ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49/2565 เรื่อง มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย
ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49/2565 เรื่อง มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย
ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49/2565 เรื่อง มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย อาศัยอำนาจตามมาตรา 7 (3) และมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ที่กำหนดให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดและปรับปรุงมาตรฐานการบัญชี เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการจัดทาบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีและกฎหมายอื่น ทั้งนี้ มาตรฐาน การบัญชีนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงจะใช้บังคับได้ สภาวิชาชีพบัญชี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี ในการประชุมครั้งที่ 70 (4/2565) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 17/2564 เรื่อง มาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย ข้อ 3 ให้ใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย ตามที่กาหนดท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 25 6 5 วรวิทย์ เจนธนากุล นายกสภาวิชาชีพบัญชี ้ หนา 2 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 279 ง ราชกิจจานุเบกษา 30 พฤศจิกายน 2565
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ก มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย คา นา มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนดขึ้นโดยมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินระหว่างประเทศ ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย ฉบับรวมเล่มปี 2565 ( IFRS 4 : Insurance Contracts ( Bound v olume 20 2 2 Consolidated without early application ) ) ประวัติการ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ (ใช้อ้างอิงเฉพาะสาหรับประเทศไทย เท่านั้น) ฉบับ แก้ไข เพิ่มเติม ปี การ แก้ไขเพิ่มเติม จากฉบับปีก่อนหน้า การ แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องมาจาก 256 5 โดยแก้ไขเพิ่มเติมย่อหน้าที่ 20 ก 20 ญ และ 20 ฒ การแก้ไขวันบังคับใช้ ให้สอดคล้องกับ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย 2564 โดย เพิ่ม ย่อหน้าที่ 20 ต ถึง 20 ถ และย่อหน้าที่ 50 ถึง 51 และ แก้ไขเพิ่มเติม ย่อหน้าที่ 20 ก 20 ญ และ 20 ฒ • การปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง - ระยะที่ 2 • การขยายเรื่อง “ การยกเว้นการถือ ปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทำงกำร เงิน ฉ บั บ ที่ 9 เรื่ อ ง เครื่องมือทางการเงิน เป็นการ ชั่วคราว ” 2563 ไม่มีการ แก้ไขเพิ่มเติม ใดๆ จากฉบับปีก่อน หน้า - 256 2 โดย แก้ไขเพิ่ มเติม ย่อหน้าที่ 4 และเพิ่ ม ย่อหน้าที่ 41 ฌ และ แก้ไขเพิ่มเติม การอ้างอิง มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับอื่น มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า ** คํานํานี้ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของมําตรฐํานกําร รํายงํานทํางกํารเงิน ฉบับนี้ **
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 1 มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 2 สารบัญ จากย่อหน้าที่ วัตถุประสงค์ 1 ขอบเขต 2 อนุพันธ์ทางการเงินแฝง 7 การแยกองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน 10 การรับรู้รายการและการวัดมูลค่า 13 การยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับอื่นๆ เป็นการชั่วคราว 13 การยกเว้นการถือปฎิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทาง กำรเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว 20 ก การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี 21 สัญญาประกันภัยที่ได้มาจากการรวมธุรกิจหรือการโอนกลุ่มสัญญาประกันภัย 31 ลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ 34 การแสดงรายการ 35 ข วิธี ปรับผลกระทบรายการ 35 ข การเปิดเผยข้อมูล 36 การอธิบายจานวนเงินที่รับรู้ในงบการเงิน 36 ลักษณะและขอบเขตของความเสี่ยงที่เกิดจากสัญญาประกันภัย 38 การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทาง การเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว 39 ข การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปรับผลกระทบรายการ 39 ฎ วันถือปฏิบัติและการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลง 40 การเปิดเผยข้อมูล 42 การกาหนดประเภทของสินทรัพย์ทางการเงินใหม่ 45 การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือ ทางการเงิน ถือปฏิบัติร่วมกับมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย 46
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 3 สารบัญ จากย่อหน้าที่ ภาคผนวก ก คานิยาม ข นิยามของสัญญาประกันภัย
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 4 มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย ประกอบด้วยย่อหน้าที่ 1 ถึง 49 ภาคผนวก ก ถึง ข ทุกย่อหน้ามีความสาคัญเท่ากัน ย่อหน้าที่พิมพ์ด้วย ตัวอักษรหนา ถือเป็นหลักการที่ สาคัญ คานิยามในภาคผนวก ก ที่ปรากฏเป็นครั้งแรกในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับนี้จะเป็น ตัวอักษรเอน มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ต้องอ่านโดยคานึงถึงข้อกาหนดของ กรอบแนวคิด สาหรับการรายงานทางการเงิน ในกรณีที่ไม่ได้ให้แนวปฏิบัติในการเลือกและการใช้นโยบายการบัญชี ให้กิจการถือปฏิบัติตำมข้อกำหนดของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การ เปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญําประกันภัย วัตถุประสงค์ 1 มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดรายงานทางการเงินสาหรับ สัญญาประกันภัย ที่ออกโดยกิจการใดๆ (มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้จะใช้คาว่า “ ผู้รับประกันภัย ” ) จนกว่า โครงการ ในระยะที่สองของมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน เกี่ยวกับ สัญญาประกันภัยจะแล้วเสร็จ มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ ต้องการ 1 . 1 จำกัดการแก้ไข วิธีการบัญชีของผู้รับประกันภัยสาหรับสัญญาประกันภัย 1 . 2 เปิดเผยข้อมูลซึ่งระบุและอธิบายถึงจานวนเงินที่เกิดจากสัญญาประกันภัยในงบการเงิน ของผู้รับประกันภัย และช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจถึงจานวนเงิน จังหวะเวลา และ ความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดในอนาคตจากสัญญาประกันภัย ขอบเขต 2 กิจการต้องนามาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติกับ 2 . 1 สัญญาประกันภัย (รวมถึง สัญญาประกันภัยต่อ ) ที่กิจการเป็นผู้ออก และสัญญา ประกันภัยต่อที่กิจการถือไว้ 2 . 2 เครื่องมือทางการเงิน ที่กิจการออกซึ่งมีลักษณะ การร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ (ดูย่อหน้าที่ 35 ) มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน กาหนดให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ เครื่องมือทางการเงิน รวมถึง เครื่องมือทางการเงิน ที่มีลักษณะดังกล่าวด้วย 3 มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ไม่ได้กล่าวถึงวิธีการบัญชี ในเรื่องอื่นๆ ของผู้รับ ประกันภัย เช่น การบัญชีสำหรับสินทรัพย์ทางการเงินที่ถือโดยผู้รับประกันภัยและหนี้สิน ทางการเงินที่ออกโดยผู้รับประกันภัย (ดูมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่อง การแสดงรายการ เครื่องมือทางการเงิน มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 5 เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน ) ยกเว้นข้อกาหนดในย่อหน้า ดังต่อไปนี้ 3 . 1 ย่อหน้า ที่ 20 ก อนุญาตให้ผู้รับประกันภัยที่ เข้าเงื่อนไขสามารถยก เว้นการถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือ ทางการเงิน เป็นการชั่วคราวได้ 3 . 2 ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 3 . 3 ย่อหน้า ที่ 45 อนุญาตให้ผู้รับประกันภัยจัดประเภทสินทรัพย์ทางกา รเงินบางส่วนหรือ ทั้งหมดในสถานการณ์ ที่ระบุไว้เพื่อให้วัดมูลค่า สินทรัพย์ดังกล่าว ด้วยมูลค่ายุติธรรม ผ่านกำไรหรือขาดทุน 4 กิจการต้องไม่นามาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติกับ 4 . 1 การรับประกันสินค้า โดยตรง โดย ผู้ผลิต ตัวแทนจาหน่าย หรือผู้ค้าปลีก (ดูมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้ จากสัญญาที่ทากับลูกค้า แล ะ มาตรฐาน การบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่ อาจเกิดขึ้น ) 4 . 2 สินทรัพย์และหนี้สินของนายจ้างภายใต้โครงการผลประโยชน์ของพนักงาน (ดูมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 9 เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงาน และมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 2 เรื่อง การจ่ายโดยใช้หุ้นเป็นเกณฑ์ ) และภาระผูกพัน เกี่ยวกับผลประโยชน์เมื่อเกษียณอายุที่รายงานโดยโครงการผลประโยชน์เมื่อ เกษียณอายุ (ดูมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 26 เรื่อง การบัญชีและการรายงาน โครงการผลประโยชน์เมื่อ ออกจากงาน ) 4 . 3 สิทธิตามสัญญาหรือภาระผูกพันตามสัญญาซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์หรือ สิทธิที่จะใช้ประโยชน์ในอนาคตของรายการที่ไม่ใช่รายการทางการเงิน (เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตบางอย่าง ค่าสิทธิ การจ่ายชาระค่าเช่าผันแปร และรายการที่ คล้ายคลึงกัน) เช่นเดียวกับ การประกันมูล ค่าคงเหลือของผู้เช่าที่แฝงอยู่ในสัญญาเช่า (ดูมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 6 เรื่อง สัญญาเช่า มาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้ จากสัญญาที่ทากับลูกค้า และมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 38 เรื่อง สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ) 4 . 4 สัญญาค้าประกันทางการเงิน เว้นแต่ผู้ออกได้แสดงอย่างเปิดเผยชัดเจนมาก่อน ว่าผู้ออกถือว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาประกันภัย และได้ใช้ วิธี การบัญชีซึ่งใช้ปฏิบัติ กับสัญญาประกันภัย ในกรณีดังกล่าว ผู้ออกอาจเลือกถือปฏิบัติตามมาตรฐาน การบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่อง การแสดงรายการ เครื่องมือทางการเงิน มาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน และ มาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน หรือ เลือกถือปฏิบัติ ตามมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้สาหรับรายการที่เกิดจากสัญญาค้าประกัน
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 6 ทางการเงินผู้ออกอาจเลือกปฏิบัติเป็นรายสัญญาได้ แต่เมื่อเลือกวิธีการบัญชีใด สาหรับแต่ละสัญญาแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ 4 . 5 เจ้าหนี้หรือลูกหนี้สำหรับสิ่งตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นในการรวมธุรกิจ (ดู มาตรฐาน การรายงานทาง การเงิน ฉบับที่ 3 เรื่อง การรวมธุรกิจ ) 4 . 6 สัญญาประกันภัยตรงที่กิจการถือไว้ ( กล่าวคือ สัญญาประกันภัยตรงซึ่งกิจการเป็น ผู้เอาประกันภัย ) อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันภัยต่อ ต้องนำมาตรฐาน การรายงาน ทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติกับสัญญาประกันภัยต่อที่ถือไว้ 5 เพื่อ ความสะดวกใน การอ้างอิง มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้เรียกกิจการใดๆ ที่ออก สัญญาประกันภัยว่า ผู้รับประกันภัย ไม่ว่าผู้ออกสัญญานั้นจะเป็นผู้รับประกันภัยตามกฎหมาย หรือตามที่หน่วยงานกากับดูแลกาหนดไว้หรือ ไม่ก็ตาม การอ้างอิง คาว่าผู้รับประกันภัยทั้งหมด ตามย่อหน้า ที่ 3 . 1 ถึง 3 . 2 ย่อหน้า ที่ 20 ก ถึง 20 ด ย่อหน้า ที่ 35 ข ถึง 35 ฑ ย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ฐ และย่อหน้า ที่ 46 ถึง 49 ให้หมายความเช่นเดียวกันซึ่งหมายรวม ถึงผู้ ออกเครื่องมือ ทางการเงินที่มีลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ 6 สัญญาประกันภัยต่อเป็นสัญญาประกันภัยชนิดหนึ่ง ดังนั้น การอ้างอิงถึงสัญญาประกันภัย ทั้งหมด ในมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ ให้รวมถึงสัญญาประกันภัยต่อด้วย อนุพันธ์ทางการเงินแฝง 7 มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน กาหนดให้กิจการแยก อนุพันธ์ทางการเงินแฝงบางอย่างออกจากสัญญาหลักโดยวัด มูล ค่าอนุพันธ์ทางการเงินแฝงนั้นด้วย มูลค่ายุติธรรม และ รับรู้การเปลี่ยนแปลงมูลค่า ยุติธรรมใน กาไร หรือ ขาดทุน มาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับดังกล่าวถือปฏิบัติกับอนุพันธ์ทางการเงินแฝงในสัญญาประกันภัยด้วย เว้นแต่ อนุพันธ์ทางการเงินแฝงนั้นเป็นสัญญาประกันภัย 8 ผู้รับประกันภัยไม่จำเป็นต้องแยกและวัด มูล ค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมสำหรับสิทธิของ ผู้เอาประกันภัยในการเลือกที่จะเวนคืนสัญญาประกันภัยเพื่อจานวนเงินคงที่ (หรือขึ้นอยู่กับ จานวนเงินคงที่และอัตราดอกเบี้ย) ถึงแม้ว่าราคาที่ใช้สิทธิจะแตกต่างจากมูลค่าตามบัญชีของ หนี้สินจากสัญญารับประกันภัย หลัก ทั้งนี้ เป็นข้อยกเว้นซึ่งไม่ต้องปฏิบัติตามที่ได้กาหนดไ ว้ใน มาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน แล ะ มาตรฐาน การรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ผู้รับ ประกันภัยต้องถือปฏิบัติตามข้อกาหนดของ มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับดังกล่าว สาหรับ สิทธิเลือกขายหรือสิทธิเลือกเวนคืนเป็นเงินสดที่แฝงอยู่ในสัญญาประกันภัยหากมูลค่า เวนคืนผัน แปรตามการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรทางการเงิน (เช่น ราคาหรือดัชนีตราสารทุน หรือ ราคาหรือดัชนีโภคภัณฑ์) หรือตัวแปรที่ไม่ใช่ตัวแปรทางการเงินซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคู่สัญญา ประกันภัย นอกจากนี้ ข้อกำหนดดังกล่าวยังให้ถือปฏิบัติในกรณีที่ความสามารถของผู้เอา ประกัน ภัย ที่จะใช้สิทธิเลือกขายหรือสิทธิเลือกเวนคืนเป็นเงินสดขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงใน
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 7 ตัวแปรดังกล่าว (เช่น สิทธิเลือกขายซึ่งจะสามารถใช้สิทธิได้หากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นไปถึง ระดับที่ระบุไว้) 9 ย่อหน้าที่ 8 ให้ถือปฏิบัติโดยเท่าเทียมกันกับสิทธิเลือกที่จะเวนคืน เครื่องมือทางการเงิน ซึ่งมี ลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ การแยกองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน 1 0 สัญญาประกันภัยบางสัญญามีทั้งองค์ประกอบที่เป็นการประกันภัยและ องค์ปร ะกอบที่เป็น การฝากเงิน ในบางกรณี ผู้รับประกันภัยถูกกำหนดหรือได้รับอนุญาตให้ แยกองค์ประกอบ เหล่านั้นออกจากกัน 1 0 . 1 ต้องแยกองค์ประกอบ หากเป็นไปตามเงื่อนไขทั้งสองข้อต่อไปนี้ 1 0 . 1 . 1 ผู้รับประกันภัยสามารถวัดมูลค่าองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน ( รวมถึง สิทธิเลือกเวนคืนแฝงใ ด ๆ ) แยกต่างหากได้ ( กล่าวคือ สามารถวัดมูลค่าได้ โดยไม่ต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบที่เป็นการประกันภัย) 1 0 . 1 . 2 นโยบายการบัญชีของผู้รับประกันภัยไม่ได้กาหนดให้รับรู้ภาระผูกพันและ สิทธิทั้งหมดที่เกิดจากองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน 1 0 . 2 อนุญาตแต่ไม่ได้กาหนดให้ต้องแยกองค์ประกอบ หากผู้รับประกันภัยสามารถวัดมูลค่า องค์ประกอบที่เป็นการฝากเงินแยกต่างหากได้ตามข้อ 1 0 . 1 . 1 แต่นโยบายการบัญชีของ ผู้รับประกันภัยกาหนดให้รับรู้ภาระผูกพันและสิทธิทั้งหมดที่เกิดจากองค์ประกอบที่เป็น การฝากเงิน โดย ไม่ต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ที่ใช้วัดมูลค่าสิทธิและภาระผูกพัน เหล่านั้น 1 0 . 3 ห้ามแยกองค์ประกอบ หากผู้รับประกันภัยไม่สามารถวัดมูลค่าองค์ประกอบที่เป็น การฝากเงิน แยกต่างหากได้ตามข้อ 1 0 . 1 . 1 11 ตัวอย่างกรณีที่นโยบายการบัญชีของผู้รับประกันภัยไม่ได้กำหนดให้รับรู้ภาระผูกพันทั้งหมด ที่เกิดจากองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน ตัวอย่าง เช่น ผู้เอาประกันภัยต่อรับค่าสินไหมทดแทนจาก ผู้รับประกันภัยต่อ แต่สัญญากำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต่อต้อง จ่าย คืนค่าสินไหมทดแทนนั้น ในอนาคต ภาระผูกพันดังกล่าวเกิดจากองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน หากนโยบายการบัญชี ของผู้เอาประกันภัยต่ออนุญาตให้รับรู้ค่าสินไหมทดแทน รับจากผู้รับประกันต่อ เป็นรายได้ โดยไม่รับรู้ภาระ ผูกพันในการจ่ายคืนเงินจานวนดังกล่าว ผู้เอาประกันภัยต่อต้องแยกองค์ประกอบ ที่เป็นการฝากเงิน 1 2 ในการแยกองค์ประกอบของสัญญา ผู้รับประกันภัยต้อง 1 2 . 1 นำมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติกับองค์ประกอบที่เป็น การประกันภัย 1 2 . 2 นำมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน มาถือ ปฏิบัติกับองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 8 กำรรับรู้ รายการ และการวัดมูลค่า การยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับอื่นๆ เป็นการชั่วคราว 1 3 ย่อหน้าที่ 1 0 ถึง 1 2 ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลง ประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด กำหนดเกณฑ์สาหรับกิจการเพื่อใช้ในการกาหนดนโยบาย การบัญชี หากไม่มีมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน กำหนดให้ถือปฏิบัติเป็นการเฉพาะกับ รายการ นั้น อย่างไรก็ตาม มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ยกเว้นให้ผู้รับประกันภัย ไม่ต้องนาเกณฑ์เหล่านั้นมาถือปฏิบัติกับนโยบายการบัญชีสาหรับ 1 3 . 1 สัญญาประกันภัยที่ผู้รับประกันภัย เป็นผู้ ออก (รวมทั้งต้นทุนในการได้มาที่เกี่ยวข้อง และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้อง เช่น รายการตามที่อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 3 1 และ 32 ) และ 1 3 . 2 สัญญาประกันภัยต่อที่ผู้รับประกันภัยถือไว้ 1 4 อย่างไรก็ตาม มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ไม่ได้ยกเว้นผู้รับประกันภัยจากบาง หลัก เกณฑ์ ในย่อหน้าที่ 1 0 ถึง 1 2 ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลง ประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด กล่าวคือผู้รับประกันภัย 1 4 . 1 ต้องไม่รับรู้หนี้สินจากประมาณการหนี้สินใดๆ สาหรับค่าสินไหมทดแทนในอนาคต ที่อาจเกิดขึ้น หากค่าสินไหมทดแทนภายใต้สัญญำประกันภัยเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง ณ วัน สิ้นรอบระยะเวลา รายงาน (เช่น สารอง ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากมหันตภัย และสารอง รักษาระดับค่าสินไหมทดแทน ) 1 4 . 2 ต้องทา การทดสอบความเพียงพอของหนี้สิน ตามที่อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 1 5 ถึง 1 9 1 4 . 3 ต้องตัด รายการ หนี้สินจากสัญญาประกันภัย (หรือบางส่วนของหนี้สินจากสัญญา ประกันภัย) ออกจาก งบแสดงฐานะการเงิน ต่อเมื่อหนี้สินจากสัญญาประกันภัยนั้นหมดไป กล่าวคือ เมื่อภาระผูกพัน ตามสัญญา นั้น หมดลง หรือถูกยกเลิก หรือ สิ้นผลบังคับ 1 4 . 4 ต้องไม่หักกลบ 1 4 . 4 . 1 สินทรัพย์จากสัญญาประกันภัยต่อ กับ หนี้สินจากสัญญาประกันภัยที่เกี่ยวข้อง หรือ 1 4 . 4 . 2 รายได้หรือค่าใช้จ่ายจากสัญญาประกันภัยต่อ กับ ค่าใช้จ่ายหรือรายได้จาก สัญญาประกันภัยที่เกี่ยวข้อง 1 4 . 5 ต้องพิจารณาว่าสินทรัพย์จากสัญญาประกันภัยต่อเกิดการด้อยค่าหรือไม่ (ดูย่อหน้าที่ 20 ) การทดสอบความเพียงพอของหนี้สิน 1 5 ณ วัน สิ้นรอบระยะเวลา รายงาน ผู้รับประกันภัยต้องประเมินหนี้สินจากสัญญาประกันภัย ที่รับรู้ไว้ในงบการเงินว่าเพียงพอหรือไม่ โดยใช้ประมาณการปัจจุบันของกระแสเงินสด ในอนาคตที่เกิดจากสัญญาประกันภัย หากการประเมินนั้นแสดงให้เห็นว่ามูลค่าตามบัญชี
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 9 ของหนี้สินจากสัญญาประกันภัย (หักด้วยต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง และ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้อง เช่น รายการที่กล่าวไว้ในย่อหน้าที่ 3 1 และ 32 )ไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับการประมาณการกระแสเงินสดในอนาคต ให้ รับรู้ ส่วนที่ไม่เพียงพอทั้งหมด ใน กำไร หรือ ขาดทุน 1 6 มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ไม่มีข้อกาหนดให้ปฏิบัติเพิ่มเติมอีก หากผู้รับประกันภัย ได้ใช้การทดสอบความเพียงพอของหนี้สินซึ่งเป็นไปตามข้อกาหนดขั้นต่าดังต่อไปนี้แล้ว 1 6 . 1 การทดสอบ ได้ พิจารณาประมาณการปัจจุบันของกระแสเงินสดที่เกิดจากสัญญา ทั้งหมด รวมทั้งกระแสเงินสดที่เกิดจากรายการที่เกี่ยวข้อง เช่น ต้นทุนในการจัดการ ค่าสินไหมทดแทน และกระแสเงินสดที่เกิดจากการใช้สิทธิเลือกแฝงและการประกัน ผลประโยชน์ 1 6 . 2 หากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าหนี้สิน บันทึก ไม่เพียงพอ ส่วนที่ไม่เพียงพอทั้งหมด ต้องรับรู้ ใน กำไร หรือ ขาดทุน 1 7 หากนโยบายการบัญชีของผู้รับประกันภัยไม่ได้กาหนดให้ ทา การทดสอบความเพียงพอของ หนี้สินตามข้อกาหนดขั้นต่าในย่อหน้าที่ 1 6 ผู้รับประกันภัยต้อง 1 7 . 1 พิจารณา มูลค่าตามบัญชีของหนี้สินจากสัญญาประกันภัยที่เกี่ยวข้อง 1 หักด้วย มูลค่า ตามบัญชีของ 1 7 . 1 . 1 ต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้องใดๆ และ 1 7 . 1 . 2 สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องใดๆ เช่น สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาจาก การรวมธุรกิจ หรือการโอนกลุ่มสัญญาประกันภัย (ดูย่อหน้าที่ 3 1 และ 32 ) แต่ไม่รวมถึง สินทรัพย์จาก การ ประกันภัยต่อที่เกี่ยวข้อง เ นื่องจากผู้รับ ประกันภัยได้ แยก บันทึกรายการดังกล่าวต่างหากแล้ว (ดูย่อหน้าที่ 20 ) 1 7 . 2 พิจารณาว่า จำนวน ตามวิธีการในข้อ 1 7 . 1 น้อยกว่ามูลค่า ของ หนี้สินจากสัญญา ประกันภัยที่เกี่ยวข้อง หากพิจารณาภายใต้ขอบเขตของ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น หรือไม่ หากน้อยกว่า ผู้รับประกันภัยต้องรับรู้ส่วน ต่าง ทั้งหมด ใน กาไร หรือ ขาดทุน และ ปรับลด มูลค่าต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชี ที่เกี่ยวข้อง หรือสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้อง หรือปรับเพิ่มมูลค่าหนี้สินจาก สัญญา ประกันภัยที่เกี่ยวข้อง 1 8 หากการทดสอบความเพียงพอของหนี้สินของผู้รับประกันภัยเป็นไปตามข้อกำหนดขั้นต่า ในย่อหน้าที่ 1 6 ให้ทาการทดสอบความเพียงพอของหนี้สินโดยพิจารณาหนี้สินของทุกสัญญา ประกันภัยรวมกัน หากการทดสอบความเพียงพอของหนี้สินไม่เป็นไปตามข้อกาหนดขั้นต่า 1 หนี้สินจากสัญญาประกันภัยที่เกี่ยวข้องคือ หนี้สินจากสัญญาประกันภัย (รวมถึงต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชี ที่เกี่ยวข้อง และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้อง) ซึ่งนโยบายการบัญชีของผู้รับประกันภัยไม่ได้กำหนดให้ใช้ การทดสอบความเพียงพอของหนี้สินที่เป็นไปตามข้อกาหนดขั้นต่าในย่อหน้าที่ 1 6
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 10 ให้เปรียบเทียบกับหนี้สินซึ่งคานวณตามวิธีการที่อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 1 7 แบ่งตามกลุ่มสัญญา โดยกาหนดให้สัญญาที่มีความเสี่ยงโดยทั่วไปคล้ายคลึงกันและสามารถบริหารจัดการร่วมกันได้ ให้อยู่ในกลุ่มสัญญาเดียวกัน 1 9 มูลค่าที่อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 1 7 . 2 ( กล่าวคือ มูลค่าของหนี้สิน จากสัญญาประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้ตามเกณฑ์ของ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น) ต้อง สะท้อน กำไรขั้นต้นจากการลงทุนที่จะได้รับในอนาคต (ดูย่อหน้าที่ 27 ถึง 29 ) เฉพาะกรณีที่ มูลค่าของหนี้สินตามสัญญาประกันภัยที่อธิบายไว้ใน ย่อหน้าที่ 1 7 . 1 ได้สะท้อนถึงกาไรขั้นต้นเหล่านั้นด้วย การด้อยค่าของสินทรัพย์จาก การ ประกันภัยต่อ 20 หากสินทรัพย์จาก การ ประกันภัยต่อของผู้เอาประกันภัยต่อเกิดการด้อยค่า ผู้เอาประกันภัยต่อ ต้องปรับลดมูลค่าตามบัญชีลงตามจานวนที่เกิดการด้อยค่า และรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่า ใน กำไร หรือ ขาดทุน สินทรัพย์จาก การ ประกันภัยต่อเกิดการด้อยค่าเมื่อ 20 . 1 มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนอันเป็นผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการรับรู้ สินทรัพย์จาก การ ประกันภัยต่อ เมื่อเริ่มแรก ทาให้ผู้เอาประกันภัยต่ออาจจะไม่ได้รับ จำนวนเงินทั้งหมดตามเงื่อนไขของสัญญา และ 20 . 2 ผลกระทบ ต่อจานวนเงิน จากเหตุการณ์ที่ผู้เอาประกันภัยต่อจะได้รับจากผู้รับประกันภัยต่อ สามารถวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ การ ยก เว้นการถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง กํารเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทํางกํารเงิน เป็นการชั่วคราว 20 ก มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน กำหนดวิธีปฏิบัติ ทางบัญชีสำหรับเครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทา ง การเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน มีผลบังคับใช้สำหรับรอบ ระยะเวลารายงาน ที่เริ่มใน หรือหลังวันที่ 1 มกราคม 256 3 อย่างไรก็ตาม ผู้รับประกัน ภัยที่เข้าเงื่อนไข ตามย่อหน้า ที่ 20 ข ของ มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับ นี้ ได้รับ อนุญาต แต่ไม่ ถูก กำหนดให้ ยก เว้น การถือปฏิบัติ เป็นการชั่วคราว และให้ผู้รั บ ประกันภัย ถือปฏิบัติตาม แนวปฏิบัติทางการบัญชี เรื่อง เครื่องมือทํางกํารเงิน และกํารเปิดเผยข้อมูล สําหรับธุรกิจ ประกันภัย แทนการถือปฏิบัติตาม มาตรฐานกา ร รายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 สาหรับรอบ ระยะเวลารายงาน ที่เริ่มก่อน วันที่ 1 มกราคม 2568 หรือก่อนมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย มีผลบังคับใช้ ผู้รั บประกันภัยที่ใช้ การ ยก เว้นการถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงาน
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 11 ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว ต้อง 20 ก . 1 ใช้ ข้อกาหนดของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 ที่จาเป็นในการเปิดเผย ข้อมูลตามข้อกำหนดในย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ญ ของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ และ 20 ก. 2 ถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับอื่นๆ ที่เหมาะสมกับ เ ครื่องมือทางการเงินของกิจการ ยกเว้น ในเรื่องที่กาหนดตามย่อหน้า ที่ 20 ก ถึง 20 ด ย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ญ และย่อหน้า ที่ 46 ถึง 47 ของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ 20 ข ผู้รับประกันภัยอาจใช้ การ ยก เว้นการถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราวได้ก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไข ต่อไปนี้เท่านั้น 20 ข. 1 กิจการไม่เคยถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 มาก่อน นอก เหนือไป จาก กำรใช้ข้อกาหนด เรื่องการแสดง รายการ ผลกาไร และ ขาดทุนจาก หนี้สินทางการเงินที่ เลือก กาหนดให้ แสดง ด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน ตาม ย่อหน้า ที่ 5 . 7 . 1 . 3 ย่อหน้า ที่ 5 . 7 . 7 ถึง 5 . 7 . 9 ย่อหน้า ที่ 7 . 2 . 14 และ ข 5 . 7 . 5 ถึง ข 5 . 7 . 20 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และ 20 ข. 2 กิจกรรมของกิจการ ต้อง เกี่ยวข้อง กับการประกันภัย เป็นหลัก ตามที่ระบุไว้ ในย่อหน้า ที่ 20 ง ณ วันที่รายงานสำหรับรอบ ระยะเวลารายงาน ก่อนวันที่ 1 มกราคม 256 1 หรือ ณ วันที่รายงานสำหรับรอบ ระยะเวลารายงาน ถัดมา ที่ระบุไว้ ตามย่อหน้า ที่ 20 ช 20 ค ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 20 ง กิจกรรมของผู้รับประกันภัยจะ เกี่ยวข้อง กับการประกันภัย เป็นหลัก เฉพาะเมื่อ 20 ง. 1 มูลค่าตามบัญชีของหนี้สินจากสัญญาภายใต้ขอบเขตของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ โดยให้รวมถึงองค์ประกอบที่เป็นการฝากเงิน หรือ อนุพันธ์แฝง ซึ่งถูกแยกองค์ประกอบ จากสัญญาประกันภัย ตามข้อกาหนดของย่อหน้า ที่ 7 ถึง 12 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ มีนัยสาคัญเมื่อเทียบกับมูลค่าตามบัญชี ของหนี้สินทั้งหมด และ 20 ง. 2 ร้อยละของมูลค่าตามบัญชี รวม ของหนี้สิน ที่เกี่ยวข้อง กับการประกันภัย (ดูย่อหน้า ที่ 20 จ) เมื่อเทียบกับ มูลค่าตามบัญชีรวมของ หนี้สินทั้งหมด คิดเป็น 20 ง . 2 . 1 มากกว่าร้อยละ 9 0 หรือ 20 ง . 2 . 2 น้อยกว่า หรือเท่ากับ ร้อยละ 90 แต่มากกว่าร้อยละ 80 และผู้รับประกันภัย ไม่ได้ประกอบกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยอย่างมีนัยสาคัญ ( ดูย่อหน้า ที่ 20 ฉ )
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 12 20 จ เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามย่อหน้า ที่ 20 ง. 2 หนี้สินที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย ประกอบด้วย 20 จ. 1 หนี้สินที่เกิดจากสัญญาภายใต้ขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ ตามที่กาหนดในย่อหน้า ที่ 20 ง. 1 20 จ . 2 หนี้สินจากสัญญาลงทุนที่ไม่ใช่อนุพันธ์ที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือ ขาดทุน ตามการปฏิบัติทางบัญชีในปัจจุบัน (รวมถึงหนี้สินที่ เลือก กาหนดให้ แ สดงด้วย มูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนตามข้อกำหนดของ มาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน สาหรับ การแสดงรายการ ผล กาไร และขาดทุน (ดูย่อหน้า ที่ 20 ข. 1 ) และ 20 จ. 3 หนี้สินที่เกิดขึ้นเพราะผู้รับประกันภัยได้ออก หรือปฏิบัติตามภาระที่เกิดจากสัญญา ใน ย่อหน้าที่ 20 จ. 1 และ 20 จ. 2 ตั วอย่างของหนี้สินดังกล่าวรวมถึง อนุพันธ์ที่ใช้ ในการลดความเสี่ยงที่เกิดจากสัญญาเหล่านั้น และจากสินทรัพย์ที่หนุนหลังสัญญา เหล่านั้น หนี้สินทางภาษีที่เกี่ยวข้อง เช่ น หนี้สินภาษีเงินได้รอตัดบัญชีที่เกิด จาก ผล แตก ต่างชั่วครา วทางภาษีของหนี้สินจากสัญญาเหล่า นั้น และตราสารหนี้ ที่กิจการ ออกที่สามารถนับรวมเป็นเงินกองทุนตามข้อกาหนดของหน่วยงานกากับดูแลได้ 20 ฉ ในการประเมินว่ากิจการ ประกอบกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยอย่างมีนัยสาคัญ หรือไม่ตามวัตถุประสงค์ของ การถือปฏิบัติตาม ย่อหน้า ที่ 20 ง. 2 . 2 ผู้รับประกันภัยต้องพิจารณา 20 ฉ. 1 เฉพาะกิจกรรมที่กิจการอาจได้รับรายได้ และ เกิดค่าใช้จ่าย และ 20 ฉ. 2 ปัจจัยเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพ (หรือทั้ งสองปัจจัย) ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่เผยแพร่ สาธารณะ ทั่วไป เช่น การจัดกลุ่ม ประเภท ธุรกิจ ที่ผู้ใช้งบการเงินใช้ จัดกลุ่ม ผู้รับประกันภัย 20 ช ย่อหน้า ที่ 20 ข. 2 กาหนดให้กิจการป ระเมินว่ากิจการเข้าเงื่อนไขการยก เว้น การถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว ณ วันที่รายงานสาหรับรอบ รอบระยะเวลารายงาน ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2561 โดยภายหลังวันที่นั้น 20 ช. 1 กิจการที่เคยเข้าเงื่อนไข การ ยก เว้นการ ถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราวต้องประเมินใหม่ ว่ากิจกรรมของกิจการเกี่ยวข้องกับการประกันภัยเป็นหลัก ณ วันที่รายงานสาหรับ รอบ ระยะเวลารายงาน ถัด ไป เฉพาะในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของกิจการ ตามที่อธิบายในย่อหน้า ที่ 20 ซ ถึง 20 ฌ ในระหว่าง รอบระยะเวลารายงาน สิ้นสุด ณ วันที่นั้น 20 ช. 2 กิจการที่ เคย ไม่เข้าเงื่อนไข การ ยก เว้นการ ถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการ ชั่วคราว สามารถประเมินใหม่ว่ากิจกรรมของกิจการเกี่ยวข้องกับการประกันภัยเป็นหลัก ณ วันที่รายงานสาหรับรอบ ระยะเวลารายงาน ถัด ไป ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 256 3
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 13 เฉพาะในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของกิจการตามที่อธิบายในย่อหน้า ที่ 20 ซ ถึง 20 ฌ ในระหว่างรอบ ระยะเวลารายงาน สิ้นสุด ณ วันที่นั้น 20 ซ เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามย่อหน้า ที่ 20 ช การเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของกิจการคือ การเปลี่ยนแปลงที่ 20 ซ. 1 กำหนดโดย ผู้บริหารระ ดับสูง จาก ผล การเปลี่ยนแปลง ภายนอกหรือภายในกิจการ 20 ซ. 2 มีนัยสาคัญต่อการดาเนินกิจการ และ 20 ซ . 3 ปรากฎแจ้งชัดต่อบุคคลภายนอก ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อกิจการเริ่มหรือหยุดการดาเนินกิจกรรม ที่มีนัยสาคัญต่อการดาเนินงานหรือเปลี่ยนขนาดของกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งอย่างมีนัยสาคัญ เช่น เมื่อกิจการได้ ซื้อ จำหน่าย หรือ ยก เลิกกลุ่มธุรกิจ 20 ฌ การเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของกิจการตามย่อหน้า ที่ 20 ซ คำดว่า จะเกิดขึ้นน้อยครั้งมาก การเปลี่ยนแปลงที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมของกิจการตาม วัตถุประสงค์ ของการปฏิบัติตาม ย่อหน้า ที่ 20 ช 20 ฌ. 1 การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการจัดหาเงินทุน ซึ่งไม่กระทบกิจกรรมที่กิจการ ได้รับ รายได้และเกิดค่าใช้จ่าย 20 ฌ. 2 แผนการขายกลุ่มธุรกิจแม้ว่าสินทรัพย์และหนี้สินเหล่านั้นจะถูกจัดประเภทเป็นถือไว้ เพื่อขายและใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 5 เรื่อง สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ที่ถือไว้เพื่อขายและการดาเนินงานที่ยกเลิก แผนการขายกลุ่มธุรกิจอาจเปลี่ยนกิจกรรม ของกิจการและทาให้ต้องประเมิน ใหม่ในอนาคต แต่ยังไม่กระทบต่อหนี้สินที่รับรู้ ใน งบแสดงฐานะการเงิน 20 ญ ถ้ากิจการ ไม่เข้าเงื่อนไขการ ยกเว้น การถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผย ข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราวอันเนื่องจากผลการประเมินใหม่ (ดูย่อหน้า ที่ 20 ช. 1 ) กิจการสามารถใช้การ ยกเว้น การถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราวต่อไปได้จนถึงวันสิ้นรอบ ระยะเวลา รายงาน ที่เริ่มหลังจากการประเมินใหม่ดังกล่าว อย่างไร ก็ ตาม กิจการต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 สาหรับ รอบ ระยะเวลารายงาน ที่เริ่ม ใน หรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2568 หรือเมื่อมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย มีผลบังคับใช้ ตัวอย่างเช่น ถ้ากิจการประเมิน ตามย่อหน้า ที่ 20 ช. 1 แล้วว่ากิจการไม่เข้าเงื่อนไขการ ยกเว้น การ ถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 256 3 ( ณ วันสิ้นรอบ ระยะเวลารายงาน ) กิจการยังคงสามารถ ยกเว้น การถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราวได้จนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 256 4
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 14 20 ฎ ผู้รับประกันภัยที่เคยเลือกใช้การ ยกเว้น การถือปฏิบัติ ตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว ใน ต้นปีของ รอบ ระยะเวลา รายงาน ถัดไป อาจเลือก โดยเมื่อเลือกแ ล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ให้ถือปฏิบัติตาม มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 ผู้นามาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก 20 ฏ ผู้นำมาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก ตามนิยำมที่กำหนดในมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 เรื่อง การนามาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก อาจ ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือ ทางการเงิน เป็นการชั่วคราวตามย่อหน้า ที่ 20 ก ได้เฉพาะกรณี ที่ กิจการเข้าเงื่อนไขตามที่กาหนด ในย่อหน้า ที่ 20 ข ในการปฏิบัติตามย่อหน้า ที่ 20 ข. 2 ผู้นำมาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้ เป็นครั้งแรก ต้ องใช้มูลค่าตามบัญชี ที่จัดทาตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ณ วันที่ย่อหน้า ดังกล่าวระบุไว้ 20 ฐ มาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 1 เรื่อง การนามาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้ เป็นครั้งแรก ประกอบด้วยข้อกาหนดและข้อยกเว้น สาหรับผู้ นามาตรฐานการรายงานทางการเงิน มาใช้ เป็นครั้งแรก ข้อกาหนด และข้อยกเว้น เหล่ำ นี้ (ตัวอย่างเช่น ย่อหน้า ที่ ง 16 ถึง ง 17 ของ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 ) ไม่ได้มีผลบังคับเหนือกว่าข้อกาหนดตามย่ อหน้า ที่ 20 ก ถึง 20 ด และ 39 ข ถึง 39 ญ ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ ตัวอย่างเช่น ข้อกาหนดและข้อยกเว้นในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 ไม่มีผลต่อข้อกาหนด ให้ ผู้นามาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก ต้องเข้าเงื่อนไขที่ระบุตามย่อหน้า ที่ 20 ฏ เพื่อใช้การ ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือ ทางการเงิน เป็นการชั่วคราว 20 ฑ ผู้นำมาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก ที่เปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนด ในย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ญ ต้องใช้ ข้อกาหนดและข้อยกเว้นในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 เรื่อง การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินมาใช้เป็นครั้งแรก ที่เกี่ยวข้องเพื่อ ทาการประเมิน ตามข้อกาหนดสาหรับการเปิดเผยข้อมูล การ ยกเว้น การถือปฏิบัติ ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ของ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 28 เรื่อง เงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า เป็นการชั่วคราว 20 ฒ ย่อหน้าที่ 35 ถึง 36 ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 28 เรื่อง เงินลงทุนในบริษัทร่ว ม และ การร่วมค้า กาหนดให้กิจการใช้ นโยบายการบัญชีเดียวกันสาหรับการนาวิธีส่วนได้เสียมาปฏิบัติ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 15 อย่างไรก็ตาม สำหรับรอบ ระยะเวลารายงาน ที่เริ่มก่อน วันที่ 1 มกราคม 2568 หรือก่อน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย มีผลบังคับใช้ กิจการ ได้รับ อนุญาตแต่ไม่ถูกกำหนดให้สามารถยังคงใช้นโยบายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ บริษัทร่วมหรือ การร่วมค้า ในเรื่องต่อไปนี้ 20 ฒ . 1 กิจการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน แต่บริษัทร่วมหรือ การร่วมค้า ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เ ป็นการชั่วคราว หรือ 20 ฒ. 2 กิจการ ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว แต่บริษัทร่วมหรือการร่วมค้า ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 7 20 ณ เมื่อกิจการใช้ วิธีส่วนได้เสียสาหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วมหรือการร่วมค้า 20 ณ. 1 ถ้า มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับ ที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เคย ได้รับการปฏิบัติ สาหรับงบการเงินที่นามาจัดทา ตาม วิธีส่วนได้เสียสาหรับบริษัทร่วม หรือการร่วมค้านั้น (หลังการปรับปรุงโดยกิจการ) มาก่อน ก็ให้ ปฏิบัติ ตาม มาตรฐาน รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 ต่อไป 20 ณ. 2 ถ้า งบการเงินที่นำมาจัดทำ ตาม วิธีส่วนได้เสียสำหรับบริษัทร่วมหรือการร่วมค้า (หลั งการปรับปรุงโดยกิจการ) เคย ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว มาก่อน ก็อาจจะนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 มาถือปฏิบัติได้ในภายหลัง 20 ด กิจการอาจถือปฏิบัติตามย่อหน้า ที่ 20 ฒ และ 20 ณ. 2 แยกต่างหากสาหรับแต่ละบริษัทร่วมหรือ การร่วมค้าได้ การเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ในการกาหนด กระแสเงินสดตามสัญญาอันเป็นผลจากการปฏิรูป อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 20 ต ผู้รับประกันภัยที่ใช้การยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว ต้องถือปฏิบัติตามข้อกาหนดในย่อหน้าที่ 5 . 4 . 6 ถึง 5 . 4 . 9 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงินกับสินทรั พย์ ทางการเงินหรือหนี้สินทางการเงิน ก็ต่อเมื่อเกณฑ์ในการกาหนดกระแสเงินสดตามสัญญาของ สินทรัพย์ทางการเงินหรือหนี้สินทางการเงินเปลี่ยนแปลงไปอันเป็นผลจากการปฏิรูปอัตรา ดอกเบี้ยอ้างอิง เพื่อวัตถุประสงค์นี้ คำศัพท์ “ การปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ” หมายถึง
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 16 การปฏิรู ปอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่มีผลกระทบต่อตลาดในวงกว้าง ตามที่อธิบายในย่อหน้าที่ 6 . 8 . 2 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน 20 ถ (ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง) การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี 2 1 ข้อความตามย่อหน้าที่ 22 ถึง 30 ให้นามาถือปฏิบัติสาหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี ของผู้รับประกันภั ย 22 ผู้รับประกันภัย อาจ เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสำหรับสัญญาประกันภัยได้ก็ต่อเมื่อ การเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้งบการเงิน เกี่ยวข้องกับ การตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ของผู้ใช้ งบการเงิน มากขึ้นและไม่ทาให้ความน่าเชื่อถือลดลง หรือทาให้ความน่าเชื่อถือมากขึ้นและ ไม่ทาให้ ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ลดลง ผู้รับประกันภัย ต้อง พิจารณา ความเกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจ เชิงเศรษฐกิจ และความ น่า เชื่อถือได้ตามเกณฑ์ที่กาหนดไว้ ในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการ ทางบัญชีและข้อผิดพลาด 23 เพื่อสนับสนุนการ เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสาหรับสัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้อง แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นทาให้งบการเงินเป็นไปตามเกณฑ์ในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด มากขึ้น แต่ การ เปลี่ยน แปลงไม่จำ เป็น ต้อง เป็น ไปตามเกณฑ์เหล่านั้นทั้งหมด โดยเฉพาะ ประเด็น ดังต่อไป นี้ 23 . 1 อัตราดอกเบี้ยในตลาดปัจจุบัน ( ย่อหน้าที่ 24 ) 23 . 2 การถือปฏิบั ติตามแนวปฏิบัติที่ใช้อยู่ต่อไป ( ย่อหน้าที่ 25 ) 23 . 3 ความร ะมัดระวัง ( ย่อหน้าที่ 26 ) 23 . 4 กาไรขั้นต้นจากการลงทุนที่จะได้รับในอนาคต ( ย่อหน้าที่ 27 ถึง 29 ) และ 23 . 5 การบัญชีเงา ( ย่อหน้าที่ 30 ) อัตราดอกเบี้ยใน ตลาดปั จจุบัน 24 ผู้รับประกันภัยได้รับอนุญาตแต่ไม่ได้ถูกกาหนดให้ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเพื่อที่จะ วัดมูลค่าหนี้สินจากสัญญาประกัน ภั ย 2 ให้ สะท้อนถึงอัตราดอกเบี้ยในตลาดปัจจุบัน และรับรู้ การเปลี่ยนแปลงในหนี้สินเหล่านั้นใน กาไร หรือ ขาดทุน ในขณะเดียวกัน ผู้รับประกันภัยอาจเริ่ม นา นโยบายการบัญชีที่กาหนดให้ใช้การประมาณการโดยใช้ข้อมูลและ ข้อสมมติ อื่นๆ ที่เป็นปัจจุบัน 2 ในย่อหน้านี้ หนี้สินจากสัญญาประกันภัย ได้รวมถึงต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง และสินทรัพย์ไม่มี ตัวตนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะกล่าวไว้ในย่อหน้าที่ 3 1 และ 32
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 17 เพื่อวัดมูลค่าหนี้สิน ในย่อหน้านี้อนุญาตให้ผู้รับประกันภัยสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง นโยบายการบัญชีสาหรับหนี้สินจากสัญญาประกันภัยได้ โดยไม่ต้อง ใช้นโยบาย การบัญชี ดังกล่าว โดยสม่าเสมอกับหนี้สินอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นการยกเว้นไม่ต้อง ปฏิบัติตาม ข้อกาหนดไว้ในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณ การทางบัญชีและข้อผิดพลาด หากผู้รับประกันภัยเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง นโยบายการบัญชี ตามย่อหน้านี้ ผู้รับประกันภัยต้องใช้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปัจจุบัน ( รวมทั้งใช้การประมาณการ และ ข้อสมมติ อื่นๆ ที่เป็นปัจจุบัน ( ถ้ามี ) ) อย่างสม่าเสมอต่อไปในทุกงวดบัญชีในการวัดมูลค่า หนี้สินเหล่านั้นทั้งหมดจนกว่าภาระหนี้สินนั้นจะหมดไป การถือปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ใช้อยู่ต่อไป 25 ผู้รับประกันภัยอาจยังคงใช้แนวปฏิบัติเหล่านี้ต่อไปได้ แต่การเริ่มนาแนวปฏิบัติเหล่านี้เข้ามาใช้นั้น ถือว่า ไม่ ปฏิบัติตามข้อกาหนดของย่อหน้าที่ 22 25 . 1 การวัดมูลค่าหนี้สินจากสัญญาประกันภัยโดย ใช้หลักการไม่คิดลด 25 . 2 การวัดมูลค่าสิทธิตามสัญญาที่จะได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการลงทุนในอนาคต ด้วยมูลค่าที่สูงกว่ามูลค่ายุติธรรมของค่าธรรมเนียมดังกล่าว โดยเปรียบเทียบกับ ค่าธรรมเนียมในปัจจุบันซึ่งเรียกเก็บโดยผู้ให้บริการในตลาดรายอื่นๆ ซึ่งให้บริการ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่ง เป็นไปได้ ว่ามูลค่ายุติธรรมเมื่อเริ่มแรกของสิทธิตามสัญญาเหล่านั้น จะเท่ากับต้นทุนในการเริ่มต้นที่จ่ายไป เว้นแต่ค่าธรรมเนียมการจัดการลงทุน ในอนาคตและต้นทุนที่เกี่ยวข้องนั้นจะแตกต่างไปจากค่าธรรมเนียมและต้นทุนของ ตลาดที่เปรียบเทียบกันได้เป็นอย่างมาก 25 . 3 การใช้นโยบายการบัญชีที่แตกต่างกันสาหรับสัญญาประกันภัย ( รวมทั้ง ต้นทุนในการได้มา รอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้อง ( ถ้ามี ) ) ของบริษัทย่อย ยกเว้นตามที่อนุญาตโดยย่อหน้าที่ 24 หาก นโยบายการบัญชีเหล่านั้นมีความแตกต่างกัน ผู้รับประกันภัยอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีได้หากการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ทาให้นโยบายการบัญชีมีความหลากหลายมากกว่าเดิม และการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นไปตามข้อกำหนดอื่นๆ ในมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ด้วย ความระมัดระวัง 26 ผู้รับประกันภัยไม่จาเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสาหรับสัญญาประกันภัยเพื่อขจัด ความระมัดระวังที่มากเกินความจาเป็น อย่างไรก็ตามหากผู้รับประกันภัยได้วัดมูลค่าหนี้สิน จากสัญญา ประกันภัยด้วยความระมัดระวังที่เพียง พอ อยู่แล้ว ผู้รับประกันภัยไม่ควรเพิ่ม ความระมัดระวัง ขึ้น ไป อีก
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 18 กำไรขั้นต้นจากการลงทุนที่จะได้รับในอนาคต 27 ผู้รับประกันภัยไม่จาเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสาหรับสัญญาประกันภัยเพื่ อขจัด กาไรขั้นต้นจากการลงทุนที่จะได้รับในอนาคต อย่างไรก็ตามมี ข้อสมมติ ที่โต้แย้ง ว่างบการเงินของ ผู้รับประกันภัยอาจเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจของผู้ใช้งบการเงินและน่าเชื่อถื อ น้อย ลง หากผู้รับประกันภัยนานโยบายการบัญชีที่สะท้อนกาไรขั้นต้นจากการลงทุนที่จะได้รับใน อนาคตเข้ามาใช้ในการวัดมูลค่าสัญญาประกันภัย เว้นแต่กาไรขั้นต้นเหล่านั้น กระทบต่อการชาระ หนี้สินตามสัญญาประกันภัย ตัวอย่างของนโยบายการบัญชีที่สะท้อนถึงกาไรขั้นต้นเหล่านั้น ได้แก่ 27 . 1 ใช้อัตราคิดลดที่สะท้อนถึงประมาณการผลตอบแทนจากสินทรัพย์ของผู้รับประกันภัย หรือ 27 . 2 ประมาณการ จานวน ผลตอบแทน จากสินทรัพย์โดยใช้อัตรา ผลตอบแทน โดยประมาณ และ คิดลด จำนวน ผลตอบแทน นั้น ด้วยอัตรา คิดลด อีกอัตราหนึ่ง และนาผลที่ได้ไป รวม ในการวัดมูลค่าของหนี้สิน 28 ผู้รับประกันภัยอาจหักล้าง ข้อสมมติ โต้แย้ง ในย่อหน้าที่ 27 ได้ ถ้า องค์ประกอบอื่นๆ ของ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีทาให้งบการเงินเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจของ ผู้ใช้งบการเงินและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น พอเพียงที่จะทาให้มีความสาคัญ กว่าการลดลงของ ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและความน่าเชื่อถือหากผู้รับประกันภัยรวมกำไรขั้นต้นจาก กำรลงทุนที่จะได้รับในอนาคตเข้าไปในการวัดมูลค่าหนี้สิน ตัวอย่างเช่น สมมติว่านโยบายการบัญชี สาหรับสัญญาประกันภัยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของผู้รับประกันภัยบันทึกหนี้สิน ณ วันเริ่มต้นสัญญา ด้วย ข้อสมมติ ที่สะท้อนความระมัดระวังมากเกินความจำเป็น และใช้อัตราคิดลด ที่กำหนด โดยหน่วยงานกากับดูแลโดยไม่ อ้างอิงโดยตรงกับ สภาวะตลาด และไม่ ได้ พิจารณาถึงผลกระทบ จากสิทธิ เลือกแฝงและการประกันผลประโยชน์ ผู้รับประกันภัยอาจทาให้งบการเงินเกี่ยวข้องต่อ การตัดสินใจมากขึ้นโดยไม่ทาให้ความน่าเชื่อถือลดลง โดยเปลี่ยนไปใช้หลักการบัญชีที่มุ่งเน้น การให้ ข้อมูลในภาพรวมเพื่อการตัดสินใจลงทุนซึ่งใช้กันอย่างกว้างขวางและเกี่ยวข้องกับ 28 . 1 ประมาณการและสมมติฐานที่เป็นปัจจุบัน 28 . 2 การปรับปรุงอย่างสมเหตุสมผล ( แต่ไม่ได้ระมัดระวังมากเกินความจาเป็น) เพื่อให้ สะท้อนถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอน 28 . 3 การวัดมูลค่าซึ่งสะท้อนทั้งมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าตามเวลาของสิทธิเลือกแฝงและ การประกันผลประโยชน์ และ 28 . 4 อัตราคิดลดในตลาดปัจจุบัน แม้ว่าอัตราคิดลดนั้นจะสะท้อนถึงผลตอบแทน โดยประมาณจากสินทรัพย์ของผู้รับประกันภัย 29 ในวิธีการ วัดมูลค่าบางวิธี จะ ใช้ อัตราคิดลด ในการพิจารณา มูลค่าปัจจุบันของกำไรขั้นต้น ในอนาคต จากนั้น กำไรขั้นต้น ดังกล่าว จะถูกปัน ส่วน ไปยังงวดเวลาต่างๆ โดยการใช้สูตรคานวณ ซึ่ง วิธี การ ดังกล่าวทาให้ อัตราคิดลดมีผลกระทบโดยอ้อมต่อการวัดมูลค่าของหนี้สิน กล่าวคือ การใช้อัตราคิดลดที่ไม่เหมาะสมจะมีผลก ระทบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีผลกระทบเลยต่อ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 19 การวัดมูลค่าของหนี้สินเมื่อเริ่มแรก อย่างไรก็ตามยัง มี วิธีการวัดมูลค่าอื่นที่อัตราคิดลดจะเป็น ตัวกาหนดมูลค่าของหนี้สินโดยตรง ในกรณีหลังนั้นการใช้อัตราคิดลด ซึ่งคิดจากผลตอบแทน ของสิ นทรัพย์จะเกิดผลกระทบอย่างมีนัยสาคัญมากกว่า จึงไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ผู้รับประกันภัย จะสามารถหักล้าง ข้อสมมติ โต้แย้ง ในย่อหน้าที่ 27 ลงได้ การบัญชีเงา 30 ในแบบจาลองทางบัญชีบางแบบ ผล กำไรหรือขาดทุนที่เกิด ขึ้น จริงจากสินทรัพย์ของผู้รับ ประกันภัยจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการวัดมูลค่าบางส่วนหรือทั้งหมดของ ( 1 ) หนี้สินจาก สัญญาประกันภัย ( 2 ) ต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง และ ( 3 ) สินทรัพย์ไม่มี ตัวตนที่เกี่ยวข้อง เช่น รายการที่อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 3 1 และ 32 ผู้รั บประกันภัยได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้ถูกกำหนดให้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเพื่อให้ ผล กำไรหรือขาดทุนที่รับรู้แล้ว แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากสินทรัพย์ มีผลกระทบต่อการวัดมูลค่ารายการดังกล่าว ไปในทางเดียวกัน กับ ผลกระทบจาก ผล กาไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง กล่าวคือ การปรับปรุงที่เกี่ยวข้องกับหนี้สิน จากสัญญาประกันภัย ( หรือต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชี หรือสินทรัพย์ไม่มีตัวตน) ต้องถูก รับรู้ใน กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่ น เฉพาะกรณีที่ ผล กาไรหรือขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ดังกล่าว ถูกรับรู้ใน กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น วิธีปฏิบัตินี้ เรียกว่า “ การบัญชีเงา ” สัญญาประกันภัยที่ได้มาจากการรวมธุรกิจหรือการโอนกลุ่มสัญญาประกันภัย 3 1 เพื่อให้เป็นไปตาม มาตรฐานการรายงานทาง การเงิน ฉบับที่ 3 เรื่อง การรวมธุรกิจ ณ วันที่ซื้อ ผู้รับ ประกันภัยต้องวัดมูลค่ายุติธรรมของหนี้สินจากสัญญาประกันภัยและ สินทรัพย์จาก สัญญา ประกันภัย ที่ได้รับโอนมาด้วยมูลค่ายุติธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้รับประกันภัยได้รับอนุญาตแต่ไม่ได้ ถูกกาหนดให้แสดงข้อมูลเพิ่มเติม โดย แยกมูลค่ายุติธรรมของสัญญาประกันภัยที่ได้มาออกเป็น สององค์ประกอบดังนี้ 3 1 . 1 หนี้สิน ที่ วัดมูลค่าตามนโยบายการบัญชีของผู้ รับประกันภัย สาหรับ สัญญาประกันภัย ที่ออก และ 3 1 . 2 สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ซึ่งเป็นผลต่างระหว่าง ( 1 ) มูลค่ายุติธรรมของสิทธิและภาระผูกพัน จากการประกันภัยที่รับโอนมา และ ( 2 ) มูลค่าที่อธิบายในข้อ 3 1 . 1 โดยการวัดมูลค่า ภายหลัง การรับรู้สินทรัพย์ไม่มีตัวตนนี้ต้องสอดคล้องกับการวัดมูลค่า ของหนี้สินจาก สัญญาประกันภัยที่เกี่ยวข้อง 32 ผู้รับประกันภัยที่ เป็นผู้ซื้อ กลุ่มสัญญาประกันภัยอาจแสดงข้อมูลเพิ่มเติมตามที่อธิบายไว้ใน ย่อหน้าที่ 3 1 33 สินทรัพย์ไม่มีตัวตนตามที่อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 3 1 และ 32 ไม่อยู่ในขอบเขตของ มาตรฐาน การบัญชี ฉบับที่ 36 เรื่อง การด้อยค่าของสินทรัพย์ และมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 38 เรื่อง สินทรัพย์ไม่มีตัวตน อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการบัญชีทั้งสองฉบับดังกล่าวถือปฏิบัติกับ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 20 สินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่นๆ ได้แก่ รายชื่อของลูกค้าและ ความสัมพันธ์กับลูกค้าซึ่งสะท้อนถึง ความคาดหวังที่จะ ได้มาซึ่งสัญญาประกันภัยในอนาคต ซึ่งสัญญาเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ สิทธิและภาระผูกพันจาก การ ประกันภัยซึ่งมีอยู่ ณ วันที่เกิดการรวมธุรกิจหรือการโอนกลุ่ม สัญญาประกันภัย ลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ ลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจในสัญญาประกันภัย 34 สัญญาประกันภัยบางสัญญาประกอบด้วยส่ วนที่เป็นการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ และ ส่วนการประกันผลประโยชน์ ทั้งนี้ผู้ออกสัญญาดังกล่าว 34 . 1 อาจจะแต่ไม่จาเป็นต้องรับรู้ส่วนการประกันผลประโยชน์แยกต่างหากจากส่วนของ การร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ หากผู้ออกสัญญาไม่รับรู้รายการดังกล่าว แยกจากกัน ให้จัดประเภทสัญญาทั้งฉบับเป็นหนี้สิน หากผู้ออกสัญญา แยก รายการ ดังกล่าว ออก จากกัน ให้จัดประเภทส่วนการประกันผ ลประโยชน์เป็นหนี้สิน 34 . 2 ถ้า แยกส่วนของการร่วมรับผลประโยชน์ ตามดุลยพินิจ ออกจากส่วนการประกัน ผลประโยชน์ ผู้ออกสัญญา ต้องจัดประเภทส่วนของการร่วมรับผลประโยชน์ตาม ดุลยพินิจเป็นหนี้สินหรือแสดงเป็นรายการแยกอ อกมาภายใต้ส่วนของเจ้าของ มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ไม่ได้ระบุวิธีการในการ พิจารณา ว่าควรแสดง ส่วนของ การร่วมรับผลประโยชน์ ตามดุลยพินิจ นั้นเป็นหนี้สินหรือส่วนของเจ้าของ อย่างไร ผู้ออก สัญญา อาจแยกองค์ประกอบของส่วนของการร่วมรับผลประโยชน์ ตาม ดุลยพินิจ แบ่ง เป็นส่วนที่เป็นหนี้สินและส่วนที่เป็นส่วนของเจ้าของก็ได้ แ ละต้องใช้ นโยบายการบัญชีในการ แยก อ งค์ประกอบดังกล่าวอย่างสม่าเสมอ ผู้ออก สัญญา ต้อง ไม่จัดประเภท ส่วนของ การร่วมรับประโยชน์เป็นรายการที่ไม่ใช่ทั้งหนี้สินและส่วนของ เจ้าของ 34 . 3 อาจรับรู้เบี้ยประกันภัยรับทั้งหมดเป็นรายได้โดยไม่แยกองค์ประกอบที่เป็นส่วนของ เ จ้าของ โดยที่การเปลี่ยนแปลงในส่วนการประกันผลประโยชน์และในส่วนของการร่วมรับ ผลประโยชน์ตามดุลยพินิจซึ่งถูกจัดประเภทเป็นหนี้สินต้องรับรู้ใน กาไร หรือ ขาดทุน หากส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ ถูกจัดประเภทไว้ในส่วนของเจ้าของ ผู้ออกสัญญา ต้อง ปันส่วนกาไรหรือขาดทุนให้กับ ส่วนของการร่วมรับผลประโยชน์ ตามดุลยพินิจ ดังกล่าว ( เช่นเดียวกับการปันส่วนกาไร หรือขาดทุนให้กับส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) ผู้ออก สัญญา ต้องรับรู้ส่วนของกาไรหรือ ขาดทุนที่ปันส่วนให้กับองค์ประกอบที่เป็นส่วนของเจ้าของของการร่วมรับผลประโยชน์ ตามดุลยพินิจเป็นการจัดสรรกำไรหรือขาดทุน ไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายหรือรายได้ ( ดูมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 เรื่อง การนำเสนองบการเงิน )
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 21 34 . 4 หากสัญญานั้นมีอนุพันธ์ทางการเงินแฝงที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของมาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ให้นามาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับดังกล่าวมาถือปฏิบัติกับอนุพันธ์ทางการเงินแฝงนั้น 34 . 5 สำหรับกรณีอื่นๆ ที่ไม่ได้อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 1 4 ถึง 20 และ 34 . 1 ถึง 34 . 4 ผู้ออก สัญญา ต้องใช้นโยบายการบัญชีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันต่อไปสาหรับสัญญาดังกล่าว เว้นแต่ผู้ออก สัญญา เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเหล่านั้นตามย่อหน้าที่ 2 1 ถึง 30 ลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจใน เครื่ องมือทางการเงิน 35 ข้อกำหนดในย่อหน้าที่ 34 ให้ถือปฏิบัติกับ เครื่องมือทางการเงิน ซึ่งมีลักษณะการร่วมรับ ผลประโยชน์ตามดุลยพินิจด้วย นอกจากนี้ 35 . 1 หากผู้ออก สัญญำ จัดประเภทลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจทั้งหมด เป็นหนี้สิน ผู้ออก สัญญา ต้องนาวิธีการทดสอบความเพียงพอของหนี้สินในย่อหน้าที่ 1 5 ถึง 1 9 มาถือปฏิบัติกับสัญญาทั้งฉบับ ( กล่าวคือ ทั้งส่วนการประกันผลประโยชน์และ ลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ) ผู้ออก สัญญา ไม่จาเป็นต้องใช้วิธี การวัดมูลค่าตามมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน มาถือปฏิบัติกับส่วนการประกันผลประโยชน์ 35 . 2 หากผู้ออก สัญญา จัดประเภทส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ ตามดุลยพินิจเป็นองค์ประกอบแยกต่างหาก ใน ส่วนของเจ้าของ หนี้สินที่รับรู้สาหรับ สัญญาทั้งฉบับต้องไม่น้อยกว่ามูลค่าหนี้สินจากส่วนการประกันผลประโยชน์หากได้มี การวัดค่าตามมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าที่แท้จริงของสิทธิเลือกที่จะ เวนคืนสัญญา แต่ไม่จาเป็นต้อง รวมมู ลค่าตามเวลาหากย่อหน้าที่ 9 ยกเว้น กา ร วัด ค่าสิทธิเลือกนั้นด้วยมูลค่ายุติธรรม ผู้ออก สัญญา ไม่จาเป็นต้องเปิดเผยมูลค่าจากการนามาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 ดังกล่าวมาถือปฏิบัติกับส่วนการประกันประโยชน์ และไม่จาเป็นต้องนาเสนอ มูลค่านั้นเป็นรายการแยกต่างหาก นอกจากนี้ในกรณีที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหนี้สิน สำหรับสัญญาทั้งฉบับสูงกว่า ผู้ออก สัญญา ไม่จำเป็นต้องคำนวณหามูลค่าของ ส่วนการประกันผลประโยชน์อีก 35 . 3 ถึงแม้ว่าสัญญาเหล่านี้เป็น เครื่องมือทางการเงิน ผู้ออก สัญญา อาจรับรู้เบี้ยประกันภัย สาหรับสัญญาดังกล่าวเป็นรายได้ และรับรู้การเพิ่มขึ้นในมูลค่าตามบัญชีของหนี้สิน เป็นค่าใช้จ่ายต่อไปได้ 35 . 4 ถึงแม้ว่าสัญญาเหล่านี้เป็น เครื่องมือทางการเงิน ผู้ออก สัญญา ที่นาย่อหน้าที่ 20 . 2 ของ มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน มาถือปฏิบัติกับสัญญาที่มีลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ ต้องเปิดเผย
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 22 ดอกเบี้ยจ่าย ทั้งหมด ที่ รับรู้ใน กาไร หรือ ขาดทุน แต่ไม่จาเป็นต้องคานวณดอกเบี้ยจ่าย ดังกล่าวโดยใช้วิธีดอกเบี้ยที่แท้จริง 35 ก การ ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราวตามย่อหน้า ที่ 20 ก ย่อหน้า ที่ 20 ฏ และย่อหน้า ที่ 20 ฒ และการใช้ วิธี ปรับ ผลกระทบรายการ ( the overlay approach ) ตามย่อหน้า ที่ 35 ข ให้ สามารถ นำมาปฏิบัติกับ ผู้ออกเครื่องมือทางการเงินที่มีลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจด้วยเหตุนี้การอ้างอิง คาว่าผู้รับประกันภัย ทั้งหมดในย่อหน้า ที่ 3 . 1 ถึง 3 . 2 ย่อหน้า ที่ 20 ก ถึง 20 ด ย่อหน้า ที่ 35 ข ถึง 35 ฑ ย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ฐ และย่อหน้า ที่ 46 ถึง 49 ให้หมายถึงผู้ออกเครื่องมือทางการเงิน ที่มีลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตามดุลยพินิจด้วย การแสดงรายการ วิธี ปรับผลกระทบรายการ 35 ข ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ค ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ง ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 จ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ฉ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ช ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ซ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ฌ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ญ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ฎ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ฏ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ฐ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 35 ฑ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) การเปิดเผยข้อมูล การอธิบายจานวนเงินที่รับรู้ในงบการเงิน 36 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อระบุและอธิบายถึงจานวนเงินในงบการเงินที่เกิดจาก สัญญาประกันภัย 37 เพื่อให้เป็นไปตามย่อหน้าที่ 36 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผย
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 23 37 . 1 นโยบายการบัญชีสาหรับสัญญาประกันภัย และสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ และค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้อง 37 . 2 สินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ และค่าใช้จ่าย ที่รั บรู้ในงบการเงิน (และกระแสเงินสด หากผู้รับ ประกันภัยนาเสน องบกระแสเงินสดโดยใช้วิธีทางตรง) ซึ่งเกิดจากสัญญาประกันภัย นอกจากนี้ หากผู้รับประกันภัยเป็นผู้เอาประกันภัยต่อ ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผย 37 . 2 . 1 ผล กำไร หรือขาดทุนที่รับรู้ใน กำไร หรือ ขาดทุน จากการซื้อประกันภัยต่อ และ 37 . 2 . 2 ค่าตัดจาหน่ายสาหรับ งวด และมูลค่า ตามบัญชีหลังหักค่าตัดจาหน่ายสะสม ณ วันต้นงวดและวันสิ้นงวด หากผู้เอาประกันภัยต่อบันทึก ผล กำไรและ ขาดทุนที่เกิดจากการซื้อประกันภัยต่อเป็นรายการรอการตัดบัญชีและ ตัดจาหน่ายรายการดังกล่าว 37 . 3 วิธี การที่ใช้ในการกาหนด ข้อสมมติ ที่ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อการวัดมูลค่าจานวนเงิน ของรายการ ที่รับรู้ ในย่อหน้าที่ 37 . 2 หากปฏิบัติได้ ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผย จานวน เงิน ตาม ข้อสมมติ ที่ ถูกใช้ เหล่านั้นด้วย 37 . 4 ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในสมมติฐานที่ใช้วัดมูลค่าสินทรัพย์จาก สัญญา ประกันภัย และหนี้สินจากสัญญาประกันภัย โดยแยกแสดงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง แต่ละรายการซึ่งมีผลกระทบอย่างเป็นสาระสาคัญต่องบการเงิน 37 . 5 การกระทบยอดการเปลี่ยนแปลงในหนี้สินจากสัญญาประกันภัย สินทรัพย์จาก การ ประกันภัยต่อ และต้นทุนในการได้มารอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้ อง (ถ้ามี) ลักษณะและขอบเขตของความเสี่ยงที่เกิดจากสัญญาประกันภัย 38 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินประเมินลักษณะและขอบเขตของ ความเสี่ยงที่เกิดจากสัญญาประกันภัย 39 เพื่อให้เป็นไปตามย่อหน้าที่ 38 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผย 39 . 1 วัตถุประสงค์ นโยบาย และกระบวนการในการบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากสัญญา ประกันภัย และวิธีการที่จะใช้จัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้น 39 . 2 (ย่อหน้านี้ไม่ใช้) 39 . 3 ข้อมูลเกี่ยวกับ ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย (ทั้งก่อนและหลังการใช้การประกันภัย ต่อเพื่อลดความเสี่ยง) รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับ 39 . 3 . 1 ความอ่อนไหวของความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย (ดูย่อหน้าที่ 39 ก ) 39 . 3 . 2 การกระจุกตัวของความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย รวมถึงวิธีการที่ผู้บริหาร ใช้ เพื่อ พิจารณา การกระจุกตัวของความเสี่ยงดังกล่าว และการอธิบายถึง ลักษณะร่วมที่ ระบุ ถึงการกระจุกตัวแต่ ละ ประเภท (เช่น ประเภทของ เหตุการณ์ที่รับประกันภัย พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ หรือ สกุลเงิน ) 39 . 3 . 3 จานวนค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นจริงเปรียบเทียบกับจานวนที่ประมาณการไว้ ( กล่าวคือ พัฒนาการของค่าสินไหมทดแทน ) การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 24 พัฒนาการของค่าสินไหมทดแทนต้องเปิดเผยย้อนหลังตั้งแต่รอบบัญชี ที่ค่าสินไหมทดแทนที่มีสาระสาคัญล่าสุดเกิดขึ้นโดยที่ค่าสินไหมทดแทน ดังกล่าวยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนเงินและ จังหวะเวลา ของการจ่ายค่าสินไหมทดแทนนั้น แต่ไม่จาเ ป็นต้องย้อนหลังไปเกินกว่า สิบปี ผู้รับประกันภัยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลพัฒนาการสำหรับค่า สินไหมทดแทนซึ่งความไม่แน่นอน เกี่ยวกับ จานวนเงินและ จังหวะเวลา ของ การจ่ายค่าสินไหมทดแทนสามารถยุติได้ภายในหนึ่งปี 39 . 4 ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และความเสี่ยง ด้านตลาด ซึ่ งจะต้องถือปฏิบัติตามย่อหน้าที่ 3 1 ถึง 42 ของมาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน หากสัญญา ประกันภัยนั้นอยู่ภายในขอบเขตของมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม 39 . 4 . 1 ผู้รับประกันภัยไม่จาเป็นต้อง เปิดเผย ข้อมูลการวิเคราะห์การครบกาหนด ตามที่กำหนดในย่อหน้าที่ 39 . 1 และ 39 . 2 ของมาตรฐาน การรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน หากผู้รับประกันภัยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับระ ยะเวลาโดยประมาณของ กระแสเงินสดจ่าย สุทธิซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้หนี้ สิน จากสัญญา ประกันภัยแทน ทั้งนี้ อาจทาในรูปแบบของการวิเคราะห์ด้วยการประมาณการ จังหวะเวลา ของจานวนเงินที่รับรู้ใน งบแสดงฐานะการเงิน 39 . 4 . 2 หากผู้รับประกันภัยเลือกใช้วิธีการอื่นในการจัดการความอ่อนไหวต่อ สภาวะตลาด เช่น การวิเคราะห์มูลค่าแฝง ผู้รับประกันภัยอาจจะใช้การวิเคราะห์ ความอ่อนไหวนั้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อกาหนดในย่อหน้าที่ 40 . 1 ของมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน และผู้รับประกันภัยต้องจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่กาหนดโดยย่อหน้าที่ 4 1 ของมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับดังกล่าวด้วย 39 . 5 ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านตลาดซึ่งเกิดจากอนุพันธ์ทางการเงินแฝงที่อยู่ในสัญญา ประกันภัยหลัก หากผู้รับประกันภัยไม่ได้ถูกกาหนดให้วัดมูล ค่าและไม่ได้วัดมูลค่า อนุพันธ์ทางการเงินแฝงด้วยมูลค่ายุติธรรม 39 ก เพื่อให้ปฏิบัติเป็นไปตามย่อหน้าที่ 39 . 3 . 1 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลตาม 39 ก . 1 หรือ 39 ก . 2 ข้อใดข้อ หนึ่ง ดังต่อไปนี้ 39 ก . 1 กำรวิเคราะห์ความอ่อนไหว ซึ่ง แสดง ว่า กาไร หรือ ขาดทุนและส่วนของเจ้าของจะได้รับ ผลกระทบอย่างไรหากมีการเปลี่ยนแปลงที่อาจเป็นไปได้ในตัวแปรความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้อง ณ วัน สิ้นรอบระยะเวลา รายงาน วิธีการและ ข้อสมมติ ที่ใช้ในการจัดทำ การวิเคราะห์ความอ่อนไหว และการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในวิธีการและ ข้อสมมติ ที่ใช้ จาก งวดบัญชี ก่อน อย่างไรก็ตาม หากผู้รับประกันภัยใช้วิธีการอื่นเพื่อจัดการ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 25 ความอ่อนไหว ต่อสภาวะตลาด เช่น การวิเคราะห์มูลค่าแฝง ผู้รับประกันภัยอาจปฏิบัติ ให้เป็นไปตามข้อกาหนดนี้โดยเปิดเผยเกี่ยวกับวิธีการวิเคราะห์ความอ่อนไหวที่ใช้ และ เปิดเผยข้อมูลตามที่กาหนดโดยย่อหน้าที่ 4 1 ของมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน 39 ก . 2 ข้อมูลเชิงคุณภาพเกี่ยวกับความอ่อนไหว และข้อมูลเกี่ยวกับข้อกาหนดและเงื่อนไข เหล่านั้นของสัญญาประกันภัยที่มีผลกระทบอย่างเป็นสาระสำคัญต่อจำนวนเงิน จังหวะเวลา และความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดในอนาคตของผู้รับประกันภัย การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว 39 ข ผู้รับประกันภัยที่เลือกใช้ การ ยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว ต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ ผู้ใช้งบการเงิน 39 ข. 1 เข้าใจว่าผู้รับประกันภัยเข้าเงื่อนไขการยกเว้นการถือปฏิบัติเป็นการชั่วคราว อย่างไร และ 39 ข. 2 เปรียบเทียบผู้รับประกันภัยที่ยกเว้นการถือปฏิบัติเป็นการชั่วคราวกับกิจการ ที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 39 ค เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามย่อหน้า ที่ 39 ข. 1 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงว่ากิจการใช้ การ ยกเว้น การถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือ ทางการเงิน และวิธีการที่ผู้รับประกันภัยได้ข้อสรุป ณ วันที่ระบุในย่อหน้า ที่ 20 ข. 2 ว่ากิจการเข้า เงื่อนไขการยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 ซึ่งประกอบด้วย 39 ค . 1 ถ้ามูลค่าตามบัญชีของหนี้สิน ของกิจการ ที่เกิดจากสัญญาภายใต้ขอบเขตของ มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ ( ได้แก่หนี้สินตามที่กล่าวถึงในย่อหน้า ที่ 20 จ. 1 น้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 90 ของมูลค่าตามบัญชี รวม ของหนี้สินทั้งหมดของกิจการ ให้เปิดเผยลักษณะและมูลค่าตามบัญชีของห นี้สินที่เกี่ยวกับการประกันภัยแต่ไม่ได้ เกิดจากสัญญาภายใต้ขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ (ได้แก่ หนี้สินตามที่กล่าวถึงในย่อหน้า ที่ 20 จ. 2 และ 20 จ. 3 ) 39 ค. 2 ถ้าร้อยละของมูลค่าตามบัญชีทั้งหมดของหนี้สิน ของกิจการ ที่เกี่ยวข้องกับการ ป ระกันภัย เมื่อเทียบกับมูลค่าตามบัญชี รวม ของหนี้สินทั้งหมด ของกิจการ น้อยกว่าหรือเท่ากับ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 26 ร้อยละ 90 แต่มากกว่าร้อยละ 80 ให้เปิดเผยวิธีที่ผู้รับประกันภัยพิจารณาว่ากิจการ ไม่ได้ ประกอบกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยอย่างมีนัยสาคัญ รวมถึงข้อมูล ที่กิจการใช้ในการพิจารณา และ 39 ค . 3 ถ้าผู้รับประกันภัยเข้าเงื่อนไขการยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว อันเป็นผลมาจากการประเมินใหม่ตามย่อหน้า ที่ 20 ช. 2 39 ค . 3 . 1 เหตุผลที่ประเมินใหม่ 39 ค. 3 . 2 วันที่ที่การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้อง ในกิจกรรม นั้นเกิดขึ้น และ 39 ค. 3 . 3 คาอธิบายอย่างละเอียด ถึงการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของกิจการและ คาบรรยายเชิงคุณภาพถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนั้นต่องบการเงิน ของผู้รับประกันภัย 39 ง ถ้าการปฏิบัติตามย่อหน้า ที่ 20 ช. 1 แล้วกิจการสรุปว่ากิจกรรมของกิจกำร ไม่ใช่กิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยเป็นหลัก ให้กิจการเปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้ในแต่ละรอบ ระยะเวลา รายงานก่อนที่กิจการจะเริ่มปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมู ล เครื่องมือ ทางการเงิน 39 ง . 1 ข้อเท็จจริงที่ว่ากิจการไม่เข้าเงื่อนไขการยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว 39 ง. 2 วันที่ที่การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้อง ในกิจกรรม นั้นเกิดขึ้น และ 39 ง. 3 คาอธิบายอย่างละเอียดถึงการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของกิจการและคาบรรยาย เชิงคุณภาพถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนั้นต่องบการเงินของ กิจการ 39 จ เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามย่อหน้า ที่ 39 ข. 2 ผู้รับประกันภัย ต้องเปิดเผย มูลค่ายุติธรรม ณ วันสิ้นรอบ ระยะเวลา รายงานและจานวนการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมระหว่างงวดสาหรับ กลุ่มของสินทรัพย์ทางการเงินสองกลุ่มต่อไปนี้ โดยแสดงแยกจากกัน 39 จ. 1 สินทรัพย์ทางการเงินที่ ข้อกาหนดตามสัญญา ซึ่งทาให้เกิดกระแสเงินสดซึ่งเป็นการจ่าย เพียงเงินต้นและดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือของเงินต้นในวันที่กาหนดไว้ ( กล่าวคือ สินทรัพย์ทางการเงินที่เข้าเงื่อนไขตามย่อหน้า ที่ 4 . 1 . 2 . 2 และ 4 . 1 . 2 ก. 2 ของ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ) โดยไม่รวม สิ นทรัพย์ทางการเงิน ใดๆ ที่เข้า นิยาม การถือ ไว้ เพื่อค้า ตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 หรือ ที่กิจการบริหารและประเมินผลงานด้วยการประเมินมูลค่า ยุติธรรม (ดูย่อหน้า ที่ ข 4 . 1 . 6 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 ) 39 จ. 2 สินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมดนอกเหนือจากที่ระบุในย่อหน้า ที่ 39 จ. 1 นั้นคือสินทรัพย์ ทางการเงินใดๆ ที่ 39 จ. 2 . 1 ข้อกาหนดตามสัญญา ซึ่งไม่ทาให้เกิดกระแสเงินสดซึ่งเป็นการจ่ายเพียง เงินต้นและดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือของเงินต้นในวันที่กาหนดไว้
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 27 39 จ. 2 . 2 เข้านิยามการถือ ไว้ เ พื่อค้าในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 หรือ 39 จ. 2 . 3 กิจการบริหารและประเมินผลงานด้วยการประเมินมูลค่ายุติธรรม 39 ฉ เมื่อเปิดเผยข้อมูลตามย่อหน้า ที่ 39 จ ผู้รับประกันภัย 39 ฉ. 1 อาจนามูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ทางการเงินที่วั ดมูลค่าตามแนวปฏิบัติทางการบัญชี เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และการเปิดเผยข้อมูลสาหรับธุรกิจประกันภัย มาเป็น ค่าประมาณอย่างสมเหตุสมผลของมูลค่ายุติธรรมถ้าผู้รับประกันภัยไม่ถูกกาหนดให้ เปิด เผย มูลค่ายุติธรรมตามย่อหน้า ที่ 29 . 1 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน ( เช่น ลูกหนี้การค้าระยะสั้น) และ 39 ฉ. 2 ต้องพิจารณาระดับของความละเอียดที่จำเป็นให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจลักษณะของ สินทรัพย์ทางการเงินได้ 39 ช ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 39 ซ เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามย่อหน้า ที่ 39 ข. 2 ผู้รับประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูล เผ ยแพร่สาธารณะที่ผู้ใช้งบการเงินสามารถหาข้อมูลที่จัดทาตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน เกี่ยวกับกิจการที่อยู่ภายใต้กลุ่มกิจการที่รายงานข้อมูล ซึ่งข้อมูลนั้นไม่ได้ ถูกนาเสนอในงบการเงินรวมของกลุ่มกิจการ สาหรับรอบระยะเวลา ที่รายงานข้อมูล ตัวอย่างเช่น ข้อมูลที่จัดทาตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 อาจจะสามารถหาได้ จากงบการเงินแยกต่างหาก ที่เผ ยแพร่สาธารณะ หรืองบการเงินเฉพาะกิจการที่อยู่ภายใต้กลุ่ม กิจการ ที่ได้จัดทาโดยถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 39 ฌ ถ้ำกิจการเลือกใช้ข้อยกเว้นการถือปฏิบัติตามข้อกำหนดในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 28 เรื่อง เงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ในเรื่องที่ระบุไว้ในย่อหน้าที่ 20 ฒ ให้กิจการ เปิดเผยข้อเท็จจริงนั้น 39 ญ ถ้ากิจการใช้ การ ยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว เมื่อกิจการใช้วิธีส่วนได้เสียสาหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วม หรือการร่วมค้า (ดูตัวอย่างในย่อหน้า ที่ 20 ฒ. 1 ) กิจการต้องเปิดเผย ข้อมูลต่อไปนี้เพิ่มเติมจาก ข้อกำหนดตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 12 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ ส่วนได้เสียในกิจการอื่น 39 ญ. 1 ข้อมูลตามที่กล่าวถึงในย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ซ สาหรับแต่ละบริษัทร่วมหรือการร่วมค้า ที่มีสาระสาคัญต่อกิจการ จานวนที่เปิดเผยต้องเป็นจานวนที่รวมอยู่ในงบการเงินของ บริษัทร่วมหรือการร่วมค้าภายหลังการปรับปรุงเพื่อให้สะท้อนถึงรายการปรับปรุงที่ กิจการได้จัดทาขึ้นตามวิธีส่วนได้เสีย (ดูย่อหน้า ที่ ข 14 . 1 ของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 12 ) แทนการเปิดเผยเฉพาะ ส่วน แบ่ง ของกิจการสาหรับจานว น ดังกล่าว
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 28 39 ญ. 2 ข้อมูลเชิงปริมาณตามที่กล่าวถึงในย่อหน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ซ โดยรวมแต่ละบริษัท ร่วม หรือ การร่วมค้าที่ไม่มีสาระสาคัญเข้าด้วยกัน โดยจำนวนรวมดังกล่าว 39 ญ. 2 . 1 ต้อง เปิดเผย ตามส่วนแบ่งของกิจการในจานวนเหล่านั้น และ 39 ญ. 2 . 2 ต้อง เปิดเผยจานวนรวมสาหรับบริษัท ร่วม แยกต่างหากจาก การเปิดเผย จำนวนรวมสาหรับการร่วมค้า การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปรับผลกระทบรายการ 39 ฎ ( ย่อหน้านี้ไม่ เกี่ยวข้อง ) 39 ฏ ( ย่อหน้านี้ไม่ เกี่ยวข้อง ) 39 ฐ ( ย่อหน้านี้ไม่ เกี่ยวข้อง ) วันถือปฏิบัติและการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลง 40 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงในย่อหน้าที่ 4 1 ถึง 45 ให้ถือปฏิบัติ เมื่อกิจการนามาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติเป็นครั้งแรก 4 1 กิจการต้อง ปฏิบัติตาม มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้กับงบการเงินสาหรับรอบระยะเวลา บัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 256 3 เป็นต้นไป ทั้งนี้สนับสนุนให้นาไปใช้ก่อนวันถือปฏิบัติ หากกิจการ ถือ ปฏิบัติตามมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ สา หรับงวดก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย 4 1 ก – 4 1 ข ( ย่อหน้า เหล่า นี้ไม่ เกี่ยวข้อง ) 4 1 ค – 4 1 ง ( ย่อหน้าเหล่านี้ไม่ ใช้ ) 41 จ ( ย่อหน้านี้ไม่เกี่ยวข้อง ) 41 ฉ ( ย่อหน้านี้ไม่ใช้ ) 41 ช มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ทากับลูกค้า ทาให้เกิด การปรับปรุงย่อหน้าที่ 4 . 1 4 . 3 ข 7 ข 18 . 8 และ ข 21 กิจการต้องถือปฏิบัติตามการปรับปรุง ดังกล่าว เมื่อกิจการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญา ที่ทากับลูกค้า 41 ซ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ทาให้เกิดการปรับปรุง ย่อหน้าที่ 3 4 7 8 12 34 35 45 ภาคผนวก ก และย่อหน้าที่ ข 18 ถึง ข 20 และตัดย่อหน้าที่ 41 ค 41 ง และ 41 ฉ กิจการต้องถือปฏิบัติตามการปรับปรุง ดังกล่าวเมื่อกิจการถือปฏิบัติตามมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน 41 ฌ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า ทาให้เกิดการปรับปรุงย่อหน้าที่ 4 กิจการต้องถือปฏิบัติตามการปรับปรุงดังกล่าวเมื่อกิจการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 29 การเปิดเผยข้อมูล 42 กิจการไม่จำเป็นต้องนำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลในมาตรฐาน การรายงาน ทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติกับข้อมูลเปรียบเทียบซึ่งเกี่ยวข้องกับงบการเงินสำหรับ รอบระยะเวลาบัญชี ที่เริ่มก่อนวันที่ 1 มกราคม 256 3 ยกเว้นการเปิดเผยข้อมูลที่กำหนด โดยย่อหน้าที่ 37 . 1 และ 37 . 2 เกี่ยวกับนโยบายการบัญชี และสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ และ ค่าใช้จ่าย ที่รับรู้ในงบการเงิน ( และกระแสเงินสด หากใช้วิธีทางตรง) 43 หากในทางปฏิบัติกิจการไม่สามารถที่จะนำข้อกำหนดเฉพาะเรื่องของย่อหน้าที่ 1 0 ถึง 35 มาถือปฏิบัติกับข้อมูลเปรียบเทียบซึ่งเกี่ยวข้องกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี ที่เริ่มก่อนวันที่ 1 มกราคม 256 3 กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งในทางปฏิบัติ บางครั้งการนาการทดสอบความเพียงพอของหนี้สิน ( ย่อหน้าที่ 1 5 ถึง 1 9 ) มาถือปฏิบัติกับ ข้อมูลเป รียบเทียบดังกล่าวบางครั้งอาจไม่สามารถทาได้ แต่สาหรับการนาข้อกาหนดอื่นๆ ของ ย่อหน้าที่ 1 0 ถึง 35 มาถือปฏิบัติกับข้อมูลเปรียบเทียบดังกล่าวไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่กิจการ จะไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ ซึ่งมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด ได้ให้คานิยาม “ การไม่สามารถทา ได้ ในทางปฏิบัติ ” ไว้แล้ว 44 ในการนาย่อหน้าที่ 39 . 3 . 3 มาถือปฏิบัติ กิจการไม่จาเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการ ของค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นเกินกว่าห้าปีก่อนวันสิ้นปีบัญชีแรกที่กิ จการนำมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติ นอกจากนี้ เมื่อกิจการนำมาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับนี้มาถือปฏิบัติเป็นครั้งแรก หากในทางปฏิบัติกิจการไม่สามารถที่จะจัดเตรียม ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นก่อนวันเริ่มต้นของงวดบัญชีแรกสุด ซึ่งกิจการนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบอย่างเต็มรูปแบบที่เป็นไปตามมาตรฐานการ รายงาน ทางการเงิน ฉบับนี้ กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็ จจริงดังกล่าว การกาหนดประเภทของสินทรัพย์ทางการเงินใหม่ 45 โดยไม่ต้องคานึงถึงข้อกาหนดในย่อหน้า ที่ 4 . 4 . 1 ของมาตรฐานการรายงานทงการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน เมื่อ ผู้รับประกันภัยเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีสาหรับหนี้สินจาก สัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยได้รับอนุญาตแต่ไม่ได้ถูกกาหนดให้จัดประเภทบางส่วนหรือ ทั้งหมดของสินทรัพย์ทางการเงินใหม่ เพื่อให้สินทรัพย์เหล่านั้นวัด มูล ค่าด้วยมูลค่ายุติธรรม ผ่านกำไรหรือขาดทุน มาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้อนุญาตให้จัดประเภทใหม่ได้หาก ผู้รับประกันภัย เ ปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเมื่อนามาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับนี้มา ถือปฏิบัติเป็นครั้งแรกและเมื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีในเวลาต่อมา ตามที่อนุญาตโดย ย่อหน้าที่ 22 การจัดประเภทใหม่นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีและให้ปฏิบัติตาม มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและ ข้อผิดพลาด
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 30 การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน ถือปฏิบัติร่วมกับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย การยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูล เครื่องมือทางการเงิน เป็นการชั่วคราว 46 มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน ถือปฏิบัติ ร่วมกับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย โดยปรับปรุง ย่อหน้า ที่ 3 และ 5 และเพิ่มย่อหน้า ที่ 20 ก ถึง 20 ด 35 ก และ 39 ข ถึง 39 ญ และหัวข้อเรื่อง หลังย่อหน้า ที่ 20 20 ฎ 20 ฑ และ 39 ก ให้กิจการ ถือปฏิบัติตามการปรับปรุงเหล่านั้นซึ่งอนุญาต ให้ผู้รับประกันภัยที่เข้าเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ใช้ การ ยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราวสาหรับ รอบ ระยะเวลา รายงานที่เริ่ม ใน หรือหลังวันที่ 1 มกราคม 256 3 ทั้งนี้อนุญาตให้ถือปฏิบัติก่อน วันที่มีผลบังคับใช้สำหรับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่ม ในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไปเท่านั้น หากกิจการเลือกถือปฏิบัติตามการยกเว้นการถือปฏิบัติ ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐาน การรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็น การชั่วคราว ก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าว หากกิจการเลือกถือปฏิบัติตามการยกเว้นการถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เป็นการชั่วคราว มาถือปฏิบัติก่อนวันที่ มีผลบังคับใช้กับงบการเงินสาหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่ม ในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป กิจการต้องถือปฏิบัติพร้อมกับ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่อง การแสดงรายการ เครื่องมือทางการเงิน การตีความมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง การป้องกัน ความเสี่ยงของเงินลงทุนสุทธิในหน่วยงานต่างประเทศ และการตีความมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 19 เรื่อง การชาระหนี้สินทางการเงินด้วยตราสารทุน 47 กิจการที่เปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนดโดยย่อ หน้า ที่ 39 ข ถึง 39 ญ ต้องใช้ การปฏิบัติในช่ว ง เปลี่ยนแปลง ในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องในการประเมินสาหรับการเปิดเผยข้อมูล วันที่เริ่มต้นใช้มาตรฐานครั้งแรก สาหรับ วัตถุประสงค์ดังกล่าวนั้นต้องเป็น เสมือน วันที่เริ่มรอบ ระยะเวลา รายงานแรกที่เริ่ม ใน หรือหลัง วันที่ 1 มกราคม 256 3
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 256 5 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 31 วิธีปรับผลกระทบรายการ 48 ( ย่อหน้านี้ไม่ เกี่ยวข้อง ) 49 ( ย่อหน้านี้ไม่ เกี่ยวข้อง ) 50 การปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง - ระยะที่ 2 ( ที่ปรับปรุงในมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 7 เรื่อง การเปิดเผย ข้อมูลเครื่องมือทางการเงิน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 เรื่อง สัญญาประกันภัย และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า) (ที่ปรับปรุงในปี 2564 ) ได้เพิ่ ม ย่อหน้าที่ 20 ต ถึง 20 ถ และย่อหน้าที่ 51 กิจการต้องถือปฏิบัติตามการปรับปรุงดังกล่าว กับงบการเงินประจำปีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ อนุญาต ให้กิจการนำไปใช้ก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ หากกิจการถือปฏิบัติตาม การปรับปรุงดังกล่าวสาหรับงวดก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย กิจการต้องปฏิบัติตามการปรับปรุงดังกล่าวแบบย้อนหลัง ตามที่กาหนดไว้ในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด ยกเ ว้นแต่ที่กาหนดไว้ในย่อหน้าที่ 51 51 กิจการไม่ต้องปรับปรุงรายการในรอบระยะเวลาก่อนแบบย้อนหลังเพื่อสะท้อนการถือปฏิบัติตาม การปรับปรุงเรื่องดังกล่าวก็ได้ กิจการอาจปรับปรุงรายการในรอบระยะเวลาก่อนย้อนหลังก็ต่อเมื่อ สามารถทำได้โดยไม่นำข้อมูลในอดีตที่รู้ในภายหลังมาใช้ หากกิจการไม่ปรับปรุงรายการ ในรอบระยะเวลาก่อนย้อนหลัง กิจการต้องรับรู้ผลแตกต่างใดๆ ระหว่างมูลค่าตามบัญชีก่อนหน้า และมูลค่าตามบัญชี ณ วันที่เริ่มต้นของรอบระยะเวลารายงานประจาปีซึ่งมีการนาการปรับปรุง มาปฏิบัติใ ช้ครั้งแรก โดยการปรับปรุงยอดยกมาของกาไรสะสม (หรือองค์ประกอบอื่นของส่วน ของเจ้าของ ตามความเหมาะสม) ของรอบระยะเวลารายงานประจำปีซึ่งมีการนาการปรับปรุงมา ปฏิบัติใช้ครั้งแรก
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 33 ภาคผนวก ก คานิยาม ภาคผนวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานการ รายงานทางการเงิ น ผู้เอาประกันภัยต่อ หมายถึง ผู้เอาประกันภัย ภายใต้ สัญญาประกันภัยต่อ องค์ประกอบที่เป็น การฝากเงิน หมายถึง องค์ประกอบตามสัญญาซึ่งไม่ถือเป็นอนุพันธ์ภายใต้ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน และหากองค์ประกอบตามสัญญานั้นเป็น เครื่องมือทางการเงินแยกต่างหากจะอยู่ภายใต้ขอบเขต ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับดังกล่าว สัญญาประกันภัยโดยตรง หมายถึง สัญญาประกันภัย ซึ่งไม่ใช่ สัญญาประกันภัยต่อ ลักษณะการร่วมรับ ผลประโยชน์ตามดุลยพินิจ หมายถึง สิทธิตามสัญญาที่จะได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนเงิน เพิ่มเติมจาก ผลประโยชน์ที่ได้รับการประกัน ซึ่ง 1 ) มักเป็นผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของสัญญา 2 ) จำนวนเงินหรือจังหวะเวลาที่จะได้รับผลประโยชน์ เพิ่มนั้นจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ออกสัญญา และ 3 ) ผลประโยชน์ที่จะได้รับขึ้นอยู่กับ 3 . 1 ) ผลการดาเนินงานของกลุ่มของสัญญาที่ระบุไว้ หรือชนิดของสัญญาที่ระบุไว้ 3 . 2 ) ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เกิดขึ้นแล้ว และ/ห รือที่ยังไม่เกิดขึ้น จากกลุ่มของ สินทรัพย์ที่ระบุไว้ซึ่งถือโดยผู้ออก หรือ 3 . 3 ) กำไรหรือขาดทุนของบริษัท กองทุน หรือ กิจการอื่นที่ออกสัญญานี้ มูลค่ายุติธรรม หมายถึง ราคาที่จะได้รับจากการขายสินทรัพย์ หรือจะจ่ายเพื่อโอน หนี้สินในรายการที่เกิดขึ้นในสภาพปกติระหว่างผู้ร่วมตลาด ณ วันที่วัดมูลค่า (ดูมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 13 เรื่อง การวัดมูลค่ายุติธรรม) สัญญาค้าประกันทางการเงิน หมายถึง สัญญาที่กาหนดให้ผู้ออกสัญญาจ่ายจานวนเงินที่ระบุไว้เพื่อ ใช้คืนผู้ถือสัญญาสาหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นเพราะลูกหนี้
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 34 ที่ระบุไว้ไม่สามารถที่จะจ่ายชำระเมื่อถึงกำหนดตาม ข้อกาหนดเดิม หรือข้อกาหนดที่แก้ไขใหม่ข องตราสารหนี้ ความเสี่ยงทางการเงิน หมายถึง ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในอนาคต ในอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้ ราคาของเครื่องมือทางการเงิน ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ดัชนีของราคาหรืออัตราต่างๆ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือดัชนีความน่าเชื่อถือ หรือตัวแปรอื่นๆ เช่น ตัวแปรที่ ไม่ใช่ตัวแปรทางการเงินโดยที่ตัวแปรนั้นไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นการเฉพาะกับคู่สัญญา ผลประโยชน์ที่ได้รับ การประกัน หมายถึง การจ่ายเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ ให้กับ ผู้เอาประกันภัย หรือผู้ลงทุนเฉพาะรายซึ่งมีสิทธิอันปราศจากเงื่อนไขโดยที่ สิทธินั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจตามสัญญาของผู้ออก สัญญา ส่วน การประกันผลประโยชน์ หมายถึง ภาระผูกพันที่จะต้องจ่าย ผลประโยชน์ที่ได้รับการประกัน ซึ่งอยู่ในสัญญาที่มีลักษณะการร่วมรับผลประโยชน์ตาม ดุลยพินิจ สินทรัพย์จากการรับ ประกันภัย หมายถึง สิทธิตามสัญญาสุทธิ ( net contractual rights ) ของ ผู้รับ ประกันภัย ภายใต้ สัญญาประกันภัย สัญญาประกันภัย หมายถึง สัญญาซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ( ผู้รับประกันภัย) รับ ความ เสี่ยงด้านการรับประกันภัย ที่มีนัยสาคัญจากคู่สัญญาอีก ฝ่ายหนึ่ง (ผู้เอาประกันภัย ) โดยตกลงจะชดเชยค่าสินไหม ทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหากเหตุการณ์ในอนาคตอัน ไม่แน่นอนที่ระบุไว้ (เหตุการณ์ที่เอาประกันภัย ) ส่งผล เสียหาย ต่อผู้เอาประกันภัย (ดูภาคผนวก ข สาหรับ แนวทาง การใช้นิยามนี้) หนี้สินจากสัญญาประกันภัย หมายถึง ภาระผูกพันตามสัญญาสุทธิ ( net contractual obligations ) ของ ผู้รับประกันภัย ภายใต้ สัญญาประกันภัย ความเสี่ยงด้านการรับ ประกันภัย หมายถึง ความเสี่ยงอื่นนอกเหนือจาก ความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งโอนจากผู้ถือสัญญาไปยังผู้ออกสัญญา
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 35 เหตุการณ์ที่เอาประกันภัย หมายถึง เหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอนซึ่งคุ้มครองโดย สัญญา ประกันภัย และก่อให้เกิด ความเสี่ยงด้านการรับ ป ระกันภัย ผู้รับประกันภัย หมายถึง คู่สัญญาซึ่งมีภาระผูกพันภายใต้ สัญญาประกันภัย ที่จะ ชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัย หาก เหตุการณ์ที่เอาประกันภัย เกิดขึ้น การทดสอบความเพียงพอ ของหนี้สิน หมายถึง การประเมินว่ามูลค่าตามบัญชีของ หนี้สินจากสัญญา ประกันภัย จาเป็นที่จะต้องเพิ่มขึ้น (หรือมูลค่าตามบัญชีของ ต้นทุนการได้มา รอการตัดบัญชีที่เกี่ยวข้องหรือสินทรัพย์ ไม่มีตัวตนที่เกี่ยวข้องจาเป็นที่จะต้องลดลง) หรือไม่ ขึ้นอยู่ กับการพิจารณาถึงกระแสเงินสดในอนาคต ผู้เอาประกันภัย หมายถึง คู่สัญญาฝ่ายซึ่งมีสิทธิที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนภายใต้ สัญญาประกันภัย หาก เหตุการณ์ที่เอาประกันภัย เกิดขึ้น สินทรัพย์จากสัญญา ประกันภัยต่อ หมายถึง สิทธิตามสัญญาสุทธิ ( net contractual rights ) ของ ผู้เอา ประกันภัยต่อ ภายใต้ สัญญาประกันภัยต่อ สัญญาประกันภัยต่อ หมายถึง สัญญาประกันภัย ซึ่งออกโดยผู้รับประกันภัยรายหนึ่ง ( ผู้รับ ประกันภัยต่อ) เพื่อจะใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับ ประกันภัยอีกรายหนึ่ง ( ผู้เอาประกันภัยต่อ) สาหรับความ สูญ เสียจากหนึ่ งสัญญำหรือมากกว่าที่ออกโดยผู้ เอา ประกันภัยต่อ ผู้รับประกันภัยต่อ หมายถึง คู่สัญญาซึ่งมีภาระผูกพันภายใต้ สัญญาประกันภัยต่อ ที่จะ ชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัยต่อ หาก เหตุการณ์ที่เอาประกันภัย เกิดขึ้น แยกองค์ประกอบ หมายถึง พิจารณาองค์ประกอบของสัญญาเสมือนว่าแต่ล ะ องค์ประกอบ นั้นเป็นสัญญาแยกต่างหากจากกัน
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 36 ภาคผนวก ข นิยามของสัญญาประกันภัย ภาคผนวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ข 1 ภาคผนวกนี้ให้แนวทางสาหรับนิยามของสัญญาประกันภัยในภาคผนวก ก โดยกล่าวถึงประเด็น ต่อไปนี้ ข 1 . 1 คาว่า “ เหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอน ” ( ย่อหน้าที่ ข 2 ถึง ข 4 ) ข 1 . 2 การจ่ายชดเชยค่าสินไหมทดแทนเป็นสิ่งของ ( ย่อหน้าที่ ข 5 ถึง ข 7 ) ข 1 . 3 ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย และความเสี่ยงอื่นๆ ( ย่อหน้าที่ ข 8 ถึง ข 1 7 ) ข 1 . 4 ตัวอย่างของสัญญาประกันภัย ( ย่อหน้าที่ ข 1 8 ถึง ข 2 1 ) ข 1 . 5 ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยที่มีนัยสาคัญ ( ย่อหน้าที่ ข 22 ถึง ข 28 ) และ ข 1 . 6 การเปลี่ยนแปลงในระดับของความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ( ย่อหน้าที่ ข 29 และ ข 30 ) เหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอน ( Uncertain future event ) ข 2 ความไม่แน่นอน (หรือความเสี่ยง) คือ ปัจจัยสาคัญของสัญญาประกันภัย ดังนั้นต้องมีความไม่แน่นอน ในเรื่องต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งเรื่องในขณะเริ่มต้นสัญญาประกันภัย ข 2 . 1 เหตุการณ์ที่รับประกันภัย จะเกิดขึ้นหรือไม่ ข 2 . 2 เหตุการณ์ที่รับประกันภัยจะเกิดขึ้นเมื่อไร หรือ ข 2 . 3 ผู้รับประกันภัยจาเป็นจะต้องจ่ายเท่าไร หากเหตุการณ์ที่รับประกันภัยเกิดขึ้น ข 3 ในบางสัญญาประกันภัย เหตุการณ์ที่รับประกันภัยคือความเสียหายที่พบในระหว่างระยะเวลา ความคุ้มครองตามสัญญา ถึงแม้ว่าความเสียหายอาจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการเริ่มต้นของ สัญญาประกันภัย ในบางสัญญาประกันภัย เหตุการณ์ที่รับประกันภัยคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในระหว่างระยะเวลาของสัญญา ถึงแม้ว่าความเสียหายจะถูกพบหลังจากระยะเวลาของสัญญาสิ้นสุดลง ข 4 บางสัญญาประกันภัยคุ้ มครองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วแต่ผลกระทบทางการเงินของเหตุการณ์นั้น ยังคงไม่แน่นอน ตัวอย่างคือสัญญาประกันภัยต่อที่คุ้มครองผู้รับประกันภัยตรงจากผลกระทบในทางลบ ของพัฒนาการของค่าสินไหมทดแทนที่ได้รายงานแล้วโดยผู้เอาประกันภัย ในสัญญาประกันภัย เช่นว่านั้น เหตุการณ์ที่รับประกันภัยคือการทราบจานวนสุดท้ายของค่าสินไหมทดแทนเหล่านั้น การจ่ายชดเชย ค่าสินไหมทดแทนเป็นสิ่งของ ( Payments in kind ) ข 5 บางสัญญา ประกันภัยกาหนดหรืออนุญาตให้ชดเชย ค่าสินไหมทดแทนเป็นสิ่งของ ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้รับประกันภัยนาสิ่งของประเภทเดียวกันทดแทนสิ่งของที่ถูกขโมยโดยตรง แทนที่จะจ่าย เป็นเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัย อีกตัวอย่างหนึ่งคือ การที่ผู้รับประกันภัยใช้โรงพยาบาลและ ทีมรักษาพยาบาลของตนเองเพื่อให้บริการการรักษาพยาบาลที่คุ้มครองโดยสัญญาประ กันภัย
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 37 ข 6 สัญญาบริการบางสัญญาที่กำหนดอัตราค่าบริการคงที่โดยระดับของการให้บริการขึ้นอยู่กับ เหตุการณ์อันไม่แน่นอนนั้นถือว่าเข้านิยามของสัญญาประกันภัยในมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ แต่สาหรับในบางประเทศจะไม่ได้ถูกกากับดูแลเสมือนเป็นสัญญาประกันภัย ตัวอย่า งหนึ่งคือสัญญาบำรุงรักษาซึ่งผู้ให้บริการตกลงจะซ่อมแซมอุปกรณ์ตามที่ระบุไว้ หากไม่สามารถทางานได้ตามปกติ จานวนค่าบริการคงที่นั้นคิดจากประมาณการจานวนครั้ง ที่อุปกรณ์ไม่สามารถทางานได้ แต่ไม่สามารถทราบได้อย่างแน่นอนว่าอุปกรณ์นั้นจะเสียหรือไม่ การที่อุปกรณ์ไม่สามารถทางานได้ตามปกติ ส่งผลเสียหาย ต่อผู้เป็นเจ้าของอุปกรณ์และทาให้ เจ้าของได้รับการชดเชยตามสัญญา (มักชดเชยด้วยสิ่งของ แทนที่จะจ่ายเป็นเงินสด) อีกตัวอย่าง คือสัญญาสาหรับการให้บริการกรณีรถเสีย ซึ่งผู้ให้บริการตกลงที่จะจัดหาความช่วยเหลือ เมื่อรถเสี ย ข้างทาง หรือลากจูงรถไปอู่ที่ใกล้เคียงโดยคิดค่าบริการคงที่รายปี สัญญาหลังนี้ถือว่าเข้านิยาม ของสัญญาประกันภัยเช่นกันถึงแม้ว่าผู้ให้บริการไม่ได้ตกลงทาการซ่อมแซมหรือหาชิ้นส่วน อะไหล่มาเปลี่ยนแทนให้ก็ตาม ข 7 การนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน เรื่อง สัญญาประกันภัย มาถือปฏิบัติกับสัญญา ตามย่อหน้าที่ ข 6 นั้น ได้มีการพิจารณาแล้วว่าไม่ได้เพิ่มภาระในทางปฏิบัติมากไปกว่าการนำ มาตรฐาน การรายงานทางการเงินฉบับอื่นมาใช้หากกาหนดให้สัญญาเช่นว่านั้นอยู่นอกเหนือ ขอบเขตของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ ข 7 . 1 การไม่สามารถทำงานได้ตามปกติและการเสียหายของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ เกิดขึ้นแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้ก่อให้เกิดภาระหนี้สินที่มีนัยสาคัญ ข 7 . 2 หากถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จาก สัญญาที่ทากับลูกค้า ผู้ให้บริการจะรับรู้รายได้ เมื่อ (หรือขณะที่) กิจการส่งมอบบริการ ให้ลูกค้า (และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำหนดด้วย) มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับนี้ ยอมรับการใช้วิธีการเช่นนั้นโดยอนุญาตให้ผู้ให้บริการ ( ก) ยังคงใช้นโยบาย การบัญชีที่ใช้อยู่กับสัญญาเหล่านี้ต่อไป เว้นแต่นโยบายการบัญชีนั้นเกี่ยวข้องกับ การ ปฏิบัติที่ห้ามไว้โดยย่อหน้าที่ 1 4 และ (ข) ปรับปรุงนโยบายการบัญชีหากเป็นไป ตามที่ ย่อหน้าที่ 22 ถึง 30 อนุญาตไว้ ข 7 . 3 ผู้ให้บริการพิจารณาว่าต้นทุนของการปฏิบัติตามภาระผูกพันตามสัญญาบริการสูงกว่า รายได้ที่รับมาล่วงหน้าหรือไม่ โดยใช้วิธีการทดสอบความเพียงพอของหนี้สินตามที่ อธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 1 5 ถึง 1 9 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ หากกิจการไม่นามาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้มาถือปฏิบัติกับสัญญาเหล่านี้ ผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อประเมินภาระผูกพันของสัญญา ดังกล่าว ข 7 . 4 สาหรับสัญ ญาเหล่านี้ ข้อกำหนดเรื่องการเปิดเผยข้อมูลในมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้โดยรวมแล้วไม่ได้เพิ่มการเปิดเผยข้อมูลมากกว่าที่กำหนดโดย มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับอื่นๆ อย่างเป็นนัยสาคัญ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 38 ความแตกต่างระหว่างความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยและความเสี่ยงอื่นๆ ข 8 นิยามของสัญญาประกันภัยได้กล่าวถึงความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ซึ่งมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ให้นิยามว่าเป็นความเสี่ยงอื่นที่ไม่ใช่ ความเสี่ยงทางการเงิน ที่ถูกโอนจาก ผู้ถือสัญญาไปให้ผู้รับประกันภัย สัญญาที่ทำให้ผู้รับประกันภัยมีความเสี่ยงทางการเงิน โ ดยปราศจากความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยที่สาคัญถือว่าไม่ใช่สัญญาประกันภัย ข 9 นิยามของความเสี่ยงทางการเงินในภาคผนวก ก ได้รวมตัวแปรทางการเงินและตัวแปรที่ไม่ใช่ ตัวแปรทางการเงิน ซึ่งรวมถึงตัวแปรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคู่สัญญา เช่น ดัชนีของความเสียหาย จากแผ่นดินไหวในพื้นที่ที่กาหนด หรือดัชนีของอุณหภูมิในบางเมือง แต่ไม่รวมตัวแปรที่ระบุ เฉพาะเจาะจงกับคู่สัญญา เช่น การเกิดหรือไม่เกิดของไฟไหม้ที่ทาความเสียหายหรือทาลาย สินทรัพย์ของคู่สัญญา นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรม ของสินทรัพย์ ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทางการเงินถือว่าไม่ใช่ความเสี่ยงทางการเงิน หากมูลค่ายุติธรรมนั้นไม่ได้ สะท้อนเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในราคาตลาดสาหรับสินทรัพย์ดังกล่าวเพียงอย่างเดียว (ตัวแปร ทางการเงิน) แต่ยังสะท้อนถึงสภาพของสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทาง การเงินที่ถือครอง โดยคู่สัญญา (ตัวแปรที่ไม่ใช่ตัวแปรทางการเงิน) ตัวอย่างเช่น ถ้าการค้าประกันมูลค่าซากของ รถยนต์ทาให้ผู้ค้าประกันมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในสภาพของตัวรถ ความเสี่ยงนั้น ถือเป็นความเสี่ยงจากการรับประกันภัย ไม่ใช่ความเสี่ยงทางการเงิน ข 1 0 สัญ ญาบางสัญญาทำให้ผู้รับประกันภัยมีความเสี่ยงทางการเงินนอกเหนือจากความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัยที่สาคัญ ตัวอย่างเช่น สัญญาประกันชีวิตที่ให้การประกันทั้งอัตราผลตอบแทน ขั้นต่าแก่ผู้เอาประกันภัย (ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการเงิน) และให้ผลประโยชน์จากการเสียชีวิต ที่บางครั้งสูงกว่ามูลค่าตามบัญชีของผู้เอาประกันภัย (ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ในรูปแบบของความเสี่ยงจากการเสียชีวิต) สัญญาดังกล่าวนั้นเป็นสัญญาประกันภัย ข 11 สัญญาบางสัญญา เหตุการณ์ที่เอาประกันภัยที่ทำให้ผู้รับประกันภัยต้องจ่ายเงินตามสัญญา เชื่อ มโยงกับดัชนีราคาต่างๆ สัญญาดังกล่าวถือเป็นสัญญาประกันภัยที่การจ่ายจานวนเงิน ที่ มีนัยสาคัญขึ้นอยู่กับการเกิดเหตุการณ์ที่เอาประกันภัย ตัวอย่างเช่น การจ่ายผลประโยชน์ตาม สัญญาเงินรายปีตลอดชีพ ( life - contingent annuity ) ซึ่งเชื่อมโยงกับดัชนีค่าครองชีพ สัญญานี้ ทาให้เกิดการโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยเพราะการจ่ายขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน นั่นคือการอยู่รอดของผู้เอาประกันภัย การจ่ายโดยเชื่อมโยงกับดัชนีราคาถือเป็นอนุพันธ์ทางการเงินแฝง แต่ถือว่ามีการโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ดังนั้นอนุพันธ์ทาง การเงินแฝงนี้เป็นไปตาม นิยามของสัญญาประกันภัย จึงไม่จาเป็นต้องถูกแยกและวัดด้วยมูลค่ายุติธรรม (ดูย่อหน้าที่ 7 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ ) ข 1 2 นิยามของสัญญาประกันภัยได้กล่าวถึงความเสี่ยงที่ผู้รับประกันภัยรับมาจากผู้เอาประกันภัยกล่าว อีกอย่างหนึ่งก็คือ ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยต้องเป็นความเสี่ยงที่มีอยู่แล้วก่อนโอนจาก ผู้เอาประกันภัยไปให้ผู้รับประกันภัย ดังนั้นความเสี่ยงใหม่ที่เกิดขึ้นโดยสัญญาจึงไม่ใช่ความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัย
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 39 ข 1 3 นิยามของสัญญาประกันภัยกล่าวถึง ผลเสียหาย ต่อผู้เอำประกันภัย โดยที่คานิยามนี้ไม่ได้จากัดว่า ผู้รับประกันภัยต้องจ่ายเงินเป็นจานวนเท่ากับผลกระทบทางการเงินจากเหตุการณ์ ร้าย นั้นเสมอ ไป ตัวอย่างเช่น นิยามไม่ได้ตัดเรื่องการให้ความคุ้มครอง ประเภท “ ใหม่แทนเก่า ” ( new - for - old ) ซึ่งเป็นการจ่ายทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยเพียงพอ ที่จะทดแทนสินทรัพย์เก่าที่เสียหายด้วย สินทรัพย์ใหม่ ในทานองเดียวกัน นิยามไม่ได้จากัดการจ่าย ผลประโยชน์ภายใต้สัญญาประกันชีวิต แบบชั่วระยะเวลา ( a term life insurance contract ) สาหรับความสูญเสียทางการเงินให้แก่ผู้ที่ พึ่งพาอาศัยผู้เสียชีวิต หรือกำหนดจำนวนเงินไว้ล่วงหน้า สำหรับความสูญเสียที่เกิดจาก การเสียชีวิตหรืออุบัติเหตุ ข 1 4 บางสัญญากาหนดให้มีการจ่ายหากเหตุการณ์อันไม่แน่นอนที่ระบุไว้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้กาหนดไว้ ล่วงหน้าว่าให้การมี ผลเสียหาย ต่อผู้ถือเอาประกันภัยเป็นเงื่อนไขสาหรับการจ่ายค่าสินไหม ทดแทน ดังนั้นสัญญาดังกล่าวถือว่าไม่ใช่สัญญาประกันภัยถึงแม้ว่าผู้ถือจะใช้สัญญา เพื่อลด ความเสี่ยงที่แฝงอยู่ ตัวอย่างเช่น หากผู้ถือใช้อนุพันธ์ทางการเงินแฝงเพื่อป้องกันความเสี่ยง ของ ตัวแปรที่ไม่ใช่ตัวแปรทางการเงินซึ่งสัมพันธ์กับกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ของกิจการ ตรา สาร อนุพันธ์ดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นสัญญาประกันภัยเพราะว่าการจ่ายเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ถือสัญญา จะได้รับ ผลเสียหาย จากการลดลงในกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ในทางตรงข้าม นิยามของสัญญา ป ระกันภัยกล่าวถึงเหตุการณ์อันไม่แน่นอนซึ่งกาหนดให้การมี ผลเสียหาย ต่อผู้เอาประกันภัยเป็น เงื่อนไขสาหรับการจ่ายเงิน เงื่อนไขล่วงหน้าตามสัญญานี้ไม่ได้กาหนดให้ผู้รับประกันภัยต้อง ตรวจสอบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุที่แท้จริงของ ผลเสียหาย หรือไม่ แต่อนุญาตให้ผู้ รับ ประกันภัยสามารถปฏิเสธการจ่ายเงินได้หากเห็นว่าเหตุการณ์นั้นไม่ได้ก่อให้เกิด ผลเสียหาย ต่อผู้ เอาประกันภัย ข 1 5 ความเสี่ยงจากการขาดอายุหรือการคงอยู่ ( lapse or persistency risk ) ( กล่าวคือ ความเสี่ยง ที่คู่สัญญาอีกฝ่ายจะยกเลิกสัญญาเร็วกว่าหรือช้ากว่าที่ผู้รับประกันภัยคาดไว้ในการกาหนดเบี้ย ประกันภัย) ถือว่าไม่ใช่ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยเพราะว่าการจ่ายเงินให้คู่สัญญาอีกฝ่าย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอนที่ ส่งผลเสียหาย ต่อคู่สัญญาอีกฝ่าย ในทานอง เดียวกัน ความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่าย (กล่าวคือ ความเสี่ยงที่ต้นทุนการดำเนินงานที่เกี่ยวกับ การให้บริการตามสัญญาเพิ่มขึ้นโดยไม่คาดหมาย แทนที่จะเป็นต้นทุนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ เอาประกันภัย) ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยเพราะว่าการเพิ่มขึ้นโดยไม่ คาดหมาย ในค่าใช้จ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ผลเสียหาย ที่มีต่อคู่สัญญาอีกฝ่าย ข 1 6 ดังนั้น สัญญาที่ทาให้ผู้รับประกันภัยมีความเสี่ยงจากการขาดอายุ ความเสี่ยงจากการคงอยู่ หรือ ความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่าย ไม่ถือว่าเป็นสัญญาประกันภัย เว้นแต่สัญญานั้นจะนาผู้รับประกันภัย ไปสู่ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้ออกสัญญาลดความเสี่ยง โดยการใช้สัญญาที่สองเพื่อโอนส่วนของความเสี่ยงดังกล่าวไปให้คู่สัญญาอื่น สัญญาที่สองนั้น ถือว่าเป็นสัญญาที่ทาให้คู่สัญญาอื่นมีความเสี่ยงด้านการรั บประกันภัย ข 1 7 ผู้ รับประกั นภั ยจะสามารถรับโอนความเสี่ยงด้ำนการรับประกันภั ยที่ มี นั ยสำคั ญ จาก ผู้เอาประกันภัยได้ เฉพาะในกรณีที่ผู้รับประกันภัยเป็นกิจการแยกจากผู้เอาประกันภัยเท่านั้น
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 40 อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้รับประกันภัยถูกจัดตั้งในรูปแบบของกองทุนรวมเพื่อรับโอนความเสี่ยง ( mutual ) ซึ่งการดาเนินงานของกองทุนจะใช้วิธีรับโอนความเสี่ยงจากผู้เอาประกันภัยแต่ละคน และนาความเสี่ยงนั้นมารวมกัน ถึงแม้ว่าผู้เอาประกันภัยจะยังคงแบกรับความเสี่ยงที่รวบรวมไว้ ร่วมกันตา มความสามารถของแต่ละคนในฐานะเจ้าของกองทุน แต่ก็ถือว่ายังคงมีการรับโอน ความเสี่ยงเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสาคัญของสัญญาประกันภัย ตัวอย่างของสัญญาประกันภัย ข 1 8 ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของสัญญาที่เป็นสัญญาประกันภัย หากมีการโอนความเสี่ยงด้านการรับ ประกันภัยที่สาคัญ ข 1 8 . 1 การรับประกันภัยประเภทโจรกรรมหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน ข 1 8 . 2 การรับประกันภัยความรับผิดต่อสินค้า ความรับผิดด้านวิชาชีพ ความรับผิดทางแพ่ง หรือค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย ข 1 8 . 3 สัญญาประกันชีวิต และค่าใช้จ่ายในกา รปลงศพ (แม้ว่าการเสียชีวิตเป็นเรื่องแน่นอน แต่มีความไม่แน่นอนว่าการเสียชีวิตจะเกิดขึ้นเมื่อไร หรือ สำหรับบางประเภทของ การประกันชีวิต การเสียชีวิตจะเกิดภายในระยะเวลาที่คุ้มครองโดยการประกันภัยหรือไม่) ข 1 8 . 4 สัญญาประเภทเงินรายปีตลอดชีพ ( life - contingent annuities ) และบำนาญ ( pensions ) ( กล่าวคือ สัญญาที่ชดเชย ค่าสินไหมทดแทนสาหรับเหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอน ซึ่งก็คือการอยู่รอดของผู้รับผลประโยชน์รายงวด และผู้รับบานาญ เพื่อช่วยให้ผู้เอาประกันภัย สามารถดารงมาตรฐานการครองชีพตามที่กาหนดไว้ โดยไม่ ส่งผลเสียหาย ต่อการดารงชีวิต ของผู้เอาประกันภัย) ข 1 8 . 5 การคุ้มครองการทุพพลภาพและค่ารักษาพยาบาล ข 1 8 . 6 สัญญาประเภทการประกันภัยค้าประกัน ( surety bonds ) การประกันภัยความซื่อสัตย์ ( fidelity bonds ) การค้าประกันการรับเหมา ( performance bonds ) และการค้าประกัน การประมูล ( bid bonds ) (กล่าวคือ สัญญาที่ชดเชย ค่าสินไหมทดแทนหากคู่สัญญา อีกฝ่ายหนึ่งล้มเหลวที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันในสัญญา เช่น ภาระผูกพันตามสัญญา ก่อสร้าง) ข 1 8 . 7 การประกันภัยสินเชื่อที่จะจ่ายจานวนเงินที่ระบุไว้ให้แก่ผู้ถือสาหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เพราะลูกหนี้ที่กาหนดไว้ในสัญญาไม่สามารถที่จะจ่ายชาระหนี้เมื่อถึงกาหนดภายใต้ ข้อกาหนดเดิมหรือที่แก้ไขใหม่ของตราสารหนี้ สัญญาเหล่านี้มีรูปแบบ ทางกฎหมาย หลายแบบ เช่น ในรูปแบบของการค้าประกัน เลตเตอร์ออฟเครดิตบางประเภท สัญญา ประเภท credit derivative default หรือสัญ ญาประกันภัย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัญญา เหล่านี้จะเป็นไปตามนิยามของสัญญาประกันภัย แต่สัญญาเหล่านี้ก็ ยังเป็นไปตาม นิยามของสัญญาค ้าประกันทางการเงินตามมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ด้วย และอยู่ภายในขอบเขตที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 41 การบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่อง การแสดงรายการเครื่องมือทางการเงิน และมาตรฐาน การ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 และไม่อยู่ในขอบเขตของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ (ดูย่อหน้าที่ 4 . 4 ) อย่างไรก็ตาม หากผู้ออกสัญญาค้าประกัน ทางการเงินได้ยืนยันโดยชัดเจนไว้ตั้งแต่แรกว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาประกันภัย และได้ใช้การบัญชีที่ถือปฏิบัติกับสัญญาประกันภัย ผู้ออกอาจเลือกที่จะถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 และ มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 หรือ ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทำงการเงินฉบับนี้กับสัญญาค้าประกันทางการเงิน ดังกล่าวก็ได้ ข 1 8 . 8 สัญญาการรับประกันสินค้าที่ออกโดยคู่สัญญารายอื่นสาหรับสินค้าที่ขายโดยผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ขายปลีก อยู่ภายในขอบเขตของมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินฉบับนี้ แต่ไม่รวมการรับประกันสินค้าที่ออกโดยผู้ผลิต ตัวแทนจาหน่าย หรือผู้ขายปลีกโดยตรง เพราะการรับประกันสินค้าเหล่านั้นอยู่ภายในขอบเขตของ มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 1 5 เรื่อง รายได้ จากสัญญาที่ทากับลูกค้า และ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 37 เรื่อง ประมาณการหนี้สิน หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น และสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น ข 1 8 . 9 การรับประกันโฉนด (กล่าวคือ การจ่ายชดเชยความเสียหายให้หากพบข้อบกพร่อง ในโฉนดที่ดินซึ่งข้อบกพร่องนั้นที่ไม่ปรากฏ ขณะที่เข้าทาสัญญาประกันภัย) ในกรณีนี้ เหตุการณ์ที่เอาประกันภัยคือการค้นพ บข้อบกพร่องในโฉนดที่ดินไม่ใช่ตัวข้อบกพร่อง ข 1 8 . 1 0 สัญญาเพื่อให้ความช่วยเหลือระหว่างการเดินทาง (กล่าวคือ การจ่ายชดเชยความเสียหาย เป็นเงินสดหรือจัดหาสิ่งของมาทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยสาหรับความเสียหาย ที่ได้รับในขณะเดินทาง) ซึ่งในย่อหน้าที่ ข 6 และ ข 7 ได้กล่าวถึงตัวอย่างบางประเภท ของสัญญานี้ ข 1 8 . 11 สัญญา ประเภทการค้าประกันมหันตภัย ( catastrophe bonds ) ที่จ่ายส่วนที่ลดลงของ เงินต้น ดอกเบี้ย หรือทั้งสองอย่างที่ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิได้รับ หากเหตุการณ์ที่ระบุไว้ ส่ง ผลเสียหาย ต่อผู้ออ กหุ้นกู้ (เว้นแต่เหตุการณ์ที่ระบุไว้ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัยอย่างมีนัยสาคัญ เช่น เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในอัตราดอกเบี้ย หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) ข 1 8 . 1 2 สัญญา Insurance swaps และสัญญาอื่นๆ ที่กาหนดให้จ่ายเงินตามการเปลี่ยนแปลง ในภูมิอากาศ ภูมิประเทศ หรือตัวแปรทางกายภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจาะจง กับคู่สัญญา ข 1 8 . 1 3 สัญญาประกันภัยต่อ ข 1 9 ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของรายการที่ไม่ใช่สัญญาประกันภัย ข 1 9 . 1 สัญญาการลงทุนที่มีรูปแบบทางกฎ หมายเป็นสัญญาประกันภัย แต่ไม่ได้ทำให้ผู้รับ ประกันภัยมีความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยที่สาคัญ เช่น สัญญาประกันชีวิตซึ่งผู้รับ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 42 ประกันภัยไม่ได้มีความเสี่ยงจากการเสียชีวิตสาคัญ (สัญญาดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือ ทางการเงินที่ไม่ใช่สัญญาประกันภัย หรือถือเป็นสัญญาบริ การ ดูย่อหน้าที่ ข 20 และ ข 2 1 ) ข 1 9 . 2 สัญญาที่มีรูปแบบทางกฎหมายเป็นสัญญาประกันภัย แต่ได้ส่งผ่านความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัยที่สาคัญกลับไปให้ผู้เอาประกันภัย ผ่านทางกลไกที่มีผลบังคับ ทางกฎ หมายและไม่สามารถยกเลิกได้ทาให้สามารถเปลี่ยนแปลงจานวนการจ่ายเงิน ในอนาคตของผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความเสียหายที่เอาประกันภัยไว้ เช่น สัญญาประกันภัยต่อทางการเงินบางสัญญา ( some financial reinsurance contract ) หรือสัญญาประกันภัยกลุ่มบางสัญญา ( some group contracts ) (สัญญาดังกล่าว โดยทั่วไปถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ไม่ใช่สัญญาประกันภัย หรือถือเป็นสัญญาบริการ ดูย่อหน้าที่ ข 20 และ ข 2 1 ) ข 1 9 . 3 การรับประกันภัยไว้เอง ( s elf - insurance ) กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ยังคงเก็บความเสี่ยง ที่สามารถได้รับคุ้มครองหากได้มีการทาสัญญาประกันภัยไว้ (ในกรณีนี้ ถือว่าไม่เกิด สัญญาประกันภัยเพราะไม่มีข้อตกลงกับคู่สัญญาอื่น) ข 1 9 . 4 สัญญา (เช่น สัญญาเกี่ยวกับการพนันขันต่อ) ที่กำหนดให้จ่ายเงินหากเหตุการณ์ ในอนาคตอันไม่แน่นอนเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ระบุเป็นเงื่อนไขล่วงหน้าในสัญญาสาหรับ การจ่ายเงินว่าเหตุการณ์นั้นต้องกระทบต่อผู้เอาประกันภัยในทางลบ อย่างไรก็ตามสัญญา ประเภทดังกล่าวไม่ได้หมายรวมถึงสัญญาที่มีการกาหนดการจ่ายเงินไว้ล่วงหน้าสาหรับ ความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ระบุไว้เช่น การเสียชีวิต หรืออุบัติเหตุ (ดูย่อหน้าที่ ข 1 3 ) ข 1 9 . 5 อนุพันธ์ที่ทำให้คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีความเสี่ยงทางการเงิน แต่ไม่ใช่ความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัย เนื่องจากได้กาหนดให้คู่สัญญาต้องจ่ายเงินเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลง ในอัตราดอกเบี้ย ราคาเครื่องมือทางการเงิน ราคาโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ต่างประเทศ ดัชนีของราคำหรืออัตราต่างๆ การจัดอันดับเครดิตหรือดัชนีเครดิต หรือ ตัวแปรอื่น เช่น ตัวแปรที่ไม่ใช่ตัวแปรทางการเงินโดยที่ตัวแปรนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเป็น การเฉพาะกับคู่สัญญา (ดูมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน) ข 1 9 . 6 การค้าประกันที่เกี่ยวข้องกับเครดิต (หรือ เลตเตอร์ออฟเครดิต สัญญาประเภท credit derivative default หรือสัญญาประกันภัยสินเชื่อ) ที่กาหนดให้มีการจ่ายเงินแม้ว่าผู้ถือ ไม่ได้เกิดความเสียหายจากการที่ลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้เมื่อถึงกำหนด ( ดูมาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน) ข 1 9 . 7 สัญญาที่กาหนดให้จ่ายเงินตามภูมิอากาศ ภูมิประเทศ หรือตัวแปรทางกายภาพอื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นการเจาะจงกับคู่สัญญา (โดยทั่วไปเรียกว่าตราสารอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับ สภาพอากาศ ( weather derivatives ) ) ข 1 9 . 8 สัญญาประเภท การค้าประกันมหันตภัย ( catastrophe bonds ) ที่จ่ายส่วนที่ลดลงของ เงินต้น ดอกเบี้ย หรือทั้งสองอย่างที่ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิได้รับ โดยขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ ภูมิประเทศ หรือตัวแปรทางกายภาพอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นการเฉพาะเจาะจงกับคู่สัญญา
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 43 ข 20 หากสัญญาที่อธิบายในย่อหน้าที่ ข 1 9 ก่อให้เกิดสินทรัพย์ทางการเงิน หรือหนี้สินทางการเงิน สัญญานั้นอยู่ภายในขอบเขตของ มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือ ทางการเงิน ในกรณีเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าคู่สัญญาใช้วิธีปฏิบัติที่เรียกว่าการบัญชีเงินฝาก ( deposit accounting ) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อไปนี้ ข 20 . 1 คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งรับรู้ค่าตอบแทนที่ได้รับเป็นหนี้สินทางการเงินแทนที่จะรับรู้เป็นรายได้ ข 20 . 2 คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งรับรู้ค่าตอบแทนที่จ่ายไปเป็นสินทรัพย์ทางการเงินแทนที่จะรับรู้ เป็นค่าใช้จ่าย ข 2 1 หากสัญญาที่อธิบายในย่อหน้าที่ ข 1 9 ไม่ก่อให้เกิดสินทรัพย์ทางการเงิน หรือหนี้สินทางการเงิน ให้ถือปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ทากับ ลูกค้า ภายใต้มาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับดังกล่าวกาหนดให้รายได้ จะ ถูกรับรู้ เมื่อ (หรือขณะที่) กิจการปฏิบัติตามภาระที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาแล้วโดยการส่งมอบสินค้าหรือ บริการที่สัญญาให้ลูกค้า ในจานวนที่ สะท้อนสิ่งตอบแทนที่กิจการคาดว่ามีสิทธิ ที่จะได้รับ ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยที่สาคัญ ข 22 สัญญาใดๆ จะถือว่าเป็นสัญญาประกันภัยก็ต่อเมื่อเฉพาะกรณีที่สัญญานั้นได้โอนความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัยที่สาคัญ ย่อหน้าที่ ข 8 ถึง ข 2 1 ได้กล่าวถึงความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย และย่อหน้าต่อไปนี้จะอธิบายวิธีการประเมินว่าความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยสาคัญหรือไม่ ข 23 ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยจะสาคัญถ้าเหตุการณ์ที่รับประกันภัยทาให้ผู้รับประกันภัย ต้องจ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติมอย่างมีนัยสาคัญภายใต้สถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รวมสถานการณ์ที่ ขาดสาระเชิงพาณิชย์ ( c ommercial substance ) (กล่าวคือ ไม่มีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ต่อ มูลค่าทางเศรษฐกิจของรายการ) หากการจ่ายผลประโยชน์เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญภายใต้ สถานการณ์ ที่มีสาระเชิงพาณิชย์จะถือว่าเป็นไปตามเงื่อนไขในประโยคแรก ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะ เกิดเหตุการณ์ที่รับประกันภัยเป็นไปได้น้อยมาก หรือมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่คาดว่า จะจ่ายตามภาระผูกพัน (ซึ่งคานวณจากวิธีการถ่วงน้าหนักด้วยความน่าจะเป็น) คิดเป็นสัดส่วน เพียงเล็กน้อยของมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดตามสัญญาที่เหลืออยู่ทั้ งหมด ข 24 ผลประโยชน์เพิ่มเติมตามที่กล่าวถึงในย่อหน้าที่ ข 23 หมายถึงจานวนเงินที่เกินกว่าจานวนเงิน ที่จะจ่ายหากไม่มีสถานการณ์ที่เอาประกันภัยเกิดขึ้น (ไม่รวมสถานการณ์ที่ขาดสาระเชิงพาณิชย์) จานวนเงินเพิ่มเติมดังกล่าวรวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการค่าสินไหมทดแ ทน และค่าใช้จ่าย ในการประเมินค่าสินไหมทดแทน แต่ไม่รวมรายการดังต่อไปนี้ ข 24 . 1 การสูญเสียความสามารถที่จะได้รับเงินจากผู้เอาประกันภัยสาหรับการบริการในอนาคต ตัวอย่างเช่น ในสัญญาประกันชีวิตประเภทควบการลงทุน ( investment - linked ) การเสียชีวิตของผู้เอาประกันภัยทาให้ผู้รับประกันภัยไม่สามารถได้รับค่าธรรมเนียม สาหรับการให้บริการจัดการลงทุนได้อีกต่อไป ซึ่งความสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อผู้รับ ประกันภัยดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย แต่เป็นลักษณะ
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 44 เช่นเดียวกับที่ผู้จัดการกองทุ นรวมไม่ได้รับโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ที่เกี่ยวข้องกับโอกาส การเสียชีวิตของลูกค้า ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการสูญเสียค่าบริการ จัดการลงทุนในอนาคตจึงไม่เกี่ยวข้องในการประเมินนัยสาคัญของการโอนความเสี่ยง ด้านการรับประกันภัยตามสัญญา ข 24 . 2 การยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกหรือเวนคืนสัญญาเนื่องจากผู้เอาประกันภัย ได้เสียชีวิต เพราะว่าสัญญาประกันภัยทาให้เกิดค่าธรรมเนียมดังกล่าว ดังนั้นการยกเว้น ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ไม่ได้ถือเป็นการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยสาหรับ ความเสี่ยงที่มีอยู่ก่อนการเ กิดสัญญา ดังนั้นค่าธรรมเนียมเหล่านี้จึงไม่เกี่ยวข้อง ในการประเมินความสาคัญของการโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยตามสัญญา ข 24 . 3 การจ่ายเงินที่อยู่บนเงื่อนไขของเหตุการณ์ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายที่มีนัยสาคัญ ต่อผู้เอาประกันภัย ตัวอย่างเช่น หากพิจารณาสัญญำที่กำหนดให้ผู้รับประกันภัย จ่ายเงินหนึ่งล้านบาทหากสินทรัพย์ของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายคิดเป็น มูลค่าทางเศรษฐกิจเพียงหนึ่งบาท ในกรณีของสัญญานี้จะเห็นได้ว่าผู้เอาประกันภัย ไม่ได้โอนความเสี่ยงที่มีนัยสาคัญในการสูญเสีย (คือเงิน 1 บาท) ให้กับผู้รับประกันภัย ในขณะเดียวกันสัญญานี้ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ที่ทาให้ผู้ออกสัญญาจำเป็นจะต้องจ่ายเงิน 999 , 999 บาท หากเหตุการณ์ที่ระบุไว้ เกิดขึ้น เนื่องจากผู้รับประกันภัยไม่ได้รับโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ที่มีนัยสาคัญจากผู้เอาประกันภัย ดังนั้นสัญญานี้จึงไม่ใช่สัญญาประกันภัย ข 24 . 4 ค่าสินไหมที่อาจได้รับคืนจากการเอาประกันภัยต่อ ผู้รับประกันภัยบันทึกรายการส่วนนี้ แยกต่างหาก ข 25 ผู้รับประกันภัยต้องประเมินความสาคัญของความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยเป็นรายสัญญา แท นที่จะใช้ระดับความมีนัยสาคัญต่องบการเงิน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย จะมีนัยสาคัญแม้ว่าความน่าจะเป็นที่จะเกิดความเสียหายที่มีสาระสาคัญจากสัญญาทั้งหมดจะต่า การประเมินความเสี่ยงเป็นรายสัญญาจะช่วยให้การพิจารณาจัดประเภทสัญญาเป็นสัญญา ประกั นภัยง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามหากผู้รับประกันภัยเห็นว่ากลุ่มของสัญญาที่ประกอบด้วย สัญญา ย่อยๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันส่วนใหญ่มีการโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ผู้รับประกันภัย ไม่จาเป็นต้องพิจารณาสัญญาที่ไม่ใช่อนุพันธ์ภายในกลุ่มเป็นรายสัญญา เพื่อที่จะ ระบุสัญญาจานวนเล็กน้อยที่ไม่ได้โอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยที่มีนัยสาคัญ ข 26 ตามข้อกาหนดในย่อหน้าที่ ข 23 ถึง ข 25 หากสัญญาทาให้เกิดการจ่ายผลประโยชน์การเสียชีวิต มากกว่าจานวนเงินที่ต้องจ่ายหากมีชีวิตอยู่ สัญญานั้นเป็นสัญญาประกันภัย เว้นแต่ผลประโ ยชน์ การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่มีนัยสาคัญ (พิจารณาความมีนัยสาคัญเป็นรายสัญญาแทนที่จะใช้ ความมีนัยสำคัญที่ระดับของกลุ่มสัญญาทั้งหมด) ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วในย่อหน้าที่ ข 24 . 2 ว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกและเวนคืนเนื่องจากการเสียชีวิตไม่ได้ถูกนา มาพิจารณา ในการประเมินนัยสาคัญหากการยกเว้นนั้นไม่ถือเป็นการชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัย สำหรับความเสี่ยงที่มีอยู่ก่อนการเกิดสัญญา ในทำนองเดียวกัน สัญญาเงินรายปี ( annuity )
มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ที่ 49 / 2564 ลงวันที่ 1 4 พฤ ศจิกายน 256 5 45 ที่จ่ายจานวนเงินให้ผู้เอาประกันภัยอย่างสม่าเสมอในช่วงที่ผู้เอาประกันภัยยังมีชีวิตอยู่ถือเป็น สัญญาประกันภัย เว้นแต่ว่าจานวนเงินที่ต้องจ่ายให้ทั้งหมดตามสัญญานั้นไม่มีนัยสาคัญ ข 27 ย่อหน้าที่ ข 23 กล่าวถึงผลประโยชน์เพิ่มเติม ผลประโยชน์เพิ่มเติมเหล่านี้อาจมีข้อกา หนดให้ จ่ายผลประโยชน์เร็วขึ้นหากเหตุการณ์ที่รับประกันภัยเกิดเร็วขึ้น และจำนวนเงินที่จ่ายไม่ได้ ถูกปรับปรุงด้วยมูลค่าตามเวลา ตัวอย่างเช่น การประกันชีวิตแบบตลอดชีพที่มีผลประโยชน์ เสียชีวิตคงที่ (กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ การประกันภัยที่ให้ผลประโยชน์การเสียชีวิตคงที่ไม่ว่า ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเมื่อไรก็ตามโดยไม่มีวันสิ้นสุดความคุ้มครอง) เป็นที่แน่นอนว่า ผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียชีวิตแต่วันที่ของการเสียชีวิตยังไม่แน่นอน ซึ่งผู้รับประกันภัยจะได้รับ ความเสียหายเป็นรายสัญญาหำกผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเร็วขึ้นแม้ว่าจะไม่มีความเสียหาย ในระดับของกลุ่มของสัญญาก็ตาม ข 28 หากสัญญาประกันภัยถูกแยกออกเป็นองค์ประกอบของการฝากเงินและองค์ประกอบของ การรับประกันภัย ความสำคัญของการโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยจะถูกประเมิน โดยพิจารณาจากองค์ประกอบของการรับประกันภัย ความสาคัญของความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ที่ถูกโอนโดยอนุพันธ์ทางการเงินแฝงจะถูกประเมินโดยพิจารณาจากอนุพันธ์ทางการเงินแฝง การเปลี่ยนแปลงระดับของความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ข 29 บางสัญญาไม่ได้โอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยไปให้ผู้รับประกันภัยเมื่อเริ่มต้นสัญญา แม้ว่าจะโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยในเวลาต่อมา ตัวอย่างเช่น หากพิจารณาสัญญา ที่จ่ายผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่ระบุไว้ และให้สิทธิเลือกแก่ผู้เอาประกันภัยที่จะนากาไร จากกา รลงทุนเมื่อครบกำหนดเพื่อซื้อสัญญาเงินรายปีตลอดชีพ ( life - contingent annuity ) ในอัตราเบี้ยประกันภัยรายงวดที่คิดให้กับผู้เอาประกันภัยรายใหม่คนอื่นๆ ในปัจจุบันจะเห็นว่า สัญญานี้ไม่ได้โอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยไปให้ผู้รับประกันภัยจนกว่าจะมีการใช้สิทธิ ดังกล่ำว เพราะผู้รับประกันภัยยังคงมีอิสระที่จะคิดเบี้ยประกันภัยสาหรับสัญญาเงินรายปี ( annuity ) บนพื้นฐานที่สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยที่ถูกโอนไปให้แก่ผู้รับประกันภัยในเวลานั้น อย่างไรก็ตาม หากสัญญาดังกล่าวกาหนดเบี้ยประกันภัยรายงวดตั้งแต่ต้น (หรือกาหนดหลักที่จะใช้ ในการคานวณเบี้ยประกันภัยรายงวด) ถือว่าสัญญานั้นมีการโอนความเสี่ยงด้านการรับประกันภัย ไปให้ผู้ออกเมื่อเริ่มต้นสัญญา ข 30 สัญญาที่มีคุณสมบัติเป็นสัญญาประกันภัยยังคงเป็นสัญญาประกันภัยจนกว่าสิทธิและภาระผูกพัน ทั้งหมดถูกทาให้สิ้นสุดหรือสิ้นผ ลบังคับ