ข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 99 ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2565

ข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 99 ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินแก่นิติบุคคลซึ่งจะร่วมดาเนินกิจการกับการเคหะแห่งชาติในการจัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชน เช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งการเคหะแห่งชาติตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2537 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 9 (3) ประกอบมาตรา 16 (1) แห่งพระราชบัญญัติ การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2537 คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติโดยความเห็ นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ ข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 99 ว่าด้วยการให้ ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ” ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในข้อบังคับนี้ “ โครงการ ” หมายความว่า โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ “ บริษัทในเครือ ” หมายความว่า บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ กคช. มีทุนรวมอยู่ด้วยเกินร้อยละยี่สิบห้า “ ความช่วยเหลือทางการเงิน ” หมายความว่า การให้กู้ยืมเงิน หรือจัดหาแหล่งเงินกู้ หรือ ค้ำประกันเงินกู้ “ การค้าประกันเงินกู้ ” หมายความว่า การออกหนังสือของ กคช. ให้แก่สถาบันการเงิน เพื่อประโยชน์ในการค้ำประกันการกู้ยื มเงิน ข้อ 4 การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่าย ในการดาเนินงานตามโครงการที่ กคช. เห็นชอบในการจัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชนเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ หรือประกอบกิจการอื่นที่สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ดังกล่ำว การดาเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้บริษัทในเครือเสนอโครงการซึ่งมีรายละเอียดตามข้อ 5 และ ข้อ 6 เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก กคช. โดยเสนอให้ผู้ว่าการทาความเห็นแล้วเสนอ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ ข้อ 5 โครงการที่บริษัทในเครือจะยื่นเพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก กคช. ต้อง ้ หนา 38 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 238 ง ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

(1) เป็นโครงการที่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบาย ของรัฐบาล และนโยบายของ กคช. เกี่ยวกับการจัดให้มีเคหะเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยและ เพื่อยกระดั บคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน (2) เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์และกระบวนการดาเนินงานที่ชัดเจนและมีผลต่อการจัดให้มี เคหะเพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย รวมตลอดถึงจัดให้มีสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งอำนวย ความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย ทำนุบำรุง ปรับปรุงและพั ฒนาบรรดาเคหะดังกล่าว รวมทั้งพัฒนาผู้อยู่อาศัย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ข้อ 6 โครงการตามข้อ 5 ต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (1) รายงานงบประมาณและวงเงินที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน (2) แผนบริหารจัดการความเสี่ยงขอ งโครงการ (3) ฐานะทางการเงินของบริษัทในเครือที่ผ่านการรับรองของผู้สอบบัญชี (4) รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ (5) รายละเอียดอื่นที่ กคช. กำหนด ข้อ 7 ในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามข้อบังคับนี้ ให้ กคช. พิจารณา ด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของโครงการ ความเสี่ยงของโครงการ ฐานะทางการเงิน ของบริษัทในเครือและของ กคช. การหารายได้จากทรัพย์สินอื่นของ กคช. แนวทางการแก้ไขปัญหา และแผนการบริหารทรัพย์สินก่อนโครงการแล้วเสร็จเพื่อมิให้เกิดต้นทุนจม รวมทั้ งการให้บริษัทในเครือ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่เป็นภาระแก่ กคช. ข้อ 8 เงื่อนไขการจ่ายเงินเป็นรายงวด การกาหนดระยะเวลาการชาระคืน อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยผิดนัด หรือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตลอดจนเงื่อนไขการปฏิบัติอื่นใด ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ที่ค ณะกรรมการการเคหะแห่งชาติประกาศกาหนด ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยจะต้องไม่ต่ากว่า ต้นทุนทางการเงินของเงินทุนที่ กคช. จัดหา และการชาระคืนต้นเงินกู้ก่อนกาหนดต้องไม่ทาให้ กคช. ได้รับความเสียหายด้วย ข้อ 9 ในกรณีบริษัทในเครือผิดนัดชาระหนี้ให้ กคช. มีสิทธิหักเงิ นค่าจ้าง หรือเงินใด ๆ ที่บริษัทในเครือจะได้รับจาก กคช. เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย กรณี กคช. ตรวจพบว่า การใช้จ่ายเงินที่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก กคช. ไม่เป็นไปตามโครงการที่ยื่นคาขอ ให้ กคช. ระงับการจ่ายเงินงวดต่อไปไว้ก่อนแล้วสั่งให้บริษัทในเครือ ดาเนินการให้ถูกต้องก่อนจ่ายเงินงวดต่อไป และกรณีที่อาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อ กคช. ให้เรียกเงินที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าวคืน ข้อ 10 เพื่อประโยชน์ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ บริษัทในเครือให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ โปร่งใส ให้ผู้ว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและกากับดูแลการให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินขึ้นมาคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการที่รับผิดชอบสายงานด้านการเงิน ้ หนา 39 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 238 ง ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอื่นไม่น้อย กว่าสามคน และให้ผู้อำนวยการฝ่ายการบัญชี เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้มีหน้าที่และอานาจกลั่นกรองคาขอความช่วยเหลือทางการเงิน การกากับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินตามที่ได้รับความช่วยเหลือ ทางการเงินจาก กคช. ประธานกรรมการ และกรรมการตามวรรคหนึ่ง ต้องมิใช่ผู้ซึ่งดารงตาแหน่งประธานกรรมการ กรรมการ หรือพนักงานในบริษัทในเครือแห่งนั้น ให้คณะกรรมการกลั่นกรองและกากับดูแลการให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามวรรคหนึ่ง รายงานผลการพิจารณาและผลการปฏิบัติต่อผู้ว่าการเพื่อทาความเห็นเสนอคณะกรรมการการเคหะ แห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนดาเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ข้อ 11 ให้ผู้ว่าการเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตามข้อบังคับนี้ ให้ผู้ว่าการเสนอคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด ประกาศ ณ วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 25 6 5 พลตรี เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ ้ หนา 40 ่ เลม 139 ตอนพิเศษ 238 ง ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับเงื่อนไขการจ่ายเงินเป็นรายงวด การกาหนดระยะเวลาการชาระคืน อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยผิดนัด หรือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และเงื่อนไขการปฏิบัติอื่นใด ตามความในข้อ 8 แห่งข้อบังคับการเคหะแห่งชาติ ฉบับที่ 99 ว่าด้วย การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทในเครือ ของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2565 หลักเกณฑ์เงื่อนไข รายละเอียด 1. เงื่อนไขการจ่ายเงินเป็นรายงวด ให้ชาระเป็นรายงวด ๆ ละ 1 เดือน ทุกวันที่ 5 ของเดือน จนกว่าชาระเงินกู้ (ต้นเงินและดอกเบี้ย) ครบถ้วน 2. การกำหนดระยะเวลาการชำระคืน ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 3 ปี 3. อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยจะต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุนทางการเงิน ของเงินทุนที่การเคหะแห่งชาติจัดหา บวกด้วย ค่าดำเนินการร้อยละ 1 4 อัตราดอกเบี้ยผิดนัด อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 2 ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยเดิม 5. เงื่อนไขการปฏิบัติอื่นใด 5.1 หลักประกันการกู้เงิน ดังนี้ 1) หนังสือค้ำประกันของธนาคาร หรือ 2) ที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง สมุดฝากเงิน สลากออมทรัพย์ พันธบัตร หรือ 3) ตั๋วสัญญาใช้เงินของผู้กู้ 5.2 วงเงินให้กู้ วงเงินกู้รวมไม่เกินร้อยละ 5 ของวงเงินตาม สัญญาทั้งหมดที่อยู่ระหว่างดาเนินการของ การเคหะแห่งชาติ แต่รวมวงเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 50 ล้านบาท