Mon Nov 14 2022 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565


ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565

ข้อก ําหนด เกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรมกรุงเทพมหํานคร พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นกํารสมควรปรับปรุงข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรม กรุงเทพมหํานคร พ.ศ. 2550 เพื่อกําหนดหลักเกณฑ์กํารจัดทําแผนผัง โครงกํารและวิธีกํารในกําร จัดสรรที่ดินให้เหมําะสมกับสภําวกํารณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กําหนดตํามประกําศ คณะกรรมกํารจัดสรรที่ดินกลําง อําศัยอํานําจตํามควํามในมําตรํา 14 (1) และมําตรํา 16 แห่งพระรําชบัญญัติกํารจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 คณะกรรมกํารจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหํานคร จึงออกข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรมกรุงเทพมหํานคร โดยควํามเห็นชอบจํากคณะกรรมกํารจัดสรรที่ดินกลํางไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ข้อก ําหนดนี้เรียกว่ํา “ ข้อก ําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและ พําณิชยกรรม กรุงเทพมหํานคร พ.ศ. 2565 ” ข้อ 2 ข้อกําหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสํามสิบวันนับแต่วันประกําศในรําชกิจจํานุเบกษํา เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก (1) ข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรมกรุงเทพมหํานคร พ.ศ. 2550 (2) ข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรมกรุงเทพมหํานคร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 (3) ข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชย กรรมกรุงเทพมหํานคร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ข้อ 4 บรรดําข้อกําหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือค ําสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อก ําหนดนี้ ให้ใช้ข้อก ําหนดนี้แทน ข้อ 5 ในข้อกําหนดนี้ “ ผู้ขอ ” หมํายควํามว่ํา ผู้ขอใบอนุญําตให้ทํากํารจัดสรรที่ดิน และให้หมํายควํามรวมถึง ผู้จัดสรรที่ดินด้วย “ คณะกรรมกําร ” หมํายควํามว่ํา คณะกรรมกํารจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหํานคร หมวด 1 บททั่วไป ้ หนา 48 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

ข้อ 6 ในกรณีที่คณะกรรมกํารพิจํารณําเห็นเป็นควํามจําเป็นเพื่อประโยชน์ในทํางเศรษฐกิจ และสังคม โดยคํานึงถึงประเภทของกํารจัดสรรที่ดิน ที่ตั้งของที่ดิน กํารผังเมือง คณะกรรมกํารจะผ่อนผัน กํารปฏิบัติตํามข้อก ําหนดนี้เป็นกํารเฉพําะรํายก็ได้ ทั้งนี้ กํารผ่อนผันตํามวรรคหนึ่งต้องไม่ต่ํากว่ําเกณฑ์มําตรฐํานตํามประกําศคณะกรรมกําร จัดสรรที่ดินกลําง เรื่อง ก ําหนดนโยบํายกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรม ข้อ 7 กํารจัดทําสําธํารณูปโภค หรือบริกํารสําธํารณะ ในโครงกํารจัดสรรที่ดิน ต้องมี วิศวกรผู้ควบคุมงํานให้เป็นไปตํามแผนผัง โครงกํารและวิธีกํารจัดสรรที่ดินที่ได้รับอนุญําตจําก คณะกรรมกําร และแบบกํารก่อสร้ํางที่ได้รับอนุญําตจํากหน่วยงํานที่รับผิดชอบ โดยวิศวกรผู้ควบคุมงําน ต้องลงนํามรับรองเป็นหนังสือ ให้ส่ งหนังสือรับรองตํามวรรคหนึ่ง พร้อมสําเนําใบอนุญําตเป็นผู้ประกอบวิชําชีพวิศวกรรม ควบคุมต่อคณะกรรมกําร หรือคณะอนุกรรมกํารที่คณะกรรมกํารมอบหมําย เพื่อประกอบกํารตรวจสอบ กํารจัดท ําสําธํารณูปโภค หรือบริกํารสําธํารณะ ในโครงกํารจัดสรรที่ดิน หมวด 2 หลักเกณฑ์กํารจัดท ําแผนผัง โครงกํารและวิธีกําร ในกํารจัดสรรที่ดิน ส่วนที่ 1 หลักฐํานและรํายละเอียดในกํารแสดงแผนผัง โครงกํารและวิธีกําร ในกํารจัดสรรที่ดิน ข้อ 8 ในกํารขออนุญําตท ํากํารจัดสรรที่ดิน ผู้ขอต้องจัดให้มีแผนผังในกํารจัดสรรที่ดิน ดังนี้ (1) แผนผังสังเขป ได้แก่ แผนผังที่แสดง (ก) ที่ตั้งบริเวณกํารจัดสรรที่ดิน (ข) ลักษณะบริเวณที่ดินโดยรอบ (ค) เส้นทํางที่เข้ําออกสู่บริเวณกํารจัดสรรที่ดินจํากทํางหลวง หรือทํางสําธํารณะภํายนอก (ง) กํารใช้ประโยชน์ที่ดินภํายในเขตผังเมือง ตํามกฎหมํายว่ําด้วยกํารผังเมือง โดยระบุ ข้อควํามต่อไปนี้ คือ “ ที่ดินที่ขอท ํากํารจัดสรร ตั้งอยู่ในบริเวณ … (ระบุรํายละเอียดตํามกฎหมําย ว่ําด้วยกํารผังเมืองแต่ละประเภท) ” (2) แผนผังบริเวณรวม ได้แก่ แผนผังที่แสดง (ก) รูปต่อแปลงเอกสํารสิทธิที่นํามําท ํากํารจัดสรรที่ดิน (ข) รํายละเอียดของที่สําธํารณประโยชน์ต่ําง ๆ ที่อยู่ภ ํายในบริเวณและบริเวณที่ติดต่อ กับที่ดินที่ขอจัดสรร (ค) เงื่อนไขเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งของรําชกํารและส่วนบุคคล ้ หนา 49 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

(ง) ในกรณีที่มีโครงกํารต่อเนื่องเป็นหลํายโครงกําร ให้แสดงกํารเชื่อมต่อของโครงกํารทั้งหมด ไว้ในแผนผังบริเวณรวมด้วย (3) แผนผังกํารแบ่งแปลงที่ดิน ได้แก่ แผนผังที่แสดง (ก) กํารแบ่งแปลงที่ดินแปลงย่อยเพื่อกํารจัดจําหน่ําย โดยให้ระบุประเภทกํารใช้ที่ดิน แต่ละแปลง (ข) กํารแบ่งแปลงที่ดินเพื่อจัดท ําสําธํารณูปโภค บริกํารสําธํารณะ และเส้นทํางถนน (4) แผนผังระบบสําธํารณูปโภคและบริกํารสําธํารณะ ได้แก่ แผนผังที่แสดงรํายละเอียด ของระบบสําธํารณูปโภคและบริกํารสําธํารณะที่จะจัดให้มี ดังนี้ (ก) ระบบไฟฟ้ํา เว้นแต่เป็นกํารดําเนินกํารของหน่วยงํานภําครัฐ (ข) ระบบประปํา เว้นแต่เป็นกํารดําเนินกํารของหน่วยงํานภําครัฐ (ค) ระบบกํารระบํายน้ํา (ง) ระบบบ ําบัดน้ ําเสีย (จ) ถนนและทํางเท้ํา (ฉ) สวน สนํามเด็กเล่น หรือสนํามกีฬํา (ช) อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนผังทุกรํายกํารจะต้องแสดงรํายละเอียดของสิ่งที่ปรํากฏอยู่ในสภําพปัจจุบันและสภําพ หลังจํากกํารปรับปรุงพัฒนําแล้ว รํายละเอียดของสิ่งที่ต้องแสดงในแผนผังแต่ละรํายกํารให้เป็นไป ตํามประกําศของคณะกรรมกําร และจะต้องจัดท ําบนกระดําษขนําดมําตรฐําน A 1 หรือขนําดใหญ่กว่ํา โดยให้มุมด้ํานล่ํางขวําจะต้องแสดงดัชนีแผนผังที่ต่อกัน (ในกรณีที่ต้องแสดงแผนผังเกินกว่ํา 1 แผ่น) ชื่อโครงกําร ชื่อและที่ตั้งของสํานักงํานจัดสรรที่ดิน ชื่อและลํายมือชื่อของผู้ออกแบบและวิศวกร ผู้ค ํานวณระบบ ต่ําง ๆ พร้อมทั้งเลขทะเบียนใบอนุญําตให้ประกอบวิชําชีพ ตํามกฎหมํายว่ําด้วยสถําปนิก หรือกฎหมํายว่ําด้วยวิศวกรด้วย ข้อ 9 ในกํารขออนุญําตจัดสรรที่ดิน นอกจํากหลักฐํานและรํายละเอียดที่ต้องแสดง ตํามควํามในมําตรํา 23 แห่งพระรําชบัญญัติกํารจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 และกฎกระทรวงซึ่ งออก ตํามควํามในพระรําชบัญญัติกํารจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 แล้ว ผู้ขอต้องแสดงโครงกํารและวิธีกําร ในกํารจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นหลักฐํานกํารดําเนินงํานในเรื่องต่ําง ๆ ดังมีรํายกําร ต่อไปนี้ (1) หลักฐํานกํารอนุญําตยินยอมจํากหน่วยงํานของรัฐที่ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ําทิ้ง (ในกรณีต้องได้รับอนุญําตหรือยินยอม) (2) หลักฐํานผลกํารพิจํารณํารํายงํานกํารวิเครําะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตํามกฎหมํายว่ําด้วย กํารส่งเสริมและรักษําคุณภําพสิ่งแวดล้อม (ในกรณีต้องจัดท ํา) (3) หลักฐํานกํารให้บริกํารระบบประปําของกํารประปํานครหลวง หรือกํารประปําส่วนภูมิภําค ้ หนา 50 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

(4) วิธีกํารในก ํารปรับปรุงพื้นที่ดิน กํารรวม กํารปรับแต่งให้พื้นที่ดินเกิดควํามเหมําะสม ในกํารปลูกสร้ํางอําคําร ทั้งนี้ จะต้องกําหนดระดับควํามสูงต่ําของพื้นดินและวัสดุที่นํามําใช้ในกํารถมปรับที่ดิน ทั้งบริเวณส่วนจ ําหน่ํายและส่วนสําธํารณูปโภค (5) วิธีกํารในกํารจัดจําหน่ํายที่ดินเปล่ําหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้ํางจะจําหน่ํายโดยวิธีเงินสด หรือเงินผ่อน ตํามระยะเวลําที่ผู้ซื้อสํามํารถเลือกได้ (6) วิธีกํารในกํารบ ํารุงรักษําสําธํารณูปโภคหรือบริกํารสําธํารณะ (7) กํารเรียกเก็บเงินค่ําใช้บริกํารและค่ําบ ํารุงรักษําบริกํารสําธํารณะ (8) สิ ทธิของผู้ซื้อในกํารใช้หรือได้รับบริกํารจํากบริกํารสําธํารณะที่ผู้ขอจัดให้มีในบริเวณ กํารจัดสรรที่ดิน (9) ภําระผูกพันต่ําง ๆ ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่ขอจัดสรรนั้น (10) สัญญําหรือเงื่อนไขในกํารใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินแปลงย่อยที่ผู้ซื้อจะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ ต่อชุมชนทํางด้ํานควํามสงบสุข ควํามปลอดภัย ควํามสวยงําม ควํามเป็นระเบียบเรียบร้อย ควํามเพิ่มพูน มูลค่ําในทรัพย์สินและขนบธรรมเนียมประเพณี (11) หลักฐํานแสดงกํารอนุญําตหรือยินยอมของหน่วยงํานอื่น ๆ (ถ้ํามี) ส่วนที่ 2 ขนําดและเนื้อที่ของที่ดินที่ขอท ํากํารจัดสรร ข้อ 10 ขนําดของที่ดินที่ขอท ํากํารจัดสรร แบ่งเป็น 3 ขนําด คือ (1) ขนําดเล็ก จํานวนแปลงย่อยเพื่อจัดจําหน่ําย ไม่เกิน 99 แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงกําร น้อยกว่ํา 19 ไร่ (2) ขนําดกลําง จํานวนแปลงย่อยเพื่อจัดจําหน่ํายตั้งแต่ 100 - 499 แปลง หรือเนื้อที่ ทั้งโครงกําร 19 - 100 ไร่ ( 3 ) ขนําดใหญ่ จํานวนแปลงย่อยเพื่อจัดจําหน่ํายตั้งแต่ 500 แปลง หรือเนื้อที่ทั้งโครงกําร เกินกว่ํา 100 ไร่ กําร จัดทําสําธํารณูปโภค และบริกํารสําธํารณะภํายในโครงกํารจัดสรรที่ดิน ต้องทําในที่ดิน ที่มีชื่อผู้ขอ เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินเท่ํานั้น ข้อ 11 กํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรม ที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีขนําดและ เนื้อที่ของที่ดินแยกเป็นประเภท ดังนี้ (1) กํารจัดสรรที่ดินเพื่อกํารจําหน่ํายเฉพําะที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอําคํารประเภทบ้ํานเดี่ยว ที่ดินแปลงย่อยต้องมีขนําดควํามกว้ํางหรือควํามยําวไม่น้อยกว่ํา 10.00 เมตร และมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 50 ตํารํางวํา หํากควํามกว้ํางหรือควํามยําวไม่ได้ขนําดดังกล่ําว ต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่ ํา 60 ตํารํางวํา ้ หนา 51 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

(2) กํารจัดสรรที่ดินเพื่อกํารจําหน่ํายพร้อมอําคํารประเภทบ้ํานแฝด ที่ดินแต่ละแปลงต้องมี ควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 8.00 เมตร และมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 35 ตํารํางวํา (3) กํารจัดสรรที่ดินเพื่อกํารจ ําหน่ํายพร้อมอําคํารประเภทบ้ํานแถวหรืออําคํารพําณิชย์ ที่ดินแต่ละแ ปลงต้องมีควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 4.00 เมตร และมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 16 ตํารํางวํา ข้อ 12 ระยะห่ํางของตัวอําคํารจํากเขตที่ดินและกํารเว้นช่องว่ํางระหว่ํางแปลงที่ดิน ให้เป็นไป ตํามกฎหมํายว่ําด้วยกํารควบคุมอําคําร และกฎหมํายที่เกี่ยวข้อง ข้อ 13 ห้ํามแบ่งแปลงที่ดินเป็นแนวตะเข็บ เป็นเศษเสี้ยว หรือมีรูปร่ํางที่ไม่สํามํารถ ใช้ประโยชน์ได้ ข้อ 14 เพื่อประโยชน์ในกํารจัดขนําดและจ ํานวนของระบบสําธํารณูปโภคและบริกําร สําธํารณะให้เพียงพอต่อกํารใช้ประโยชน์ในที่ดินของโครงกํารจัดสรรที่ดินในอนําคต ให้ที่ดินแปลงอื่น ในโครงกําร จัดสรรที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เกินกว่ํา 100 ตํารํางวํา ขึ้นไป จะต้องนํามํารวมเพื่อค ํานวณจ ํานวน แปลงที่ดินใหม่ โดยใช้เกณฑ์เฉลี่ยเนื้อที่ 100 ตํารํางวํา ต่อ 1 แปลง จํานวนแปลงที่ดินที่คํานวณ ได้จํากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้น ําไปรวมกับจ ํานวนที่ดินแปลงย่อยที่จัดขนําดตํามเกณฑ์ที่ก ําหนด เพื่อใช้ในกําร ก ําหนดขนําดและจ ํานวนของระบบสําธํารณูปโภคและบริกํารสําธํารณะตํามข้ออื่น ๆ ต่อไป หํากลักษณะทั่วไปของกํารจัดสรรที่ดินเป็นกํารแบ่งที่ดินแปลงย่อยเป็นประเภทบ้ํานแฝด บ้ํานแถว และอําคํารพําณิชย์ รวมกันเกิ นกว่ําร้อยละ 50 ของพื้นที่จัดจ ําหน่ํายทั้งโครงกําร ให้ใช้เกณฑ์เฉลี่ยของเนื้อที่บ้ํานแฝด บ้ํานแถว และอําคํารพําณิชย์ทุกแปลงในโครงกํารจัดสรรที่ดินนั้น เป็นเกณฑ์เฉลี่ยต่อ 1 แปลง จํานวนแปลงที่ดินที่คํานวณได้จํากเกณฑ์เฉลี่ยนี้ ให้นําไปรวมกับจํานวน บ้ํานแฝด บ้ํานแถว และอําคํารพําณิชย์ เพื่อใช้ในกํารก ําหนดขนําดและจ ํานวนของระบบสําธํารณูปโภค และบริกํารสําธํารณะตํามข้ออื่น ๆ ต่อไป ส่วนที่ 3 ข้อกําหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับกํารสําธํารณสุข ข้อ 15 กํารเก็บ ขน และก ําจัดสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอย ให้เป็นไปตํามข้อบัญญัติกรุงเทพมหํานคร ส่วนที่ 4 ข้อกําหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับกํารรักษําคุณภําพสิ่งแวดล้อม ข้อ 16 ในกํารจัดท ําระบบกํารระบํายน้ํา ให้ดําเนินกําร ดังนี้ (1) ในกรณีที่ระบบป้องกันน้ําท่วม ใช้แบบพื้นที่ปิดล้อม ( Polder System ) ให้จัดสร้ํางคัน กั้นน้ําถําวรสูงกว่ําระดับน้ําสูงสุดที่เคยเกิดขึ้น ไม่ น้อยกว่ํา 0.30 เมตร ถ้ําเป็นคันดินพร้อมบดอัด ตํามหลักวิชํากํารทํางวิศวกรรมต้องมีผิวจรําจรกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 3. 00 เมตร ล้อมรอบพื้นที่โครงกําร ้ หนา 52 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

จัดสรรที่ดิน โดยให้ถือว่ําคันกั้นน้ ําดังกล่ําวเป็นสําธํารณูปโภคของโครงกํารจัดสรรที่ดิน และจะต้องมีกําร ตรวจซ่อมบ ํารุงให้มีสภําพกํารใช้งํานไม่ด้อยไปกว่ําเดิม หรือวิธีป้องกันน้ําท่วมชนิดอื่น ที่มีประสิทธิภําพเทียบเท่ํา (2) กํารระบํายน้ําภํายในพื้นที่โครงกํารจัดสรรที่ดินที่ผ่ํานกํารใช้จํากกิจกรรมต่ําง ๆ และน้ําฝน จํากพื้นที่ภํายในโครงกํารโดยใช้ท่อหรือรํางระบํายน้ํา ต้องได้รับกํารออ กแบบอย่ํางถูกต้องตํามหลัก วิชํากํารทํางวิศวกรรม (3) คุณภําพน้ําทิ้งที่ออกจํากระบบกํารระบํายน้ําและระบบบําบัดน้ําเสียของพื้นที่โครงกําร จัดสรรที่ดินไปสู่แหล่งรองรับน้ ําทิ้ง (คู คลอง หรือทํางน้ําสําธํารณะอื่นใด) จะต้องเป็นไปตํามมําตรฐําน ควบคุมกํารระบํายน้ําทิ้งของกระทรวงทรัพยํากรธร รมชําติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กําหนดมําตรฐําน ควบคุมกํารระบํายน้ําทิ้งจํากที่ดินจัดสรร หรือกฎหมํายอื่นที่ใช้บังคับ (4) กํารระบํายน้ําออกจํากโครงกํารจะต้องได้รับอนุญําตหรือยินยอมจํากหน่วยงํานของรัฐ ที่ดูแลรับผิดชอบแหล่งรองรับน้ ําทิ้งนั้น ๆ (5) กํารคํานวณปริมําณน้ําและขีดควํามสําม ํารถในกํารรองรับปริมําณน้ําของระบบกํารระบํายน้ํา ให้ดําเนินกําร ดังนี้ (5.1) ปริมําณน้ ําฝน ใช้เกณฑ์ปริมําณฝนตกปกติโดยเฉลี่ยในคําบอุบัติซ้ํา ( Return Period ) ไม่น้อยกว่ํา 5 ปี ของกรุงเทพมหํานคร และกํารค ํานวณปริมําณน้ ําท่ํา ( Runoff ) ของระบบ กํารระบํายน้ ําให้ใช้วิธีหลักเหตุผล ( Rational Method ) โดยที่สัมประสิทธิ์กํารไหลนองของน้ ําฝนเฉลี่ย ของที่ดินแปลงย่อยจะต้องมีค่ําไม่ต่ํากว่ํา 0.6 (5.2) ปริมําณน้ ําเสีย ใช้เกณฑ์ปริมําณไม่ต่ ํากว่ําร้อยละ 95 ของน้ ําใช้ แต่ต้อง ไม่ต่ํากว่ํา 1 ลูกบําศก์เมตร ต่อครัวเรือน ต่อวัน (5.3) ปริมําณน้ําไหลซึมเข้ําระบบท่อระบํายน้ําต่อวัน ต้องไม่ต่ํากว่ํา 20 ลูกบําศก์เมตร ต่อควํามยําวท่อระบํายน้ํา 1 กิโลเมตร หรือค่ําอื่น ตํามข้อมูลที่อ้ํางอิงซึ่งต้องเชื่อถือได้ในทํางวิชํากําร โดยต้องสอดคล้องกับประเภทวัสดุของท่อ หรือรํางระบํายน้ ํา (5.4) กํารค ํานวณขีดควํามสํามํารถกํารระบํายน้ําของท่อระบํายน้ ําโดยทั่วไปให้ใช้ สมกํารแมนนิ่ง โดย Q = อัตรํากํารไหล A = พื้นที่หน้ําตัดกํารไหล R = รัศมีชลศําสตร์ S = ควํามลําดเอียงของเส้นพลังงําน ( Slope of Energy line ) n = สัมประสิทธิ์ควํามขรุขระ หํากมีควํามจําเป็นต้องใช้สมกํารอื่นนอกเหนือจํากสมกํารแมนนิ่งให้เขียนคําอธิบํายและ เหตุผลประกอบให้ชัดเจน ้ หนา 53 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

ท่อระบํายน้ําจะต้องสํามํารถระบํายน้ําตํามปริมําณน้ําขั้นต่ําที่กําหนดในข้อ 16 (5.1) ถึง 16 (5.3) ได้ ในกรณีที่ระดับน้ําของแหล่งรองรับน้ําทิ้งอยู่สูงกว่ําระดับหลังท่อระบํายน้ําของ โครงกํารจะต้องมีกํารคํานวณท่อส่วนที่จมน้ํา โดยแสดงผลของระดับน้ําย้อนกลับ ( Back Water Level ) ที่เกิดจํากกํารจมน้ําของท่อดังกล่ําวด้วย (6) ระบบกํารระบํายน้ําของโครงกํารจัดสรรที่ดิน จะต้องประกอ บด้วย (6.1) ท่อระบํายน้ํา และบ่อพัก พร้อมฝํา หรือรํางระบํายน้ ํา พร้อมฝํา (6.2) บ่อสูบหรือสถํานีสูบ (ถ้ํามี) ภํายในระบบกํารระบํายน้ําจะต้องประกอบด้วย เครื่องสูบน้ํา ตะแกรงดักขยะ และบริเวณดักเศษดินทรําย ส่วนบ่อสูบหรือสถํานีสูบน้ําบริเวณที่บรรจบกับ ระบบระบํายน้ําสําธํารณะ หรือแหล่งรองรับน้ําสําธํารณะ ให้มีประตูน้ําเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งองค์ประกอบ เพื่อให้สํามํารถระบํายน้ําออกได้ ในกรณีที่ระดับน้ําของแหล่งรองรับน้ําสําธํารณะภํายนอกต่ํากว่ําระดับน้ํา ภํายในโครงกําร (6.3) บ่อตรวจคุณภําพน้ําทิ้งรวมของโครงกําร พร้อมตะแกรงดักขยะ ก่อนระบํายน้ ําทิ้ง ลงสู่ทํางน้ําสําธํารณะ (6.4) กรณีที่มีบ่อผันน้ําลงสู่ทํางน้ําสําธํารณะจะต้องจัดให้มีตะแกรงดักขยะก่อนระบํายน้ ํา ลงสู่ทํางน้ําสําธํารณะ (6.5) แหล่งรองรับน้ ําทิ้งจํากกํารระบํายน้ ํา และจํากระบบบําบัดน้ ําเสีย (7) กํารจัดทํารํายกํารคํานวณระบบกํารระบํายน้ ํา (ต้องนําเสนอรํายกํา รคํานวณประกอบกับ แผนผังระบบกํารระบํายน้ ํา) จะต้องประกอบด้วย (7.1) กรําฟน้ ําฝนออกแบบ (7.2) สูตรที่ใช้ในกํารคํานวณน้ ําฝน - น้ ําท่ํา (7.3) สูตรที่ใช้ในกํารคํานวณชลศําสตร์กํารไหลของน้ําในท่อระบํายน้ํา (7.4) พื้นที่รองรับน้ําฝน หรือพื้นที่ระบํายน้ําฝนลงสู่ท่อหรือรํางระบํายน้ํา (ในหน่วย ตํารํางเมตร หรือตํารํางกิโลเมตร) พร้อมค่ําสัมประสิทธิ์กํารไหลนองประจ ําพื้นที่รองรับน้ําฝน (7.5) ปริมําณน้ําท่ําที่จะเข้ําสู่ท่อ หรือรํางระบํายน้ ํา (ในหน่วยลูกบําศก์เมตรต่อวินําที) (7.6) ขนําดของท่อ หรือรํางระบํายน้ ํา ในแต่ละส่วนของระบบระบํายน้ ํา (7.7) ควํามลําดเอียงของท่อ หรือรํางระบํายน้ ํา (7.8) ควํามลําดเอียงของเส้นชลศําสตร์กํารไหล ( Hydraulic Grade Line ) (7.9) ควํามเร็วของกํารไหลของน้ ําในท่อ หรือรํางระบํายน้ ํา (7.10) ควํามลึกของท้องท่อ หรือรํางระบํายน้ ํา ( Invert Elevation ) (7.11) ขนําดของบ่อสูบหรือสถํานีสูบ (ถ้ํามี) และต้องแสดงปริมําณน้ําท่ําที่ระบํายออกสู่ แหล่งน้ําสําธํารณะรวมทั้งระดับน้ําสูงสุดของแหล่งรองรับน้ําทิ้งของระบบกํารระบํายน้ําของโครงกําร จัดสรรที่ดิน ้ หนา 54 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

รํายกํารค ํานวณทั้งหมดนี้ต้องจัดท ําขึ้นตํามหลักวิชํากํารทํางวิศวกรรม ที่สํามํารถ ตรวจสอบควํามเพียงพอและควํามมั่นคงแข็งแรงของ วัสดุที่ใช้ในระบบได้ โดยผู้คํานวณออกแบบต้อง ลงนํามพร้อมส่งส ําเนําใบอนุญําตเป็นผู้ประกอบวิชําชีพวิศวกรรมควบคุม (8) เงื่อนไขต่ําง ๆ ที่ต้องปฏิบัติในกํารจัดทําแผนผังระบบกํารระบํายน้ํา และกํารจัดทํา รํายกํารคํานวณทํางวิชํากําร ประกอบด้วย (8.1) ขนําดเส้นผ่ํานศูนย์กลํางภํายในของ ท่อระบํายน้ ําขนําดเล็กที่สุดไม่น้อยกว่ํา 60 เซนติเมตร โดยจัดทําแนวท่อระบํายน้ ําทั้งสองฝั่งของถนน รวมทั้งในกรณีเลือกใช้ระบบระบํายน้ ําเสีย แยกจํากระบบระบํายน้ําฝน (8.2) ท่อระบํายน้ําที่นํามําจัดท ําระบบกํารระบํายน้ ําจะต้องได้รับมําตรฐํานอุตสําหกรรม (มอก.) ส ําหรับใช้ในกํารระบํา ยน้ ํา และต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ (ก) เป็นวัสดุที่ทนทํานต่อกํารกัดกร่อนของน้ําเสียและน้ ําฝนได้ (ข) รับน้ ําหนักกดจํากพื้นที่ด้ํานบน และยํานพําหนะที่สัญจรผ่ํานไปได้โดยไม่เสียหําย (8.3) ควํามลําดเอียงของท่อระบํายน้ ํา ต้องมีควํามลําดเอียงของท่อไม่ต่ํากว่ํา 1 : 1000 (8.4) กํารกําหนดประเภทเครื่องสูบน้ํา ปริมําตรบ่อสูบ หรือสถํานีสูบน้ําและระดับน้ํา ที่เครื่องสูบน้ําเริ่ม - หยุดทํางําน ให้เป็นไปตํามหลักวิชํากํารทํางวิศวกรรม โดยระดับน้ําสูงสุดที่กําหนดให้ เครื่องสูบน้ําเริ่มท ํางํานต้องไม่เกินกึ่งหนึ่งของเส้นผ่ํานศูนย์กลํางท่อน้ ําที่เข้ําสู่ บ่อสูบน้ํา (8.5) แนวระบบระบํายน้ําต้องไม่พําดผ่ํานทํางน้ํา หรือแหล่งน้ําสําธํารณประโยชน์ นอกจํากจะมีระบบพิเศษ เพื่อกํารส่งน้ ําไปโดยไม่ปนเปื้อนกับน้ ําในทํางน้ ําหรือแหล่งน้ ําสําธํารณประโยชน์ (8.6) บ่อพักและท่อระบํายน้ ํา ให้ดําเนินกําร ดังนี้ (ก) กํารจัดทําบ่อพักให้มีระยะห่ํางระหว่ํางบ่อพักไม่เกิน 15.00 เมตร โดยต้องมี บ่อพักทุกจุดที่มีกํารเปลี่ยนขนําดท่อและจุดบรรจบของท่อหรือรํางระบํายน้ํา และตั้งอยู่ในพื้นที่ตําม แผนผังโครงกํารจัดสรรที่ดิน (ข) กํารจัดทําท่อระบํายน้ําจํากที่ดินแปลงย่อยแต่ละแปลงเข้ําบ่อพักต้องแ ยก ท่อระบํายน้ําออกจํากกัน (8.7) กรณีพื้นที่ที่กํารจัดสรรที่ดินมีระดับสูงต่ําต่ํางกันให้แสดง (ก) เส้นชั้นควํามสูงต่ําของพื้นที่ลงในแผนผังแสดงแนวเส้นท่อระบํายน้ํา โดยมีช่วง ห่ํางกันทุกระดับควํามสูง 1.00 เมตร หรือน้อยกว่ํา (ข) ระดับของพื้นที่ที่จะปรับแต่ง โดยกํารขุดหรือถมจํากระดับเดิม (8.8) ต้องแสดงแหล่งรองรับน้ําทิ้งให้ชัดเจนในแผนผัง หํากใช้ลํารํางสําธํารณะเป็นทําง ระบํายน้ํา ให้แสดงภําพควํามกว้ํางและควํามลึกของลํารํางจํากบริเวณที่จัดสรรไปจนถึงแหล่งรองรับน้ําทิ้ง ในกรณีแยกระบบระบํายน้ําเสียออกจํากระบบระบํายน้ําฝน ให้แสดงแบบรํายละเอียดและรํายกําร ้ หนา 55 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

คํานวณทํางวิชํากํารของทั้งสองระบบแยกจํากกัน แต่ละระบบต้องมีรํายละเอียดต่ําง ๆ ตํามข้ํางต้น ทั้งหมด รวมทั้งระดับและรูปตัดของทุกจุดที่มีกํารตัดผ่ํานหรือบรรจบกันของระบบทั้งสอง ข้อ 17 ในกํารจัดท ําระบบบ ําบัดน้ ําเสีย ให้ดําเนินกําร ดังนี้ ( 1 ) น้ํา ที่ผ่ํานกํารใช้จํากทุกกิจกรรมในแปลงที่ดินจัดสรรถือเป็นน้ ําเสียที่จะต้องได้รับกํารบ ําบัด ให้มีคุณสมบัติเป็นไปตํามประกําศกระทรวงทรัพยํากรธรรมชําติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก ําหนดมําตรฐําน ควบคุมกํารระบํายน้ําทิ้งจํากที่ดินจัดสรร และเรื่อง กําหนดให้ที่ดินจัดสรรเป็นแหล่งกําเนิดมลพิษที่จะต้อง ถูกควบคุมกํารปล่อยน้ําเสียลงสู่แหล่งน้ําสําธํารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม หรือกฎหมํายอื่นที่ใช้บังคับ จึงจะระบํายลงสู่แหล่งรองรับน้ําทิ้งได้ ( 2 ) ระบบบําบัดน้ําเสียต้องเป็นระบบบําบัดอิสระเฉพําะแต่ละที่ดินแปลงย่อย (ระบบ บําบัดน้ําเสีย แบบครัวเรือน) พร้อมบ่อดักไขมัน และต้องจัดท ําระบบบ ําบัดน้ ําเสียรวมชนิดเติมอํากําศหรือ ที่มีมําตรฐํานเทียบเท่ําในโครงกํารจัดสรรที่ดินก่อนระบํายน้ ําลงสู่แหล่งน้ ําสําธํารณะ โดยมีวิศวกร ตํามกฎหมํายว่ําด้วยวิศวกรรับรอง เว้นแต่โครงกํารจัดสรรที่ดินขนําดเล็ก (พิเศษ) ทั้งนี้ ก ําหนดให้ปริมําณน้ ําเสีย 1 แปลง ต้องไม่ต่ ํากว่ํา 1 , 000 ลิตร ต่อวัน และ หลักเกณฑ์ในกํารออกแบบต้องกําหนดให้มีระยะเวลําเก็บกัก ( HRT ) ไม่น้อยกว่ํา 4.5 ชั่วโมง รวมทั้ง มีควํามต้องกํารออกซิเจนไม่น้อยกว่ํา 2 Kg Oxygen / 1 Kg BOD โดยมีกํารคํานวณปริมําตร ของระบบบ ําบัดน้ ําเสียรวมส่วนเติมอํากําศ ดังนี้ ปริมําณน้ ําเสียทั้งหมด x ระยะเวลําเก็บกัก ( HRT ) 24 ชั่วโมง ( 3 ) ก่อนระบํายน้ําเสียออกจํากโครงกํารให้จัดให้มีบ่อตรวจคุณภําพน้ําทิ้งที่สํามํารถเข้ําไป ตรวจสอบคุณภําพน้ ําทิ้งได้ตลอดเวลํา ส่วนที่ 5 ข้อกําหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับกํารคมนําคม กํารจรําจร กํารโทรคมนําคม และควํามปลอดภัย ข้อ 18 ที่ดินแปลงย่อยในโครงกํารทุกแปลงต้องติดถนนที่ใช้เป็นสําธํารณูปโภคส ําหรับ เป็นทํางเข้ําออกของรถยนต์ โดยมีควํามกว้ํางของหน้ําแปลงต้องไม่น้อยกว่ํา 4.00 เมตร ข้อ 19 ขนําดของถนนที่ต้องจัดให้มีกํารจัดสรรที่ดินแต่ละโครงกํารให้มีควํามกว้ํางของเขตทําง และผิวจรําจรเป็นสัดส่วนกับจ ํานวนที่ดินแปลงย่อย ดังนี้ (1) ถนนที่ใช้เป็นทํางเข้ําออกสู่ที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน 99 แปลง หรือเนื้อที่น้อยกว่ํา 19 ไร่ ต้องมีควํามกว้ํางของเขตทํางไม่น้อยกว่ํา 9.00 เมตร โดยมีควํามกว้ํางของผิวจรําจรไม่น้อยกว่ํา 6 .00 เมตร ้ หนา 56 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

(2) ถนนที่ใช้เป็นทํางเข้ําออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 100 - 299 แปลง หรือเนื้อที่ 19 - 50 ไร่ ต้องมีควํามกว้ํางของเขตทํางไม่น้อยกว่ํา 12 .00 เมตร โดยมีคว ํามกว้ํางของผิวจรําจร ไม่น้อยกว่ํา 8 .00 เมตร (3) ถนนที่ใช้เป็นทํางเข้ําออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 300 - 499 แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่ํา 50 ไร่ แต่ไม่เกิน 100 ไร่ ต้องมีควํามกว้ํางของเขตทํางไม่น้อยกว่ํา 16 .00 เมตร โดยมีควํามกว้ําง ของผิวจรําจร ไม่น้อยกว่ํา 12 .00 เมตร (4) ถนนที่ใช้เป็นทํางเข้ําออกสู่ที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไป หรือมํากกว่ํา 100 ไร่ขึ้นไป ต้องมีควํามกว้ํางของเขตทํางไม่น้อยกว่ํา 18 .00 เมตร โดยมีควํามกว้ํางของผิวจรําจร ไม่น้อยกว่ํา 13 .00 เมตร มีเกําะกลํางถนนกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 1 .00 เมตร และมีทํางเท้ํากว้ํางข้ํางละ 2 .00 เมตร ในกรณีที่ที่ดินแปลงย่อยมีหน้ําแปลงที่ดินติดต่อกับเขตห้ํามปลูกสร้ํางอําคํารในทํางหลวงแผ่นดิน หรือทํางหลวงท้องถิ่น ให้ปรับปรุงเขตทํางนั้นเป็นผิวจรําจร โดยให้เชื่อมเป็นส่วนเดียวกับผิวจรําจร ของทํางหลวง นอกจํากจะมีเกณฑ์บังคับเป็นอย่ํางอื่น ข้อ 20 ในกรณีที่มีกํารจัดท ําวงเวียน ต้องมีรัศมีควํามโค้งวัดจํากจุดศูนย์กลํางถึงกึ่งกลํางถนน ไม่น้อยกว่ํา 6.00 เมตร และผิวจรําจรกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 6.00 เมตร โดยให้มีขนําดเส้นผ่ํานศูนย์กลําง ไม่น้อยกว่ํา 21.00 เมตร ข้อ 21 ถนนที่เ ป็นทํางเข้ําออกโครงกํารจัดสรรที่ดิน ที่บรรจบกับทํางหลวงแผ่นดินหรือ ทํางสําธํารณประโยชน์ ต้องมีควํามกว้ํางของเขตทํางไม่น้อยกว่ําเกณฑ์กําหนดตํามข้อ 19 เว้นแต่ ถนนดังกล่ําวเป็นถนนภําระจํายอม และมีควํามกว้ํางของเขตทํางน้อยกว่ําเกณฑ์กําหนดตํามข้อ 19 ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณ ะกรรมกํารที่จะพิจํารณําอนุญําตได้ แต่ถนนดังกล่ําวต้องมีผิวจรําจรไม่น้อยกว่ํา 6.00 เมตร และมิได้เป็นถนนที่เกิดจํากกํารดําเนินกํารของผู้ขอหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ขอ ถนนสําธํารณประโยชน์ที่เป็นทํางเข้ําออกโครงกํารจัดสรรที่ดินต้องมีควํามกว้ํางของผิวจรําจร ไม่น้อยกว่ํา 5.00 เมตร ข้อ 22 ถนนแต่ละสํายให้มีควํามยําวจํากทํางแยกหนึ่งถึงอีกทํางแยกหนึ่งไม่เกิน 300.00 เมตร และไม่ควรให้เป็นแนวตรงยําวเกินกว่ํา 600.00 เมตร ถนนในโครงกํารที่มีควํามยําวระหว่ํางทํางแยกเกินกว่ํา 120.00 เมตร ให้จัดทําสันชะลอ ควํามเร็วทุกระยะไม่เกิน 120.00 เมตร ก รณีที่เป็นถนนปลํายตันต้องจัดให้มีที่กลับรถ ดังนี้ ( 1 ) ถนนปลํายตันที่มีระยะเกิน 50 .00 เมตร แต่ไม่เกิน 100 .00 เมตร ให้จัดทําที่กลับรถ บริเวณปลํายตัน ( 2 ) ถนนปลํายตันที่มีระยะควํามยําวเกิน 100 .00 เมตร ให้จัดท ําที่กลับรถทุกระยะ 100 .00 เมตร แต่หํากมีระยะเป็นเศษไม่ครบ 100 .00 เมตร ต้องจัดท ําที่กลับรถตํามเงื่อนไข ต่อไปนี้ ้ หนา 57 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

(ก) หํากระยะตั้งแต่จุดที่ครบ 100 .00 เมตร จุดสุดท้ําย ไปจนถึงจุดปลํายตันของถนน มีระยะไม่เกิน 50 .00 เมตร ให้จัดทําที่กลับรถที่บริเวณปลํายตันของถนน โดยไม่ต้องจัดทําที่กลับรถ ในบริเวณที่ครบระยะ 100 .00 เมตร จุดสุดท้ําย (ข) หํากระยะตั้งแต่จุดที่ครบ 100 .00 เมตร จุดสุดท้ําย ไปจนถึงจุดปลํายตันของถนน มีระยะเกิน 50 .00 เมตร ให้จัดท ําที่กลับรถที่บริเวณปลํายตันของถนนด้วย ( 3 ) ที่กลับรถต้องจัดให้เป็นไปตํามมําตรฐําน ดังนี้ (ก) กรณีที่เป็นรูปตัวโอ ( O ) ต้องมีเส้นผ่ํานศูนย์กลํางไม่น้อยกว่ํา 14.00 เมตร (ข) กรณีที่เป็นรูปตัวที ( T ) ให้จัดท ําที่บริเวณปลํายตันให้มีควํามยําวของไหล่ตัวทีด้ํานละ ไม่น้อยกว่ํา 2.50 เมตร และผิวจรําจรกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 4.00 เมตร (ค) กรณีที่เป็นรูปตัวแอล ( L ) ต้องมีควํามยําวสุทธิไม่น้อยกว่ํา 5.00 เมตร และ ผิวจรําจรกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 4.00 เมตร หํากจัดท ําในบริเวณปลํายตันของถนนให้จัดท ําห่ํางจํากบริเวณ ปลํายตันไม่น้อยกว่ํา 5.00 เมตร (ง) กรณีที่เป็นรูปตัววําย ( Y ) ต้องมีควํามยําวสุทธิของแขนตัววํายด้ํานละไม่น้อยกว่ํา 5.00 เมตร เว้นแต่จัดทําที่บริเวณปลํายตันให้มีควํามยําวของไหล่ตัววํายด้ํานละไม่น้อยกว่ํา 2.50 เมตร และผิวจรําจรกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 4.00 เมตร มุมตัววํายต้องไม่เล็กกว่ํา 120 องศํา ข้อ 23 ที่จอดรถสําหรับที่ดินแปลงย่อยประเภทอําคํารพําณิชย์ ต้องจัดให้มีจ ํานวนที่จอดรถ ไม่น้อยกว่ ํา 1 คัน ต่อ 1 แปลง ( 1 ) กรณีจัดท ําที่จอดรถบริเวณด้ํานหน้ําของที่ดินแปลงย่อยแต่ละแปลงให้มีลักษณะ ดังนี้ (ก) กรณีจัดให้มีที่จอดรถยนต์ตั้งฉํากกับแนวทํางเดินรถให้มีควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 2.40 เมตร และควํามยําวไม่น้อยกว่ํา 5 .00 เมตร (ข) กรณีจัดให้มีที่จอดรถยนต์ขนํานแนวทํางเดินรถ หรือทํามุมกับทํางเดินรถน้อยกว่ํา 30 องศํา ให้มีควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 2.40 เมตร และควํามยําวไม่น้อยกว่ํา 6 .00 เมตร (ค) กรณีจัดให้มีที่จอดรถยนต์ท ํามุมกับทํางเดินรถตั้งแต่ 30 องศํา ขึ้นไป ให้มีควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 2.40 เมตร และควํามยําวไม่น้อยกว่ํา 5.50 เมตร ให้แสดงขอบเขตที่จอดรถแต่ละคันไว้ให้ปรํากฏในบริเวณที่จอดรถ ( 2 ) กรณีจัดที่จอดรถบริเวณพื้นที่ที่จัดไว้เป็นที่จอดรถในบริเวณอื่น ต้องจัดที่จอดรถในบริเวณ ใกล้เคียงที่ดินแปลงย่อย และสํามํารถเดินทํางได้สะดวก มีระยะทํางไ ม่เกิน 200. 00 เมตร จํากที่ดิน แปลงย่อยซึ่งอยู่ในโครงกํารจัดสรรที่ดินเดียวกัน และให้ถือเป็นสําธํารณูปโภคของโครงกํารจัดสรรที่ดินนั้น ที่ให้ใช้เฉพําะที่ดินแปลงย่อยประเภทอําคํารพําณิชย์ โดยมีลักษณะกํารจัดทําตํามกฎหมํายว่ําด้วย กํารควบคุมอําคําร และให้แสดงขอบเขตที่จอดรถแต่ละคัน ไว้ให้ปรํากฏในบริเวณที่จอดรถดังกล่ําวด้วย ข้อ 24 ทํางเดินและทํางเท้ํา ให้มีลักษณะ ดังนี้ ้ หนา 58 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

( 1 ) ถนนด้ํานที่ใช้เป็นทํางเข้ําออกสู่ที่ดินแปลงย่อย ที่ทํากํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและ พําณิชยกรรม ต้องจัดให้มีทํางเดินและทํางเท้ํา มีค วํามกว้ํางทํางเดินและทํางเท้ําสุทธิไม่น้อยกว่ํา 60 เซนติเมตร ตลอดควํามยําวของถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวําง ในกรณีที่เป็นทํางเดินและทํางเท้ํายกระดับ ขอบทํางเดินและทํางเท้ําต้องเป็นคันหินสูงระหว่ําง 12 ถึง 15 เซนติเมตร และเพื่อประโยชน์ในกํารสัญจร หรือเพื่อควํามปลอดภัย จุดที่เป็นทํางเข้ําออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทําเป็นทํางลําด ให้รถยนต์เข้ําออกได้ แต่ให้รักษําระดับทํางเดินและทํางเท้ําให้สูงเท่ําเดิม ทํางเดินและทํางเท้ําส่วนที่เป็น ทํางเข้ําออกนี้ ให้ท ําเป็นผิวจรําจรเช่นเดียวกับข้อ 25 (3) ส ําหรับทํางเดินและทํางเท้ําสุทธิ ต้องจัดทํา เพื่อใช้สัญจรเท่ํานั้น จะนําไปใช้ประโยชน์อย่ํางอื่นที่ก่อให้เกิดควํามไม่สะดวกไม่ได้ ( 2 ) ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่ํางถนนกับทํางเดินและทํางเท้ําหรือทํางเข้ําออกที่ดินแปลงย่อย กับทํางเดินและทํางเท้ํา ที่ไม่อําจรักษําระดับทํางเดินและทํางเท้ําให้สูงเท่ํากันได้ให้ลดคันหิ นลง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในกํารสัญจรและควํามปลอดภัย ( 3 ) กํารปลูกต้นไม้ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประดับถนนต้องไม่ล้ําลงมําในส่วนที่เป็นทํางเดินและ ทํางเท้ําสุทธิ ข้อ 25 ระดับควํามสูงของหลังถนน ให้มีลักษณะ ดังนี้ ( 1 ) ต้องให้สอดคล้องกับระบบกํารระบํายน้ ําในบริเวณกํารจัดสรรที่ ดิน ( 2 ) ต้องจัดท ําให้ได้ระดับและมําตรฐํานที่สอดคล้องกับถนนหรือทํางสําธํารณะที่ต่อเนื่อง ( 3 ) ผิวจรําจรต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลท์ติกคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็กลําดด้วย แอสฟัลท์หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลําดยํางแอสฟัลท์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทํางที่มีควํามหนําและบดอั ดจน มีควํามหนําแน่นตํามหลักวิชํากํารทํางวิศวกรรม ข้อ 26 ควํามลําดชันและทํางเลี้ยว ให้มีลักษณะ ดังนี้ ( 1 ) ควํามลําดชันของผิวจรําจรทุกจุดต้องไม่เกิน 7 ส่วน ต่อทํางรําบ 100 ส่วน ( 2 ) ทํางเลี้ยวหรือทํางบรรจบกันต้องไม่เป็นมุมแหลมเล็กกว่ํา 60 องศํา และในกรณีทํางเลี้ยว ที่ห่ํางกันน้อยกว่ํา 37 .00 เมตร ต้องเป็นมุมป้ํานไม่เล็กกว่ํา 120 องศํา ข้อ 27 กํารปําดมุมถนน ให้มีลักษณะ ดังนี้ ( 1 ) ปํากทํางของถนนที่มีเขตทํางน้อยกว่ํา 12 .00 เมตร จะต้องปําดมุมถนนให้กว้ํางขึ้นอีก ไม่น้อยกว่ําด้ํานละ 1 .00 เมตร ( 2 ) ปํากทํางของถนนดังกล่ําวเป็นมุมเล็ กกว่ํา 90 องศํา จะต้องปําดมุมให้กว้ํางขึ้นอีก ตํามควํามเหมําะสม ข้อ 28 สะพําน สะพํานท่อ และท่อลอด ให้มีลักษณะ ดังนี้ ( 1 ) ถนนที่ตัดผ่ํานล ํารํางสําธํารณประโยชน์ ซึ่งกว้ํางน้อยกว่ํา 2 .00 เมตร จะต้องท ําเป็นท่อลอด ตํามแบบกํารก่อสร้ํางที่ได้รับอนุญําตจํากหน่วยงํานที่รับผิดชอบ ้ หนา 59 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

( 2 ) ถนนที่ตัดผ่ํานลํารํางสําธํารณประโยชน์ซึ่งกว้ํางตั้งแต่ 2.00 เมตร แต่ไม่เกิน 5 .00 เมตร จะต้องท ําเป็นสะพําน หรือสะพํานท่อ ตํามแบบกํารก่อสร้ํางที่ได้รับอนุญําตจํากหน่วยงํานที่รับผิดชอบ ( 3 ) ถนนที่ตัดผ่ํานคลอ งสําธํารณประโยชน์ที่มีควํามกว้ํางเกิน 5 .00 เมตร แต่ไม่เกิน 10 .00 เมตร จะต้องทําเป็นสะพํานช่วงเดียว ตํามแบบกํารก่อสร้ํางที่ได้รับอนุญําตจํากหน่วยงําน ที่รับผิดชอบ ( 4 ) ถนนที่ตัดผ่ํานคลองสําธํารณประโยชน์ที่มีควํามกว้ํางเกิน 10 .00 เมตร จะต้องท ําเป็นสะพําน ตํามแบบกํารก่ อสร้ํางที่ได้รับอนุญําตจํากหน่วยงํานที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ ให้มีขนําดผิวจรําจรของสะพําน สะพํานท่อ และท่อลอด ไม่น้อยกว่ําผิวจรําจรของถนน ที่ต่อเชื่อมกับสะพําน สะพํานท่อ และท่อลอด แล้วแต่กรณี ข้อ 29 ให้ติดตั้งสัญญําณจรําจร หรือเครื่องหมํายจรําจร หรือวัตถุสะท้อนแสง ให้เห็น ได้ชัดเจนบริเวณที่เป็นเกําะกลํางถนน วงเวียน ทํางแยก และสันชะลอควํามเร็ว ข้อ 30 เพื่อประโยชน์ในด้ํานควํามสะดวกต่อกํารคมนําคม ควํามมั่นคงแข็งแรง ควํามปลอดภัย ควํามสวยงําม ควํามเป็นระเบียบ และกํารผังเมือง คณะกรรมกํารมีอํานําจที่จะสั่งกํารให้ปรับเปลี่ยน ขนําดเขต ทําง ทิศทํางเดินรถ ระดับและควํามลําดชัน ทํางเลี้ยว ที่จอดรถ ที่กลับรถ วงเวียน ส่วนประกอบของถนน สัญญําณจรําจร และเครื่องหมํายจรําจร ข้อ 31 ผู้ขอต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้ําส่องสว่ําง ในบริเวณพื้นที่สําธํารณูปโภคและบริกําร สําธํารณะ โดยใช้หลอดไฟฟ้ําส่องสว่ํางชนิดประหยัดพลังงํานไฟฟ้ํา ตํามมําตรฐํานของกํารไฟฟ้ํานครหลวง ข้อ 32 ผู้ขอต้องติดตั้งหัวดับเพลิงให้เป็นไปตํามมําตรฐํานของกํารประปํานครหลวง หรือกํารประปําส่วนภูมิภําค แล้วแต่กรณี ข้อ 33 ผู้ขอต้องจัดให้มีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) หรือระบบกํารบันทึก ภําพเคลื่อนไหว หรือระบบอื่นที่มีประสิทธิภําพเทียบเท่ําหรือดีกว่ํา ติดตั้งบริเวณทํางเข้ําและทํางออก โครงกํารจัดสรรที่ดิน ข้อ 34 ในกรณีที่ผู้ขอจะจัดระบบโทรคมนําคมให้แก่ผู้ซื้อที่ดินจัดสรร ให้แสดงแผนกําร ดําเนินกํารต่อคณะกรรมกํารด้วย ข้อ 35 ในกรณีที่ผู้ขอจะจัดให้มีบริกํารรถรับส่ง ให้แสดงแผนกํารดําเนินกํารต่อคณะกรรมกําร ส่วนที่ 6 ข้อกําหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับกํารสําธํารณูปโภค ข้อ 36 ผู้ขอต้องจัดให้มีระบบไฟฟ้ํา และดําเนินกํารจัดทําตํามแบบแปลนแผนผังที่ได้รับ ควํามเห็นชอบจํากหน่วยรําชกํารหรือองค์กํารของรัฐซึ่ งมีหน้ําที่ควบคุมเรื่องไฟฟ้ํา ข้อ 37 ผู้ขอต้องจัดให้มีระบบประปํา โดยใช้บริกํารกํารจ่ํายน้ําประปําของกํารประปํานครหลวง หรือกํารประปําส่วนภูมิภําค ซึ่งที่ดินจัดสรรตั้งอยู่ในพื้นที่จ ําหน่ํายน้ ํา แล้วแต่กรณี ้ หนา 60 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

ส่วนที่ 7 ข้อกําหนดเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับผังเมือง ข้อ 38 กํารใช้ประโยชน์ที่ดินภํายในเขตผังเมือง ให้อยู่ภํายใต้บทบัญญัติของกฎหมํายว่ําด้วย กํารผังเมือง ส่วนที่ 8 ข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารอื่นที่จ ําเป็นต่อกํารรักษําสภําพแวดล้อม กํารส่งเสริมสภําพควํามเป็นอยู่และกํารบริหํารชุมชน ข้อ 39 ในกํารจัดทําสวน สนํามเด็กเล่น หรือสนํามกีฬํา ให้ ผู้ขอกันพื้นที่ไว้เพื่อจัดทําสวน สนํามเด็กเล่น หรือสนํามกีฬํา โดยคํานวณจํากพื้นที่จัดจําหน่ํายไม่น้อยกว่ําร้อยละ 5 ซึ่งจะต้องมีที่ตั้ง ติดถนนสํายหลักในโครงกําร สะดวกแก่กํารเข้ําใช้ประโยชน์ และมีระยะแต่ละด้ํานไม่น้อยกว่ํา 10.00 เมตร โดยไม่ให้แบ่งแยกออกเป็นแปลงย่อยหลํายแห่ง เว้นแต่เป็นกํารกันพื้นที่แต่ละแห่งไว้ ไม่น้อยกว่ํา 1 ไร่ และให้ปลูกไม้ยืนต้นที่มีพื้นที่ปกคลุมไม่น้อยกว่ําร้อยละ 35 ของพื้นที่สวน สนํามเด็กเล่น หรือสนํามกีฬําดังกล่ําว ตํามหลักวิชํากํารทํางภูมิสถําปัตยกรรม และพื้นที่ส วน สนํามเด็กเล่น หรือสนํามกีฬํา ข้ํางต้น ต้องปลอดจํากภําระผูกพันและกํารรอนสิทธิใด ๆ ข้อ 40 ในกรณีเป็นกํารจัดสรรที่ดินขนําดใหญ่ ผู้ขอจะต้องกันพื้นที่ไว้เป็นที่ตั้งของ สําธํารณูปโภคประเภทลํานกิจกรรมหรือลํานอเนกประสงค์ จ ํานวน 1 แห่ง เนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 200 ตํารํางวํา และต้องจัดให้มีพื้นที่ดังกล่ําวเพิ่มขึ้นทุก ๆ 500 แปลง หรือทุก ๆ 100 ไร่ ที่ดินที่กันไว้เพื่อจัดตั้งโรงเรียนอนุบําล ตํามแผนผัง โครงกํารและวิธีกํารจัดสรรที่ดิน ในโครงกํารจัดสรรที่ดินที่ได้รับอนุญําตให้ทํากํารจัดสรรที่ดิน ก่อนวันที่ข้อกําหนดฉบับนี้มีผ ลใช้บังคับ หํากไม่สํามํารถจัดตั้งโรงเรียนอนุบําลหรือโรงเรียนประเภทอื่นตํามระเบียบกระทรวงศึกษําธิกํารได้ ให้ใช้พื้นที่ดังกล่ําวจัดทําเป็นสําธํารณูปโภคอื่น เช่น ลํานกิจกรรม ลํานอเนกประสงค์ สวน สนํามเด็กเล่น สนํามกีฬํา เป็นต้น โดยผู้ขอที่ประสงค์จะจัดทําสําธํารณูปโภค ดังกล่ําวต้องยื่นคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง แผนผัง โครงกํารหรือวิธีกํารที่ได้รับอนุญําต เพื่อให้คณะกรรมกํารพิจํารณําตํามนัยมําตรํา 32 แห่งพระรําชบัญญัติกํารจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ด้วย ข้อ 41 ในกรณีที่ผู้ขอรํายใดมีควํามประสงค์จะให้มีกํารจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรร หรือ นิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่น ผู้ขอจะต้องจัดหําพื้นที่ให้เป็นที่ตั้งสํานักงํานนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรร หรือ นิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่นอย่ํางใดอย่ํางหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ที่ดินเปล่ําต้องจัดให้มีเนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 20 ตํารํางวํา และมีควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 8.00 เมตร ควํามยําวไม่น้อยกว่ํา 10. 00 เมตร เว้นแต่ข้อบัญญัติของกรุงเทพมหํานครก ําหนดไว้สูงกว่ํา ก็ให้เป็นไปตํามข้อบัญญัติของกรุงเทพมหํานครนั้น โดยต ําแหน่งที่ดินให้มีเขตติดต่อกับ ้ หนา 61 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565

สําธํารณูปโภคอื่น ๆ เช่น ถนน สวน สนํามเด็กเล่น สนํามกีฬํา หรือสําธํารณูปโภคอื่นที่ใช้ประโยชน์ ลั กษณะเดียวกัน (2) ที่ดินพร้อมอําคํารต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 16 ตํารํางวํา และมีควํามกว้ํางไม่น้อยกว่ํา 4.00 เมตร (3) พื้นที่ส่วนอื่นซึ่งผู้ขอได้จัดไว้เพื่อเป็นที่ตั้งสํานักงํานของนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรร หรือ นิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่นแล้ว เช่น สํานักงําน สโมสร เป็นต้น ต้องจัดให้มีพื้นที่ใช้สอยสําหรับ สํานักงํานของนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรร หรือนิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่น ในอําคํารดังกล่ําวไม่น้อยกว่ํา 64 ตํารํางเมตร อําคํารดังกล่ําวจะต้องอยู่บนที่ดินแปลงบริกํารสําธํารณะในโครงกํารจัดสรรที่ดิน และ จะเก็บค่ําใช้จ่ํายส ําหรับกํารใช้เป็นที่ ตั้งส ํานักงํานของนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรร หรือนิติบุคคล ตํามกฎหมํายอื่นไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่นับรวมถึงค่ําใช้จ่ํายสําธํารณูปโภคสิ้นเปลือง เมื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรรหรือนิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่นแล้ว ให้ถือว่ําที่ดินตํามข้อ 41 (1) หรือที่ดินพร้อมอําคํารตํามข้อ 41 (2) เป็นสําธํารณูปโภค ส่วนที่ดินที่เป็นที่ตั้งส ํานักงําน สโมสร ฯลฯ ตํามข้อ 41 (3) ผู้ขอต้องให้นิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรรหรือนิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่น ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน เนื้อที่ไม่น้อยกว่ํา 20 ตํารํางวํา และให้เป็นสําธํารณูปโภคด้วย ข้อ 42 ในกํารประชุมจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้ํานจัดสรร หรือนิติบุคคลตํามกฎหมํายอื่น ผู้ขอต้องอ ํานวยควํามสะดวกในด้ํานเอกสําร บัญชีรํายชื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรร และสถํานที่ประชุม ตํามสมควร บทเฉพําะกําล ข้อ 43 กํารพิจํารณําคําขออนุญําตท ํากํารจัดสรรที่ดินตํามข้อก ําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรมกรุงเทพมหํานคร พ.ศ. 2550 ที่ได้ยื่นไว้ก่อนวันที่ข้อกําหนดนี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในบังคับของข้อกําหนดเกี่ยวกับกํารจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อําศัยและพําณิชยกรรมก รุงเทพมหํานคร พ.ศ. 2550 ให้ไว้ ณ วันที่ 23 กันยํายน พ.ศ. 25 6 5 นิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ประธํานกรรมกํารจัดสรรที่ดินกรุงเทพมหํานคร ้ หนา 62 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 269 ง ราชกิจจานุเบกษา 15 พฤศจิกายน 2565