ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีความผิดทางพินัยของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2566
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีความผิดทางพินัยของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2566
ระเบียบส ํานักงํานอัยกํารสูงสุด ว่ําด้วยกํารดําเนินคดีควํามผิดทํางพินัยของพนักงํานอัยกําร พ.ศ. 2566 โดยที่พนักงํานอัยกํารมีอํานําจและหน้ําที่ในกํารดําเนินคดีควํามผิดทํางพินัยซึ่งมีวิธีกํารดําเนินคดี ที่แตกต่ํางไปจํากกํารด ําเนินคดีอําญํา ดังนั้น เพื่อให้กํารปฏิบัติหน้ําที่ของพนักงํานอัยกํารใน กํารดําเนินคดีควํามผิดทํางพินัยเป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภําพ จึงสมควรให้มีระเบียบสํานักงําน อัยกํารสูงสุดว่ําด้วยกํารดําเนินคดีควํามผิดทํางพินัยของพนักงํานอัยกําร อําศัยอํานําจตํามคว ํามในมําตรํา 25 วรรคสี่ แห่งพระรําชบัญญัติว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 อัยกํารสูงสุดจึงออกระเบียบ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่ํา “ ระเบียบสํานักงํานอัยกํารสูงสุดว่ําด้วยกํารดําเนินคดีควํามผิดทําง พินัยของพนักงํานอัยกําร พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่พระรําชบัญญัติว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับ เป็นต้นไป ข้อ 3 ในระเบียบนี้ “ อธิบดีอัยกําร ” หมํายควํามว่ํา อธิบดีอัยกํารหรืออธิบดีอัยกํารภําคที่รับผิดชอบในกํารดําเนินคดี “ รองอธิบดีอัยกําร ” หมํายควํามว่ํา รองอธิบ ดีอัยกํารหรือรองอธิบดีอัยกํารภําคที่รับผิดชอบ ในกํารดําเนินคดี “ หัวหน้ําพนักงํานอัยกําร ” หมํายควํามว่ํา อัยกํารพิเศษฝ่ํายที่รับผิดชอบในกํารดําเนินคดี ประจ ําศําลชั้นต้นหรืออัยกํารจังหวัดที่รับผิดชอบในกํารดําเนินคดี “ ผู้กลั่นกรองงําน ” หมํายควํามว่ํา พนักงํานอัยกํารที่มีอําวุโสถัดจ ํากหัวหน้ําพนักงํานอัยกําร ลงมํา ซึ่งได้รับมอบหมํายให้เป็นผู้กลั่นกรองงําน “ พนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวน ” หมํายควํามว่ํา พนักงํานอัยกํารคนหนึ่งหรือหลํายคน หรือคณะทํางําน ผู้ได้รับกํารสั่งจ่ํายส ํานวนให้ดําเนินคดีควํามผิดทํางพินัยตํามที่ได้รับมอบหมําย และให้ หมํายควํามรวมถึงผู้กลั่น กรองงํานด้วย “ เจ้ําหน้ําที่ของรัฐ ” หมํายควํามว่ํา เจ้ําหน้ําที่ของรัฐตํามกฎหมํายว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย “ หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐ ” หมํายควํามว่ํา หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐผู้มีคําสั่ง ปรับเป็นพินัยอยู่ในบังคับบัญชําหรือภํายใต้กํารก ํากับดูแล “ กํารดําเนินคดี ” หมํายควํามว่ํา กํารดําเนินกํารเกี่ยวกับคดีควํามผิดทํางพินัยของพนักงําน อัยกําร ตํามกฎหมํายว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย “ ส ํานักงํานคดี ” หมํายควํามว่ํา ส ํานักงํานคดีที่มีอ ํานําจและหน้ําที่ในกํารดําเนินคดีอําญํา ข้อ 4 อัยกํารสูงสุดเป็นผู้มีอ ํานําจตีควํามและวินิจฉัยปัญหําเกี่ยวกับกํารปฏิบัติตําม ระเบียบนี้ ้ หนา 14 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
ข้อ 5 อัยกํารสูงสุดเป็นผู้รักษํากํารตํามระเบียบนี้ และมีอ ํานําจออกประกําศ ค ําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีกําร หรือแนวทํางปฏิบัติอื่นใดเพื่อประโยชน์ในกํารปฏิบัติตํามระเบียบนี้ บรรดําระเบียบ ข้อบังคับ ประกําศ และค ําสั่ง ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบี ยบนี้แทน ข้อ 6 เพื่อให้กํารดําเนินกํารตํามระเบียบนี้ เป็นไปด้วยควํามสะดวก รวดเร็ว อําจดําเนินกําร ผ่ํานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ตํามหลักเกณฑ์และวิธีกํารที่ส ํานักงํานอัยกํารสูงสุดกําหนด ข้อ 7 สํานวน สํารบบ แบบพิมพ์ และกํารดําเนินกํารอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีควํามผิดทํางพินัย ให้เป็นไปตํามที่ส ํานักงํานอัยกํารสูงสุดกําหนด หมวด 1 บททั่วไป ข้อ 8 อธิบดีอัยกํารเป็นผู้บังคับบัญชําข้ํารําชกํารและลูกจ้ําง และรับผิดชอบในกํารปฏิบัติรําชกําร ของหน่วยงํานภํายในที่กําหนดในกฎหมําย ประกําศคณะกรรมกํารอั ยกําร และคําสั่งสํานักงํานอัยกํารสูงสุด มีอํานําจและหน้ําที่ในกํารกําหนดนโยบํายและแผน จัดองค์กรบริหํารงํานบุคคล อํานวยกําร ประสํานงําน กํารปฏิบัติรําชกําร ควบคุม ตรวจสอบ ประเมินผล และรํายงํานผลกํารปฏิบัติรําชกํารในควํามรับผิดชอบ ให้เป็นไปตํามกฎหมําย นโยบําย ระเบียบ และค ําสั่ งของส ํานักงํานอัยกํารสูงสุด รองอธิบดีอัยกํารเป็นผู้บังคับบัญชําข้ํารําชกํารและลูกจ้ําง และรับผิดชอบในกํารปฏิบัติรําชกําร ของหน่วยงํานภํายในที่กําหนดในกฎหมําย ประกําศคณะกรรมกํารอัยกําร และคําสั่งสํานักงํานอัยกําร สูงสุด รองจํากอธิบดีอัยกําร มีอํานําจและหน้ําที่อํานวยกําร ประสํานงํานกํารปฏิบัติรําชกําร ควบคุม ตรวจสอบ ประเมินผล และรํายงํานผลกํารปฏิบัติรําชกํารในควํามรับผิดชอบให้เป็นไปตํามกฎหมําย นโยบําย ระเบียบและค ําสั่งของส ํานักงํานอัยกํารสูงสุดและอธิบดีอัยกําร หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นผู้ บังคับบัญชําข้ํารําชกํารและลูกจ้ําง และรับผิดชอบในกํารปฏิบัติ รําชกํารของหน่วยงํานภํายในที่ก ําหนดในกฎหมําย ประกําศคณะกรรมกํารอัยกําร และคําสั่งสํานักงําน อัยกํารสูงสุด มีอํานําจและหน้ําที่อํานวยกําร ประสํานงํานกํารปฏิบัติรําชกําร ควบคุม ตรวจสอบ กําร ด ําเนินคดีให้เป็นไปตํามกฎหมําย น โยบําย ระเบียบ และค ําสั่งของส ํานักงํานอัยกํารสูงสุด อธิบดีอัยกําร และรองอธิบดีอัยกําร ข้อ 9 กํารมอบหมํายให้ดําเนินคดี กํารควบคุมและกํารตรวจสอบ เป็นอ ํานําจของผู้บังคับบัญชํา ผู้บังคับบัญชําอําจกําหนดกํารแบ่งภําระหน้ําที่ หรือมอบหมํายงํานให้พนักงํานอัยกํารในบังคับบัญชํา คนใดคนหนึ่งปฏิบัติงําน หรือช่วยกลั่นกรองงํานเป็นกํารทั่วไป หรือเป็นกํารเฉพําะเรื่องก็ได้ กํารเรียกคืนสํานวน กํารเปลี่ยนตัวผู้ดําเนินคดี หรือกํารโอนสํานวน จะกระทํามิได้ เว้นแต่ ผู้บังคับบัญชําเห็นว่ําเป็นกรณีที่จะเสียควํามเป็นอิสระในกํารพิจํารณําสั่งคดีหรือกํารปฏิบัติหน้ําที่ ให้เป็นไปตํามกฎหมํายโดยสุจริต รวดเร็ว เที่ยงธรรม และปรําศจํากอคติทั้งปวง ให้ผู้บังคับบัญชํา เรียกคืนสํานวนหรือโอนสํานวนโดยเปลี่ยนตัวพนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวน แล้วให้ร ํายงํานอธิบดีอัยกําร หรืออัยกํารสูงสุด แล้วแต่กรณี เพื่อทรําบ ้ หนา 15 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
ผู้บังคับบัญชําอําจเรียกสํานวนคดีหนึ่งคดีใดที่อยู่ในเขตอํานําจมําตรวจสอบพิจํารณําหรือ ดําเนินคดีเสียเอง หรือจะมอบหมํายให้พนักงํานอัยกํารคนใดดําเนินคดีแทนก็ได้ และในกรณีที่เห็นควร กลับควํามเห็นหรือกลับคําสั่งเดิ ม ให้เสนอผู้บังคับบัญชําถัดขึ้นไปหนึ่งชั้นเพื่อพิจํารณําสั่ง ข้อ 10 ในกรณีที่ระเบียบนี้มิได้ก ําหนดไว้ ให้น ําระเบียบส ํานักงํานอัยกํารสูงสุดว่ําด้วย กํารดําเนินคดีอําญําของพนักงํานอัยกําร มําใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ 11 ในกรณีมีควํามจําเป็นจะต้องหํารือในปัญหําหรือข้อขัดข้องอั นเกิดจํากกํารปฏิบัติ ตํามระเบียบนี้ ให้หํารือไปยังอัยกํารสูงสุด โดยเสนอผ่ํานผู้บังคับบัญชําตํามล ําดับชั้น ข้อ 12 ในกํารดําเนินคดี หํากพบข้อบกพร่องหรือช่องว่ํางของกฎหมําย ให้พนักงํานอัยกําร รีบรํายงํานพร้อมด้วยควํามเห็นและข้อเสนอแนะในกํารแก้ไขโดยเสนอผ่ํานผู้บังคับบัญชําตํามลําดั บชั้น ไปยังอัยกํารสูงสุด ทั้งนี้ ไม่ว่ําคดีจะเสร็จเด็ดขําดแล้วหรือไม่ก็ตําม หมวด 2 กระบวนกํารก่อนฟ้องคดี ข้อ 13 ก่อนรับสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัย ให้เจ้ําหน้ําที่ที่ได้รับมอบหมํายดําเนินกํารตรวจสอบ ข้อมูลบุคคลและพยํานหลักฐํานต่ําง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี เมื่อได้รับสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยแล้ว ให้ดําเนินกํารลงรับสํานวนเข้ําไว้ในสํารบบคดีควํามผิด ทํางพินัยในวันที่รับส ํานวน และให้สั่งจ่ํายส ํานวนโดยเร็ว ข้อ 14 หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นผู้สั่งจ่ํายสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยให้พนักงํานอัยกําร ในบังคับบัญชําและต้องลงชื่อในคําสั่งพร้อมวัน เดือน ปีที่สั่ง แม้จะสั่งจ่ํายให้ตนเองก็ตําม และกํารคืน ส ํานวนคดีควํามผิดทํางพินัย ให้หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นผู้พิจํารณําสั่ง กรณีที่ค ําสั่งหรือระเบียบนี้มิได้ก ําหนดไว้เป็นอย่ํางอื่นหรือมิได้ก ําหนดวิธีปฏิบัติเป็นกรณี เฉพําะเรื่องไว้ กํารคืนสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยในกรณีไม่อยู่ในเขตอํานําจของสํานักงํานคดีนั้น ให้พนักงํานอัยกํารส ํานักงํานคดีนั้นส่งส ํานวนคดีคืนเจ้ําหน้ําที่ของรัฐเพื่อส่งไปยังพนักงํานอัยกําร ส ํานักงํานคดีที่คดีนั้นอยู่ในเขตอ ํานําจ ข้อ 15 เมื่อพนักงํานอัยกํารได้รับส ํานวนคดีควํา มผิดทํางพินัยจํากเจ้ําหน้ําที่ของรัฐแล้ว พนักงํานอัยกํารต้องพิจํารณําสํานวนคดีให้เสร็จสิ้นกระแสควํามด้วยควํามรอบคอบและรวดเร็ว แล้วจึงมี ควํามเห็นและค ําสั่ง ข้อ 16 กรณีพนักงํานอัยกํารเห็นว่ํากํารรวบรวมพยํานหลักฐํานของเจ้ําหน้ําที่ของรัฐยังไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ให้พนักงํานอัยกําร แสวงหําข้อเท็จจริงเพิ่มเติม รวมทั้งมีหนังสือเรียกบุคคลมําให้ถ้อยคําได้ ตํามที่เห็นสมควร หรือสั่งเป็นหนังสือให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐดําเนินกํารก็ได้ กํารแสวงหําข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตํามวรรคหนึ่ง ให้พนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวนเป็นผู้พิจํารณําสั่ง และให้เสนอหัวหน้ําพนักงําน อัยกํารเพื่อทรําบ ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
ข้อ 17 ในกํารพิจํารณําสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัย ให้พนักงํานอัยกํารพิจํารณําเรื่องเงื่อนไข ระงับคดีก่อน และพนักงํานอัยกํารพึงระมัดระวังในเรื่องเงื่อนไขระงับคดีตลอดระยะเวลํากํารดําเนินคดี เงื่อนไขระงับคดี ได้แก่ (1) ผู้กระท ําควํามผิดทํางพินัยถึงแก่ควํามตําย (2) เมื่อได้มีกํารชําระค่ําปรับเป็นพินัยครบถ้วนตํามจ ํานวนที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐกําหนดก่อนศําลชั้นต้น มีค ําพิพํากษํา หรือมีกํารท ํางํานบริกํารสังคมหรือท ํางํานสําธํารณประโยชน์แทนค่ําปรับเป็นพินัยครบถ้วนแล้ว (3) เมื่อกํารกระทําอันเป็นกรรมเดียวเป็นทั้งควํามผิดทํางพินัยและควํามผิดอําญําซึ่งควํามผิดอําญํา เป็นควํามผิดที่เปรียบเทียบได้ และได้มีกํารช ําระค่ําปรับตํามที่เปรียบเทียบแล้ว (4) เมื่อมีกฎหมํายออกใช้ภํายหลังกํารกระท ําผิดยกเลิกควํามผิดทํางพินัยเช่นนั้น (5) เมื่อคดีขําดอํายุควําม (6) มี เหตุคดีควํามผิดทํางพินัยเป็นอันยุติตํามกฎหมําย กรณีที่คดีใดมีเงื่อนไขระงับคดีในวรรคสอง ให้พนักงํานอัยกํารสั่งคดีว่ํา “ ยุติกํารดําเนินคดี เพรําะ … (ระบุเงื่อนไขระงับคดีหรือเหตุตํามกฎหมําย) …” กํารสั่งยุติกํารดําเนินคดีในวรรคสําม ให้พนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวนทําค วํามเห็นเสนอ หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเพื่อพิจํารณําสั่ง เมื่อมีคําสั่งยุติกํารดําเนินคดีตํามวรรคสํามแล้ว ให้พนักงํานอัยกํารแจ้งคําสั่งยุติกํารดําเนินคดี แก่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐเพื่อแจ้งให้ผู้ถูกกล่ําวหําทรําบโดยเร็ว ถ้ําควํามปรํากฏภํายหลังว่ําเหตุในกํารออกคําสั่งตํามข้อนี้ไม่ถูกต้องหรื อมีเหตุที่ต้องเพิกถอนคําสั่ง ให้พนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวนทําควํามเห็นเสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นผู้พิจํารณําสั่งเพิกถอน ค ําสั่งนั้น ข้อ 18 ถ้ําควํามปรํากฏแก่พนักงํานอัยกํารว่ําคดีควํามผิดทํางพินัยเป็นอันยุติในระหว่ําง กํารพิจํารณําคดีของศําล ให้พนักงํานอัยกํารแถลงข้อเท็จจริงดังกล่ําวให้ศําลทรําบ ถ้ําควํามปรํากฏต่อศําลเองว่ําคดีควํามผิดทํางพินัยเป็นอันยุติและศําลได้สอบถํามพนักงํานอัยกําร ให้พนักงํานอัยกํารแถลงข้อเท็จจริงให้ศําลทรําบ ในกรณีที่ศําลมีคําสั่งให้จําหน่ํายคดีหรือมีคําพิพํากษํายกฟ้องโดยอ้ํางเหตุคดีควํามผิดทํางพินัย เป็นอันยุติตํามข้อ 17 ให้หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นผู้พิจํารณําสั่งยุติกํารด ําเนินคดี แต่ถ้ําเห็นว่ํา มิใช่กรณี ตํามข้อ 17 ให้อุทธรณ์ต่อไป ข้อ 19 พนักงํานอัยกํารต้องทําควํามเห็นในสําน วนคดีควํามผิดทํางพินัย โดยมีรํายละเอียด ดังนี้ (1) ข้อเท็จจริงและพยํานหลักฐํานจํากกํารแสวงหําข้อเท็จจริง โดยระบุวัน เวลํา สถํานที่เกิดเหตุ และเหตุกํารณ์ที่เกิดขึ้น ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
(2) กํารพิจํารณําพยํานหลักฐํานในสํานวนว่ําเป็นพยํานหลักฐํานซึ่งน่ําจะพิสูจน์ควํามผิด หรือควํามบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่ําวหําได้หรือไม่ เช่น พยํานบุคคล พยํานเอกสําร พยํานวัตถุ รวมทั้ง ค ําให้กํารของผู้ถูกกล่ําวหํา (3) แนวทํางกํารดําเนินคดีจํากพยํานหลักฐําน คําให้กํารของผู้ถูกกล่ําวหํา และข้อกฎหมําย จะท ําให้ศําลมีค ําพิพํากษําให้จ ําเลยช ําระค่ําปรับเป็นพินัยได้หรือไม่ ( 4) ค ําสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องตํามฐํานควํามผิดและบทกฎหมําย ข้อ 20 ในกํารพิจํารณําสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัย กํารพิจํารณําฐํานควํามผิดย่อมพิจํารณํา จํากกํารกระท ําที่ผู้ถูกกล่ําวหําได้ถูกเจ้ําหน้ําที่ของรัฐกล่ําวหํา หํากพนักงํานอัยกํารพิจํารณําแล้ว เห็นว่ํากํารกระทําดังกล่ําวเป็นควํามผิดทํางพินัยฐํา นอื่นด้วย โดยเป็นกํารกระทําอันเป็นกรรมเดียว เป็นควํามผิดทํางพินัยหลํายบทและควํามผิดทํางพินัยฐํานอื่นนั้นเป็นกฎหมํายบทที่กําหนดค่ําปรับ เป็นพินัยสูงกว่ํา ให้พนักงํานอัยกํารคืนสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยแก่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐเพื่อให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐ พิจํารณําดําเนินกํารตํามกฎหมําย ว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัยต่อไป ในกรณีที่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐพิจํารณําแล้วเห็นว่ํากํารกระทําดังกล่ําวไม่เป็นควํามผิดทํางพินัยฐํานอื่น ที่กําหนดค่ําปรับเป็นพินัยสูงกว่ําตํามที่พนักงํานอัยกํารได้พิจํารณําไว้ตํามวรรคหนึ่ง ให้พนักงํานอัยกําร มีหนังสือแจ้งไปยังหัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐพร้ อมด้วยเหตุผล และหํากหัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐดังกล่ําว มีควํามเห็นประกํารใด ให้พนักงํานอัยกํารดําเนินกํารไปตํามนั้น หํากพนักงํานอัยกํารพิจํารณํากํารกระท ําดังกล่ําวแล้วเห็นว่ําเป็นกรณีอย่ํางหนึ่งอย่ํางใด ดังต่อไปนี้ (1) ไม่เป็นควํามผิดทํางพินัยตํามที่กล่ําวหํา แต่เป็นควํามผิดอําญํา (2) เป็นควํามผิดอําญําฐํานอื่นด้วย โดยเป็นกํารกระทําอันเป็นกรรมเดียวเป็นทั้งควํามผิด ทํางพินัยและควํามผิดอําญํา และควํามผิดอําญําฐํานอื่นนั้นเป็นควํามผิดที่ไม่อําจเปรียบเทียบได้ (3) เป็นควํามผิดอําญําฐํานอื่นด้วย โดยเป็นกํารกระท ําอันเป็นควํามผิดหลํายกรรมต่ํางกัน ให้พนักงํานอัยกําร มีหนังสือแจ้งพนักงํานสอบสวนในท้องที่ที่มีอํานําจเพื่อพิจํารณําดําเนินคดีอําญํา ทั้งนี้ หํากเป็นกรณี (1) หรือ (2) ให้พนักงํานอัยกํารคืนส ํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยพร้อมแจ้งเหตุผล แห่งกํารคืนสํานวนนั้นแก่เจ้ําหน้ําที่ของรัฐและแจ้งให้เจ้ําหน้ําที่ของรัฐทรําบด้วยว่ําพนักงํานอัย กํารได้มีหนังสือ แจ้งให้พนักงํานสอบสวนพิจํารณําดําเนินคดีอําญําต่อไปแล้ว ข้อ 21 ในกํารพิจํารณําสํานวนคดีควํามผิดทํางอําญํา หํากพนักงํานอัยกํารพิจํารณําแล้ว เห็นว่ําเป็นควํามผิดทํางพินัย ให้พนักงํานอัยกํารคืนสํานวนคดีอําญําแก่พนักงํานสอบสวน และให้มีหนังสือ แจ้งเจ้ําหน้ําที่ของรัฐที่เกี่ ยวข้องเพื่อพิจํารณําดําเนินกํารปรับเป็นพินัยต่อไป หํากพนักงํานอัยกํารพิจํารณําแล้วเห็นว่ํากํารกระทําดังกล่ําวเป็นควํามผิดทํางพินัยฐํานอื่น ด้วย โดยเป็นกํารกระทําอันเป็นควํามผิดหลํายกรรมต่ํางกัน ให้พนักงํานอัยกํารมีหนังสือแจ้งเจ้ําหน้ําที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจํารณําดําเนินกํารปรับเป็นพินัยต่อไป ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
ข้อ 22 ข้ํารําชกํารอัยกํารชั้น 4 ข้ํารําชกํารอัยกํารชั้น 5 และข้ํารําชกํารอัยกํารชั้น 6 ผู้ไม่ได้ปฏิบัติหน้ําที่หัวหน้ําพนักงํานอัยกําร เมื่อได้รับมอบหมํายให้พิจํารณําสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยใด ให้ดําเนินคดีนั้นได้เช่นเดียวกับหัวหน้ําพนักงํานอัยกําร และเมื่อสั่งคดีแล้วให้เสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกําร เพื่อทรําบ กรณีมีคําสั่งฟ้องให้เสนอควํามเห็นและค ําสั่งพร้อมด้วยร่ํางคําฟ้อง กํารเสนอเพื่อทรําบ ให้เสนอก่อนยื่นคําฟ้อง เมื่อหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารมีควํามเห็นและ ค ําสั่ งประกํารใด ให้ปฏิบัติตํามนั้น กรณีมีเหตุจําเป็นเร่งด่วนไม่อําจเสนอเพื่อทรําบก่อนยื่นคําฟ้อง เช่น คดีจะขําดอํายุควํามฟ้องร้อง หรือเหตุอื่นที่อําจท ําให้เกิดควํามเสียหําย ให้เสนอเพื่อทรําบภํายหลังยื่นค ําฟ้องโดยเร็ว ข้อ 23 ข้ํารําชกํารอัยกํารชั้น 2 และข้ํารําชกํารอัยกํารชั้น 3 เมื่อได้รับมอบหมําย ให้พิจํารณําสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยใด ให้ตรวจพิจํารณําสํานวนแล้วทําควํามเห็นเสนอผู้กลั่นกรองงําน โดยให้ผู้กลั่นกรองงํานสั่งคดีนั้นได้เช่นเดียวกับหัวหน้ําพนักงํานอัยกําร แต่ต้องเสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกําร เพื่อทรําบ และให้นําควํามในวรรคสองและวรรคสํามของข้อ 22 มําใช้บังคับโดยอนุโลม กรณีที่ สํานักงํานอัยกํารใดไม่มีผู้กลั่นกรองงําน หรือมีแต่ไม่อําจปฏิบัติหน้ําที่ได้และมีเหตุจําเป็นอันไม่อําจรอได้ ให้ท ําควํามเห็นเสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเพื่อพิจํารณําสั่งต่อไป กรณีมีค ําสั่งฟ้อง ให้เ สนอควํามเห็นและค ําสั่งพร้อมด้วยร่ํางคําฟ้อง ในกํารสั่งจ่ํายสํานวน ให้หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารระบุชื่อผู้กลั่นกรองงํานในกํารสั่งจ่ํายสํานวน คดีควํามผิดทํางพินัยให้พนักงํานอัยกํารด้วย ข้ํารําชกํารอัยกํารชั้น 1 ให้หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารสั่งจ่ํายส ํานวนคดีที่เหมําะสมกับสถํานภําพ โดยระบุ ชื่อพนักงํานอัยกํารผู้เป็นอําจํารย์ที่ปรึกษําเป็นผู้ร่วมตรวจสํานวนด้วย ทั้งนี้ เมื่อข้ํารําชกํารอัยกําร ชั้น 1 ตรวจสํานวนแล้ว ให้ทําควํามเห็นเสนอพนักงํานอัยกํารผู้เป็นอําจํารย์ที่ปรึกษําเพื่อพิจํารณําดําเนินกําร ตํามระเบียบนี้ต่อไป ข้อ 24 ในกรณีมีคําสั่งฟ้อง ให้หัวหน้ําพนัก งํานอัยกํารเป็นผู้ลงนํามในคําฟ้อง เว้นแต่กรณีจําเป็น และเร่งด่วน ให้พนักงํานอัยกํารผู้มีอําวุโสถัดลงมําเป็นผู้ลงนํามในค ําฟ้อง ในกรณีที่มีคําสั่งตั้งคณะทํางํานเป็นผู้รับผิดชอบกํารดําเนินคดี ให้หัวหน้ําคณะทํางํานหรือ ผู้ที่คณะท ํางํานมอบหมํายเป็นผู้ลงนํามในค ําฟ้อง ข้อ 25 ก่อนฟ้อง คดีควํามผิดทํางพินัยต่อศําล หํากผู้เสียหํายหรือผู้ถูกกล่ําวหําว่ํากระทําควํามผิด ทํางพินัยหรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้เสียหํายหรือผู้ถูกกล่ําวหํา ยื่นหนังสือร้องขอควํามเป็นธรรม หรือหนังสืออื่นใดต่อพนักงํานอัยกําร โดยกล่ําวอ้ํางว่ําไม่ได้รับควํามเป็นธรรม ให้พนักงํานอัย กํารรับคําร้อง ขอควํามเป็นธรรมดังกล่ําวไว้พิจํารณําโดยให้คํานึงถึงข้อเท็จจริงและพยํานหลักฐํานอันสําคัญแก่คดีที่จะนําไปสู่ กํารพิสูจน์ควํามผิดหรือควํามบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่ําวหํา ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
หํากประเด็นตํามหนังสือดังกล่ําวตํามวรรคหนึ่ง เป็นประเด็นที่ปรํากฏข้อเท็จจริงอันเป็นที่แน่ชัด จํากพยํานหลักฐํานในสํานวนแล้ว หรือเป็นประเด็นที่ไม่เป็นสําระแก่คดีอันควรได้รับกํารแสวงหํา ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หรือเป็นประเด็นที่ผู้ร้องเคยขอควํามเป็นธรรมและพนักงํานอัยกํารได้เคยพิจํารณําไว้แล้ว หรือกํารยื่นหนังสือมีลักษณะเป็นกํารประวิงคดีให้ล่ําช้ํา ให้ทําบันทึกข้อคว ํามเสนอควํามเห็นพร้อมเรื่อง ร้องขอควํามเป็นธรรมเสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารพิจํารณําสั่งยุติเรื่องร้องขอควํามเป็นธรรมนั้น หํากประเด็นตํามหนังสือดังกล่ําวตํามวรรคหนึ่งเป็นสําระแก่คดีอันควรได้รับกํารแสวงหํา ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้พนักงํานอัยกํารดําเนินกํารตํามข้อ 16 ต่อไป ทั้ งนี้ หํากเป็นกรณีที่ต้องกลับ ควํามเห็นหรือกลับคําสั่งเดิม ให้หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นผู้พิจํารณําสั่งแล้วให้รํายงํานอธิบดีอัยกําร เพื่อทรําบ ข้อ 26 กรณีปรํากฏหลักฐํานแน่ชัดว่ําเจ้ําหน้ําที่ของรัฐมีค ําสั่งปรับเป็นพินัยผู้ถูกกล่ําวหําผิดตัว ให้พนักงํานอัยกํารรีบดําเนินกํารเ พื่อสั่งไม่ฟ้องคดีเกี่ยวกับผู้ถูกกล่ําวหํานั้นโดยเร็ว กรณีมีค ําสั่งฟ้องแล้ว หํากปรํากฏหลักฐํานแน่ชัดว่ํามีคําสั่งฟ้องผู้ถูกกล่ําวหําผิดตัว ให้พนักงําน อัยกํารเจ้ําของสํานวนรีบดําเนินกํารเสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเพื่อพิจํารณําสั่งไม่ฟ้องคดีเกี่ยวกับ ผู้ถูกกล่ําวหํานั้นโดยเร็ว โดยไม่ถือว่ําเป็นกํารกลับควํามเห็นหรือค ําสั่งเดิม ภํายหลังยื่นฟ้องคดีต่อศําลแล้ว หํากปรํากฏว่ําเป็นกํารยื่นฟ้องจ ําเลยผิดตัว ให้พนักงํานอัยกําร เจ้ําของส ํานวนรีบดําเนินกํารเสนอหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเพื่อพิจํารณํามีคําสั่ง และเมื่อหัวหน้ําพนักงําน อัยกํารมีค ําสั่งให้ถอนฟ้อง ให้ พนักงํานอัยกํารดําเนินกํารถอนฟ้องคดีที่เกี่ยวกับจ ําเลยนั้นโดยเร็ว โดยให้ ถือว่ําคําสั่งให้ถอนฟ้องของหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารเป็นที่สุด และให้มีหนังสือแจ้งเจ้ําหน้ําที่ของรัฐ ทรําบต่อไป ข้อ 27 ในกรณีที่พนักงํานอัยกํารมีคําสั่งไม่ฟ้อง ให้รีบแจ้งคําสั่งไม่ฟ้องพร้อมเหตุผลและ ส่งสํานวนคดีควํามผิดทํางพินัยไปยังหัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐตํามกฎหมํายว่ําด้วยกํารปรับเป็นพินัย เพื่อพิจํารณํา ในกรณีที่หัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐไม่เห็นด้วยกับคําสั่งของพนักงํานอัยกําร และทําควํามเห็น แย้งคําสั่งไม่ฟ้องของพนักงํานอัยกําร ให้เสนอสํานวนพร้อมกับควํามเห็นแย้งไปยังหั วหน้ําพนักงํานอัยกําร เพื่อชี้ขําด แต่ในกรณีที่เป็นคําสั่งไม่ฟ้องของหัวหน้ําพนักงํานอัยกําร เมื่อพนักงํานอัยกํารได้รับสํานวน พร้อมกับควํามเห็นแย้งของหัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐแล้ว ให้พนักงํานอัยกํารเสนอสํานวนพร้อมกับ ควํามเห็นแย้งไปยังอธิบดีอัยกํารหรือรองอธิบดีอัยกํารผู้ได้รั บมอบหมํายเพื่อชี้ขําด ถ้ําคดีจะขําดอํายุควําม หรือมีเหตุอื่นอันจําเป็นจะต้องรีบฟ้อง ให้พนักงํานอัยกํารฟ้องคดีนั้น ตํามควํามเห็นของหัวหน้ําหน่วยงํานของรัฐไปก่อน เมื่อมีค ําสั่งเด็ดขําดไม่ฟ้องคดีแล้ว ให้พนักงํานอัยกํารแจ้งให้ผู้ถูกกล่ําวหําทรําบเป็นหนังสือ ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
หมวด 3 กระบวนกํา รภํายหลังมีค ําสั่งฟ้อง ข้อ 28 ในกํารบรรยํายฟ้อง ให้นําหลักในมําตรํา 158 แห่งประมวลกฎหมํายวิธีพิจํารณํา ควํามอําญํามําใช้บังคับโดยอนุโลม และพนักงํานอัยกํารควรยึดหลักต่อไปนี้ด้วย (1) ใช้ภําษําอย่ํางถูกต้อง ใช้ถ้อยค ําโดยกระชับไม่ฟุ่มเฟือย แต่ต้องไม่ขําดข้อควํามจนเป็นเหตุ ให้จ ําเลยหลงต่อสู้หรือไม่ทรําบว่ําจะต่อสู้คดีได้อย่ํางไร (2) บรรยํายข้อเท็จจริงให้ครบองค์ประกอบควํามผิดและบทกฎหมํายที่ฟ้อง ในกรณีที่กํารกระทํา ของจําเลยเป็นควํามผิดหลํายกรรม ให้บรรยํายฟ้องแยกแต่ละกรรมเป็นแต่ละข้อให้ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อให้ศําล มีค ําพิพํากษําให้จ ําเลยช ําระ ค่ําปรับเป็นพินัยทุกกรรม (3) เมื่อเห็นสมควรและเพื่อประโยชน์แห่งควํามยุติธรรม ให้บรรยํายข้อเท็จจริงในสํานวนคดี ควํามผิดทํางพินัยที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่จําเลยเพื่อให้ศําลใช้ประกอบดุลพินิจในกํารกําหนดค่ําปรับ เป็นพินัยหรือให้จ ําเลยท ํางํานบริกํารสังคมหรือท ํางํานสําธํารณประโยชน์ ข้อ 29 กํารระบุฐํานควํามผิดในคําฟ้อง ให้ระบุฐํานควํามผิดที่ฟ้องให้ครบถ้วนและใช้ฐํานควํามผิด หรือองค์ประกอบควํามผิดตํามที่กฎหมํายบัญญัติไว้ ข้อ 30 ในกฎหมํายบํางฉบับ นอกจํากพระรําชกฤษฎีกําที่ออกตํามกฎหมํายนั้นแล้วยังมี กฎกระทรวง ข้อบังคับ ประกําศ คําสั่ง ข้อกําหนด หรือกฎหมํายลําดับรองอื่นที่ผู้มีอํานําจตํามกฎหมําย ได้ออกตํามกฎหมํายนั้น อันเป็นส่วนหนึ่งของบทบัญญัติที่ทําให้เกิดควํามผิดแก่ผู้ฝ่ําฝืนกฎหมํายอีกด้วย พนักงํานอัยกํารต้องบรรยํายไว้ในฟ้องด้วยว่ําจําเลยได้ทรําบกฎกระทรวง ข้อบังคับ ประกําศ คําสั่ง ข้อกําหนด หรือกฎหมํายล ําดับ รองอื่นดังกล่ําวแล้ว ข้อ 31 ในกํารฟ้องคดีควํามผิดทํางพินัย พนักงํานอัยกํารจะฟ้องคดีโดยมีหรือไม่มีตัวผู้ถูกกล่ําวหํา ไปศําลก็ได้ หมวด 4 กระบวนกํารภํายหลังศําลมีค ําพิพํากษําหรือค ําสั่ง ข้อ 32 เมื่อศําลชั้นต้นอ่ํานคําพิพํากษําหรือคําสั่ง หํากเป็นกรณีที่ศําลพิพํากษําให้จําเลย ชําระค่ําปรับเป็นพินัยตํามฟ้อง ให้พนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวนเสนอสํานวนพร้อมด้วยรํายงํานกํารคดี ตํามแบบ อ.ก. 13 และควํามเห็นชั้นศําลพิพํากษําตํามแบบ อ.ก. 14 ต่อหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารโดยเร็ว เพื่อพิจํารณํามีค ําสั่งอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ในประเด็นปัญหําข้อกฎหมํายต่อไป กร ณีที่ศําลชั้นต้นพิพํากษํายกฟ้องทุกข้อหําหรือบํางข้อหํา หรือพิพํากษําให้จ ําเลยช ําระค่ําปรับ เป็นพินัยไม่เต็มตํามฟ้องหรือมีค ําสั่งยกค ําร้องทั้งหมดหรือบํางส่วน ให้ด ําเนินกํารตํามวรรคหนึ่ง พร้อมเสนอสําเนําคําพิพํากษําหรือคําสั่งศําลชั้นต้น คําเบิกควํามพยํานโจทก์ จําเลย และเอกสํารหลั กฐําน ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566
ที่โจทก์จ ําเลยอ้ํางส่งศําลในคดีไปยังหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารโดยเร็ว แต่ในกรณีที่เป็นคําสั่งฟ้องของอธิบดี อัยกําร หรือรองอธิบดีอัยกํารผู้ได้รับมอบหมําย ให้หัวหน้ําพนักงํานอัยกํารทําควํามเห็นและเสนอสํานวน ไปยังอธิบดีอัยกํารเพื่อพิจํารณํามีค ําสั่งอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ในปร ะเด็นปัญหําข้อกฎหมํายต่อไปโดยเร็ว กํารท ําควํามเห็นตํามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมํายที่เห็นด้วยหรือ โต้แย้งค ําพิพํากษําหรือคําสั่งของศําลชั้นต้น โดยมีรํายละเอียดในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมํายพอสมควร คดีที่จําเลยอุทธรณ์คําพิพํากษําหรือคําสั่ง ให้พนักงํานอั ยกํารเจ้ําของสํานวนจัดทํารํายงําน กํารคดีตํามแบบ อ.ก. 13 โดยละเอียดว่ําได้รับสําเนําอุทธรณ์จํากศําลเมื่อใด และให้มีควํามเห็น เสนอต่อหัวหน้ําพนักงํานอัยกํารโดยเร็ว เพื่อพิจํารณํามีค ําสั่งต่อไป ข้อ 33 ในกรณีที่ออกคําสั่งอุทธรณ์หรือให้แก้อุทธรณ์ ให้พนักงํานอัยกํารเจ้ําของสํานวน รับผิดชอบในกํารทําคําฟ้องอุทธรณ์หรือคําแก้อุทธรณ์ แล้วดําเนินกํารยื่นคําฟ้องอุทธรณ์หรือคําแก้อุทธรณ์ ต่อไป ข้อ 34 กํารบังคับคดีผู้กระท ําควํามผิดทํางพินัยตํามค ําพิพํากษําหรือค ําสั่งศําล ให้นําระเบียบ ส ํานักงํานอัยกํารสูงสุดว่ําด้วยกํารดําเนินกํารเกี่ยวกับกํารบังคับคดี มําใช้บังคับ โดยอนุโลม ประกําศ ณ วันที่ 23 พฤษภําคม พ.ศ. 25 6 6 นํารี ตัณฑเสถียร อัยกํารสูงสุด ้ หนา 22 ่ เลม 140 ตอนที่ 35 ก ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2566