พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 256 6 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 25 6 6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 27 มาตรา 34 และมาตรา 37 ของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้การดาเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปโดยสุจริตและ เที่ยงธรรม ซึ่งการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นไว้โดยคาแนะนำ และยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ ้ หนา 1 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
มาตรา 1 พระราชบัญญัติป ระกอบรัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า “ พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 256 6 ” มาตรา 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาต รา 11 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 11 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใช้บังคับ ให้คณะกรรมการ ดาเนินการจัดให้มีการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้ (1) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจานวนสี่ร้อยคน ซึ่งเป็น การออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครเป็นรายบุคคลตามการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำหนด เขตเลือกตั้งละหนึ่งคน (2) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจานวนหนึ่งร้อยคน ซึ่งเป็น การออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้น โดยเลือกเพียง พรรคการเมืองเดียวทั้งประเทศ ” มาตรา 4 ให้ยกเลิกความใน (4) ของมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “( 4) กำหนดวันและสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ” มาตรา 5 ให้ยกเลิกความใน (1) ของมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “( 1) คณะกรรมการประจาหน่วยเลือกตั้งเก้าคน มีหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนน ในที่เลือกตั้งและนับคะแนนของหน่วยเลือกตั้งแต่ละแห่ง ในกรณีที่หน่วยเลือกตั้งใดมีความจาเป็นอาจแต่งตั้ง กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเพิ่มได้ตามหลักเกณฑ์และไม่เกินจำนวนที่คณะกรรมการกำหนด ” มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 26 การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและ การแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ดาเนินการตามวิธี การ ดังต่อไปนี้ (1) ให้ใช้จานวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้าย ก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสี่ร้อยคน จานวนที่ได้รับให้ถือว่า เป็นจำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ้ หนา 2 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
(2) จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนตาม (1) ให้มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดนั้นได้หนึ่งคน โดยให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง (3) จังหวัดใดมีราษฎรเกินจานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ งคนทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน (4) เมื่อได้จานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละจังหวัดตาม (2) และ (3) แล้ว ถ้าจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ครบสี่ร้อยคน จังหวัดใดมีเศษที่เหลือจากการคำนวณตาม (3) มากที่สุด ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน และให้เพิ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัดที่มีเศษที่เหลือจากการคานวณนั้นในลาดับรองลงมาตามลาดับจนครบ จำนวนสี่ร้อยคน (5) จังหวัดใดมีการเลือกตั้งได้เกินหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเ ป็นเขตเลือกตั้งเท่าจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมี โดยต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้องจัดให้มี จำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน ” มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แท นราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 53 ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง หากผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาเขตเลือกตั้ง ตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งและ ผู้สมัครผู้นั้นได้คะแนนอยู่ในลาดับที่จะได้รับการเลือกตั้ง ให้เสนอเรื่อง ต่อคณะกรรมการเพื่อวินิจฉัย ในกรณีที่คณะกรรมการวินิจฉัยว่าผู้สมัครผู้นั้นมีเหตุดังกล่าว ให้มีคาสั่ง ยกเลิกการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นและสั่งให้ดาเนินการเลือกตั้งใหม่ ในกรณีตามวรรคหนึ่ง หากผู้สมัครผู้นั้นรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว และดาเนินการต่อไปตามมาตรา 138 ” มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรั ฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ในกรณีตามวรรคหนึ่ง หากผู้สมัครผู้นั้นรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วปกปิด หรือไม่แจ้งข้อความจริงนั้น ให้ถือว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นมิไ ด้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น ” มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แ ทน ้ หนา 3 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
“ มาตรา 56 พรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ให้มีสิทธิส่งผู้สมัคร แบบบัญชีรายชื่อได้พรรคละหนึ่งบัญชี มีจำนวนไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ดาเนินการสรรหาผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อตามวิธีการที่กาหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง (2) พรรคการเมืองจะเสนอรายชื่อบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากบุคคลนั้น และบุคคลดังกล่าวต้องเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองที่จะเสนอรายชื่อเพียงพรรคเ ดียว (3) ให้จัดทาบัญชีรายชื่อตามแบบที่คณะกรรมการกาหนด โดยจัดเรียงลาดับรายชื่อผู้สมัคร ตามลำดับหมายเลข (4) รายชื่อในบัญชีผู้สมัครของพรรคการเมืองต้องไม่ซ้ากับพรรคการเมืองอื่นและไม่ซ้ากับ รายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ” มาตรา 10 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น วรรคห้าของมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 “ ให้นาความในมาตรา 48 มาใช้บังคับแก่การให้หมายเลขประจาตัวสาหรับผู้สมัครแบบบัญชี รายชื่อด้วยโดยอนุโลม ” มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 62 ให้คณะกรรมการประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้ (1) จำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่จะใช้จ่าย ในการเลือกตั้ง (2) จำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่จะใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ในกรณีที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อผู้ใดของพรรคการเมืองได้ใช้จ่ายไปเพื่อการเลือกตั้งเป็ นจานวนเท่าใด ให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองด้วย ในการกาหนดจานวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งตาม (2) จะกาหนดโดยใช้จานวนสมาชิก ของพรรคการเมืองที่ส่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นรายบุคคลมาเป็นฐานในการคำนวณมิได้ โดยให้ คณะกรรมการหารือกับหัวหน้าพรรคการเมื อง และให้มีการทบทวนการกาหนดจานวนเงินดังกล่าว ให้สอดคล้องกับความจำเป็นและสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างน้อยทุกสี่ปี ” ้ หนา 4 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
มาตรา 12 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่ อไปนี้แทน “ มาตรา 73 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทาการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ให้งดเว้น การลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด หรือการชัก ชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือก ผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ (1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด (2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด (3) ทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ (4) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด (5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ” มาตรา 13 ให้ยกเลิกความในมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 84 การออกเสียงลงคะแนนให้ใช้บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบละหนึ่งใบ ซึ่งต้องมีลักษณะแตกต่างที่สามารถจำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งต้องมีช่องทาเครื่องหมายและหมายเลขไม่น้อยกว่าจานวน ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้น บัตรเลือ กตั้งแบบบัญชีรายชื่อต้องมีช่องทาเครื่องหมายและหมายเลขของบัญชีรายชื่อของ พรรคการเมืองและชื่อพรรคการเมืองพร้อมภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองครบทุกพรรคที่ส่งสมัครรับเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ บัตรเลือกตั้งตามวรรคสองและวรรคสามต้องมีช่องทาเครื่องหมายว่าไม่เลือกผู้ส มัครใดหรือ บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด แล้วแต่กรณี ด้วย การออกเสียงลงคะแนนให้เป็นไปตามวิธีการที่คณะกรรมการกาหนด ” มาตรา 14 ให้ยกเลิกความในมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ้ หนา 5 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
“ มาตรา 91 การออกเสียงลงคะแนน ให้ทาเครื่องหมายกากบาทลงในช่องทาเครื่องหมาย ของหมายเลขผู้สมัครหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองในบัตรเลือกตั้ง และในกรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ประสงค์จะออกเสียงลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ให้ทำ เครื่องหมายกากบาทลงในช่องทาเครื่องหมาย “ ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ” หรือ “ ไม่เลือกบัญชีรายชื่อ ของพรรคการเมืองใด ”” มาตรา 15 ให้ยกเลิกความในมาต รา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 93 ภายใต้บังคับมาตรา 92 เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำเครื่องหมายกากบาท ลง ในบัตรเลือกตั้งแล้วให้พับบัตรเลือกตั้งเพื่อมิให้ผู้อื่นทรา บว่าลงคะแนนอย่างไร แล้วให้นาบัตรเลือกตั้งนั้น ใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเองต่อหน้ากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ” มาตรา 16 ให้ยกเลิกความในมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้ แทน “ มาตรา 99 ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนาบัตรเลือกตั้งที่ออกเสียงลงคะแนนแล้วแสดงต่อผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นทราบว่าตนได้ลงคะแนนอย่างไร ” มาตรา 17 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 113 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ในการออกเสียงลงคะแนนนอกราชอาณาจักร คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของกระทรวง การต่างประเทศจะกาหนดให้มีการนับคะแนนนอกราชอาณาจักรก็ได้ หากจะเป็นการสะดวก รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการดาเนินการตามวรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ กำหนด หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะกาหนดให้แตกต่างไปจากมาตรา 19 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ตามความจำเป็นและเหมาะสมก็ได้ ” มาตรา 18 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ การนับคะแนนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกาหนด ซึ่งต้องกาหนดให้มี การนับคะแนนที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทาเครื่องหมายในช่องทาเครื่องหมาย “ ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ” หรือ “ ไม่เลือกบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ” ด้วย ” มาตรา 19 ให้ยกเลิกความใน (4) (5) และ (6) ของมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ้ หนา 6 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
“( 4) บัตรที่ทาเครื่องหมายลงคะแนนให้แก่ ผู้สมัครเกินจานวนหนึ่งคน หรือเลือกบัญชีรายชื่อ ของพรรคการเมืองเกินหนึ่งบัญชีรายชื่อ (5) บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด เว้นแต่เป็นการทำเครื่องหมายในช่อง “ ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ” หรือ “ ไม่เลือกบัญชีรายชื่อ ของ พรรคการเมืองใด ” (6) บัตรที่ทาเครื่องหมายลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง และ ทำเครื่องหมายในช่อง “ ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ” หรือ “ ไม่เลือกบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ” ด้วย ” มาตรา 20 ให้ยกเลิกความในมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 122 ในกรณีที่ผลการนับคะแนนปรากฏว่าจานวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับ จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ออกเสียงลงคะแนน ให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลื อกตั้งดาเนินการตรวจสอบ ความถูกต้อง หากยังไม่ตรงกันอีกให้รายงานความไม่ถูกต้องตรงกันพร้อมเหตุผลต่อคณะกรรมการ พร้อมทั้งแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจาเขตเลือกตั้งทราบ และนาส่งหีบบัตรและอุปกรณ์แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจาเขตเลือกตั้งหรือผู้ซึ่งคณะกรรมกา รการเลือกตั้งประจาเขตเลือกตั้ง มอบหมาย เมื่อคณะกรรมการได้รับรายงานตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้สั่งให้มีการนับคะแนนใหม่หรือสั่งให้ ออกเสียงลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั้งนั้น เว้นแต่คณะกรรมการจะมีความเห็นว่าความไม่ถูกต้องตรงกันนั้น มิได้เกิดจากการทุจริตและไม่ทำให้ผ ลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะสั่งให้ยุติก็ได้ ” มาตรา 21 ให้ยกเลิกความในมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 123 เมื่อรวบรวมผลการนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น รวมทั้ง คะแนนที่ได้จากการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งและการลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งดาเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ประกาศผลการนับคะแนนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และคะแนน ที่ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด (2) ประกาศผลการนับคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และคะแนนที่ไม่เลือกบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ” ้ หนา 7 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
มาตรา 22 ให้ยกเลิกความในวรรค หนึ่งของมาตรา 126 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 126 เขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัครรายใดได้รับคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียง ที่ไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎ รในเขตเลือกตั้งนั้น ให้คณะกรรมการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในกรณีเช่นนี้ ให้คณะกรรมการดาเนินการให้มีการรับสมัครผู้สมัครใหม่ โดยผู้สมัครเดิมทุกรายไม่มีสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นใหม่นั้น ” มาตรา 23 ให้ยกเลิกความในมาตรา 128 แห่งพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 128 เมื่อคณะกรรมการได้รับรายงานผลรวมคะแนนแบบบัญชีรายชื่อจาก ผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัดแล้ว ให้ดาเนินการคานวณสัดส่วนเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ดังต่อไปนี้ (1) ให้รวมผลคะแนนทั้งหมดที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ทั้งประเทศ (2) ให้นาคะแนนรวมจาก (1) หารด้วยหนึ่งร้อย ผลลัพธ์ที่ได้ให้ ถือเป็นคะแนนเฉลี่ยต่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อหนึ่งคน (3) ในการคานวณหาจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมือง จะได้รับ ให้นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ หารด้วย คะแนนเฉลี่ยตาม (2) ผ ลลัพธ์ที่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นจานวนเต็มคือจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ (4) ในกรณีที่จานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองได้รับรวมกัน ทุกพรรคการเมืองมีจำนวนไม่ครบหนึ่งร้อยคน ให้พรรคการเมืองที่มีผลลัพธ์ ที่เป็นเศษโดยไม่มีจำนวนเต็ม และพรรคการเมืองที่มีเศษหลังจากการคานวณตาม (3) พรรคใดเป็นหรือมีเศษจานวนมากที่สุด ให้ได้รับจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออีกหนึ่งคนเรียงตามลาดับ จนกว่าจะมีจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองทั้งหม ดได้รับรวมกันครบจำนวนหนึ่งร้อยคน (5) ในการดำเนินการตาม (4) ถ้าในลำดับใดมีเศษเท่ากันและจะทำให้จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเกินจานวนหนึ่งร้อยคน ให้ตัวแทนของพรรคการเมืองที่มีเศษ เท่ากันจับสลากตามวันและเวลาที่คณะกรรมการกาหนด เพื่อให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี รายชื่อครบจำนวน ้ หนา 8 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
ให้ถือว่าผู้สมัครตามบัญชีรายชื่อผู้สมัครของพรรคการเมืองตามจานวนที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ ตามผลการคานวณตามวรรคหนึ่งได้รับเลือกตั้งเรียงตามลาดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น จนครบจานวน แต่ต้ องไม่เกินจานวนผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อเท่าที่มีอยู่ในแต่ละบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ที่พรรคการเมืองนั้นได้ส่งสมัคร จานวนที่ยังขาดอยู่ให้เป็นไปตามมาตรา 83 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ” มาตรา 24 ให้ยกเลิกความในมาตรา 129 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐ ธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 129 เมื่อคณะกรรมการดาเนินการคานวณสัดส่วนจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองตามมาตรา 128 แล้ว และคณะกรรมการมีหลักฐานอันควร เชื่อได้ว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการประกาศผลการเลือกตั้งว่า ผู้สมัครผู้ใดเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่าหกสิบวันนับแต่วันเลื อกตั้ง ” มาตรา 25 ให้ยกเลิกความในมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 130 เมื่อคณะกรรมการประกาศผลการเลือกตั้งแล้วให้นาผลการเลือกตั้งไปประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา และ เมื่อมีประธานรัฐสภาแล้ว ให้ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ของทุกพรรคการเมืองไปยังประธานรัฐสภาเพื่อทราบโดยเร็ว ” มาตรา 26 ให้ยกเลิกมาตรา 131 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 27 ให้ยกเลิกควำมในวรรคหนึ่งของมาตรา 132 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 132 ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใด กระทาการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้ นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครผู้ใดก่อให้บุคคลอื่นกระทา สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว หรือรู้ว่า มีการกระทาดังกล่าวแล้วไม่ดาเนินการเพื่อระงับการกระทานั้น หรือกระทาการอันเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการ จนอาจเป็นเหตุ ให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ้ หนา 9 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
(1) ในกรณีที่การกระทาการนั้นเป็นการกระทาเกี่ยวกับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการสั่งยกเลิกการเลือกตั้งและให้มีการเลือกตั้งใหม่ และสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของผู้สมัครซึ่งกระทาการเช่นนั้นทุกรายไว้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่ง ปีนับแต่วันที่ คณะกรรมการมีคำสั่ง (2) ในกรณีที่การกระทำการนั้นเป็นการกระทำเกี่ยวกับการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ให้บัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นในหน่วยเลือกตั้งนั้นเป็นบัตรเสีย และให้คณะกรรมการสั่งมิให้นับเป็นคะแนนในการคานว ณหาจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี รายชื่อของพรรคการเมืองนั้น ทั้งนี้ มิให้นาความในมาตรา 118 วรรคสอง มาใช้บังคับแก่บัตรเสีย ดังกล่าว เฉพาะกรณีที่คณะกรรมการมีคำสั่งภายหลังการนับคะแนนแล้ว ” มาตรา 28 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 136 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ มาตรา 136 ในกรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ใดให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือ จัดเตรียมเพื่อจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ทั้งนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน เลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครผู้ใดหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัคร ผู้ใดหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด หรือให้ลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดหรือบัญชีรายชื่อของ พรรคการเมืองใด ให้ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดเงินหรือทรัพย์สินของผู้นั้นไว้ เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคาพิพากษาหรือคาสั่ง ” มาตรา 29 ให้ยกเลิกความในมาตรา 137 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้ แทน “ มาตรา 137 ก่อนหรือในวันเลือกตั้ง ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะดำเนินการ สอดส่อง สืบสวน ไต่สวน หรือแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อตรวจสอบให้การเลือกตั้ง เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ถ้าคณะกรรมการสืบสวนหรือไต่สวนแล้ว มีเหตุอันควรสงสัยว่า การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือกรรมการแต่ละคนพบเห็นการกระทาหรือการงดเว้น การกระทาใดอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย ให้มีอานาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิ กการเลือกตั้ง และสั่งให้ ดาเนินการเลือกตั้งใหม่หรือนับคะแนนใหม่สาหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หรือการเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมในหน่วยเลือกตั้งบางหน่วย ้ หนา 10 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
หรือทุกหน่วยเลือกตั้งได้ ในกรณีที่เป็ นการดาเนินการของกรรมการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ” มาตรา 30 การแบ่งเขตเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งมีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ ใช้บังคับ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไปสำหรับการเลือกตั้งแทนตาแหน่งที่ว่างที่อาจจะมีขึ้น ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป มาตรา 31 การดำเนินการใด ๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบั ญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ ให้มีผลใช้บังคับได้กับการดำเนินการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นภายหลังวันที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ มาตรา 32 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ ผู้รับสนองพระ บรม ราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้ หนา 11 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566
หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้พระราช บัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 กาหนดให้สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจานวนห้าร้อยคน โดย เป็น สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจานวนสี่ร้อยคน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่งร้อยคน โดยให้ใช้บัตรเลือกตั้งสมาชิก สภำผู้แทนราษฎรแบบละหนึ่งใบ และ การคำนวณ สัดส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองที่จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับ จานวนคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับการเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการสมัครรับเ ลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ การออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลการเลื อกตั้ง และการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบกับเ ป็นการสมควรแก้ไขเพิ่ม เติมบทบัญญั ติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดาเนินการเลือกตั้งและการตรวจสอบการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงจาเป็นต้องตรา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ้ หนา 12 ่ เลม 140 ตอนที่ 7 ก ราชกิจจานุเบกษา 28 มกราคม 2566