กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการโอนข้าราชการซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตำรวจหรือการโอนพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566

กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการโอนข้าราชการซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตำรวจหรือการโอนพนักงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 23 (2) และมาตรา 94 (1) แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. 25 65 และมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 จึงออกกฎ ก.ตร. ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กฎ ก.ตร. นี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ข้าราชการหรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นที่มีความประสงค์ขอโอน มารับราชการตารวจตามมาตรา 94 (1) ในหน่วยงานใด ให้ยื่นคำขอตามแบบท้ายกฎ ก.ตร. นี้ ข้อ 3 ผู้ที่จะขอโอนมารับราชการตำรวจ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 71 และต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่งตามที่ ก.ตร. กา หนดไว้ตามมาตรา 69 หรือได้รับอนุมัติจาก ก.ตร. ตามมาตรา 90 ข้อ 4 ให้ผู้บังคับบัญชาหัวหน้าหน่วยงานที่มีผู้ยื่นคาขอโอน พิจารณาการรับโอนโดยคานึงถึง อายุตัว อายุราชการ ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ความชำนาญงานของผู้ขอโอน เปรียบเทียบ กับข้าราชการตำรวจ ผู้รับราชการในหน่วยงาน และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการรับโอนผู้นั้นมารับราชการทางสังกัดแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ ให้เสนอตาแหน่ง ชั้นยศ และอัตราเงินเดือนที่จะใช้รองรับการโอน พร้อมทั้งรวบรวมรายละเอียดข้อมูล หลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับประวัติการรับราชการ และประวัติส่วนตัว หน้าที่การงานของตาแหน่งที่จะรับโอน เหตุผลความจำ เป็นที่ต้องรับโอนไปให้สำนักงานตารวจแห่งชาติพิจารณา ข้อ 5 การพิจารณาเกี่ยวกับตาแหน่ง ชั้นยศ และอัตราเงินเดือนที่จะรับโอนมาบรรจุแต่งตั้ง เป็นข้ำราชการตารวจ ให้พิจารณา ดังนี้ (1) ตาแหน่ง ให้พิจารณาตาแหน่งที่จะรับโอนมาบรรจุและแต่งตั้ง ตามเหตุผลความจาเป็น ของการรับโอน ้ หนา 22 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

(2) ชั้นยศ ให้พิจารณาว่าหากผู้ขอโอนเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตารวจมาตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงวันที่จะรับโอนมาเป็นข้าราชการตารวจ จะ ได้รับยศชั้นใดตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และ วิธีการแต่งตั้งยศ ก็ให้รับยศนั้น ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับตาแหน่งที่จะรับโอนด้วย (3) เงินเดือน ให้ได้รับอัตราเงินเดือนไม่สูงกว่าอัตราเงินเดือนที่ได้รับขณะรับราชการทาง สังกัดเดิมก่อนโอน ข้อ 6 เพื่อประโยชน์ในกำรนับเวลาราชการ ให้ถือเวลาราชการหรือเวลาทา งานของผู้ที่ขอโอน ในขณะที่เป็นข้าราชการประเภทอื่นหรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเวลาราชการของ ข้าราชการตารวจตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ให้ไว้ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 25 6 6 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โ อชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการข้าราชการตารวจ ้ หนา 23 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

แบบคําขอโอนมํารับรําชกํารต ํารวจตํามมําตรํา 94 ( 1 ) เขียนที่ … วัน … เดือน … พ.ศ. … ข้าพเจ้า … … . …วุฒิ … อายุ…ปี สัญชาติ…ศาสนา … . … …อยู่บ้านเลขที่…หมู่ที่… ถนน… … …ตาบล/แขวง.. … …อาเภอ / เขต… จังหวัด… … โทรศัพท์… … . มีความสมัครใจขอโอนมารับราชการตารวจในสังกัด… … … .. .. … ตามมาตรา 94 ( 1 ) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 25 65 1. ข้าพเจ้ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 25 65 2. ข้าพเจ้าเริ่มเข้า รับราชการเมื่อวันที่… …เ ดือน… …พ.ศ… ในประเภทข้าราชการ…ตำแหน่ง… … แผนก… …กอง…กรม… … กระทรวง… … ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง … แผนก… กอง…กรม… …กระทรวง… รับอัตราเงินเดือน…บาท เงินเพิ่มพิเศษอื่นๆ… … 3. ข้าพเจ้าได้ยื่นเอกสารเพื่อประ กอบการพิจารณา คือ (1.) สำเนาสมุดประวัติการรับราชการหรือ ก.พ.7 (2.) หลักฐานแสดงคุณวุฒิทางการศึกษา ( ลงชื่อ ) … (…)

หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎ ก.ตร . ฉบับนี้ คือ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมีบทบัญญัติกาหนดให้มีกฎหมายลาดับรองเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตาม พระราชบั ญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการของสานักงานตารวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและ มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องออกกฎ ก.ตร. นี้ ้ หนา 24 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566