คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต [คดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 8/2566 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ จำเลย]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต [คดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 8/2566 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ จำเลย]
( อม.33 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 4/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 8/2566 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 25 เดือน เมษายน พุทธศักราช 2566 อัยการสูงสุด โจทก์ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท จําเลย เรื่อง ความผิดต่อตําแหนงหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต โจทก์ฟ้องวา ขณะเกิดเหตุ จําเลยดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบงเขตเลือกตั้ง จังหวัดมุกดาหาร สังกัดพรรคเพื่อไทย ตําแหนงกรรมา ธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจาย ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 สภาผู้แทนราษฎร มีอํานาจหน้า ที่เกี่ยวกับการเสนอญัตติ และพิจารณารางพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รางพระราชบัญญัติตาง ๆ การควบคุม บริหารราชการแผนดินโดยการตั้งกระทูถาม การเปดอภิปรายทั่วไป การตั้งกรรมาธิการ การเขาชื่อ ระหวาง ้ หนา 7 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
ถอดถอนผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและผู้ดํารงตําแหนงในองคกรอิสระ การให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี และการแกไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และในฐานะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 มีอํานาจหน้าที่พิจารณางบประมาณเกี่ยวกับการบูรณาการทรัพยากรน้ําของ 9 กระทรวง 17 หนวยงาน และการบูรณาการดานการคมนาคมและโลจิสติกสของ 8 กระทรวง 21 หนวยงาน และสรุปผลรายงานผลการพิจารณาเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา รางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 คัดเลือกให้จําเลยเป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง จําเลยจึงเป็นเจ้าพนักงาน และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา กับเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง และเจ้าพนักงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อระหวางวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 สภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมได้พิจารณางบประมาณภาพรวมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จําเลยในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ซักถามและโตแยงงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลหลายครั้ง เกี่ยวกับโครงการขุดเจาะบอน้ําบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตยวา เป็นการจัดซื้อจัดจางแบบเฉพาะเจาะจง ให้ผู้รับจางรายใดรายหนึ่ง และมีการกําหนดราคาในสวนของอัตราราคางานต่อหนวยของคาขุดเจาะ น้ําบาดาลสูงเกินไป พรอมทั้งขอแบบแปลนและประมาณราคาโครงการจากกรมทรัพยากรน้ําบาดาล และตั้งขอซักถามในโครงการพัฒนาน้ําบาดาลเพื่อการเกษตร คาที่ดินและสิ่งปลูกสราง คากอสรางแหลงน้ํา เกี่ยวกับการประมาณราคากอสรางและตั้งวงเงินงบประมาณในการกอสรางแหลงน้ําของแต่ละจังหวัด ในการประชุมดังกลาว นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป อธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาล พรอมเจ้าหน้าที่ ของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลได้ชี้แจงตอบขอซักถามของจําเลยครบถวนแล้ว แต่จําเลยยังคงซักถามโตแยง ในประเด็นเดิมเกี่ยวกับราคาคากอสรางในแต่ละโครงการที่สูงเกินไป ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 กรมทรัพยากรน้ําบาดาลมีหนังสือ ดวนที่สุด ที่ ทส 0702/3745 ชี้แจงตอบประเด็นคําถามดังกลาว และจัดสงเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบบแปลนและประมาณราคาของโครงการขุดเจาะบอน้ําบาดาลทั้งหมด ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ้ หนา 8 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
สภาผู้แทนราษฎร ครบถวน รวมถึงสงเอกสารดังกลาวให้จําเลยด้วย ต่อมาวันที่ 4 สิงหาคม 2563 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จําเลยได้บังอาจเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเป็นเงิน 5 , 000 , 000 บาท โดยมิชอบจาก นายศักดิ์ดา เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอยางใดในตําแหนงหน้าที่ของจําเลย โดยจําเลยโทรศัพทพูดคุยกับ นายศักดิ์ดา วา “ พรุงนี้ขอเงิน 5 , 000 , 000 บาท ” นายศักดิ์ดา จึงถามวา “ เหตุใดจึงตัดงบประมาณเยอะจัง ” จําเลยตอบวา “ ไม่ได้ตัดงบประมาณ แต่ขอเป็นเงินสด ” นายศักดิ์ดา ตอบวา “ เงินเยอะขนาดนั้น จะไปหาจากที่ไหน ” จําเลยตอบวา “ ถาอยางนั้น ของานโครงการ ในภาคอีสานทั้งหมด ” นายศักดิ์ดา ตอบวา “ ไม่ได้ เนื่องจากงานโครงการของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล เป็นงานประเภท e-bidding” จําเลยตอบวา “ ถาอยางนั้น ของานที่ต่ํากวา 500 , 000 บาท ” นายศักดิ์ดา จึงตอบวา “ ไม่ได้ เนื่องจากโครงการที่ต่ํากวา 500 , 000 บาท เจ้าหน้าที่ของ กรมทรัพยากรน้ําบาดาลก็จะเป็นผู้ดําเนินการเองอยู่แล้ว ” จําเลยตอบวา “ ถาไม่ให้ก็จะตัดงบประมาณ ของกรม 10 เปอรเซ็นต ” นายศักดิ์ดา ตอบวา “ หากจะตัดงบประมาณ 10 เปอรเซ็นต ของแต่ละโครงการแบบนั้น กรมทรัพยากรน้ําบาดาลก็จะทํางานไม่ได้ หากจะตัดให้ตัดเป็นโครงการ หรือเป็นรายแห่ง ” จากนั้น ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ในการประชุมครั้งที่ 4/2563 คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ได้พิจารณางบประมาณรายจายแผนงานบูรณาการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ําของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 จําเลยในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ได้ซักถามและตั้งขอสังเกตเกี่ยวกับ งบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลในประเด็นเดิมถึงราคาคากอสรางต่อพื้นที่ของการเจาะบอน้ําบาดาล ในแต่ละพื้นที่ที่สูงกวาเอกชนดําเนินการ และเหตุใดจึงไม่จางเอกชน ซึ่งประเด็นดังกลาวผู้แทน จากกรมทรัพยากรน้ําบาดาลได้ชี้แจงพรอมสงเอกสารต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และยังได้สงเอกสารแบบแปลนและประมาณราคาของโครงการขุดเจาะบอน้ําบาดาลดังกลาว ให้แกจําเลยแล้วเชนกัน แต่จําเลยยังคงซักถามในประเด็นเดิม ซึ่งทําให้การประชุมพิจารณางบประมาณลาชา ไม่อาจหาขอสรุปเพื่อลงมติได้ หากการพิจารณางบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ไม่ผานการพิจารณาจากคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 และคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 สภาผู้แทนราษฎร ยอมไม่อาจตราเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในสวนการเบิกจาย ้ หนา 9 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
งบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมได้ อันเกิดความเสียหาย แกกรมทรัพยากรน้ําบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม และเสียหายแกทางราชการ การกระทําของจําเลยดังกลาวเป็นการเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชนอื่นใด สําหรับจําเลยโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอยางใดในตําแหนงของจําเลย ไม่วาการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แกผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เหตุเกิดที่แขว งถนนนครไชยศรี เขตดุสิต และแขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 , 173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 , 157 จําเลยให้การปฏิเสธ พิเคราะหคําฟ้อง คําให้การ พยานหลักฐานตามทางไตสวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง ประกอบสํานวนการไตสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตลอดจน คําแถลงปดคดีของจําเลยแล้ว ขอเท็จจริงเบื้องตนรับฟงได้วา ขณะเกิดเหตุจําเลยดํารงตําแหนง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบงเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดมุกดาหาร สังกัดพรรคเพื่อไทย โดยได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหนงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคําสั่งให้จําเลยคดีนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคําพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ คมจ.1/2566 ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 2 ครั้งที่ 9 (สมัยสามัญประจําปครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ที่ประชุมได้พิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจาย ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 แล้วลงมติรับหลักการ และตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา รางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ขึ้นคณะหนึ่ง จํานวน 72 คน โดยจําเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมาธิการวิสามัญในคณะดังกลาวด้วย ตามเอกสารหมาย จ. 15 ในการประชุมครั้งที่ 8/2563 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ประชุมพิจารณางบประมาณภาพรวมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ในการประชุม ครั้งที่ 10/2563 และครั้งที่ 11/2563 วันที่ 21 และวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ประชุมพิจารณางบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลและกรมทรัพยากรน้ํา ในการประชุมดังกลาว ้ หนา 10 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
จําเลยในฐานะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตั้งขอสังเกตและซักถามเกี่ยวกับโครงการพัฒนาน้ําบาดาล เพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย และโครงการจัดหาแหลงน้ําบาดาลระยะไกลเพื่อแกปญหา ในพื้นที่แลงซ้ําซากหรือน้ําเค็มวา เหตุใดมีการตั้งวงเงินง บประมาณในการกอสรางแหลงน้ํา ของแต่ละจังหวัดมีจํานวนเงินเทากัน พรอมกับขอรายละเอียดโครงการและเอกสารแบบแปลน และประมาณราคาเพื่อพิจารณาวามีราคาแพงหรือไม่ ซึ่ง นายศักดิ์ดา ได้ชี้แจงตอบขอซักถามและแจงวา สําหรับแบบแปลนและประมาณราคาจะจัดสงให้ในภายหลัง ตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ. 17 หน้า 794 และในการประชุมครั้งที่ 13/2563 เมื่อวันที่24 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติแต่งตั้งอนุกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจาย ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 จํา นวน 8 คณะ คณะละ 10 คน คณะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 เป็นคณะที่ 8 ประกอบด้วยจําเลยและบุคคลอื่นอีก 9 คน มีอํานาจหน้าที่ พิจารณางบประมาณเกี่ยวกับการบูรณาการทรัพยากรน้ําของ 9 กระทรวง 17 หนวยงาน และการบูรณาการดานการคมนาคมและโลจิสติกสของ 8 กระทรวง 21 หนวยงาน และสรุปผลรายงาน ผลการพิจารณาเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 คัดเลือกให้ นางสาวแนน บุณยธิดา สมชัย เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ จําเลยเป็นรองประธาน คณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง และ นางนันทนา สงฆประชา เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ ตามเอกสารหมาย จ.18 หน้า 667 ถึง 672 วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 กรมทรัพยากรน้ําบาดาล มีหนังสือ ดวนที่สุด ที่ ทส 0702/3745 ถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขอสงเอกสาร ประกอบการชี้แจง (เพิ่มเติม) ตามเอกสารหมาย จ.20 หน้า 933 ถึง 1016 วันที่ 4 สิงหาคม 2563 ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ครั้งที่ 3/2563 กอนเลิกประชุม นางสาวแนน แจงที่ประชุมวา นัดประชุมครั้งต่อไปวันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563 เพื่อพิจารณางบประมาณ ของกรมทรัพยากรน้ํา กรมทรัพยากรน้ําบาดาล และกรมโยธาธิการและผังเมือง ตามลําดับ เลิกประชุมเวลา 18.40 นาฬิกา ตามเอกสารหมาย จ. 21 หน้า 1141/1 หลังเลิกประชุม จําเลย นางสาวแนน นางนันทนา และ นายจักรัตน์ พั้วชวย อนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 นั่งอยู่ในหองประชุมเพื่อรับประทานอาหารเย็น และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการอยู่สรุปการประชุมในวันนั้น และเตรียมเอกสารการประชุมในวันถัดไป ต่อมาเวลา 19.07 นาฬิกา นางนันทนา ได้โทรศัพทไปหา ้ หนา 11 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
นายศักดิ์ดา ซึ่งขณะนั้นอยู่กับ พลตํารวจตรี วิวัฒน ชัยสังฆะ และเพื่อนชื่อ นายเตอ ที่รานอาหารเบียรหิมะ ในหมู่บ้านประชานิเวศน 1 ถนนเทศบาลสงเคราะห แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร นางนันทนา บอก นายศักดิ์ดา วา มีเรื่องดวนเป็นเรื่องสําคัญให้ นายศักดิ์ดา โทรศัพทไปที่หมายเลข 0818725959 โดยไม่บอกวาเป็นหมายเลขโทรศัพทของผู้ใดและเรื่องอะไร นายศักดิ์ดา โทรศัพทไปยังหมายเลขดังกลาวแต่ไม่มีผู้รับสาย ต่อมาจําเลยเป็นผู้ใชโทรศัพทหมายเลขดังกลาว ติดต่อกลับมาหา นายศักดิ์ดา 2 ครั้ง เวลา 19.20 นาฬิกา สนทนาเป็นระยะเวลา 565 วินาที และเวลา 19.34 นาฬิกา สนทนาเป็นระยะเวลา 365 วินาที ตามขอมูลการใชงานโทรศัพทเคลื่อนที่ เอกสารหมาย จ. 25 หน้า 1564 ถึง 1567 วันที่ 5 สิงหาคม 2563 ในการประชุม คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ครั้งที่ 4/2563 ในชวงเชา จําเลยเขารวมประชุม มีขอสังเกตและซักถามเกี่ยวกับโครงการพัฒนาน้ําบาดาลเพื่อการเกษตรที่หนวยงานเป็นผู้ดําเนินการเอง ราคาต่อแห่ง 171 , 000 บาท และการเบิกจายคาเบี้ยเลี้ยงและคาน้ํามัน เนื่องจากรถที่เจาะเป็นของราชการ พรอมกับขอแบบแปลนและประมาณราคาจากกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ซึ่ง นายศักดิ์ดา นายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาล นายสุรินทร วรกิจธํารง ผู้อํานวยการสํานักพัฒนาน้ําบาดาล กรมทรัพยากรน้ําบาดาล ได้ชี้แจงตอบขอซักถามวา กรมทรัพยากรน้ําบาดาลมีบุคลากรที่มีความรู ความเชี่ยวชาญ นักธรณีวิทยา และชางเจาะที่มีประสบการณ รวมถึงมีเครื่ องเจาะบอบาดาล สามารถขุดเจาะได้งานคุณภาพสูงกวาการวาจางเอกชน พรอมกับนําแบบแปลนฉายขึ้นจอโปรเจคเตอร ประกอบการชี้แจง และผู้แทนจากสํานักงบประมาณชี้แจงวา ราคา 171 , 000 บาท เป็นราคา ตามบัญชีราคามาตรฐานในลักษณะงานดําเนินการเอง ซึ่งจะกําหนดคาน้ํามัน คาวัสดุ ตามอัตราราคางานต่อหนวย ตามมาตรฐานของสํานักงบประมาณไม่มีการตั้งงบประมาณซ้ําซอน ตามรายงานการประชุม เอกสารหมาย จ. 21 หน้า 1154/1 ในการชี้แจงชวงหนึ่ง นายศักดิ์ดา พูดต่อที่ประชุมวา “ ทาน (จําเลย) ก็คุยกับผมหลายรอบ ผมอัดเทปไวนะครับ ” และชวงใกลเที่ยง นายศักดิ์ดา พูดต่อที่ประชุมวา “ พูดกันไม่รูเรื่องหรอก เพราะเมื่อคืนนี้มีอนุกรรมาธิการคนหนึ่งโทรไปหาผมตบทรัพย์ผม 5 , 000 , 000 บาท ผมจะไปแถลงขาว ” แต่ขอความหลังไม่มีการบันทึกไวในรายงานการประชุม และพักการประชุมเวลา 11.55 นาฬิกา ในช วงบายมีการประชุมพิจารณางบประมาณ ของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลต่อ แต่จําเลยไม่ได้เขารวมประชุม คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ้ หนา 12 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
พิจารณามีมติเห็นควรปรับลดงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล 15 , 000 , 000 บาท เหตุผลการปรับลดเพื่อประหยัดคาใชจาย/ปรับลดเปาหมาย ตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ. 21 หน้า 1557 ถึง 1168 และรายงานผลการพิจารณาเอกสารหมาย จ.26 หน้า 1592 ต่อมามีผู้รองเรียนการกระทําของจําเลยและ นางนันทนา ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องและมีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการไตสวนเพื่อดําเนินการไตสวน คณะกรรมการไตสวน ดําเนินการไตสวนและแจงขอกลาวหาให้จําเลยและ นางนันทนา ทราบแล้ว และสรุปสํานวน พรอมความเห็นเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติสําหรับการกระทํา ของ นางนันทนา วาไม่มีมูลให้ขอกลาวหาตกไป แต่ให้สงเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดําเนินการ ตามอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการกระทําที่อาจจะฝาฝนจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามกฎหมายต่อไป และมีมติสําหรับการกระทําของจําเลยวามีมูลความผิดอาญาตามขอกลาวหาและเป็นการฝาฝน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอยางรายแรง ในสวนคดีอาญาให้สงรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังโจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีนี้ ในสวนคดีฝาฝนมาตรฐานทางจริยธรรมอยางรายแรง คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รองยื่นคํารองต่อศาลฎีกาเป็นคดีหมายเลขดําที่ คมจ. 4/2564 คดีดังกลาว ศาลฎีกามีคําพิพากษาวา ผู้คัดคาน (จําเลย) ฝาฝนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอยางรายแรง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) และมาตรฐานทางจริยธรรม ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหนงในองคกรอิสระ รวมทั้งผู้วาการตรวจเงินแผนดิน และหัวหน้าหนวยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองคกรอิสระ พ.ศ. 2561 ขอ 7 ขอ 8 ขอ 9 ประกอบขอ 27 วรรคหนึ่ง ตามคําพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ คมจ. 1/2566 ของศาลฎีกา ปญหาต้องวินิจฉัยประการแรกมีวา การไตสวนคดีนี้ในชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จําเลยให้การต่อสูวา ในชั้นไตสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยคณะกรรมการไตสวน จําเลยขอขยายระยะเวลายื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหา และมีหนังสือ ไปยังกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ผานรัฐมนตรีวาการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม เพื่อขอเอกสารมาประกอบคําชี้แจงแกขอกลาวหา คือ แบบแปลนการกอสราง ประมาณราคาคากอสราง และรายละเอียดที่กรมทรัพยากรน้ําบาดาลเป็นผู้ดําเนินการเอง แต่จําเลยยังไม่ได้รับเอกสาร จําเลยจึงมีหนังสือลงวันที่ 4 มิถุนายน 2563 (ที่ถูก 2564) ขอให้ประธานกรรมการไตสวน ้ หนา 13 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
ดําเนินการติดตามและเรงรัดเอกสารดังกลาว แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับไม่ดําเนินการเรียกเอกสาร ตามคําขอของจําเลย และจําเลยมีหนังสือลงวันที่ 8 มิถุนายน 2563 (ที่ถูก 2564) ขอให้ประธานกรรมการไตสวนเรียกพยานบุคคล คือ พันตํารวจเอก ทวี สอดสอง นายชาดา ไทยเศรษฐ นางสาวแนน บุณยธิดา สมชัย และ นายจักรัตน์ พั้วชวย มาไตสวน แต่คณะกรรมการไตสวนเรียก นางสาวแนน เพียงคนเดียวมาไตสวน โดยไม่ได้บันทึกเหตุผลไวในสํานวนการไตสวนหรือรายงานการไตสวนเบื้องตน และเรงรีบสรุปสํานวน อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 46 และระเบียบคณะกรรมการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ วาด้วยการตรวจสอบและไตสวน พ.ศ. 2561 ขอ 77 การไตสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เห็นวา ในปญหานี้ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 บัญญัติให้คณะกรรมการไตสวนต้องดําเนินการเพื่อให้ได้ขอเท็จจริงที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่วาจะเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้ถูกกลาวหา พยานหลักฐานใดที่ผู้ถูกกลาวหานําสง คณะกรรมการไตสวน จะไม่รับด้วยเหตุลวงเลยเวลาหรือผิดขั้นตอนมิได้ เวนแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติชี้มูลแล้ว หรือเห็นวาผู้ถูกกลาวหาจงใจประวิงเวลาหรือใชสิทธิโดยไม่สุจริต และในกรณีที่ผู้ถูกกลาวหา ขอให้คณะกรรมการไตสวน เรียกบุคคลหรือเอกสารจากบุคคลใด ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือพนักงานไตสวนดําเนินการตามที่รองขอ แต่ผู้ถูกกลาวหาต้องรองขอภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจงขอกลาวหา ทั้งนี้ เวนแต่คณะกรรมการไตสวนเห็นวาผู้ถูกกลาวหาจงใจประวิงเวลา หรือใชสิทธิโดยไม่สุจริต หรือบุคคลหรือเอกสารที่ขอให้เรียกนั้นไม่มีผลต่อการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ต้องบันทึกเหตุนั้นไวในสํานวนการไตสวนหรือรายงานการไตสวนเบื้องตนด้วย ซึ่งตามระเบียบ คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ วาด้วยการตรวจสอบและไตสวน พ.ศ. 2561 ขอ 77 กําหนดไวทํานองเดียวกัน และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 70 ในการไตสวน หากคณะกรรมการไตสวน เห็นวามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนขอกลาวหาวามีมูลความผิด กรรมการหรือพนักงานไตสวน แจงให้ผู้ถูกกลาวหาทราบและกําหนดระยะเวลาตามสมควรที่ผู้ถูกกลาวหาจะมาชี้แจงขอกลาวหา และแสดงพยานหลักฐานหรือนําพยานบุคคลมาให้ปากคําประกอบการชี้แจง ดังนี้ การไตสวนพยานหลักฐาน ้ หนา 14 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
จะมากนอยเพียงใด ยอมเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือคณะกรรมการไตสวนที่จะไตสวนบุคคล หรือพยานเอกสารใดเป็นพยานก็ได้ และหากเห็นวาขอเท็จจริงตามทางไตสวนเพียงพอแกการวินิจฉัยแล้ว ก็ไม่จําต้องเรียกพยานมาทําการไตสวนอีก หากพยานที่ไม่ไตสวนนั้นเป็นพยานที่ผู้ถูกกลาวหา รองขอให้เรียกมาไตสวนก็จะต้องบันทึกเหตุที่ไม่เรียกให้ไวในสํานวนการไตสวนหรือรายงานการไตสวนเบื้องตนไวด้วย คดีนี้ขอเท็จจริงจากการไตสวนได้ความวา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคําสั่งที่ 192/2563 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการไตสวนเพื่อดําเนินการไตสวนกรณีกลาวหาจําเลย และ นางนันทนา สงฆประชา วากระทําความผิดต่อตําแหนงหน้าที่ราชการ ตามเอกสารหมาย จ. 6 อันเป็นการแต่งตั้งคณะกรรมการไตสวนโดยชอบแล้ว ต่อมาคณะกรรมการไตสวนได้ทําการไตสวน พยานบุคคล รวม 17 ปาก และรวบรวมพยานเอกสาร 10 รายการ หลังจากนั้น วันที่ 26 มีนาคม 2564 จึงมีบันทึกการแจงขอกลาวหาแกจําเลย และแจงให้จําเลยชี้แจงแกขอกลาวหา ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ถือวาได้รับทราบขอกลาวหา ตามเอกสารหมาย จ. 10 แต่จําเลย ขอขยายระยะเวลายื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหา 3 ครั้ง ซึ่งคณะกรรมการไตสวนอนุญาตให้จําเลย ขยายระยะเวลายื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหาถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน 2564 จําเลยมีหนังสือถึงประธานกรรมการไตสวนอางวา จําเลยเพิ่งได้รับหนังสือแจงอนุญาตให้ขยายระยะเวลา เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 และเนื่องจากอยู่ในชวงสถานการณแพรระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 ทําให้การเดินทางไม่สะดวก จึงขอขยายระยะเวลายื่นเอกสารชี้แจงแกขอกลาวหาครั้งที่ 4 เป็นเวลา 30 วัน ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ตามหนังสือเอกสารหมาย ล.5 แสดงให้เห็นวาจําเลยไม่ได้รองขอให้ คณะกรรมการไตสวนหมายเรียกเอกสารดังกลาวจากกรมทรัพยากรน้ําบาดาลมาเป็นพยานหลักฐาน ประกอบการไตสวนของคณะกรรมการไตสวนโดยตรง เพียงแต่จําเลยขอให้ติดตามและเรงรัด ให้กรมทรัพยากรน้ําบาดาลจัดสงเอกสารให้จําเลยเพื่อจะนํามาประกอบการทําคําชี้แจงแกขอกลาวหา ของตนเทานั้น ซึ่งการที่จําเลยจะอางพยานเอกสารดังกลาว จําเลยชอบที่จะต้องยื่นคําชี้แจงมากอนแล้ว จึงจะอางพยานมาเพื่อสนับสนุนคําชี้แจงแกขอกลาวหา เมื่อขณะนั้นจําเลยยังไม่ได้ยื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหา กรณีจึงไม่มีประเด็นตามคําชี้แจงของจําเลยที่คณะกรรมการไตสวนจะต้องพิจารณาเรียกเอกสารมา การที่คณะกรรมการไตสวนใชดุลพินิจไม่ดําเนินการติดตามเรงรัดเอกสารตามที่จําเลยรองขอในกรณีเชนนี้ ถือไม่ได้วาเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวของดังกลาว ที่จําเลยอางวา คณะกรรมการไตสวน ้ หนา 15 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
ไม่เรียกพยานบุคคลตามที่จําเลยรองขอมาไตสวนโดยไม่บันทึกเหตุนั้นไวในรายงานการไตสวนหรือรายงาน การไตสวนเบื้องตน และเรงรีบสรุปสํานวน นั้น ได้ความตามทางไตสวนวา วันที่ 8 มิถุนายน 2564 จําเลยมีหนังสือขอให้ประธานกรรมการไตสวนเรียกพยานบุคคล คือ พันตํารวจเอก ทวี สอดสอง นายชาดา ไทยเศรษฐ นางสาวแนน บุ ณยธิดา สมชัย และ นายจักรัตน์ พั้วชวย มาไตสวน ตามหนังสือเอกสารหมาย ล.6 ซึ่งขณะนั้น จําเลยยังไม่ได้ยื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหา แต่คณะกรรมการไตสวนเรียก นางสาวแนน มาไตสวนคนเดียว สวนบุคคลอื่นไม่เรียกมาไตสวนตามที่จําเลยรองขอ โดยคณะกรรมการไตสวน ได้มีการบันทึกเหตุไวในรายงานและสํานวนการไตสวนวา จําเลยยื่นคํารองขอเกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันได้รับแจงขอกลาวหา ทั้งคํารองมิได้ระบุวา บุคคลดังกลาวเกี่ยวของหรือรูเห็นเหตุการณ เกี่ยวกับการเรียกรับเงิน นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป อธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาลเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 หรือไม่ อยางไร บุคคลที่จําเลยขอให้เรียกหรือไตสวนไม่มีผลต่อการวินิจฉัยของคณะกรรมการไตสวน และเป็นการจงใจประวิงเวลา หรือใชสิทธิโดยไม่สุจริต จึงมีมติงดเรียกหรือไตสวนพยานบุคคล 3 ปาก ดังกลาว ตามรายงานและสํานวนการไตสวนเอกสารหมาย จ.1 หน้า 77 ถึง 78 จึงเห็นได้วา คณะกรรมการไตสวน ได้พิจารณาแล้วเห็นวาเป็นกรณีจําเลยจงใจประวิงเวลา หรือใชสิทธิโดยไม่สุจริต หรือบุคคล หรือเอกสารที่ขอให้เรียกนั้นไม่มีผลต่อการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และได้บันทึกเหตุนั้นไว ในสํานวนการไตสวนหรือรายงานการไตสวนเบื้องตนด้วย ถือได้วามีการปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวของครบถวนแล้ว นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาจากรายงานและสํานวนการไตสวน ของคณะกรรมการไตสวนตามเอกสารหมาย จ. 1 แล้วปรากฏวา ได้มีการไตสวนพยานบุคคลมากถึง 17 ปาก บงชี้วาคณะกรรมการไตสวนมิได้ไตสวนขอเท็จจริงอยางรวบรัด อีกทั้งได้อนุญาตให้จําเลย ขยายระยะเวลายื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหาหลายครั้ง จนกระทั่งจําเลยมีหนังสือยื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหา พรอมเอกสารต่อคณะกรรมการไตสวนเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ตามเอกสารหมาย จ . 46 อันเป็นการให้โอกาสจําเลยชี้แจงแกขอกลาวหาอยางเต็มที่ หลังจากนั้น วันที่ 29 กันยายน 2564 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูล แสดงให้เห็นวาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มิได้เรงรีบสรุปสํานวน ตามที่จําเลยอาง แต่อยางใด การไตสวนคดีนี้ ในชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงชอบด้วยกฎหมาย ขออางของจําเลยขอนี้ฟงไม่ขึ้น ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
ปญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีวา จําเลยได้กระทําตามขอกลาวหาในฟ้องหรือไม่ ทางไตสวนได้ความจาก นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป อธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาล เบิกความวา ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เมื่อวันที่ 17 วันที่ 21 และวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 จําเลยซึ่งเป็นกรรมาธิการวิสามัญฯ ซักถามและโจมตีเกี่ยวกับงบประมาณและโครงการ ของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลวา มีการกําหนดงบประมาณไม่คุมคา การขุดเจาะบอบาดาลมีราคาแพง การบริหารจัดการไม่จัดจางเอกชนเป็นผู้ดําเนินการ รวมถึงการทุจริต โดยมีการนําภาพโครงการมาเสนอ ต่อที่ประชุม แต่ภาพดังกลาวไม่ใชลักษณะบอของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ซึ่ง นายจตุพร บุรุษพัฒน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมได้ชี้แจงตอบขอซักถาม และพยานกับคณะเจ้าหน้าที่ ก็ได้ชี้แจงตอบขอซักถามไปแล้วเชนกัน แต่จําเลยยังคงติดใจซักถามในคําถามเดิมอยู่ วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 กรมทรัพยากรน้ําบาดาลจัดสงเอกสารประกอบการชี้แจงเพิ่มเติม ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามเอกสารหมาย จ. 20 และสงไปให้จําเลยด้วย ต่อมาวันที่ 4 สิงหาคม 2563 เวลา 19.07 นาฬิกา ขณะที่พยานอยู่กับ พลตํา รวจตรี วิวัฒน ชัยสังฆะ และเพื่อนชื่อ นายเตอ ที่รานอาหารเบียรหิมะในหมู่บ้านประชานิเวศน 1 นางนันทนา อนุกรรมาธิการแผนงานบูรณการ 2 โทรศัพทมาหาพยานบอกวา มีเรื่องดวนสําคัญให้พยานโทรศัพท ไปที่หมายเลข 08 1872 5959 โดยไม่บอกวาเป็นหมายเลขโทรศัพทของผู้ใดและเรื่องอะไร ซึ่งพยานคิดวานาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลที่จะเขาที่ประชุม คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ต่อมาเวลา 19.10 นาฬิกา พยานจึงโทรศัพท ไปยังหมายเลขดังกลาว แต่ไม่มีผู้รับสาย เวลา 19.20 นาฬิกา ผู้ใชหมายเลขดังกลาวโทรศัพท กลับมาหาพยาน พยานจําเสียงได้วาคือจําเลย เพราะจําเลยเป็นกรรมาธิการวิสามัญฯ และเคยซักถาม เรื่องงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ใชเวลาสนทนากัน 9 นาทีเศษ และเวลา 19.34 นาฬิกา จําเลยโทรศัพทมาหาพยานอีกครั้ง ใชเวลาสนทนากัน 6 นาทีเศษ โดยเรื่องที่สนทนากันทั้งสองครั้งดังกลาว มีใจความสําคัญวา จําเลยแนะนําตัวเองวา เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 คนที่หนึ่ง แจงวา “ พรุงนี้ขอเงิน 5 , 000 , 000 บาท ” พยานจึงถามวา “ เหตุใดจึงตัดงบประมาณเยอะจัง ” จําเลยบอกวา “ ไม่ได้ตัดงบประมาณ แต่ขอเป็นเงินสด ” พยานตอบวา “ เงินเยอะขนาดนั้น จะไปหาจากที่ไหน ” จําเลยบอกวา “ ถาอยางนั้น ของานโครงการในภาคอีสานทั้งหมด ” พยานจึงตอบวา “ ไม่ได้ เนื่องจากงานโครงการของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล เป็นงานประเภท e-bidding” จําเลยบอกวา ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
“ ถาอยางนั้น ของานที่ต่ํากวา 500 , 000 บาท ” ซึ่งพยานเขาใจวางานดังกลาวเป็นงานที่ใชเพียงวิธีตกลงราคา ซึ่งมีประมาณ 360 แห่ง พยานจึงตอบวา “ ไม่ได้ เนื่องจากโครงการที่ต่ํากวา 500 , 000 บาท เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ําบาดาลจะเป็นผู้ดําเนินการเองอยู่แล้ว ” จําเลยบอกวา “ ถาไม่ให้ก็จะตัดงบประมาณ ของกรม 10 เปอรเซ็นต ” พยานจึงบอกวา “ หากจะตัดงบประมาณ 10 เปอรเซ็นต ของแต่ละโครงการแบบนั้น กรมทรัพยากรน้ําบาดาลจะทํางานไม่ได้ หากจะตัดให้ตัดเป็นโครงการ หรือเป็นรายแห่ง ” การสนทนาดังกลาว มิได้สนทนาต่อเนื่องในครั้งเดียว เนื่องจากมีปญหาสัญญาณโทรศัพทหลุด ต้องโทรศัพทติดต่อหากันหลายครั้ง ตามขอมูลการใชงานโทรศัพทเคลื่อนที่เอกสารหมาย จ. 25 หลังจากพยานเดินทางออกจาก รานอาหารเบียรหิมะแล้ว ในคืนนั้นเวลา 21.25 นาฬิกา พยานโทรศัพทผานแอปพลิเคชันไลนไปหา นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ํา เลาให้ นายภาดล ฟงวา จําเลยโทรศัพทมาเรียกเงินพยาน 5 , 000 , 000 บาท และโทรศัพทผานแอปพลิเคชันไลนไปเลาเรื่องดังกลาวให้ นายสุรินทร ผู้อํานวยการสํานักพัฒนาน้ําบาดาลฟงด้วย บอกให้ นายสุรินทร เตรียมขอมูลเพื่อไปชี้แจงให้พรอม นอกจากนี้ วันรุงขึ้นเวลา 7.55 นาฬิกา พยานยังได้โทรศัพทไปเลาให้ นายนริศ ขํานุรักษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนพยานและเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟงอีกคนด้วย วันที่ 5 สิงหาคม 2563 ชวงเชา คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ประชุมพิจารณางบประมาณกรมทรัพยากรน้ําบาดาล จําเลยเขารวมประชุมตั้งขอสังเกตและซักถามเกี่ยวกับโครงการที่กรมทรัพยากรน้ําบาดาลเป็นผู้ดําเนินการเอง เกี่ยวกับคาเจาะบอบาดาลราคา 171 , 000 บาท การเบิกจายเงินงบประมาณ และการกําหนดอัตราราคางาน ต่อหนวยที่เทากันทุกจังหวัด ในชวงแรกพยานเป็นผู้ชี้แจงด้วยตัวเอง แล้วให้ นายกุศล โชติรัตน์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาล และ นายสุรินทร เป็นผู้ชี้แจงเกี่ยวกับงานดานเทคนิคการขุดเจาะบอบาดาล ที่หนวยงานดําเนินการเอง แต่จําเลยยังคงติดใจซักถามวามีการกําหนดราคาแพง และซักถามเกี่ยวกับ การเบิกจายคาน้ํามันกับคาเบี้ยเลี้ยงตาง ๆ ระหวางนั้นพยานลุกเดินออกจากหองประชุมไปเขาหองน้ํา ได้พบกับ นางวันทนา อาชีววิทย ผู้อํานวยการสวนงบประมาณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม 1 สํานักงบประมาณ พยานพูดกับ นางวันทนา วา ตนอายที่กรมทรัพยากรน้ําบาดาล ถูกคณะอนุกรรมาธิการซักถามเยอะ และเลาให้ นางวันทนา ฟงวา คืนวันที่ 4 สิงหาคม 2563 มีอนุกรรมาธิการโทรศัพทมาเรียกเงิน 5 , 000 , 000 บาท จากนั้น พยานกลับเขาหองประชุม และยืนขึ้นพูดวา “ พูดกันไม่รูเรื่องหรอก เพราะเมื่อคืนนี้มีอนุกรรมาธิการคนหนึ่งโทรไปหาผม ตบทรัพย์ผม 5 , 000 , 000 บาท ผมจะไปแถลงขาว ” และมี นายศรัณยวุฒิ ศรัณยเกตุ ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
อนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 พูดขึ้นวาจะพาพยานไปแถลงขาว ประธานจึงสั่งพักการประชุม ในชวงบายจําเลยไม่เขารวมประชุม บรรยากาศในการประชุมเปลี่ยนไปจากชวงเชา คณะอนุกรรมาธิการ สอบถามพยานวา กรมทรัพยากรน้ําบาดาลจะตัดลดงบประมาณเทาใด พยานขอตัดรอยละ 1 เป็นเงินประมาณ 12 , 000 , 000 บาท แต่ประธานคณะอนุกรรมาธิการขอให้ตัดงบประมาณ 15 , 000 , 000 บาท และพยานยินยอมให้ปรับลดงบประมาณตามจํานวนดังกลาว ตามรายงาน การประชุมเอกสารหมาย จ.21 หน้า 1157/1 ถึง 1168/1 พยานไม่ได้บันทึกเสียงสนทนา ระหวางพยานกับจําเลยไว สวนจําเลยนําสืบอางตนเองเป็นพยานเบิกความวา จําเลยโทรศัพทไปหา นายศักดิ์ดา พูดคุยเรื่องเอกสารแบบแปลนและประมาณการโครงการขุดเจาะบอบาดาล จําเลยไม่ได้เรียกเงิน นายศักดิ์ดา นั้น องคคณะผู้พิพากษามีมติเสียงขางมากเห็นวา โจทก์มี นายศักดิ์ดา เป็นประจักษพยาน ที่รูเห็นเรื่องที่จําเลยโทรศัพทมาพูดเรียกเงินและของานจาก นายศักดิ์ดา แต่จําเลยเบิกความปฏิเสธ คําเบิกความของ นายศักดิ์ดา และคําเบิกความของจําเลยมีลักษณะโตแยงยันกันอยู่ จึงต้องพิจารณาพยาน พฤติเหตุแวดลอมประกอบกัน เมื่อพิจารณาคําเบิกความของ นายศักดิ์ดา ระบุเหตุการณเริ่มตั้งแต่ ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 จําเลยได้พยายามซักถามซ้ําประเด็นเดิม ในลักษณะโจมตีงบประมาณอยางผิดปกติ จนกระทั่งสุดทายเมื่อจําเลยไม่เขาประชุมงบประมาณ ของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลจึงผานไปได้โดยใชเวลาไม่นาน อันเป็นขอบงชี้วาจําเลยไม่ได้ซักถาม เรื่องงบประมาณดังกลาวในฐานะอนุกรรมาธิการตามปกติทั่วไป อีกทั้งจําเลยดํารงตําแหนง เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 คนที่หนึ่ง หากจําเลยเพียงแต่ต้องการ เอกสารแบบแปลนและประมาณราคา จําเลยก็สามารถมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการของ คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ดําเนินการให้ตามทางปฏิบัติที่เคยกระทํากันมาได้อยู่แล้ว ไม่มีความจําเป็นถึงขนาดที่จําเลยจะต้องโทรศัพทติดต่อกับ นายศักดิ์ดา ด้วยตนเองโดยไม่มีบุคคลอื่น ได้ยินขอความสนทนาระหวางจําเลยกับ นายศักดิ์ดา ทั้งถอยคําที่จําเลยพูดคุยกับ นายศักดิ์ดา ยังเกี่ยวพันไปถึงการขอเขาเป็นผู้รับจางงานกอสรางของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลอันเป็นเรื่องเฉพาะตัว ของจําเลย ประกอบกับ นายศักดิ์ดา เป็นขาราชการชั้นผู้ใหญ ดํารงตําแหนงอธิบดีกรมทรัพยากรน้ําบาดาล เพิ่งรูจักจําเลยครั้งแรกในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แมจําเลยจะมีขอสังเกตและคําซักถาม เกี่ยวกับงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลหลายประเด็น รวมทั้งมีการขอเอกสารแบบแปลน และประมาณราคากอสรางด้วย ซึ่งทําให้การชี้แจงตอบขอซักถามของหนวยงานมีความยุงยาก ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
มากกวาปที่ผานมาดังที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ และ พันตํารวจเอก ทวี สอดสอง ได้เบิกความ ในคดีหมายเลขดําที่ คมจ. 4/2564 ของศาลฎีกา วา นายศักดิ์ดา มีอารมณขุนเคืองจําเลยก็ตาม แต่ขอนี้ก็เป็นความขัดแยงกันเพียงเล็กนอยเห็นได้จากที่ทั้งสองฝ่ายยังคงโทรศัพทพูดคุยกันเป็นเวลานาน เหตุดังกลาวจึงไม่นาจะทําให้ นายศักดิ์ดา โกรธเคืองถึงขนาดสรางเรื่องขึ้นมาใสรายจําเล ย ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยเรื่องรายแรงโดยปราศจากมูลความจริง เพราะเป็นการเสี่ยงที่ นายศักดิ์ดา อาจถูกดําเนินคดีทั้งทางอาญาและทางวินัยซึ่งจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของตนได้ หลังเกิดเหตุ นายศักดิ์ดา ได้โทรศัพทผานแอปพลิเคชันไลนไปเลาเรื่องที่เกิดขึ้นให้ นายภาดล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ํา และ นายสุรินทร ผู้อํานวยการสํานักพัฒนาน้ําบาดาล ฟงวาจําเลยโทรศัพทมาเรียกเงินหรือของาน และ นายนริศ ขํานุรักษ์ พยานโจทก์ซึ่งดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นพยานเบิกความวา วันที่ 5 สิงหาคม 2563 เวลา 7.55 นาฬิกา นายศักดิ์ดา โทรศัพทมาเลาวามีอนุกรรมาธิการ โทรศัพทมาเรียกเงิน 5 , 000 , 000 บาท หากไม่ให้จะตัดงบประมาณ แต่ไม่บอกวาผู้เรียกเงินคือใคร พยานโจทก์ทั้งสามปากตางเบิกความยืนยันตรงกันวา นายศักดิ์ดา แจงวามีอนุกรรมาธิการคนหนึ่ง เรียกเงิน 5 , 000 , 000 บาท จาก นายศักดิ์ดา โดย นายภาดล และ นายสุรินทร เบิกความวา นายศักดิ์ดา บอกวาคนที่เรียกเงินคือจําเลย โดยบอกในคืนเกิดเหตุทันทีหลังจากพูดคุยทางโทรศัพทกับจําเลย ทั้งเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่จําเลยโทรศัพทคุยกับ นายศักดิ์ดา เมื่ อเวลา 19.20 นาฬิกา เป็นเวลา 9 นาทีเศษ และเวลา 19.34 นาฬิกา เป็นเวลา 6 นาทีเศษ รวมประมาณ 15 นาที ตามขอมูลการใชงานโทรศัพทเคลื่อนที่เอกสารหมาย จ.25 แสดงให้เห็นวาจําเลยและ นายศักดิ์ดา พูดคุยทางโทรศัพทเป็นระยะเวลานานสอดคลองกับที่ นายศักดิ์ดา กลาวอางวามีการเจรจาต่อรอง จนนําไปสูการเรียกเงิน จํานวน 5 , 000 , 000 บาท เมื่อไม่ได้จึงเปลี่ยนมาของานแทนตามลําดับ ซึ่งหากเป็นการพูดคุยแคเรื่องขอเอกสารแบบแปลนก็ไม่นาจะต้องใชระยะเวลานานมากถึงเพียงนี้ นอกจากนี้ เหตุการณดังกลาวเกี่ยวของเชื่อมโยงกับบุคคลดังกลาวหลายคน จึงไม่นา เป็นไปได้ที่ นายศักดิ์ดา จะคิดวางแผนสรางเรื่องโดยโทรศัพทไปบอกพยานโจทก์ทั้งสามวาถูกจําเลยเรียกเงิน หรือของานตั้งแต่หลังการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ ทั้งยังปรากฏขอเท็จจริงวา นางนันทนา เป็นฝ่ายติดต่อกับ นายศักดิ์ดา ให้โทรศัพทไปหาจําเลยกอน พฤติการณที่เกิดขึ้นจึงไม่อยู่ในวิสัยที่ นายศักดิ์ดา จะวางแผนให้จําเลยเป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมากอน ยิ่งกวานั้น ในวันรุงขึ้น เมื่อมีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 นายศักดิ์ดา ก็ได้พูดขึ้นมาในที่ประชุมยืนยันวา เมื่อคืนนี้มีอนุกรรมาธิการคนหนึ่ง ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
โทรไปหาผม ตบทรัพย์ผม 5 , 000 , 000 บาท ซึ่งมีลักษณะเป็นการพูดโตตอบด้วยความอัดอั้นกดดัน จากเหตุการณที่เกิดขึ้นในคืนเกิดเหตุโดยยังไม่ระบุชื่อจําเลยวาเป็นผู้เรียกเงินหรือของาน แสดงวา นายศักดิ์ดา เพียงแต่ต้องการให้จําเลยหยุดซักถามเทานั้น ซึ่งหากจําเลยไม่โทรศัพทเรียกเงินและของานก็ไม่มีเหตุที่ นายศักดิ์ดา จะต้องพูดเรื่องที่รายแรงเชนนี้ในที่ประชุม หลังจากนั้น ชวงบายจําเลยก็ไม่เขาประชุม คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 เพื่อซักถามโตแยงงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลอีก นอกจากนี้ ขอเท็จจริงยังได้ความจากที่ นายภาดล พยานโจทก์เบิกความอีกวา ในคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19 นาฬิกา นางนันทนา โทรศัพทผานแอปพลิเคชันไลนมาบอกให้พยานโทรศัพทไปหาจําเลย เรื่องงบประมาณกรมทรัพยากรน้ําที่จะเขาที่ประชุมพรุงนี้ พยานจึงโทรศัพทไปหาจําเลยกอน ต่อมาเวลา 19.15 นาฬิกา จําเลยโทรศัพทกลับมาหาพยาน สอบถามเกี่ยวกับงบประมาณกรมทรัพยากรน้ําวา มีงบอะไรบาง ลงที่ไหน และเวลา 19.50 นาฬิกา จําเลยโทรศัพทมาหาพยานอีกครั้ง สอบถามเกี่ยวกับ งานกอสรางของกรมทรัพยากรน้ําวา ทําอยางไรบาง ตนเป็นผู้รับเหมางานกอสราง งบประมาณกรมทรัพยากรน้ํา มีกี่ประเภท พยานอธิบายและขอรองวาอยาตัดงบประมาณเลย แล้วจําเลยสอบถามวา บริหารงบประมาณอยางไร พยานตอบวา ต้องทํา e-bidding ตั้งแต่มี e-bidding มีการฟนราคามา 4 ถึง 5 ป แล้ว ซึ่ งจําเลยพูดวา อยางนี้ก็บริหารไม่ได้สิ ผมเป็นผู้รับเหมา ผมมาคุมชวยมั้ย พยานตอบวา ยินดี เนื่องจากเป็นการทํา e-bidding ซึ่งพยานเขาใจวาการพูดดังกลาวเป็นการพูดของาน หลังจากนั้น เวลา 21.25 นาฬิกา นายศักดิ์ดา โทรศัพทผานแอปพลิเคชันไลนมาสอบถามพยานวา มีอนุกรรมาธิการโทรศัพทมาหาหรือไม่ พยานตอบวา มีอนุกรรมาธิการโทรศัพทมาเกี่ยวกับ เรื่องงบประมาณที่จะเขาพรุงนี้วามีงบอะไรบาง นายศักดิ์ดา เลาวา ของผม เขาเรียกเงินผม 5 , 000 , 000 บาท แต่ผมไม่ให้เพราะไม่มี ซึ่ง นายศักดิ์ดา บอกชื่อจํา เลยให้ทราบด้วย นายภาดล ไม่ได้สรางเรื่องกลาวหาจําเลยจึงมีลักษณะเป็นคนกลาง คําเบิกความของ นายภาดล จึงมีน้ําหนักให้รับฟง จากคําเบิกความของ นายภาดล ในสวนนี้แสดงให้เห็นวาจําเลยขอรับงานจาก นายภาดล ซึ่งเป็นการกระทํา ในลักษณะเดียวกันกับที่จําเลยพูดคุยกับ นายศักดิ์ดา ในชวงเวลาใกลเคียงกัน เมื่อพิจารณาประกอบกับวา นายศักดิ์ดา และ นายภาดล ตางดํารงตําแหนงอธิบดีกรมที่จะต้องไปชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณ ต่อคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ที่มีจําเลยเป็นรองประธานในวันรุงขึ้น พฤติการณบงชี้วา จําเลยโทรศัพทไปเจรจาต่อรองผลประโยชนจากโครงการที่จําเลยกําลังมีสวนในการพิจารณางบประมาณดังที่ นายศักดิ์ดา และ นายภาดล พยานโจทก์ทั้งสองปากเบิกความ คําเบิกความของ นายศักดิ์ดา จึงมีเหตุผล ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
และสอดคลองเชื่อมโยงกับพยานอื่นทําให้มีน้ําหนักนาเชื่อถือ สวนขอที่ นายศักดิ์ดา พูดต่อที่ประชุมวา ได้บันทึกเสียงสนทนาระหวาง นายศักดิ์ดา กับจําเลยไว แต่ความจริงไม่มีการบันทึกเสียงสนทนานั้น ได้ความตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ.21 หน้า 1155/1 ถึง 1156/1 วา กอนที่ นายศักดิ์ดา จะพูดถอยคําดังกลาว จําเลยกับ นายศักดิ์ดา มีการซักถามชี้แจงโตตอบกันไปมา โดยจําเลยยังคงซักถาม เกี่ยวกับโครงการเจาะบอบาดาลแห่งละ 171 , 000 บาท ที่กรมทรัพยากรน้ําบาดาลดําเนินการเองวา มีราคาแพงกวาการวาจางเอกชน และมีขอสงสัยเกี่ยวกับการเบิกจายเงินคาเบี้ยเลี้ยงและคาน้ํามัน นายศักดิ์ดา ได้พูดวา ถาจะประมูลเพื่อเอกชนเจาะ ถาบอเสียหายขอให้ทานรับผิดชอบ ผมยินดี เผื่อทานจะมาประมูลงาน แล้วจําเลยพูดตอบวา ผมไม่ใชผู้รับเหมา ซึ่งราคาเจาะบอบาดาล ผู้แทนสํานักงบประมาณได้ชี้แจงไปแล้ววา กําหนดตามอัตราราคางานต่อหนวยตามบัญชีมาตรฐาน ของสํานักงบประมาณ พฤติการณแสดงให้เห็นวาขณะนั้น นายศักดิ์ดา พูดถอยคําดังกลาวออกไป ด้วยอารมณเพียงเพื่อที่จะโตตอบจําเลย ทั้งภายหลัง นายศักดิ์ดา ก็ยอมรับเองวาไม่มีการบันทึกเสียง ขอนี้จึงไม่ถึงกับเป็นพิรุธทําให้คําเบิกความของ นายศักดิ์ดา มีน้ําหนัก ลดนอยลงจนไม่นาเชื่อถือ แม นายศักดิ์ดา จะเบิกความตอนหนึ่งวา พยานเคยไปให้ถอยคําต่อคณะกรรมาธิการปองกันและปราบปราม การทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แต่พยานไม่ได้บอกชื่อและหมำยเลขโทรศัพทของบุคคลที่โทรศัพทมาก็ตาม แต่ นายศักดิ์ดา ก็ได้ทําบันทึกชี้แจงขอเท็จจริงต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ฉบับลงวันที่ 10 สิงหาคม 2563 กับไปให้ถอยคําต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ตามเอกสารหมาย จ.24 และ จ.28 โดยระบุหมายเลขโทรศัพท และตําแหนงของผู้ที่ติดต่อมาเรียกเงินหรือของานแล้ว ซึ่งเป็นการระบุถึงขอเท็จจริงที่สามารถ เชื่อมโยงถึงตัวจําเลยได้แล้ว จึงนําไปสูการตรวจสอบขอมูลการใชโทรศัพทระหวาง นายศักดิ์ดา กับจําเลยตามเอกสารหมาย จ.25 ทั้งต่อมา นายศักดิ์ดา ก็ให้ถอยคําเพิ่มเติมยืนยันขอเท็จจริงวา บุคคลที่โทรศัพทมาเรียกเงินหรือของานคือจําเลย สวนที่ นายศักดิ์ดา ทําบันทึกชี้แจงขอเท็จจริง ต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม และไปให้ถอยคําต่อพนักงานเจ้า หน้าที่ของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. วา นายศักดิ์ดา โทรศัพทไปเลาให้ นายภาดล ฟงและถามวา มีคนโทรมาหา และขอเงินหรือไม่ นายภาดล ตอบวา มี ขอผม 10 , 000 , 000 บาท แต่ผมไม่ยอม ซึ่งไม่ตรงกับที่ นายภาดล ได้ให้ถอยคําวา จําเลยไม่ได้เรียกเงินจาก นายภาดล นั้น เห็นวา นายภาดล ให้ถอยคํา ้ หนา 22 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
และเบิกความตรงกับคําเบิกความของ นายศักดิ์ดา ในสาระสําคัญวา นายศักดิ์ดา เลาเรื่องจําเลย โทรศัพทมาเรียกเงินจาก นายศักดิ์ดา สวนที่จําเลยจะเรียกเงินจาก นายภาดล ด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องระหวางจําเลยกับ นายภาดล ซึ่งเป็นคนละสวนกัน จึงไม่ใชขอพิรุธอีกเชนกัน สวนที่จําเลยเบิกความวา จําเลยโทรศัพทไปขอแบบแปลนจาก นายศักดิ์ดา โดยไม่ได้เรียกเงินหรือของานจาก นายศักดิ์ดา นั้น หากจําเลยพูดคุยในเรื่องขอแบบแปลนในหองประชุมดังที่อาง จําเลยยอมจะพูดได้อยางเปดเผย จึงนาจะมีบุคคลอื่นได้ยินขอความสนทนาได้บาง แต่ นางนันทนา ที่โทรศัพทติดต่อ นายศักดิ์ดา หรือ นายจักรัตน์ ตางก็ไม่ทราบวาจําเลยพูดคุยกับ นายศักดิ์ดา ในเรื่องใด คําเบิกความของจําเลย จึงเลื่อนลอยไม่มีน้ําหนักให้รับฟง ที่จําเลยอางวาขณะที่จําเลยกําลังพูดคุยโทรศัพทกับ นายศักดิ์ดา นางนันทนา มาขอโทรศัพทจากจําเลยไปพูดคุยกับ นายศักดิ์ดา โดย นางนันทนา เดินออกไปพูดคุยโทรศัพท กับ นายศักดิ์ดา นอกหองประชุม แล้วนําโทรศัพทซึ่งได้วางสายไปกอนแล้วมาคืนจําเลย นั้น ขอนี้ได้ความจาก นางนันทนา เบิกความวา นางนันทนา ไม่ได้ขอโทรศัพทจากจําเลยในขณะที่จําเลย กําลังพูดคุยอยู่กับ นายศักดิ์ดา ที่จําเลยอางวา นายศักดิ์ดา ไม่เลาเหตุการณให้ พลตํารวจตรี วิวัฒน และ นายเตอ ฟงนั้น ก็ไม่ใชเรื่องผิดปกติ เพราะจําเลยมีตําแหนงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรื่องดังกลาวเป็นเรื่องรายแรงและไม่เกี่ยวของกับบุคคลทั้งสอง การที่ นายศักดิ์ดา ไม่เลาให้บุคคลทั้งสองฟง จึงไม่ใชขอพิรุธ และที่จําเลยอางวา หลังเกิดเหตุ นายศักดิ์ดา ไม่รองทุกขกลาวโทษดําเนินคดีแกจําเลยนั้น ได้ความวาหลังเกิดเหตุคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการตรวจสอบขอเท็จจริงเบื้องตนและต่อมาได้แต่งตั้ง คณะกรรมการไตสวนเพื่อดําเนินการไตสวนเรื่องนี้แล้ว นายศักดิ์ดา จึงไม่จําต้องไปรองทุกขกลาวโทษจําเลยอีก ขออางของจําเลยขอนี้ฟงไม่ขึ้นจากเหตุผลที่วินิจฉัยมาแล้วขางตน พยานหลักฐานที่ไตสวนมามีน้ําหนักมั่นคง รับฟงได้วา จําเลยได้กระทําตามขอกลาวหาในฟ้องจริง พยานหลักฐานของจําเลยไม่มีน้ําหนัก หักลางพยานหลักฐานโจทก์ได้ ปญหาต้องวินิจฉัยประการสุดทายมีวา การกระทําของจําเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นวา จําเลยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการวิสามัญพิจาร ณารางพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 และอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกลาว จึงเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง และเจ้าพนักงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติให้กําหนดกรอบแนวทาง ้ หนา 23 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
การพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ดังนี้ 1. ขอบเขตอํานาจหน้าที่ ในการพิจารณางบประมาณ 2. กรอบแนวทางในการพิจารณา และ 3. หลักเกณฑการปรับลด งบประมาณรายจายประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 จํานวน 9 ขอ ตามเอกสารหมาย จ. 19 หน้า 926 ถึง 932 จําเลยในฐานะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ยอมมีอํานาจหน้าที่เสนอความเห็น ตามกรอบแนวทางการพิจารณา รวมถึงสามารถเสนอความเห็นในการปรับลดงบประมาณของหนวยงาน ต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติเห็นชอบได้ และเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาต่อไป ดังนั้น จําเลยจึงสามารถซักถามและเสนอความเห็น ต่อที่ประชุมได้ และมีสิทธิลงมติในทุกขั้นตอนของการพิจารณางบประมาณ โดยเฉพาะในฐานะ กรรมาธิการวิสามัญฯ จําเลยมีสิทธิชี้แจงเสนอความเห็นเกี่ยวกับงบประมาณต่อที่ประชุม หากจําเลยยังติดใจ ในงบประมาณสวนใดก็มีสิทธิขอสงวนความเห็นเพื่ออภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรได้ด้วย และขอนี้ นายสรเดช ธรรมสาร นิติกรชํานาญการ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจายประจําป สํานักกรรมาธิการ 1 สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เป็น ฝ่ายเลขานุการในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และผู้ชวยเลขานุการประจําคณะอนุกรรมาธิการ แผนงานบูรณาการ 2 เป็นพยานเบิกความวา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยังคงมีอํานาจพิจารณา ปรับลดงบประมาณที่ผานการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการมาแล้วหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ หนวยงานที่ถูกปรับลด งบประมาณสามารถยื่นอุทธรณผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ ซึ่งขอเท็จจริงก็ฟงเป็นยุติวา ทายที่สุดคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติงบประมาณรายจาย ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล 15 , 000 , 000 บาท ตามที่คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 เสนอ ดังนี้ แมจําเลยเพียงคนเดียว จะไม่มีอํานาจเด็ดขาดในการปรับลดงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาลดังที่จําเลยอาง เพราะผลการพิจารณาต้องเป็นไปตามมติที่ประชุมก็ตาม แต่การเสนอความเห็นเกี่ยวกับงบประมาณ ในขั้นตอนตาง ๆ ดังกลาวถือได้วาเป็นอํานาจหน้าที่ของจําเลย ซึ่งจําเลยอาจเสนอความเห็นให้คุณ หรือให้โทษแกงบประมาณของหนวยราชการที่พิจารณา การที่จําเลยโทรศัพทไปเรียกเงินและของานจาก นายศักดิ์ดา ในการพิจารณางบประมาณของกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ยอมเป็นการกระทําในตําแหนง และอยู่ในอํานาจหน้าที่ของจําเลยโดยตรง การกระทําของจําเลยดังกลาวจึงเป็นการเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชนอื่นใดสําหรับจําเลยโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอยางใด ้ หนา 24 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
ในตําแหนงของจําเลย ไม่วาการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นการปฏิบัติหรือละเวน การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแกกรมทรัพยากรน้ําบาดาล และราชการ หรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้อง อนึ่ง เมื่อการกระทําของจําเลยเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จําต้องปรับบทความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก อนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “…ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนง ทางการเมืองมีคําพิพากษาวาผู้ถูกกลาวหากระทําความผิดตามที่ถูกกลาวหา ให้ผู้ต้องคําพิพากษานั้น พนจากตําแหนงนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนดเวลาไม่เกินสิบปด้วยหรือไม่ก็ได้ ” และวรรคสอง บัญญัติวา “ ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่วาในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสมัครรับเลือก เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาทองถิ่นหรือผู้บริหาร ทองถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหนงทางการเมืองใด ๆ ” เห็นวา ตามบทบัญญัติดังกลาว ในกรณีที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมีคําพิพากษาวา จําเลยกระทําความผิดตามที่ถูกกลาวหา ยอมมีผลให้จําเลยพนจากตําแหนงนับแต่วันที่ 19 เมษายน 2565 อันเป็นวันที่ศาลมีคําสั่งให้จําเลย หยุดปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ และต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป โดยไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาทองถิ่นหรือผู้บริหารทองถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหนงทางการเมืองใด ๆ กับให้ศาลมีอํานาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนดเวลา ไม่เกินสิบปด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่เนื่องจากในคดีหมายเลขแดงที่ คมจ. 1/2566 ของศาลฎีกา ศาลฎีกามีคําสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดคาน (จําเลยคดีนี้) มีกําหนดเวลา 10 ป นับแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคําพิพากษาในคดีดังกลาว ซึ่งการกระทําในคดีดังกลาว เป็นการกระทําเดียวกันกับคดีนี้ จึงเห็นสมควรไม่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจําเลยในคดีนี้อีก ้ หนา 25 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566
พิพากษาวา จําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 การกระทําของจําเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 องคคณะผู้พิพากษามีมติเสียงขางมาก ลงโทษจําคุก 6 ป กับให้จําเลยพนจากตําแหนงนับแต่วันที่ 19 เมษายน 2565 อันเป็นวันที่ศาลมีคําสั่งให้จําเลยหยุดปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ และให้เพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของจําเลยตลอดไป โดยไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ งหรือสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาทองถิ่นหรือผู้บริหารทองถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหนงทางการเมืองใด ๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง. นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ นายเอกศักดิ์ ยันตรปกรณ นายอุดม วัตตธรรม นายเธียรดนัย ธรรมดุษฎี นายสมเกียรติ ตั้งสกุล นางสุวิชา นาควัชระ นายอําพันธ สมบัติสถาพรกุล นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย ้ หนา 26 ่ เลม 140 ตอนที่ 40 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 กรกฎาคม 2566