Tue Oct 11 2022 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าหลอดและท่อทำด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565


ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าหลอดและท่อทำด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565

ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง รายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญที่ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัย เกี่ยวกับการทบทวนความจาเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าหลอดและท่อทำด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 ตามที่ได้มีประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง เปิดการทบทวนความจาเป็นในการใช้มาตรการ ตอบ โต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดและท่อทำด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2564 ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 และประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด และการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บหลักประกันการชาระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอดและ ท่อทาด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ . 2564 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการพิจารณา การทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ให้เรียกเก็บหลักประกันการชาระอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าหลอด และท่อทาด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณ รัฐสังคมนิยมเวียดนาม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ให้เปิดการทบทวนความจำเป็น ในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป และเรียกเก็บหลักประกันการชาระอากรในระหว่าง การพิจารณาทบทวนจนกว่าผลการพิจารณาทบทวนจะใช้บังคับ และต่อมาคณะกรรมการพิจารณา การทุ่มตลาดและการอุดห นุนได้มีคาวินิจฉัยว่าการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทาให้ มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก และให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จากการนาเข้าสินค้าหลอดและท่อทาด้วยเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรั ฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามต่อไป ในอัตราเดิม เป็นระยะเวลาห้าปี ตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็น ในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินค้าหลอดและท่อทำด้ วยเหล็กกล้า ไม่เป็นสนิม ที่มีแหล่งกาเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 นั้น เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อ 2 ข้อ 4 และข้อ 8 ของกฎกระทร วง การแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การพิจารณาตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และการหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและ การอุดหนุน พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาด ้ หนา 22 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 245 ง ราชกิจจานุเบกษา 12 ตุลาคม 2565

และการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 25 6 2 อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จึงออกประกาศแสดงรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอันเป็นสาระสาคัญที่ใช้เป็นฐานในการวินิจฉัย เกี่ยวกับการทบทวนความ จำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไปไว้ ดังเอกสารท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 256 5 มนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดี รักษา ราชการแทน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ้ หนา 23 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 245 ง ราชกิจจานุเบกษา 12 ตุลาคม 2565

1 เอกสารทายประกาศกรมการคาตางประเทศ เรื่อง รายละเอียดขอเท็จจริงและขอกฎหมายอันเป็นสาระสําคัญ ที่ใชเป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 ขอ 1 ความเป็นมา คณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุน ( ทตอ .) ตามพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 (พระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ) ได้ออกประกาศ คณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโตการทุมตลาดสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลา ไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ . ศ . 2559 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559 กําหนดให้เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาด จากการนําเขาสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิมที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในอัตรารอยละ 2 .38 – 310.74 ของราคา ซี ไอ เอฟ และให้เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดในอัตรารอยละ 0 ของราคา ซี ไอ เอฟ ในกรณี ดังนี้ (1) ผู้ประกอบอุตสาหกรรม และผู้ประกอบพาณิชยกรรมเพื่อการสงออกนําสินคาดังกลาวเขามาในราชอาณาจักรและนําเขาไปในเขตประกอบการเสรี เพื่อใชในการผลิตสินคาหรือเพื่อพาณิชยกรรมเพื่อการสงออกภายใตกฎหมายวาด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (2) ผู้ที่ได้รับการสงเสริมตามกฎหมายวาด้วยการสงเสริมการลงทุนนําสินคาเขามาผลิตเพื่อการสงออกภายใตกฎหมาย วาด้วยการสงเสริมการลงทุน และ (3) การนําสินคาดังกลาวเขามาผลิตเพื่อการสงออกภายใตกฎหมายวาด้วยศุลกากร โดยมีผลบังคับใชเป็นระยะเวลา 5 ป ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2559 ถึงวันที่ 16 กันยายน 2564 ขอ 2 การเปดทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรมการคาตางประเทศได้ออกประกาศ เรื่อง เปดการทบทวนความจําเป็นในการใชมาตรการตอบโต การทุมตลาดสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ . ศ . 2564 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 6 กันยายน 2564 และได้เผยแพรประกาศดังกลาวลงโฆษณาในหนังสือพิมพรายวันฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ ได้แก หนังสือพิมพกรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพบางกอกโพสตตามลําดับ เพื่อให้สาธารณชนรับรูและให้ผู้มีสวนได้ สวนเสียสามารถดําเนินการตามที่กฎหมายและกฎระเบียบกําหนดด้วยความถูกต้องครบถวน ขอ 3 การพิจารณาทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรมการคาตางประเทศได้ดําเนินการพิจารณาทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโต การทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 ตามหลักเกณฑที่กําหนดตามพระราชบัญญัติการตอบโตการทุม ตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ ( ฉบับที่ 2) พ . ศ. 2562 ( พระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม ) โดยมีรายละเอียดขอเท็จจริงและขอกฎหมาย อันเป็นสาระสําคัญที่ใชเป็นพื้นฐานในการพิจารณา ดังนี้

2 3.1 สินคาที่ถูกพิจารณา ได้แก หลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ทั้งรีดรอนและรีดเย็น ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมและไม่เป็นวงกลม ที่มีขนาดเสนผานศูนยกลางภายนอกไม่เกิน 508 มิลลิเมตร ภายใตพิกัดศุลกากร ประเภทยอย ตามพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร ( ฉบับที่ 6) พ . ศ. 2559 และรหัสสถิติ ตามรหัสสถิติสินคาที่แกไขปรับปรุงเพิ่มเติม ฉบับป พ . ศ. 256 0 ตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 199/2559 เรื่องแกไขเพิ่มเติมรหัสสถิติสินคา ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2559 จํานวน 46 รายการ ได้แก 7305 .31.10.000 7306 .11.10.000 7306 .11. 90 .000 7306 . 21 .00.000 7306 . 40 .11.000 7306 . 40 . 19 .000 7306 . 40 . 20 .011 7306 . 40 . 20 . 012 7306 . 40 . 20 .013 7306 . 40 . 20 . 014 7306 . 40 . 20 . 015 7306 . 40 . 20 . 016 7306 . 40 . 20 .017 7306 . 40 . 20 .018 7306 . 40 . 20 . 021 7306 . 40 . 20 . 022 7306 . 40 . 20 . 023 7306 . 40 . 20 . 024 7306 . 40 . 20 . 025 7306 . 40 . 20 . 026 7306 . 40 . 20 . 027 7306 . 40 . 20 . 028 7306 . 40 . 20 . 090 7306 . 40 .30.010 7306 . 40 .30. 020 7306 . 40 . 90 .011 7306 . 40 . 90 . 012 7306 . 40 . 90 .013 7306 . 40 . 90 . 014 7306 . 40 . 90 . 015 7306 . 40 . 90 . 016 7306 . 40 . 90 .017 7306 . 40 . 90 .018 7306 . 40 . 90 . 021 7306 . 40 . 90 . 022 7306 . 40 . 90 . 023 7306 . 40 . 90 . 024 7306 . 40 . 90 . 025 7306 . 40 . 90 . 026 7306 . 40 . 90 . 027 7306 . 40 . 90 . 028 7306 . 40 . 90 . 090 7306 . 61 .10. 021 7306 . 61 .10. 022 7306 . 61 . 90 .110 และ 7306 . 61 . 90 . 120 ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยสินคาที่อุตสาหกรรมภายในผลิตได้เป็นสินคาชนิดเดียวกันกับสินคาที่ถูกพิจารณา (Like Product) ดังกลาว เนื่องจากมีองคประกอบ เชน ลักษณะทางกายภาพ ขั้นตอนการผลิต การนําไปใช เหมือนกันทุกประการ 3.2 ผู้มีสวนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวของ 3.2.1 ผู้ผลิตสินคาชนิดเดียวกันภายในประเทศ ดังนี้ 1) บริษัท ไทย - เยอรมัน โปรดักส จํากัด ( มหาชน ) 2) บริษัท โตโยมิลเลเนียม จํากัด 3) บริษัท ซีเอสอี เพียวริตี้ แอพพลาย แมททีเรียล จํากัด 4) บริษัท ชาคโร จํากัด 5) บริษัท อารเมยไท จํากัด 6) บริษัท ปติสวัสดิ์ จํากัด 7) บริษัท ไทยยูนีคคอยสเซ็นเตอร จํากัด 8) บริษัท สตีลเล็กซ จํากัด 9) บริษัท ศุภสิน เมทัลเทรดดิ้ง จํากัด 10) บริษัท เกรทเซ็นทรัล ( อินเตอรเนชั่นแนล ) จํากัด 11) บริษัท แทย พรีซิชั่น อินดัสตรี้ส จํากัด 12) บริษัท พี . ที . เมตัล จํากัด 13) บริษัท ยูเนี่ยนสเตนเลสสตีล โปรดักส จํากัด 14) บริษัท เอส . โอ . เอ็ม . เทรดดิ้ง จํากัด 15) บริษัท พีเอพี เอ็กซซิม จํากัด 16) บริษัท ฮวา หยัง สเตนเลสส สตีล ( ไทยแลนด ) จํากัด

3 17) บริษัท ทอไทยสเตนเลสสตีล จํากัด 18) บริษัท เวิลด เมทัลลิค จํากัด 19) บริษัท ติ่ง ซิน สแตนเลส จํากัด 20) บริษัท เอกอน แปซิฟค จํากัด 21) บริษัท จงฉี่ ( ประเทศไทย ) จํากัด 22) บริษัท ไอ ที เอส พี จํากัด 23) บริษัท เจ . เอส . วีเทคนิคอล จํากัด 24) บริษัท ไทยนิชเซ จํากัด 25) บริษัท แอล วี ดีเวล็อปเมนท กรุป จํากัด 26) บริษัท โตเซน อินดัสเตรียล จํากัด 27) บริษัท เคทีเค ( ประเทศไทย ) จํากัด 28) บริษัท ไบรท อินดัสตรีส ( หาดใหญ ) จํากัด 29) บริษัท วิจิตราภรณรังสี จํากัด 3.2.2 ผู้ผลิตและผู้สงออกจากตางประเทศ 1) สาธารณรัฐเกาหลี ดังนี้ (1) Sammi Metal Products Co., Ltd. ( 2) SeAH Steel Corporation 2) สาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนี้ ( 1) Zhejiang JIULI Hi -Tech Metals Co., Ltd. ( 2) Zhejiang Guorui Steel Co., Ltd. ( 3) Zhejiang Huatian Stainless Steel Manufac turing Co., Ltd. ( 4) Zhejiang Tsingshan Steel Pipe Co., Ltd. ( 5) Guangzhou WINNER Stainless Steel Co., Ltd ( 6) Wuxi sino yuan science and technology Co., Ltd. 3) ไตหวัน ดังนี้ ( 1) YC INOX Co., Ltd. ( 2) Ta Chen Stainless Pipe Co., Ltd. (3) Chang Mien Industries Co., Ltd. ( 4) Froch Enterprise Co., Ltd. ( 5) Yi Shuenn Enterprise Co., Ltd. ( 6) YES Stainless International Co., Ltd 4) สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ดังนี้ ( 1) SonHa International Corporation ( 2) Mejonson I ndustrial Vietnam Co., Ltd ( 3) Cong Ty Tnhh Long Phat L. D (Long Phat LD Co., Ltd.)

4 3.2. 3 ผู้นําเขา ดังนี้ 1) บริษัท แวน เลียวเวน ไพพ แอนด ทิวป ( ประเทศไทย ) จํากัด 2) บริษัท ไทยออยล จํากัด (มหาชน) 3) บริษัท นิปปอน สตีล แอนด ชูมิคิน เอ็นจิเนียริ่ง คัมพานี ลิมิเต็ด จํากัด 4) บริษัท อีชวอร โปรไฟลส ( ไทยแลนด ) จํากัด 5) บริษัท ไฮเท็ค ลิงค จํากัด 6) บริษัท ลีแอนดสตีล จํากัด 7) บริษัท เอเซีย สเตนเลส สตีล จํากัด 8) บริษัท ไทยเบนกัน จํากัด 9) บริษัท เค เซอรวิส เซ็นเตอร จํากัด 10) บริษัท ด็อกไวเลอร เอเชีย จํากัด 11) บริษัท จีฮวา อินดัสทรีส จํากัด 12) บริษัท ไอเบล ( ประเทศไทย ) จํากัด 13) บริษัท ทรัยโมทีฟ เอเชีย แปซิฟค จํากัด 14) บริษัท เอส . เอ . ปโตรเทค จํากัด 15) บริษัท เอสทีพี แอนด ไอ จํากัด (มหาชน) 16) บริษัท ทูบาเชคซ อวาจิ ( ประเทศไทย ) จํากัด 17) บริษัท อี้เฮอ เมททัล จํากัด 18) บริษัท เคทีเค ( ประเทศไทย ) จํากัด 19) บริษัท ไทย เอสคอรป จํากัด 20) บริษัท เอ็มแอนดพี เซอรวิส (2017) จํากัด 21) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน) 22) บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จํากัด (มหาชน) 23) บริษัท ฮีทอะเวย จํากัด 24) บริษัท เลนซิ่ง ( ไทยแลนด ) จํากัด 25) บริษัท ไลนไพพ จํากัด 26) หางหุนสวนจํากัดโอโตโกะ ไลน ทรานสปอรต 27) บริษัท เอส แอนด เอส เทรดดิ้ง จํากัด 28) บริษัท พงศมา เทรดดิ้ง จํากัด 29) บริษัท เออรมีนา จํากัด 30) บริษัท คุราเร จีซี แอดวานซ แมททีเรียลส จํากัด 31) บริษัท คุราเร แอดวานซ เคมิคอลส ( ประเทศไทย ) จํากัด 32) บริษัท ฮีทเวล อีเลคทริค ฮีทติ้ง เทคโนโลยี ( ไทยแลนด ) จํากัด 33) บริษัท ฟอสเตอร วีลเลอร เซอรวิส ( ประเทศไทย ) ( สาขา 1) จํากัด 34) บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส จํากัด 35) หางหุนสวนจํากัดวีเอส ลายส ทรานสปอรต

5 36) บริษัท พี แอนด เอส เอ็นเตอรไพรส ( ประเทศไทย ) จํากัด 37) บริษัท วัฒนไพศาลเอ็นยิเนียริ่ง จํากัด 38) บริษัท วิทยคอรป โปรดักส จํากัด 39) บริษัท ไมนอกซ วาลว แอนด ฟตติ้งส จํากัด 40) บริษัท ซินเนอรจี เอเชีย โซลูชั่น จํากัด 41) บริษัท ลาฟรันโคนิ ซิเลนเซียโทริ ( ไทยแลนด ) จํากัด 42) บริษัท เกาสุ แพคกิ้ง ( ศรีราชา ) อินดัสตรี้ จํากัด 43) บริษัท บี . ที . เวิลดเทรด จํากัด 44) บริษัท เอ็นจีเค สปารคปลั๊กส ( ประเทศไทย ) จํากัด 45) บริษัท โรจนไพบูลยอีควิ๊ปเมนท จํากัด 46) บริษัท ซีเอชเรดิเอเตอร จํากัด 47) บริษัท แคนาเดียนโซลารแมนูเฟคเจอริ่ง ( ประเทศไทย ) จํากัด 48) บริษัท เคเอสแอล กรีนอินโนเวชั่น จํากัด (มหาชน) 49) บริษัท อีสท แคปปทอล เทคโนโลยี จํากัด 50) บริษัท แอ็คควาเทค แม็คซคอน เอเชีย จํากัด 51) บริษัท อินเตอรโรล ( ประเทศไทย ) จํากัด 52) บริษัท อัลฟาคาสท จํากัด 53) หางหุนสวนจํากัดไทยเชียรริ่งโลหะ 54) บริษัท ไทย - เยอรมัน โปรดักส จํากัด (มหาชน) 55) บริษัท ลี่หมิง เดดคอเรชั่น เทรดดิ้ง ( ไทยแลนด ) จํากัด 56) บริษัท กัลฟ เอสอารซี จํากัด 57) บริษัท เด็คสเตอร อินดัสทรี จํากัด 58) บริษัท คาวาซูมิ ลาบอราทอรี่ ( ประเทศไทย ) จํากัด 59) บริษัท ปารคเกอร เอ็นยิเนียริ่ง ( ไทยแลนด ) จํากัด 60) บริษัท อูเมโตกุ ไทยแลนด จํากัด 61) บริษัท เอ็มพาวเวอร เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด 62) บริษัท เจ . เจ . แอดวานซ โปรดักส ( ประเทศไทย ) จํากัด 63) บริษัท ดอง จู เมททัล จํากัด 64) บริษัท อินเตอรไทยแมนูแฟคเจอริ่ง จํากัด 65) บริษัท เซิ่งไท บราซแวร ( ประเทศไทย ) จํากัด 66) บริษัท แอนเซลล ( ประเทศไทย ) จํากัด 67) บริษัท ไดเทค แอดวานซ จํากัด 68) บริษัท คินซี่ ( ประเทศไทย ) จํากัด 69) บริษัท ควินเทท อินเตอรเนชั่นแนล จํากัด 70) บริษัท ชารเตอรเวย อินเตอรเนชั่นแนล จํากัด 71) บริษัท ฮากุโดะ ( ประเทศไทย ) จํากัด

6 72) บริษัท บีเอสเอฟ ( ประเทศไทย ) จํากัด 73) บริษัท โตโย ไซกัน ( ประเทศไทย ) จํากัด 74) บริษัท พัฒนกล เทรดดิ้ง จํากัด 75) บริษัท ยูนิโรลล ( ประเทศไทย ) จํากัด 76) หางหุนสวนจํากัดดีวันเดอะฟูล 77) บริษัท พีเอ็มอี (1991) จํากัด 78) บริษัท เอ็ม . อาร . ฟตติ้ง แอนด สตีล (1996) จํากัด 79) บริษัท ซีบีไอ ( ประเทศไทย ) จํากัด 80) หางหุนสวนจํากัดสวนหลวง เอ็นจิเนียริ่ง 81) บริษัท เทพรักษ์ อินเตอรเนชั่นแนล ( ประเทศไทย ) จํากัด 3.2.4 สมาคมในทางการคาและกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวของ ดังนี้ 1) สมาคมพัฒนาสเตนเลสไทย 2) สมาคมผู้ผลิตทอโลหะและแปรรูปเหล็กแผน 3) สมาคมอุตสาหกรรมกอสรางไทยในพระบรมราชูปถัมภ 4) กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอรนิเจอร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 5) สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย 6) สมาคมเครื่องทําความเย็นไทย 7) สมาคมผู้ผลิตน้ําตาลและชีวพลังงานไทย 8) สมาคมบรรจุภัณฑกระดาษลูกฟูกไทย 9) สมาคมการคาและอุตสาหกรรมปโตรเคมีไทย 3.2.5 สถานเอกอัครราชทูต และสํานักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ประจําประเทศไทย ในฐานะรัฐบาลของประเทศแหลงกําเนิดหรือประเทศผู้สงออกสินคาที่ถูกพิจารณา ดังนี้ 1) สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน 2) สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี 3) สถานเอกอัครราชทูตเวียดนาม 4) สํานักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป 3.3 ชวงเวลาของขอมูลที่ใชในการพิจารณาทบทวน 3.3.1 การพิจารณาวาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาด ต่อไปหรือฟนคืนมาอีก ใชขอมูลระหวางวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 มิถุนายน 2564 ( ชวงระยะเวลา การทบทวนการทุมตลาด : POR ) 3.3.2 การพิจารณาวาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีความเสียหาย ต่อไปหรือฟนคืนมาอีก ใชขอมูลระหวางวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 มิถุนายน 2564

7 3.4 การสงแบบสอบถาม เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 กรมการคาตางประเทศได้สงแบบสอบถามไปยังผู้มีสวนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวของที่ปรากฏรายชื่อตามขอ 3.2 เพื่อให้แจงขอเท็จจริงและความเห็นสําหรับใชประกอบการพิจารณาทบทวน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามภายในระยะเวลาที่กําหนด ดังนี้ 3.4.1 ผู้ผลิตสินคาชนิดเดียวกันภายในประเทศ จํานวน 2 ราย ดังนี้ 1) บริษัท ไทย - เยอรมัน โปรดักส จํากัด ( มหาชน ) 2) บริษัท โตโยมิลเลเนียม จํากัด 3.4.2 ผู้นําเขา จํานวน 5 ราย ดังนี้ 1) บริษัท ทูบาเชคซ อวาจิ ( ประเทศไทย ) จํากัด 2) บริษัท อัลฟาคาสท จํากัด 3) บริษัท ลีแอนดสตีล จํากัด 4) หางหุนสวนจํากัด สวนหลวง เอ็นจิเนียริ่ง 5) บริษัท ไทยเบนกัน จํากัด 3.5 ความเห็นของผู้มีสวนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวของที่ได้รับตามแบบสอบถาม 3. 5 .1 ผู้นําเขามีความเห็นวา การบังคับใชอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไปจะสงผลกระทบ ต่อผู้นําเขา ผู้ใช และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เนื่องจากจะทําให้ตนทุนวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการสรางขอจํากัด และอุปสรรคต่อการเลือกซื้อสินคาที่มีคุณภาพและนาเชื่อถือจากประเทศที่ถูกพิจารณา ขอชี้แจง การพิจารณาทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ของ ทตอ. ในกรณีนี้เป็นไปตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม รวมถึงอนุบัญญัติที่เกี่ยวของ ที่บัญญัติและกําหนดไวสอดคลองกับหลักการของความตกลงวาด้วยการตอบโตการทุมตลาด ขององคการการคาโลก เพื่อให้มีกลไกเยียวยาความเสียหายที่เกิดแกอุตสาหกรรมภายในจากการทุมตลาดซึ่งเป็นพฤติกรรม การคาที่ไม่เป็นธรรม โดยในกรณีที่พบวาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาด และความเสียหายต่อไปหรือฟนคืนมาอีก ทตอ. จะมีคําวินิจฉัยให้เรียกเก็บอากรต่อไปได้ตามระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งในกระบวนการพิจารณาคําขอให้เปดการทบทวนฯ ในกรณีนี้ ทตอ. ได้วินิจฉัยวาคําขอมีมูลวาการยุติการเรียกเก็บ อากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟนคืนมาอีก จึงมีการออกประกาศ กรมการคาตางประเทศเพื่อเปดการทบทวน ตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้ ในขั้นตอนการพิจารณาทบทวน การดําเนินการ ของกรมการคาตางประเทศในการรวบรวมขอมูลขอเท็จจริงและพยานหลักฐานจากผู้มีสวนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวของ การตรวจสอบความถูกต้องและความนาเชื่อถือของขอมูลที่ได้รับ รวมทั้งการวิเคราะหเพื่อจัดทําสรุปผลการทบทวนฯ เสนอต่อ ทตอ . จะเป็นไปตามหลักเกณฑที่กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวของกําหนดและต้องคํานึงถึงประโยชน ของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภคและประโยชนสาธารณะประกอบด้วย ตามที่มาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติ การตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม กําหนด 3. 5.2 ผู้มีสวนได้เสียมีความเห็นวา ขอบเขตของสินคาภายใตมาตรการตอบโตการทุมตลาด ที่จะมีการทบทวน ครอบคลุมสินคาที่อุตสาหกรรมภายในไม่สามารถผลิตได้ ซึ่งเป็นสินคาที่มีความหนาพิเศษ และต้องมีการรับรองมาตรฐาน

8 ขอชี้แจง การทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไปในกรณีนี้ เป็นการพิจารณาการทบทวนตามมาตรา 57 ซึ่งเป็นการพิจารณาวาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาด จะทําให้มีการทุมตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟนคืนมาอีกหรือไม่ โดยในกรณีที่ ทตอ. มีคําวินิจฉัยวาการยุติ การเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟนคืนมาอีกจะมีการเรียกเก็บ อากรตอบโตการทุมตลาดต่อไปอีกเป็นระยะเวลาไม่เกินหาป ซึ่งในกรณีที่ผู้มีสวนได้เสียมีความประสงคจะให้ ทตอ. พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการเรียกเก็บหรือเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโตการทุมตลาด ก็สามารถยื่นคําขอให้ ทตอ. พิจารณาทบทวนได้ตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ โดยจะต้องเสนอพยานหลักฐาน เพียงพอเกี่ยวกับปญหาการทุมตลาดหรือความเสียหายที่สมควรให้มีการทบทวน ทั้งนี้ ในการนําเขาสินคาที่ถูกพิจารณา จากประเทศที่ถูกบังคับใชมาตรการ ผู้มีสวนได้เสียอาจพิจารณานําเขาสินคาที่มีการกําหนดอากรตอบโตการทุมตลาด ในอัตราที่ไม่สูงมาก หรือพิจารณานําเขาสินคาจากประเทศอื่นทดแทน 3.6 การตรวจสอบความเป็นจริงของขอกลาวอางและพยานหลักฐานที่เกี่ยวของกับการพิจารณาทบทวน กรมการคาตางประเทศได้เดินทางไปตรวจสอบขอเท็จจริงของขอมูลที่อุตสาหกรรมภายในได้ แจงตามแบบสอบถาม ณ ที่ทําการของบริษัท ระหวางวันที่ 10 ถึงวันที่ 21 มกราคม 2565 โดยสรุปพบวาขอมูล คําตอบในแบบสอบถามรวมทั้งเอกสารหลักฐานการบัญชีที่ผานการรับรองแล้ว เชน งบดุล และงบกําไรขาดทุน สามารถตรวจสอบได้ตรงกับเอกสารหลักฐานตนฉบับ จึงมีความนาเชื่อถือในระดับที่สามารถยอมรับได้ 3.7 การแจงขอมูลและขอเท็จจริงที่ใชเป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวน เพื่อรับฟงขอโตแยงของผู้มีสวนได้เสีย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 กรมการคาตางประเทศได้สงรายละเอียดขอมูลและขอเท็จจริง ที่ใชเป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจําเป็นในการใชมาตรการตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม ไปยังผู้มีสวนได้เสียเพื่อให้โอกาสยื่นขอโตแยงตามที่มาตรา 30 ประกอบมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติ การตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม กําหนด และได้จัดการประชุมผานระบบการประชุมอิเล็กทรอนิกสเพื่อให้ผู้มีสวนได้เสียยื่นขอโตแยงและเสนอขอคิดเห็น ด้วยวาจาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 โดยมีผู้มีสวนได้สวนเสียยื่นขอโตแยงและเสนอความเห็นด้วยวาจา ในการประชุมดังกลาวรวมทั้งยื่นขอโตแยงและเสนอความเห็นเป็นหนังสือ รวมจํานวน 3 ราย ได้แก หางหุนสวน สวนหลวงเอ็นจิเนียริ่ง จํากัด บริษัท ทูบาเซคซ อวาจิ ( ประเทศไทย ) จํากัด และบริษัท ไทยเบนกัน จํากัด โดยมีประเด็นสําคัญเกี่ยวกับสินคาที่ถูกพิจารณา ดังนี้ 3.7.1 ขอบเขตของสินคาที่มีการพิจารณาทบทวน 1) ผู้นําเขามีขอโตแยงวา ไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาทบทวนโดยไม่มีการแยกสินคา ที่อุตสาหกรรมภายในและผู้ผลิตภายในประเทศไม่สามารถผลิตได้ออกจากขอบเขตรายการสินคาที่ถูกพิจารณา 2 ) ผู้นําเขามีความเห็นวา ควรยุติการบังคับใชมาตรการตอบโตการทุมตลาดเฉพาะสินคา บางรายการที่ผู้ผลิตภายในประเทศไม่สามารถผลิตได้ 3) ผู้นําเขามีขอคิดเห็นวา ขอบเขตของสินคาทุมตลาดที่มีการพิจารณาทบทวนความจําเป็น ในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 ในกรณีนี้ครอบคลุมสินคาที่อุตสาหกรรมภายใน และผู้ผลิตภายในประเทศไม่สามารถผลิตได้ ทําให้มีความจําเป็นต้องสั่งซื้อสินคาดังกลาวจากผู้ผลิตสินคาที่ถูกพิจารณา

9 3.7 .2 คุณภาพของสินคาที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมภายในและผู้ผลิตสินคาชนิดเดียวกัน ภายในประเทศ ผู้นําเขามีขอคิดเห็นวา อุตสาหกรรมภายในและผู้ผลิตสินคาชนิดเดียวกันภายในประเทศ ไม่สามารถผลิตสินคาที่ถูกพิจารณาบางรายการได้ตามขนาดและมาตรฐานของการใชงาน โดยในบางกรณีจะต้องใช สินคาที่ผานกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองจาก JQA (Japanese Quality Assurance Organization) แต่เนื่องจาก ไม่มีผู้ผลิตภายในประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกลาว ผู้ใชสินคาที่ถูกพิจารณาจึงไม่สามารถใชสินคาที่ผลิต จากผู้ผลิตภายในประเทศในการผลิตเพื่อสงออกได้เนื่องจากลูกคาไม่ให้การยอมรับเพราะอาจมีปญหาการรั่วซึม และสงผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ จึงควรมีการยกเวนการบังคับใชมาตรการตอบโตการทุมตลาดในสวนของสินคาที่ผู้ผลิต ภายในประเทศไม่สามารถผลิตได้ตามคุณภาพและขนาดที่ลูกคาต้องการ รวมทั้งสินคาที่จะนําไปผลิตเพื่อสงออกไป ยังประเทศญี่ปุนตามมาตรฐาน JIS และสินคาที่ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจาก JQA ขอชี้แจง การดําเนินการไตสวนของกรมการคาตางประเทศและการพิจารณาวินิจฉัยการตอบโต การทุมตลาดของ ทตอ. เป็นไปตามหลักเกณฑตาม พระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม และอนุบัญญัติที่เกี่ยวของ ที่กําหนดไวสอดคลองกับ หลักการดําเนินการคาอยางเป็นธรรมของความตกลงวาด้วยการตอบโตการทุมตลาดขององคการการคาโลก เพื่อให้มี กลไกเยียวยาความเสียหายที่เกิดแกอุตสาหกรรมภายในจากการทุมตลาดซึ่งเป็นพฤติกรรมการคาที่ไม่เป็นธรรม โดยกรมการคาตางประเทศและ ทตอ. จะนําขอมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับจากผู้มีสวนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวของ ตามแบบสอบถามรวมทั้งชองทางอื่นที่กฎหมายกําหนด ที่ผานกระบวนการตรวจสอบความเป็นจริงของขอกลาวอาง หรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวของแล้ว มาประกอบการดําเนินการในสวนที่เกี่ยวของ โดยคํานึงถึงประโยชนของ อุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชนสาธารณะประกอบด้วย ตามที่มาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติการตอบโต การทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม กําหนดไว ในการทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินคา หลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิมตามประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุน เรื่อง การตอบโตการทุมตลาดสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ . ศ . 2559 กรมการคาตางประเทศได้ดําเนิน กระบวนการไตสวนตามหลักเกณฑที่กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวของกําหนด และ ทตอ. ได้พิจารณาเห็นวามี ความเป็นไปได้ที่การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาดและความเสียหายต่อไป หรือฟนคืนมาอีก จึงได้มีคําวินิจฉัยวาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาด และความเสียหายต่อไปหรือฟนคืนมาอีก และให้เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไปอีกเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ป ซึ่งรวมถึงการกําหนดให้เรียกเก็บอากรในอัตรารอยละ 0 ของราคา ซี ไอ เอฟ สําหรับการนําเขาสินคาทุมตลาด ที่นําเขามาผลิตเพื่อการสงออกภายใตกฎหมายวาด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กฎหมายวาด้วยการสงเสริม การลงทุน และกฎหมายวาด้วยศุลกากรด้วย ในการกําหนดมาตรการได้มีการคํานึงถึงประโยชนของอุตสาหกรรมภายใน ผู้บริโภค และประโยชนสาธารณะประกอบการกําหนดมาตรการด้วย โดยในกรณีที่ผู้มีสวนได้เสียมีความประสงคจะให้ ทตอ. พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการเรียกเก็บหรือเปลี่ยนแปลงอัตราอากรตอบโตการทุมตลาดที่กําหนดขึ้นตามประกาศ คณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับ อากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 กรณีสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิมที่มีแหลงกําเนิด จากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สามารถยื่นคําขอให้

10 ทตอ. พิจารณาทบทวนได้ตามมาตรา 56 แห่ง พระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ โดยจะต้องเสนอพยานหลักฐาน เพียงพอเกี่ยวกับปญหาการทุมตลาดหรือความเสียหายที่สมควรให้มีการทบทวน อยางไรก็ตาม ในระหวางที่มาตรการ ตอบโตการทุมตลาดยังมีผลใชบังคับ ผู้มีสวนได้เสียอาจพิจารณานําเขาสินคาที่มีการกําหนดอากรตอบโตการทุมตลาดใน อัตราที่ไม่สูงมากหรือนําเขาสินคาจากประเทศอื่นทดแทน 3.8 การวินิจฉัยเกี่ยวกับการทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป กรมการคาตางประเทศได้นําขอมูลขอเท็จจริง ความเห็น และขอโตแยง ที่ได้รับจากผู้มีสวนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวของ ที่ได้รับตามแบบสอบถามรวมทั้งชองทางอื่นที่กฎหมายกําหนดซึ่งผานกระบวนการตรวจสอบ ความเป็นจริงของขอกลาวอางหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวของแล้ว มาดําเนินการตามหลักเกณฑที่กําหนดภายใต พระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ เพื่อจัดทําผลการทบทวน โดยในกรณีที่ผู้มีสวนได้เสียปฏิเสธที่จะนํา พยานหลักฐานมาแสดง ไม่นําพยานหลักฐานมาแสดงภายในเวลาที่กําหนด หรือไม่ให้ความรวมมือเพื่อให้ได้มา ซึ่งพยานหลักฐาน หรือขัดขวางกระบวนการพิจารณาตอบโตการทุมตลาด การพิจารณาจะรับฟงเพียงขอเท็จจริง เทาที่มีอยู่หรืออาจรับฟงไปในทางที่ไม่เป็นคุณแกผู้นั้น ตามที่มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ กําหนดไวโดยสอดคลองกับหลักการ Best Information Available : BIA ตามArticle 6.8 และ Annex II (1) ของความตกลง วาด้วยการตอบโตการทุมตลาดขององคการการคาโลก และเสนอต่อ ทตอ. เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ดังนี้ 3.8.1 การพิจารณาความเป็นไปได้ที่การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้ มีการทุมตลาดต่อไปหรือทําให้การทุมตลาดฟนคืนมาอีก การพิจารณาความเป็นไปได้ดังกลาวจะพิจารณาการทุมตลาดเพื่อหาสวนเหลื่อมการทุมตลาด ตามหลักเกณฑที่มาตรา 14 มาตรา 15 และมาตรา 18 ประกอบมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม โดยในกรณีนี้ไม่มีผู้ผลิตหรือผู้สงออก จากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ให้ความรวมมือตอบ แบบสอบถามภายในระยะเวลาที่กําหนด กรมการคาตางประเทศจึงจําเป็นต้องใชขอมูลตามคําขอให้เปดการทบทวน ซึ่งเป็นขอเท็จจริงเทาที่มีอยู่ในการพิจารณา โดยในการพิจารณาปรากฏสวนเหลื่อมการทุมตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ความเป็นไปได้วาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาดต่อไปหรือฟนคืนมาอีก ดังนี้ 1) มูลคาปกติ คํานวณตามหลักเกณฑที่มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ กําหนดโดยพิจารณาจากราคาขายของสินคาที่ถูกพิจารณาที่ขายในสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แล้วทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน 2) ราคาสงออก คํานวณตามหลักเกณฑที่มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ กําหนดโดยพิจารณาจากราคาสงออกของสินคาที่ถูกพิจารณามายังประเทศไทยที่มีการอางอิงตามขอมูลสถิติการนําเขา ของกรมศุลกากร แล้วทอนเป็นราคา ณ หน้าโรงงาน 3) สวนเหลื่อมการทุมตลาด คํานวณตามหลักเกณฑที่มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดฯ กําหนดโดยเปรียบเทียบมูลคาปกติกับราคาสงออกที่ขั้นตอนทางการคาเดียวกันและในชวงเวลาเดียวกัน เป็นราคา ณ หน้าโรงงาน ซึ่งปรากฏสวนเหลื่อมการทุมตลาดในกรณีสินคาจากสาธารณรัฐเกาหลี อัตรารอยละ 40.23

11 สาธารณรัฐประชาชนจีน อัตรารอยละ 67.42 ไตหวัน อัตรารอยละ 33.18 และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อัตรารอยละ 43.48 ของราคา ซี ไอ เอฟ 3.8 .2 การพิจารณาความเป็นไปได้ที่การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้ มีความเสียหายต่อไปหรือทําให้ความเสียหายฟนคืนมาอีก การพิจารณาความเป็นไปได้ดังกลาวในกรณีนี้เป็นการพิจารณาความเสียหายอยางสําคัญ จากการทุมตลาดที่เกิดแกอุตสาหกรรมภายในและความสัมพันธระหวางสินคาทุมตลาดกับความเสียหายต่ออุตสาหกรรม ภายใน ตามหลักเกณฑที่มาตรา 19 มาตรา 20 และมาตรา 21 ประกอบมาตรา 60 แห่ง พระราชบัญญัติการตอบโต การทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม กําหนด โดยพิจารณาจาก ขอมูลปริมาณของสินคานําเขาที่ทุมตลาดและผลของการทุมตลาดที่มีต่อราคาของสินคาชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ และผลกระทบจากสินคานําเขาที่ทุมตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ 1) ปริมาณของสินคานําเขาที่ทุมตลาดและผลของการทุมตลาดที่มีต่อราคาของสินคา ชนิดเดียวกันในตลาดภายในประเทศ (1) ปริมาณของสินคาทุมตลาด จากขอมูลสถิติการนําเขาของกรมศุลกากรในชวงเวลาที่มีการใชบังคับอากร ตอบโตการทุมตลาด พบวาปริมาณการนําเขาสินคาทุมตลาดลดลงในชวงแรกและเพิ่มขึ้นตั้งแต่ป 2563 ( 2) ผลของการทุมตลาดที่มีต่อราคาของสินคาชนิดเดียวกันภายในประเทศ จากการเปรียบเทียบราคาของสินคาทุมตลาด กับราคาขายของสินคาชนิด เดียวกันของอุตสาหกรรมภายในที่ขั้นตอนทางการคาเดียวกันและในชวงเวลาเดียวกัน พบวาสินคาทุมตลาดยังคงมีการ ตัดราคา กดราคา และหยุดยั้งการขึ้นราคา ซึ่งสงผลกระทบต่อราคาขายของสินคาชนิดเดียวกันของอุตสาหกรรมภายใน 2 ) ผลกระทบจากสินคานําเขาที่ทุมตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมภายใน ประเมินจากปจจัย และดัชนีทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อสภาวะของอุตสาหกรรมภายใน ดังนี้ (1) ยอดจําหนาย ปริมาณการขาย และราคาขาย ยอดจําหนาย ปริมาณการขาย และราคาขาย ของสินคาชนิดเดียวกันภายในประเทศ ของอุตสาหกรรมภายในในป 2562 ลดลงจากป 2561 ต่อมาเพิ่มขึ้นในป 2563 และตลอดชวง POR (2) กําไร/ขาดทุน ในป 2561 อุตสาหกรรมภายในมีผลกําไรจากการจําหนายสินคาชนิดเดียวกัน ภายในประเทศ ต่อมาประสบภาวะขาดทุนในป 2562 และกลับมามีกําไรในป 2563 และจากการเปรียบเทียบขอมูล เดียวกันจากชวง PPR และ POR พบวาอุตสาหกรรมภายในมีกําไรลดลงในชวง POR (3) กําลังการผลิตและอัตราการใชกําลังการผลิต อุตสาหกรรมภายในมีกําลังการผลิตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ป 2562 และคงที่จนถึง ปจจุบัน เนื่องจากมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม โดยมีอัตราการใชกําลังการผลิตลดลงในป 2562 จากนั้นมีแนวโนม เพิ่มขึ้นในป 2563 และลดลงเล็กนอยในชวง POR (4) ผลผลิต อุตสาหกรรมภายในมีผลผลิตลดลงในภาพรวม โดยมีผลผลิตลดลงในป 2562 และเพิ่มขึ้นในป 2563 และจากการเปรียบเทียบขอมูลเดียวกันจากชวง P PR และชวง P OR พบวาอุตสาหกรรมภายใน มีผลผลิตลดลงในชวง POR

12 (5) ผลิตภาพ อุตสาหกรรมภายในมีผลิตภาพคอนขางคงที่ (6) สวนแบงตลาด อุตสาหกรรมภายในมีสวนแบงตลาดเพิ่มขึ้นในป 2562 และลดลงในป 2563 และจากการเปรียบเทียบขอมูลเดียวกันจากชวง PP R และชวง P OR พบวาอุตสาหกรรมภายในมีสวนแบงตลาดลดลง ในชวง POR (7) ผลตอบแทนจากการลงทุน ( ROA) ผลตอบแทนจากการลงทุนของอุตสาหกรรมภายในลดลงในป 2561 ถึงป 2563 และกลับมาเพิ่มขึ้นในชวง POR (8) กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน กระแสเงินสดของอุตสาหกรรมภายในมีทิศทางผันผวน โดยพบวาเพิ่มขึ้นในป 2561 และป 2562 ต่อมาลดลงในป 2563 และเพิ่มขึ้นในชวง POR (9) สินคาคงคลัง อุตสาหกรรมภายในมีสินคาคงคลังเพิ่มขึ้นในชวงป 2561 ถึงป 2563 และจากการเปรียบเทียบขอมูลเดียวกันจากชวง PPR และชวง POR พบวาอุตสาหกรรมภายในมีปริมาณสินคาคงคลัง ลดลงในชวง POR (10) การจางงาน การจางงานของอุตสาหกรรมภายในโดยเฉลี่ยมีแนวโนมลดลงตั้งแต่ป 2561 ถึงป 2563 และเพิ่มขึ้นเล็กนอยในชวง POR (11) คาจางแรงงาน คาจางแรงงานของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโนมลดลงอยางต่อเนื่องในชวงป 2561 ถึงป 2563 และจากการเปรียบเทียบขอมูลเดียวกันจากชวง PP R และชวง P OR พบวาอุตสาหกรรมภายใน มีคาจางแรงงานลดลงในชวง POR (12) อัตราการเจริญเติบโต ในชวงป 2561 ถึงป 2563 ปริมาณการขายและความต้องการใชภายในประเทศ ของอุตสาหกรรมภายในมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่สอดคลองกัน โดยมีปริมาณลดลงในป 2562 และเพิ่มขึ้นในป 2563 และในชวง POR (13) ความสามารถในการระดมทุนหรือลงทุน สินทรัพย์ของอุตสาหกรรมภายในมีแนวโนมลดลงตั้งแต่ป 2561 ถึงป 2563 และเพิ่มขึ้นเล็กนอยในชวง POR ในขณะที่มีหนี้สินเพิ่มขึ้นตั้งแต่ป 2561 ถึงป 2563 และลดลงในชวง POR (14) ปจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาสินคาในประเทศ พบวาปริมาณการนําเขาสินคาทุมตลาดในป 2563 เพิ่มขึ้นถึงรอยละ 123.71 ของปริมาณการนําเขาในป 2562 พบการตัดราคาในชวง POR พบการกดราคาในชวงป 2561 ถึงเดือนมิถุนายน 2564 และพบการหยุดยั้งการขึ้นราคาจนเป็นเหตุให้อุตสาหกรรมภายในต้องขายสินคาในราคาต่ํากวาทุนในชวงป 2562

13 (15) ความมากนอยของสวนเหลื่อมการทุมตลาด เมื่อเปรียบเทียบมูลคาปกติและราคาสงออกที่ขั้นตอนทางการคาเดียวกัน และในชวงเวลาเดียวกัน คือ ราคา ณ หน้าโรงงาน ในชวง POR พบวายังคงมีสวนเหลื่อมการทุมตลาดของสินคา หลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คิดเป็นรอยละ 33.18 ถึงรอยละ 67.42 ของราคา ซี ไอ เอฟ 3) สรุปผลการพิจารณาความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายใน จากการพิจารณาความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในพบวา ในชวงเวลาที่มีการ บังคับใชมาตรการตอบโตการทุมตลาดกับสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจาก สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ยังคงปรากฏขอมูลการทุมตลาด และความเสียหายอยางสําคัญที่เกิดแกอุตสาหกรรมภายใน โดยพบวาปริมาณการนําเขาสินคาทุมตลาดเพิ่มขึ้น อยางมีนัยสําคัญ อีกทั้งยังพบวามีการสงออกสินคาทุมตลาดจากประเทศที่ถูกพิจารณาไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย เป็นสวนใหญและในปริมาณมากเมื่อเทียบกับการสงออกสินคาทุมตลาดทั้งหมด ซึ่งการนําเขาสินคาทุมตลาดดังกลาว ทําให้เกิดการตัดราคา กดราคา และหยุดยั้งการที่ราคาของสินคาชนิดเดียวกันในประเทศจะขยับตัวสูงขึ้น อยางมีนัยสําคัญ สงผลให้อุตสาหกรรมภายในมีสวนแบงตลาดลดลงและมีกําลังการผลิตและอัตราการใชกําลังการผลิต สวนเกินในปริมาณสูง นอกจากนี้ ยังพบวาปจจุบันประเทศที่เป็นตลาดสงออกสําคัญจํานวนมากมีการบังคับใช มาตรการตอบโตการทุมตลาดกับสินคาทุมตลาดจากประเทศที่ถูกพิจารณา ทําให้ประเทศดังกลาวต้องหาทาง ระบายสินคาไปยังประเทศที่ไม่ถูกบังคับใชมาตรการตอบโตการทุมตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้วา การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีความเสียหายต่อไปหรือฟนคืนมาอีก ขอ 4 คําวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุน คณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุนพิจารณาขอมูลและพยานหลักฐานที่ได้รับ ในกระบวนการทบทวนความจําเป็นในการบังคับใชอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป กรณีสินคาหลอดและทอ ทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม ตามหลักเกณฑที่กําหนดตามมาตรา 57 แห่ง พระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาด และการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ ( ฉบับที่ 2) พ . ศ . 2562 และได้มีคําวินิจฉัยในการประชุมครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 วาการยุติการเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจะทําให้มีการทุมตลาดและความเสียหาย ต่อไปหรือฟนคืนมาอีก จึงให้เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจากการนําเขาสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลา ไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ต่อไปในอัตราเดิม เป็นระยะเวลา 5 ป คณะกรรมการพิจารณาการทุมตลาดและการอุดหนุนจึงได้ออกประกาศคณะกรรมการพิจารณา การทุมตลาดและการอุดหนุน เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจําเป็นในการใชบังคับอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป กรณีสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พ.ศ. 2565 โดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 57 และมาตรา 73 (1) แห่งพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ พ.ศ. 2542 ซึ่งแกไขเพิ่มเติม

14 โดยพระราชบัญญัติการตอบโตการทุมตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินคาจากตางประเทศ ( ฉบับที่ 2) พ . ศ. 2562 เพื่อกําหนดให้ เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดต่อไป เป็นระยะเวลา 5 ป ดังนี้ 4 .1 ให้เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจากการนําเขาสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ทั้งรีดรอนและรีดเย็น ที่มีภาคตัดขวางเป็นวงกลมและไม่เป็นวงกลม ที่มีขนาดเสนผานศูนยกลางภายนอกไม่เกิน 508 มิลลิเมตร ซึ่งปจจุบันเป็นสินคาภายใตพิกัดศุลกากร ประเภทยอย ตามพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร ( ฉบับที่ 7) พ . ศ. 2564 และรหัสสถิติ ตามรหัสสถิติสินคาที่แกไขปรับปรุงเพิ่มเติม ฉบับป พ.ศ. 2565 ตามประกาศกรมศุลกากรที่ 194/2564 เรื่อง แกไขเพิ่มเติมรหัสสถิติสินคา ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2564 จํานวน 46 รายการ ได้แก 7305.31.10.000 7306.11.10.000 7306.11.90 . 090 7306.21.00.000 7306.40.11.000 7306.40.19.000 7306.40.20.011 7306.40.20.012 7306.40.20.013 7306.40.20.014 7306.40.20.015 7306.40.20.016 7306.40.20.017 7306.40.20.018 7306.40.20.021 7306.40.20.022 7306.40.20.023 7306.40.20.024 7306.40.20.025 7306.40.20. 0 26 7306.40.20.027 7306.40.20.028 7306.40.20.090 7306.40.30.010 7306.40.30.020 7306.40.90.011 7306.40.90.012 7306.40.90.013 7306.40.90.014 7306.40.90.015 7306.40.90.016 7306.40.90.017 7306.40.90.018 7306.40.90.021 7306.40.90.022 7306.40.90.023 7306.40.90.024 7306.40.90.025 7306.40.90.026 7306.40.90.027 7306.40.90.028 7306.40.90.090 7306.61.10.021 7306.61.10.022 7306.61.90.110 แ ล ะ 7306.61.90.120 ที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ไตหวัน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในอัตรา ดังต่อไปนี้ 4.1. 1 สินคาที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐเกาหลี 1) สินคาที่ผลิตจาก SeAH STEEL CORPORATION ในอัตรารอยละ 11.96 ของราคา ซี ไอ เอฟ 2 ) สินคาที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ในอัตรารอยละ 51.53 ของราคา ซี ไอ เอฟ 4.1.2 สินคาที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในอัตรารอยละ 145.31 ของราคา ซี ไอ เอฟ 4.1.3 สินคาที่มีแหลงกําเนิดจากไตหวัน 1) สินคาที่ผลิตจาก FROCH ENTERPRISE CO., LTD. ในอัตรารอยละ 12.29 ของราคา ซี ไอ เอฟ 2 ) สินคาที่ผลิตจาก YC INOX CO., LTD. ในอัตรารอยละ 2.38 ของราคา ซี ไอ เอฟ 3) สินคาที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ในอัตรารอยละ 29.04 ของราคา ซี ไอ เอฟ 4.1.4 สินคาที่มีแหลงกําเนิดจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 1) สินคาที่ผลิตจาก SONHA INTERNATIONAL CORPORATION ในอัตรารอยละ 310.74 ของราคา ซี ไอ เอฟ 2 ) สินคาที่ผลิตจากผู้ผลิตรายอื่น ในอัตรารอยละ 310.74 ของราคา ซี ไอ เอฟ

15 4.2 ให้เรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดจากการนําเขาสินคาหลอดและทอทําด้วยเหล็กกลาไม่เป็นสนิม ตามที่ระบุไวในขอ 4 .1 ในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ ในอัตรารอยละ ของราคา ซี ไอ เอฟ 0 4.2.1 ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบพาณิชยกรรมเพื่อการสงออกนําสินคาดังกลาว เขามาในราชอาณาจักรและนําเขาไปในเขตประกอบการเสรี เพื่อใชในการผลิตสินคาหรือเพื่อพาณิชยกรรมเพื่อการสงออก ภายใตกฎหมายวาด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 4.2.2 ผู้ที่ได้รับการสงเสริมตามกฎหมายวาด้วยการสงเสริมการลงทุนนําสินคาดังกลาวเขามา ผลิตเพื่อการสงออกภายใตกฎหมายวาด้วยการสงเสริมการลงทุน 4.2.3 การนําสินคาดังกลาวเขามาผลิตเพื่อการสงออกภายใตกฎหมายวาด้วยศุลกากร การเรียกเก็บอากรตอบโตการทุมตลาดในอัตรารอยละ 0 ของราคา ซี ไอ เอฟ ตามวรรคหนึ่ง นําเขา ผู้ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขในการได้รับยกเวนอากรขาเขาเพื่อการสงออกตามกฎหมาย ดังกลาวที่เกี่ยวของในแต่ละกรณี