พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 77 2 ) พ.ศ. 2566 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 12 สิงหำคม พ.ศ. 256 6 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ในบางกรณี อาศัยอานาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระรา ชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566 ” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 สิงหาคม 2566
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “ ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ” หมายความว่า ระบบที่ใช้สร้างและเก็บรักษาข้อมูล การบริจาคในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬา ที่ใช้คาว่า “ แห่งประเทศไทย ” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่ จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วย การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกรมพลศึกษา ที่ได้กระทาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ดังต่อไปนี้ (1) สาหรับบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นสาหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน ตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจานวนสองเท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้เป็นจำนวนสองเท่า ของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน มาตรา 5 การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 (1) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ต้องนำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 (1) มารวมคานวณกับเงินได้ ที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกาหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจานวนส องเท่า ของเงินที่ได้จ่ายตามกรณีที่กาหนดไว้และไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (2) เมื่อรวมคานวณเงินได้ตาม (1) แล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจาก หักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (3) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นตามที่อธิบดีประกาศกาหนด มาตรา 6 การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 (2) ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ต้องนาเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 (2) มารวมคานวณกับรายจ่าย ที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกาหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจานวนสองเท่า ของรายจ่ายและไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่ อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือ เพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 สิงหาคม 2566
(2) เมื่อรวมคานวณรายจ่ายตาม (1) แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกาไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย เพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร (3) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นตามที่อธิบดีประกาศกาหนด มาตรา 7 บุคคลธรรมดาที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 (1) แล้ว หากมีจานวนเงินบริจาคเหลือจากการใช้สิทธิตามมาตรา 4 (1) ให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิในการยกเว้น ไม่ต้องนำเงินได้พึงประเมินเท่าจำนวนเงินบริจาคที่เหลือจากการใช้สิทธิดังกล่าวมารวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ 2 (68) แห่งกฎ กระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ได้ มาตรา 8 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามหมวด 4 ภาษีธุรกิจ เฉพาะ ตามหมวด 5 และอากรแสตมป์ตามหมวด 6 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สาหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสาหรับการกระทาตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คาว่า “ แห่งประเทศไทย ” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬา แห่งประเทศไทย หรือกรมพลศึกษา โดยผู้โอนจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้า ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีดั งกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคานวณภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาหรือบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งนี้ สาหรับการบริจาคที่ได้กระทาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีป ระกาศกำหนด มาตรา 9 บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องไม่นำเงินบริจาคที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวไปหักลดหย่อน เป็นเงินบริจาคตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร หรือต้องไม่ นาเงินหรือทรัพย์สิน ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี อีก มาตรา 10 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระ บรม ราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 สิงหาคม 2566
หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สาหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คาว่า “ แห่งประเทศไทย ” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกรมพลศึกษา เพื่อสนับส นุนการกีฬา อันจะเป็นการช่วยส่งเสริม และพัฒนาการกีฬาของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 47 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 สิงหาคม 2566