คำพิพากษาของศาลฎีกา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 10/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 6/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวอาภาภรณ์ พุทธปวน ผู้ถูกกล่าวหา]
คำพิพากษาของศาลฎีกา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 10/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 6/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวอาภาภรณ์ พุทธปวน ผู้ถูกกล่าวหา]
( อม . 36 ) คําพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีหมายเลขดําที่ อม . อธ . 10 / 2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม . อธ . 6 / 2566 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ศาลฎีกา วันที่ 8 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2566 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวอาภาภรณ์ พุทธปวน ผู้ถูกกล่าวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์คัดค้านคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ลงวันที่ 31 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2565 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ รับอุทธรณ์วันที่ 7 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2566 ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน โดยผู้ถูกกล่าวหา ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ได้แก่ 1 . ที่ดินโฉนดเลขที่ 41246 ตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 87 / 5 หมู่ที่ 1 ตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน 2 . รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม่ 3 . รายการหนี้เงินกู้ ระหว่าง ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
ธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) บัญชีเงินกู้เลขที่ 1000 5723 4725 วงเงินกู้ 100 , 000 บาท 4 . รายการหนี้เงินกู้ธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) บัญชีเงินกู้เลขที่ 1000 5723 4713 วงเงินกู้ 1 , 100 , 000 บาท และ 5 . รายการหนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม่ โดยทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาให้ นางสาวเกศสุดา กันตี ถือครองแทน ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 81 , 114 วรรคสอง ( 1 ), 167 , 188 ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธว่า ทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการตามคําร้องไม่ใช่ทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นของ นายปัญญา เขียวธง ที่ให้ นางสาวเกศสุดา กันตี ถือครองแทน ผู้ถูกกล่าวหา ไม่จําต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวต่อผู้ร้อง ขอให้ยกคําร้อง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นางสาวอาภาภรณ์ พุทธปวน ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกเทศมนตรี ตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 32 , 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8 , 000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจําคุกไว้ 1 ปี หากไม่ชําระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิเคราะห์พยานหลักฐานจากการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ประกอบรายงานการไต่สวนของผู้ร้องและที่คู่ความไม่อุทธรณ์โต้แย้งกัน ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรองนายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน เมื่อวันที่ ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
15 สิงหาคม 2555 และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตําแหน่ง โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ได้แก่ 1 . ที่ดินโฉนดเลขที่ 41246 ตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 87 / 5 หมู่ที่ 1 ตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน มีชื่อ นางสาวเกศสุดา กันตี เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ 2 . รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม่ มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้ถือครอง 3 . รายการหนี้เงินกู้ธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) บัญชีเงินกู้เลขที่ 1000 5723 4725 วงเงินกู้ 100 , 000 บาท มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้กู้ 4 . รายการหนี้เงินกู้ธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) บัญชีเงินกู้เลขที่ 1000 5723 4713 วงเงินกู้ 1 , 100 , 000 บาท มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้กู้ และ 5 . รายการหนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม่ จากบริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จํากัด มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้เช่าซื้อ ผู้ร้องตรวจสอบแล้วมีความเห็นว่า ทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหา ที่ให้ นางสาวเกศสุดา ถือครองแทน จึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่ง รองนายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหา ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดตามคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือไม่ โดยผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่า ทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ตามคําร้องไม่ใช่ทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นของ นายปัญญา เขียวธง ซึ่งให้ นางสาวเกศสุดา กันตี ถือครองแทน ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวต่อผู้ร้อง คําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองไม่ได้นํารายได้ของผู้ถูกกล่าวหา มาประกอบการพิจารณาว่าผู้ถูกกล่าวหามีรายได้พอที่จะซื้อทรัพย์สินและผ่อนหนี้สินทั้ง 5 รายการได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหามีรายได้เท่า ๆ กับ นางสาวเกศสุดา ซึ่งไม่เพียงพอที่จะซื้อทรัพย์สินดังกล่าวได้ ทั้ง นายปัญญา ก็มาเบิกความเป็นพยานว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของ นายปัญญา การรับฟังแต่คําพูด ของ นางสาวเกศสุดา ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหา โดย นางสาวเกศสุดา มีสาเหตุโกรธเคือง กับผู้ถูกกล่าวหาและคําเบิกความไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า การพิจารณาว่าผู้ใดเป็น ้ หนา 22 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
เจ้าของทรัพย์สิน ไม่ใช่เรื่องที่จะพิจารณาแต่เพียงจากรายได้เป็นเงินเดือนของบุคคลนั้น แต่อาจรับฟัง ได้จากหลักฐานที่บุคคลนั้นนํามาแสดงให้เห็นถึงการได้มาซึ่งทรัพย์สินเป็นสําคัญว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เพียงใด และเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ ผู้ร้องมี นางสาวคัทลียา เงินอินต๊ะ เจ้าพนักงาน ตรวจสอบทรัพย์สินชํานาญการ สํานักงาน ป . ป . ช . ประจําจังหวัดลําพูน เบิกความประกอบบันทึกถ้อยคํา ของ นางสาวเกศสุดา ตามเอกสารหมาย ร . 21 และของผู้ถูกกล่าวหาตามเอกสารหมาย ร . 18 ได้ความสอดคล้องต้องกันว่า ผู้ถูกกล่าวหาประสบปัญหาการเงินมีประวัติหนี้เสียไม่สามารถกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งขณะนั้น ที่ดินโฉนดเลขที่ 41246 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 87 / 5 ของผู้ถูกกล่าวหา ถูกธนาคารอาคารสงเคราะห์ผู้รับจํานองบังคับคดีและจะขายทอดตลาดชําระหนี้ ผู้ถูกกล่าวหาได้ให้ นางสาวเกศสุดา ช่วยเหลือโดยกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) ในลักษณะรีไฟแนนซ์แทนผู้ถูกกล่าวหา ซึ่ง นางสาวเกศสุดา ไม่ได้ใช้เงินในการซื้อทรัพย์ดังกล่าว แล้วผู้ถูกกล่าวหานําเงินกู้ยืมไปชําระหนี้ไถ่ถอนจํานอง แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยผู้ถูกกล่าวหารับผิดชอบชําระหนี้เงินกู้คืนแก่ธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) ทั้งในวันที่ นางสาวเกศสุดา มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อสํานักงาน ป . ป . ช . ประจําจังหวัดลําพูน ผู้ถูกกล่าวหาก็ยังได้มีหนังสือลงวันที่เดียวกันชี้แจงยืนยันข้อเท็จจริงตามหนังสือของ นางสาวเกศสุดา ดังกล่าว ไปยังสํานักงาน ป . ป . ช . ประจําจังหวัดลําพูน ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ในเอกสารหมาย ร . 18 และ ร . 21 ด้วย โดยคําชี้แจงทั้งสองฉบับมีข้อความทํานองเดียวกันว่า ที่ดินและบ้านเลขที่ 87 / 5 เป็นทรัพย์สินที่มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และสําหรับการผ่อนชําระค่าบ้านรายเดือน เดือนละ 7 , 800 บาท ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้รับภาระในการผ่อนชําระหนี้จริง นางสาวคัทลียา ซึ่งตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ยื่นกรณีพ้นจากตําแหน่งครบ 1 ปี เบิกความรับรองอีกว่า ผู้ถูกกล่าวหายื่นแบบแสดงรายการค่าใช้จ่ายหนี้ค่าผ่อนบ้านเลขที่ 87 / 5 เดือนละ 7 , 800 บาท ซึ่งปรากฏว่ารายการแสดงค่าใช้จ่ายของผู้ถูกกล่าวหายังสอดคล้องกับรายการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) สาขาลําพูน บัญชีเลขที่ 511 0387 494 ของ นางสาวเกศสุดา ตามเอกสารหมาย ร . 24 ที่มียอดเงินจํานวนใกล้เคียงกับจํานวนเงินที่ผู้ถูกกล่าวหา จะต้องผ่อนชําระค่าบ้านแต่ละเดือน โอนจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) สาขาลําพูน บัญชีเลขที่ 854 0264 471 ของผู้ถูกกล่าวหา มาเข้าบัญชีของ นางสาวเกศสุดา ถ้อยคําของ นางสาวเกศสุดา และผู้ถูกกล่าวหาที่ให้ไว้แก่ นางสาวคัทลียา นอกจากจะสอดคล้องต้องกันแล้วยังมีพยานเอกสารและพยานบุคคล ้ หนา 23 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
ซึ่งเป็นคนกลางเบิกความสนับสนุน ไม่มีข้อระแวงให้เห็นว่า นางสาวเกศสุดา จะให้ร้ายแก่ผู้ถูกกล่าวหา เพราะเหตุมีสาเหตุโกรธเคืองกัน เชื่อได้ว่า นางสาวเกศสุดา และผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคําต่อ นางสาวคัทลียา ในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริงของผู้ร้องด้วยความสมัครใจและสัตย์จริงยิ่งกว่าที่ นายปัญญา เบิกความ ในชั้นพิจารณาของศาล ทั้งหากที่ดินและบ้านดังกล่าวเป็นของ นายปัญญา เหตุใด นายปัญญา กลับมิได้ แสดงรายการในบัญชีทรัพย์สินของตน กรณีเข้ารับตําแหน่งและพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างและนํา นายปัญญา มาเบิกความในชั้นพิจารณาว่า ที่ดินและบ้านเลขที่ 87 / 5 เป็นของ นายปัญญา มิใช่ของผู้ถูกกล่าวหา โดยผู้ถูกกล่าวหาและ นายปัญญา รวมทั้ง นางสาวเกศสุดา ต่างไม่เคยกล่าวอ้างมาก่อนในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริงต่อผู้ร้อง เช่นนี้ จึงไม่มีน้ําหนัก รับฟังเป็นจริงได้ การที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้จัดการให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านเลขที่ 87 / 5 เป็นของตนเองเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2546 ก่อนผู้ถูกกล่าวหาและ นายปัญญา สมรสกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2553 และหลังจากนั้น ผู้ถูกกล่าวหายังรับผิดชอบผ่อนชําระหนี้เกี่ยวกับที่ดินและบ้านดังกล่าว ตลอดมาถึงปัจจุบัน แม้ภายหลังผู้ถูกกล่าวหาและ นายปัญญา จดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าผู้ถูกกล่าวหามิใช่เจ้าของที่ดินและบ้านเลขที่ 87 / 5 ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองได้วินิจฉัยในประเด็นที่มาแห่งทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นที่ดินพร้อมบ้านเลขที่ 87 / 5 หนี้เงินกู้ธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน ) บัญชีเงินกู้เลขที่ 1000 5723 4725 วงเงินกู้ 100 , 000 บาท และบัญชีเงินกู้เลขที่ 1000 5723 4713 วงเงินกู้ 1 , 100 , 000 บาท โดยละเอียดชัดเจน แม้มิได้นํารายได้ของผู้ถูกกล่าวหามาพิจารณา ประกอบการวินิจฉัยแล้วฟังเป็นยุติว่าที่ดินพร้อมบ้านและหนี้สินที่มีต่อธนาคารดังกล่าวเป็นทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ถูกกล่าวหาที่ให้ นางสาวเกศสุดา ถือกรรมสิทธิ์และทําสัญญาแทน องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก เห็นพ้องด้วย และเป็นการใช้ดุลพินิจชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงที่เชื่อฟังเป็นยุติ อันเป็นการชอบแล้ว หาได้เป็นการวินิจฉัยไม่ครบถ้วน ไม่ตรงประเด็น หรือไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา ดังที่อ้างในอุทธรณ์ไม่ ส่วนรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม่ และหนี้ค่าเช่า ซื้อรถยนต์ดังกล่าวกับบริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จํากัด ซึ่งมีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้เช่าซื้อนั้น ในข้อนี้ ได้ความตามบันทึกถ้อยคําของ นางสาวเกศสุดา เอกสารหมาย ร . 21 ในทํานองเดียวกับข้อเท็จจริง เกี่ยวกับที่ดินและบ้านเลขที่ 87 / 5 ของผู้ถูกกล่าวหา โดยผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้เช่าซื้อ ้ หนา 24 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
เพราะผู้ถูกกล่าวหาติดปัญหาหนี้เสียไม่สามารถทําสัญญาเช่าซื้อด้วยตนเองได้ นางสาวเกศสุดา ยังให้ถ้อยคําอีกว่า ตนไม่ได้ใช้ประโยชน์รถที่เช่าซื้อ นายปัญญา และผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ใช้ประโยชน์และจอดไว้ที่บ้านเลขที่ 87 / 5 แม้จะแตกต่างจากถ้อยคําของผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวเกศสุดา ที่ยืนยันคําชี้แจง ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ในเอกสารหมาย ร . 18 และ ร . 21 ที่ว่า ผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวเกศสุดา ร่วมกันชําระตามกําลังแต่ละคน และใช้รถที่เช่าซื้อร่วมกันตามความเหมาะสมก็ตาม แต่ในเรื่องของการชําระค่าเช่าซื้อนั้น ได้ความตามคําเบิกความ ของ นางสาวคัทลียา พยานผู้ร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตําแหน่งครบ 1 ปี ว่าผู้ถูกกล่าวหามีรายจ่ายค่าผ่อนรถยนต์ เดือนละ 15 , 000 บาท ใกล้เคียงกับค่าผ่อนรถที่เช่าซื้อเดือนละ 14 , 619 บาท ตามเอกสารหมาย ร . 13 เมื่อพยานหลักฐานในชั้นนี้และที่ผู้ถูกกล่าวหานําสืบมามิได้ แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น เพียงแต่อ้างว่า นางสาวเกศสุดา ถือครองรถที่เช่าซื้อและทําสัญญาเช่าซื้อ แทน นายปัญญา โดยไม่ปรากฏว่า นายปัญญา เข้ามาเกี่ยวข้องในการทําสัญญาเช่าซื้อเลย ทั้งผู้ถูกกล่าวหา และ นางสาวเกศสุดา ก็ไม่เคยกล่าวอ้างถึง นายปัญญา มาก่อน เมื่อได้วินิจฉัยมาแล้วว่าถ้อยคําของผู้ถูกกล่าวหา และ นางสาวเกศสุดา ในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริงต่อผู้ร้องมีน้ําหนักยิ่งกว่าข้อนําสืบในชั้นพิจารณา แม้ผู้ถูกกล่าวหา นํา นายปัญญา และ นางสาวฉวีวรรณ เขียวธง พี่สาวของ นายปัญญา มาเป็นพยานเบิกความทํานองว่า นายปัญญา เป็นผู้เช่าซื้อและเป็นหนี้ค้างชําระค่าเช่าซื้อ นางสาวฉวีวรรณ จึงนําเงินค่าเช่าซื้อไปชําระให้แก่ ผู้ให้เช่าซื้อตามที่ นางสาวเกศสุดา ร้องขอแล้วรับโอนรถที่เช่าซื้อมาเป็นชื่อของตน แต่คําของพยานทั้งสอง แตกต่างกับรายการทรัพย์สินของ นายปัญญา ที่ปรากฏในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ นายปัญญา ยื่นต่อผู้ร้องทั้งในกรณีเข้ารับตําแหน่งและพ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีตําบลต้นธง ซึ่งไม่ได้แสดงรายการ รถยนต์คันที่เช่าซื้อและหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวไว้เลย คําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองที่วินิจฉัยชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานแล้วฟังว่า นางสาวเกศสุดา ถือครองรถยนต์ที่เช่าซื้อดังกล่าว และทําสัญญาเช่าซื้อแทนผู้ถูกกล่าวหานั้นชอบแล้ว องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย แม้ได้ความ ตามทางไต่สวนว่า นายปัญญา เคยเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ถูกกล่าวหา หลังจากหย่ากันแล้ว นายปัญญา ก็ยังคงพักอาศัยอยู่กับผู้ถูกกล่าวหาในที่ดินและบ้านตามคําร้อง และ นายปัญญา เคยใช้รถยนต์ ตามคําร้องกับมอบหมายให้ นางสาวฉวีวรรณ นําเงินค่าเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดไปชําระหลังผิดนัดนั้น เห็นว่า การกระทําของ นายปัญญา อาจเป็นเพียงการใช้สอยทรัพย์สินในฐานะอดีตสามีของผู้ถูกกล่าวหาที่พักอาศัย บ้านเดียวกันกับผู้ถูกกล่าวหาและชําระหนี้หลังมีการผิดนัดชําระค่าเช่าซื้อเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหา ้ หนา 25 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
ซึ่งเคยเป็นภริยาและมีบุตรด้วยกันก็เป็นได้ พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่มีน้ําหนักและเหตุผลพอที่จะรับฟัง หักล้างได้ว่าทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการตามคําร้องไม่ใช่ของผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นของ นายปัญญา ดังที่ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองวินิจฉัยว่า ทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการตามคําร้องเป็นของผู้ถูกกล่าวหาที่ให้ นางสาวเกศสุดา ถือครองแทนนั้นชอบด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลแล้ว และได้วินิจฉัยไว้ด้วยแล้วว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหา ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการดังกล่าว จึงมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว ถือว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ได้นําองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้ในภายหลัง และเป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวหามาใช้บังคับแก่คดีนี้แล้ว ส่วนโทษตามกฎหมายใหม่มีระวางโทษเท่ากฎหมายเดิม จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําความผิด มาบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง การนํากฎหมายมาใช้บังคับแก่คดีนี้ชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองไม่ได้นําองค์ประกอบ ความผิดเรื่องเจตนาพิเศษในการไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินตามกฎหมายใหม่มาปรับใช้แก่คดี และนํากฎหมายเดิมมาใช้ลงโทษผู้ถูกกล่าวหา จึงไม่ชอบนั้นฟังไม่ขึ้น และที่ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีเจตนาพิเศษในอันที่จะไม่แสดงหรือปกปิดทรัพย์สินตามคําร้อง และกรณีดังกล่าว หาได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหรือผู้หนึ่งผู้ใดไม่นั้น เห็นว่าการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้อง เป็นหน้าที่สําคัญที่ผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองต้องปฏิบัติ การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการตามคําร้อง ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูง และผู้ถูกกล่าวหาทราบดีถึงความมีอยู่ของทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว เนื่องจาก ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ใช้ประโยชน์โดยตรงและเป็นผู้ครอบครองที่ดินพร้อมบ้านพักอาศัยและรถยนต์ดังกล่าว อย่างแท้จริง ทั้งผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้รับภาระในการผ่อนชําระค่างวดเงินกู้และค่างวดเช่าซื้อ การกระทํา ของผู้ถูกกล่าวหาแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการกระทําความผิดตามคําร้องกระทบต่อประสิทธิภาพการตรวจสอบ ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อป้องปรามการทุจริต อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐหรือผู้หนึ่งผู้ใด ได้อุทธรณ์ข้อนี้ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น ส่วนโทษที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ้ หนา 26 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
กําหนดนั้น เหมาะสมแล้วไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ข้ออื่นของผู้ถูกกล่าวหาไม่จําต้องวินิจฉัย เพราะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยและไม่ทําให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษผู้ถูกกล่าวหามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทุกข้อฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน . นายอําพันธ์ สมบัติสถาพรกุล นายสันติชัย วัฒนวิกย์กรรม์ นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ นายนพรัตน์ สี่ทิศประเสริฐ นางนวลทิพย์ ฉัตรชัยสกุล นายสมชัย ฑีฆาอุตมากร นายอนันต์ เสนคุ้ม นายอดิศักดิ์ ตันติวงศ์ นายวิเชียร ดิเรกอุดมศักดิ์ ้ หนา 27 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566