คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.29/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.13/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายถาวร พึ่งถนอม ผู้ถูกกล่าวหา]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.29/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.13/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายถาวร พึ่งถนอม ผู้ถูกกล่าวหา]
( อม . 34 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม . 29 / 2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม . 13 / 2566 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือ ง วันที่ 1 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2566 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายถาวร พึ่งถนอม ผู้ถูกกล่าวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ร้องยื่นคําร้องและแก้ไขคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านฉาง อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 81 , 114 , 167 ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พิเคราะห์คําร้องประกอบเอกสารท้ายคําร้อง และคําให้การรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านฉาง อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี และพ้นจาก ระหว่าง ้ หนา 9 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
ตําแหน่งวันที่ 1 เมษายน 2561 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งแล้ว แต่ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่ง ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ายังไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ได้รับหนังสือ โดยวิธีการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้ถูกกล่าวหา แต่ผู้ถูกกล่าวหาคงเพิกเฉย ผู้ร้องจึงมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา และยื่นคําร้องเป็นคดีนี้ ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านฉาง อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทําความผิด ยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้องเป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเท่าเดิม จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ ในขณะกระทําความผิดบังคับแก่คดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง สําหรับมาตรการ จํากัดสิทธิทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 81 มิใช่กฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทําความผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 34 วรรคสอง บังคับแก่คดีนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 114 วรรคหนึ่ง และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 ในส่วนที่ว่าจะต้องมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น เป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวหามากกว่ากฎหมายเดิม จึงต้องนําพฤติการณ์ดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยการกระทําความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ที่บัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณไม่ว่าในทางใด เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านฉาง อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ้ หนา 10 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง ภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตําแหน่ง ตามมาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งวันที่ 1 เมษายน 2561 จึงมีหน้าที่ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในกําหนดเวลาตามกฎหมาย แต่กลับเพิกเฉย ผู้ร้องมีหนังสือ แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ายังไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ โดยวิธีการทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ไปยังผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในเวลาดังกล่าวอีก และเมื่อมีหนังสือแจ้งให้รับทราบข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหายังคงไม่ไปรับทราบ ข้อกล่าวหาตามกําหนด การที่ผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งมาแล้ว ย่อมต้องตระหนักถึงหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นมาตรการสําคัญ ในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองซึ่งเป็นผู้ใช้อํานาจรัฐ และทราบขั้นตอน และวิธีปฏิบัติตามกฎหมาย แต่กลับไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่ง ทั้งเพิกเฉยไม่ชี้แจงข้อกล่าวหา เมื่อพิจารณาประกอบคําให้การรับสารภาพ ของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านฉาง มีผลต้องห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 34 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 119 ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 167 ด้วย ้ หนา 11 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566
พิพากษาว่า นายถาวร พึ่งถนอม ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านฉาง อําเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2542 มาตรา 119 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ . ศ . 2561 มาตรา 167 ลงโทษจําคุก 2 เดือน และปรับ 8 , 000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4 , 000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยรับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 . นางอโนชา ชีวิตโสภณ นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ นางจิราวรรณ สุญาณวนิชกุล นายสถาพร ดาโรจน์ นางเศรณี ศิริมังคละ นายประชา งามลํายวง นายอํานาจ โชติชะวารานนท์ นายพันธุ์เลิศ บุญเลี้ยง นายพิศิฏฐ์ สุดลาภา ้ หนา 12 ่ เลม 140 ตอนที่ 44 ก ราชกิจจานุเบกษา 4 สิงหาคม 2566