทุกรายทราบว่ามีการขอทุนสนับสนุนจากแหล่งอื่นสาหรับการวิจัยนั้นด้วย ในการนำเสนอผลงานวิจัย นักวิจัยต้องนาเสนอรายชื่อผู้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยทุกราย ข้อ 19 นักวิจัยต้องไม่ดาเนินการอันมีลักษณะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในการทำวิจัย นักวิจัยต้องแจ้งให้ผู้ให้ทุนและคณะกรรมการทราบในกรณีที่ตนเองมีส่วนได้เสียเป็นส่วนตัว ในการวิจัยนั้น บุคคลอาจคัดค้านนัก วิจัยว่ามีส่วนได้เสียเป็นส่วนตัวในโครงการวิจัยนั้น เมื่อมีกรณีตามวรรคสองหรือวรรคสาม ให้คณะกรรมการวินิจฉัยให้เสร็จภายในหกสิบวันและ ให้นักวิจัยปฏิบัติตามคาวินิจฉัยนั้น ข้อ 20 การรับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งที่คานวณเป็นเงินได้หรือไม่อาจคานวณเป็นเงินได้ ของนักวิจั ยเพื่อให้ผลการวิจัยเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคล นิติบุคคล หรือพรรคการเมืองใดถือเป็น การทุจริตต่อหน้าที่นักวิจัย ข้อ 21 นักวิจัยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทาไว้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงต่อหน่วยงาน ที่สนับสนุ นการวิจัยและหน่วยงานที่ตนสังกัด ข้อ 22 นักวิจัยต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัยหรือใช้ในการศึกษาวิจัย ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ พืช สิ่งมีชีวิตอื่น สังคม ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสิ่งอื่นใด ข้อ 23 การจัดให้ได้มาซึ่งข้อมูลการวิจัย นักวิจัยต้องเ ลือกตัวอย่างและวิธีการให้เป็นไปตาม มาตรฐานการวิจัย การดาเนินการและสรุปผลการวิจัยต้องกระทำโดยปราศจากอคติและการเลือกปฏิบัติ ข้อ 24 นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นและเหตุผลทางวิชาการของผู้อื่น และพร้อมที่จะ ปรับปรุงแก้ไขงานวิจัยของตนให้ถูกต้อง ข้อ 25 นักวิจัยต้องไม่ขยายผลข้อค้นพบจนเกินความเป็นจริง และไม่ใช้ผลงานวิจัยไป ในทางมิชอบ ข้อ 26 เพื่อประโยชน์ในการรักษามาตรฐานการวิจัย หลักธรรมาภิบาล และความซื่อสัตย์สุจริต ทางวิชาการ ห้ามมิให้นักวิจัยจ้าง วาน ใช้ให้ผู้อื่นทาการวิจัยและนาผลงานนั้นมาใช้เป็น ผลงานของตน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ้ หนา 8 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
ห้ามมิให้นักวิจัยรับจ้างหรือรับดาเนินการตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้ผู้อื่นนาผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือโดยสุจริตตามสมควร ข้อ 27 นักวิจัยต้องนาผลงานวิจัยเผยแพร่สู่สาธารณชนในวงกว้างเพื่อประโยชน์ทางนโยบาย วิชาการ เศรษฐกิจและสังคม เว้นแต่กรณีที่ไม่ต้องเปิดเผยผลการวิจัยตามระเบียบสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ว่าด้วยการแจ้ง การนาส่ง การเชื่อมโยงข้อมูล การรายงาน ผลงานวิจัยและนวัตกรรม และการเปิดเผยข้อมูลการวิจัยในระบบข้อมูลสารสนเทศกลาง ข้อ 28 หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม หรือบุคคลที่ทำหน้าที่ควบคุมการวิจัย ต้องกากับดูแลการทำวิจัยให้เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย หมวด 4 กระบวนการรักษาจริยธรรมการวิจัย ข้อ 29 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “ คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย ” ประกอบด้วย (1) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นกลาง และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องจริยธรรมคนหนึ่ง ซึ่ง กสว. แต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ (2) กรรมการโดยตาแหน่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรมแห่งชาติ ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ประธานที่ป ระชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และนายกสมาคมสถาบัน อุดมศึกษาเอกชน (3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินเจ็ดคนซึ่ง กสว. แต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ด้านการส่งเสริมจริยธรรม ด้านกฎหมาย ด้านการบริหารงานบุคคล หรือด้านอื่นใด อันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้ผู้อานวยการสานักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการ อาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเป็นผู้ ช่วยเลขานุการได้จำนวนไม่เกินสองคน คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง วาระการดารงตาแหน่งและการพ้นจาก ตาแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (3) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่ กสว. กำหนด การประชุมของคณะกรรมการให้เป็นไปตามระเบียบการที่คณะ กรรมการกำหนด เพื่อประโยชน์ในการดาเนินการตามหน้าที่และอานาจของคณะกรรมการ คณะกรรมการอาจมีมติ ให้เชิญผู้แทนที่ทำหน้าที่บริหารงานรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชนหรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ และอานาจโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องที่จะพิจารณา หรือผู้ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ้ หนา 9 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
ด้านจริยธรรมให้เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งคราวในฐานะกรรมการด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ให้ผู้ที่ได้รับเชิญ และมาประชุมมีฐานะเป็นกรรมการสำหรับการประชุมครั้งที่ได้รับเชิญนั้นแต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ข้อ 30 คณะกร รมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) เสนอแนะและให้คาปรึกษาต่อ กสว. ในการจัดทาแผนส่งเสริมและพัฒนาจริยธรรม และมาตรฐานการวิจัยตลอดจนมาตรการในการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตามจริยธรรมและมาตรฐาน การวิจัย (2) เสนอแนะต่อ กสว. ในการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุ งจริยธรรมการวิจัยทั่วไปตามที่กาหนด ในระเบียบนี้ (3) เสนอต่อ กสว. เพื่อกาหนดแนวทางปฏิบัติ มาตรการ และกลไกในการขับเคลื่อนและ การบังคับใช้จริยธรรมการวิจัยทั่วไป (4) กากับดูแล ติดตาม และประเมินผลการดาเนินการตามจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและ มาตรฐานการวิจัยและให้ความเห็นต่อรายงานประจาปีของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับ จริยธรรมทั่วไปและมาตรฐานการวิจัย (5) ให้คาแนะนำหรือคำปรึกษาเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยแก่นักวิ จัย หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และผู้ที่เกี่ยวข้อง (6) พิจารณาและวินิจฉัยเรื่องเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยตามระเบียบนี้ และรายงานต่อ กสว. (7) จัดให้มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัย (8) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามระเบียบนี้ หรือตามที่ กสว. มอบหมาย ข้อ 31 คณะกรรมการมีอานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่ออปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการ มอบหมาย การประชุมคณะอนุกรรมการ ให้นาระเบียบการการประชุมของคณะกรรมการมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ 32 กรณีที่โครงการวิจัยใดมีข้อสงสัยว่าอาจขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยทั่วไป หรือมาตรฐานการวิจัย ให้ดาเนินการ ดังนี้ ( 1) หน่วยงานซึ่งเป็นผู้ให้ทุน ผู้รับทุน หรือนักวิจัย อาจเสนอโครงการวิจัยนั้นต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ (2) สานักงาน หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ผู้มีส่วนได้เสียอาจเสนอเรื่องนั้นต่อ คณะกรรมการเพื่อพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ การพิจารณาตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่ วันที่สำนักงานได้รับเรื่อง และอาจขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสองครั้ ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน โดยต้องแสดงเหตุผลในการขยายระยะเวลา และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วให้แจ้งผล การพิจารณาไปยังผู้ที่แจ้งและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่ง ้ หนา 10 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
ข้อ 33 ในกรณีที่ปรากฏว่านักวิจัย ที่ปรึกษา ผู้ให้ทุน หรือผู้รับทุนใดมีการดาเนินงาน ที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัย ผู้พบเห็นหรือทราบ การดาเนินงานที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัยอาจเสนอ เรื่องนั้นให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยได้ ในการพิจำรณาเรื่องตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่สานักงานได้รับเรื่อง และอาจขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน โดยต้องแสดงเหตุผลในการขยายระยะเวลา และเมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วให้แจ้งผล กำรพิจารณาให้ผู้เสนอเรื่องทราบ ข้อ 34 ในการพิจารณาเรื่องตามระเบียบนี้ หากคณะกรรมการเห็นว่าไม่มีมูลการกระทา ที่ขัดหรือไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมทั่วไปหรือมาตรฐานการวิจัย ให้คณะกรรมการมีมติให้ยุติเรื่องและ แจ้งให้ผู้เสนอเรื่องทราบ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่ามี มูลการกระทาที่ขัดไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมทั่วไปหรือ มาตรฐานการวิจัย ให้คณะกรรมการแจ้งให้ผู้กระทาการดังกล่าวทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยให้ระบุ ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและระเบียบ ตลอดจนเหตุผลที่แสดงมูลความผิด และให้ถือว่าผู้นั้นเป็น ผู้ถูกกล่าวหา คณะกรรมการต้อ งให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง แสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาตามสมควร โดยผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิให้ทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมายเข้าร่วมชี้แจงพร้อมผู้ถูกกล่าวหา และช่วยเหลือ ผู้ถูกกล่าวหาได้ตามสมควร ข้อ 35 คาวินิจฉัยของคณะกรรมการให้ระบุข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและระเบียบ รวมทั้งเหตุผล แห่งคาวินิจฉัย ในกรณีที่มีความเห็นแย้งของกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษร ให้แนบความเห็นแย้งนั้น ไว้กับคาวินิจฉัย และให้แจ้งคำวินิจฉัยนั้นต่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้เสนอเรื่องและรายงานให้ กสว. ทราบ คาอุทธรณ์คาวินิจฉัยตามวรรคหนึ่งให้ยื่นต่อ กสว. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ข้อ 36 ในการพิจารณาเรื่องตามข้อ 32 หรือข้อ 33 ให้คณะกรรมการมีอำนาจ ดังต่อไปนี้ (1) เชิญผู้เสนอเรื่อง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย หรือบุคคลใดมาให้ความเห็นหรือข้อเท็จจริง หรือส่งเอกสารหรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิจารณา (2) ตรวจสถานที่ เครื่องมือเครื่องใช้และสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในโครงการวิจัยที่อยู่ใน การพิจารณาของคณะกรรมการ (3) สั่งให้ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยหยุดการดาเนินการวิจัยไว้ชั่วคราว จนกว่าคณะกรรมการจะวินิจฉัยเรื่องนั้นแล้วเสร็จ ข้อ 37 ในกรณีที่มีการประพฤติผิดจริยธรรมการวิจัยทั่วไปหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย ให้ดาเนินการ ดังนี้ ้ หนา 11 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565
(1) มีคำสั่งให้ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยหยุดการดาเนินการดังกล่าว และกำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยา (2) ขึ้นบัญชีผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยที่ประพฤติผิดจริยธรรม หรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัยเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาการให้ทุนในโอกาสต่อไป (3) แจ้งให้สานักงาน ผู้ให้ทุน ผู้รับทุนหรือหน่วยงานต้นสังกัดของนักวิจัยหรือที่ปรึกษา โครงการวิจัยทราบเพื่อดาเนินการทางวินัยหรือดาเนินการอื่นต่อไป ข้อ 38 ในกรณีที่ผลงานวิจัยกระทำโดยฝ่าฝืน ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 14 ข้อ 19 ข้อ 20 หรือข้อ 26 คณะกรรมกำรอาจมีมติให้ดำเนินการตามลักษณะและความร้ายแรง แห่งการกระทำผิดจริยธรรม ดังนี้ (1) ถอดถอนผลงานวิจัย ( retraction ) (2) ประกาศการกระทำผิดดังกล่าวให้ทราบเป็นการทั่วไป (3) ดาเนินการอื่นตามที่ กสว. ประกาศกาหนด วิธีดาเนินการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกาหนด ข้อ 39 ให้ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยปฏิบัติตามคาวินิจฉัยหรือ คำสั่งของคณะกรรมการโดยพลัน ในกรณีที่ผู้ให้ทุน ผู้รับทุน นักวิจัยหรือที่ปรึกษาโครงการวิจัยไม่ปฏิบัติตามคา วินิจฉัยหรือคาสั่ง ของคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการแจ้งให้ กสว. และหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมทราบ เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป และให้ประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไปด้วย ข้อ 40 ให้หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมจัดทำรายงานการดาเนินการเกี่ยวกับจริยธรรม การวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยเสนอต่อคณะกรรมการปีละหนึ่งครั้งตามแบบที่คณะกรรมการ กำหนด ข้อ 41 ให้สำนักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจัดทารายงานการดาเนินการ เกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยทั่วไปและมาตรฐานการวิจัยของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม เสนอต่อ กสว. ปีละหนึ่งครั้ง ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 256 5 ศาสตราจาร ย์กิตติคุณสุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ้ หนา 12 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 290 ง ราชกิจจานุเบกษา 14 ธันวาคม 2565