ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัล พ.ศ. 2566
ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัล พ.ศ. 2566
ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัล พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรมีระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัล อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 137 และมาตรา 162 (2) แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัล พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก ( 1 ) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบน พ.ศ. 2553 ( 2 ) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ( 3 ) ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 255 8 ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “ ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล ” หมายความว่า ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมทั้งตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานของรัฐร่ารวย ผิดปกติ และการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นผลให้ทรัพย์สินที่ร่ารวย ผิดปกตินั้นตกเป็นของแผ่นดินโดยคำพิพากษาหรือคาสั่ง ถึงที่สุดของศาล “ เงินรางวัล ” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลโดยได้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. “ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ” หมายความว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ข้อ 5 ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นผู้รักษาการ ตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้หรือการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เป็นที่สุด ้ หนา 14 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566
หมวด 1 บททั่วไป ข้อ 6 ในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานของรัฐร่ารวยผิดปกติ หากผู้ใดชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมทั้งตัวการ ผู้ใช้หรือผู้สนับสนุน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นผลให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกตินั้นตกเป็นของแผ่นดิน โดยคาพิพากษาหรือคาสั่งถึงที่สุดของศาล ผู้นั้นอาจได้รับเงินรางวัลจากกองทุนป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ข้อ 7 การจ่ายเงินรางวัลตามระเบียบนี้ ให้เบิกจ่ายจากกองทุนป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ข้อ 8 ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลมีสิทธิได้รับเงินรางวัลหรือเงินอื่นใดตามกฎหมาย หรือระเบียบของหน่วยงานอื่นของรัฐในลักษณะเดียวกันกับระเบียบนี้ด้วย ให้มีสิ ทธิได้รับเงินรางวัล ตามระเบียบนี้ เมื่อได้แสดงเจตนาสละสิทธิ์ในการรับเงินรางวัลหรือเงินอื่นใดจากหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นแล้ว ข้อ 9 ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล ต้องไม่เป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช. กรรมการ ป.ป.ช. พนักงาน เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พนักงานราชการ และลูกจ้างทุกประเภทของสำนักงาน ป.ป.ช. ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือสานักงาน ป.ป.ช. พิจารณาแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลใด เพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนข้อเท็จจริง หรือการตรวจสอบทรัพย์สิน หรือหนี้สินในเรื่องใด บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลในเรื่องนั้น ความในวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ใช้บังคับกับคู่สมรสรวมถึงผู้ซึ่ งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้ จดทะเบียนสมรส ผู้บุพการี และผู้สืบสันดานของบุคคลดังกล่าว หมวด 2 คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัล ข้อ 10 ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัล ประกอบด้วย ( 1 ) เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ( 2 ) รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย จำนวนหนึ่งคน เป็นอนุกรรมการ ( 3 ) ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย จำนวนหนึ่งคน เป็นอนุกรรมการ ้ หนา 15 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566
( 4 ) ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นอนุกรรมการ ( 5 ) ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นอนุกรรมการ ( 6 ) ผู้แทนสำนักงบประมาณ เป็นอนุกรรมการ ( 7 ) ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย เป็นอนุกรรมการ ( 8 ) ผู้อำนวยการสำนักคดี เป็นอนุกรรมการ ( 9 ) ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ให้เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการอีกไม่เกิน สองคน ข้อ 11 การประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัล ต้องมีอนุกรรมการ มาร่วมประชุ มไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของอนุกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานไม่อาจร่วมประชุมได้ ให้ที่ประชุมเลือกอนุกรรมการคนหนึ่งทาหน้าที่เป็นประธาน ในที่ประชุม การวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมากของจานวนอนุกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงชี้ขาด ข้อ 12 ให้คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัล มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ (1) พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการจ่ายเงินรางวัล ( 2 ) กำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติเพื่อให้ เป็นไปตามระเบียบนี้ ( 3 ) พิจารณาปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล เพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. วินิจฉัย ( 4 ) เรียกให้เจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง และหรือส่งมอบ เอกสารที่อยู่ในความครอบครอง ( 5 ) เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อระงับหรือรอการจ่ายเงินรางวัลทั้งหมด หรือบางส่วน ( 6 ) ปฏิบัติการอื่นตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ข้อ 13 ให้คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัลได้รับค่าตอบแทน ตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการแต่งตั้งและเบี้ยประชุมคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะบุคคล เพื่อช่วยเหลือคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือสำนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ใช่ การไต่สวน หมวด 3 การชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566
ข้อ 14 การชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สิน อาจทำด้วยวาจาหรือทำเป็นหนังสือ และจะส่งด้วยวิธีใด ๆ ที่จะให้การชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สินนั้นถึงสานักงาน ป.ป.ช. ทั้งนี้ ในกรณีที่ ทำด้วยวาจาให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะบันทึกรายละเอียดไว้ให้ครบถ้วนตามข้อ 15 ข้อ 15 การชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สิน ของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมทั้งตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือผู้ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย ตามข้อ 14 อย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อและที่อยู่ของผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง รวมทั้งวัน เวลา ในการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจ ริง (2) ชื่อหรือตาแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกตรวจสอบ (3) ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกตรวจสอบ รวมทั้งตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน หรือผู้ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลดังกล่าวที่ชัดเจนเพียงพอ ที่จะตรวจสอบถึงความมีอยู่ได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าของสานวนแจ้งให้ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ตามวรรคหนึ่งทราบว่าข้อมูลตาม (1) จะถูกปกปิดรักษาไว้เป็นความลับของทางราชการ แต่หากผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริ งยืนยันว่าไม่ประสงค์จะแจ้งชื่อและที่อยู่ของตนตาม (1) ให้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูก ตรวจสอบที่ตนได้ให้ไว้และต้องทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างน้อยสองคน และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ลงชื่ อกากับไว้ แล้วส่งสาเนาให้แก่ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง เก็บไว้หนึ่งฉบับ หรือกรณีจาเป็นไม่สามารถพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ ให้จัดทาข้อมูลหรือข้อเท็จจริง เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกต รวจสอบเป็นสองฉบับ และพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ ทั้งสองฉบับโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมืออย่างน้อยสองคน แล้วจัดส่งมายังสานักงาน ป.ป.ช. ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหนึ่งฉบับ ส่วนอีกหนึ่งฉบับให้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนามาแสดงใน การขอรับเงินรางวัล ตามข้อ 24 กรณีผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ไม่ประสงค์จะแจ้งชื่อและที่อยู่ ตามวรรคสอง ให้สานักงาน ป.ป.ช. โดยพนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าของสานวนมีหน้าที่เผยแพร่ผลการพิจารณา การจ่ายเงินรางวัลพร้อมคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด ทางเว็บไซต์สานัก งาน ป.ป.ช. ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินรางวัล ทั้งนี้ ให้ผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าว มีหน้าที่ในการติดตามผลการพิจารณาการจ่ายเงินรางวัลเพื่อขอรับ เงินรางวัลภายในกาหนดระยะเวลาตามข้อ 22 วรรคสอง ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566
ข้อ 16 ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่นามาแจ้งตามข้อ 15 วรรคหนึ่ง ต้องเป็นสาระสาคัญของ การตรวจสอบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่อาจทราบได้ตามปกติจากการไต่สวนและต้องแสดงให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลได้ใช้ความพยา ยามในการแสวงหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งหากไม่มีข้อมูล หรือข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น จะไม่สามารถรู้และตรวจสอบการร่ำรวยผิดปกติได้ หมวด 4 การจ่ายเงินรางวัล ส่วนที่ 1 การพิจารณาจ่ายเงินรางวัล ข้อ 17 ในกรณีที่ศาลมีคาพิพากษาหรือคาสั่งถึงที่สุดให้ทรัพย์สินที่ร่ารวยผิดปกติตกเป็น ของแผ่นดินเนื่องจากมีการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส ให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงของผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าของสำนวนสรุปข้อเท็จจริงพร้อมความเห็น และเสนอเรื่องให้ คณะอนุกรรมการ พิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัล พิจารณาจ่ายเงินรางวัลให้แก่บุคคลดังกล่าว ข้อ 18 ให้คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัลพิจารณาจ่ายเงินรางวัล ให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลเฉพาะส่วนของทรัพย์สินที่ได้มีการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส ห รือให้ข้อมูลหรือ ข้อเท็จจริง กรณีที่มีผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงหลายคนในทรัพย์สินรายการเดียวกัน ให้ถือว่าผู้ที่ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงก่อน เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล กรณีที่มีผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงพร้อมกัน ให้ถือว่าทุกคนเป็น ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล โดยให้คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัลพิจารณาจ่ายเงินรางวัล ตามที่เห็นสมควร ข้อ 19 การจ่ายเงินรางวัลให้จ่ายในอัตราร้อยละสิบห้าของทรัพย์สินที่ศาลมี คาพิพากษาหรือ คำสั่งถึงที่สุดให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท ข้อ 20 การคานวณมูลค่าทรัพย์สิน กรณีอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่มิใช่เงินฝาก หรือเงินสด ให้พิจารณาตามราคาทรัพย์สิน ณ วันที่ศาลมีคาพิพากษาหรือคาสั่งถึงที่สุดให้ตกเป็น ของ แผ่นดิน ข้อ 21 เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการจ่ายเงินรางวัลพิจารณาตามข้อ 17 แล้ว ให้เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินรางวัลทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ผู้มีสิทธิ ได้รับเงินรางวัล ให้สานักงาน ป.ป.ช. ดาเนินการเบิกจ่ายเงินรางวัลจากกองทุนป้องกันและปราบปราม ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566
การทุจริตแห่งชาติ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าของสานวนมีหนังสือแจ้งหรือเผยแพร่ผลการพิจารณา การจ่ายเงินรางวัล แล้วแต่กรณี ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ เพื่อให้ ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลมายื่นคาขอรับเงินรางวัลต่อไป ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ไม่จ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับ เงินรางวัล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าของสำนวนมีหนังสือแจ้งหรือเผยแพร่ผลการพิจารณาการจ่ายเงินรางวัล แล้ว แต่กรณี ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ เพื่อให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลทราบ มติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ถือเป็นที่สุด ส่วนที่ 2 การยื่นคำขอรับเงินรางวัล ข้อ 22 ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลต้องยื่นคาขอรับเงินรางวัลภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง จากสำนักงาน ป.ป.ช. ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลไม่แจ้งชื่อและที่อยู่ตามข้อ 15 วรรคสอง ให้ผู้มีสิทธิได้รับ เงินรางวัลยื่นคำขอรับเงินรางวัลภายใน 120 วัน นับแต่วันที่สำนักงาน ป.ป.ช. เผยแพร่ผลการพิจารณา การจ่ายเงินรางวัลตามข้อ 15 วรรคสาม ข้อ 23 ในกรณีผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัลถึงแก่ความตาย หรือมีความจาเป็นอื่นใดไม่สามารถ ยื่นคาขอรับเงินรางวัลได้ ให้ทายาทโดยธรรม ผู้จัดการมรดก หรือผู้มีอานาจจัดการแทนตามกฎหมาย ของบุคคลดังกล่าวยื่นคำขอรับเงินรางวัลแทน ภายในกำหนดเวลาตามข้อ 22 ข้อ 24 การขอรับเงินรางวัล ให้ยื่นคาขอตามแบบที่สานักงาน ป.ป.ช. กาหนด พร้อมด้วย เอกสารหลักฐาน ดังนี้ (1) สาเนาภาพถ่ายบัตรประจาตัวประชาชนหรือบัตรประจาตัวอื่นที่หน่วยงานของรัฐออกให้ และสาเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้าน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ขอรับเงินรางวัลเป็นผู้ไม่มีหลักฐานดังกล่าว เช่น คนต่างด้าวหรือภิกษุ ให้ใช้หลักฐานอื่นที่สามารถแสดงสถานภาพของบุคคลและถิ่นที่อยู่ในทานองเดียวกัน กับที่กาหนดไว้ข้างต้น (2) หลักฐานการชี้ช่อง แจ้งเบาะแส ให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ตามข้อ 15 และหรือสำเนา หนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งให้ไปรับเงินรางวัล (3) สำเนาคำสั่งศาลถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน (ถ้ามี) (4) หลักฐานการเป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้จัดการมรดก (5) หนังสือมอบอำนาจหรือหนังสือมอบฉันทะรับเงิน (ถ้ามี) ข้อ 25 ในกรณีที่ไม่มีกา รยื่นคาขอรับเงินรางวัลภายในกาหนดระยะเวลาตามข้อ 22 หรือ ข้อ 23 ให้ถือว่าสละสิทธิ์ในการรับเงินรางวัล ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566
บทเฉพาะกาล ข้อ 26 บรรดาการใด ๆ ที่ได้ดาเนินการตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบน พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปแล้ว ให้ถือว่า เป็นการดาเนินการโดยชอบ และให้ดาเนินการต่อไปตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 256 6 พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 36 ก ราชกิจจานุเบกษา 20 มิถุนายน 2566