กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566
กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566
กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 23 (2) และมาตรา 95 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวั นที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 จึงออกกฎ ก.ตร. ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กฎ ก.ตร. นี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ในกฎ ก.ตร. นี้ “ ปี ” หมายความว่า ปีงบประมาณ “ ครึ่งปีแรก ” หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม “ ครึ่งปีหลัง ” หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 กันยายน “ ครึ่งปีที่แล้วมา ” หมายความว่า ระยะเวลาครึ่งปีแรกหรือครึ่งปีหลังที่ผ่านมาแล้วแต่กรณี “ ศึกษาในประเทศ ” หมายความว่า การศึกษาในประเทศตามห ลักสูตรที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ด้วยการเรียนหรือการวิจัย เพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพอันอาจพิจารณาคุณวุฒิให้ได้ ข้อ 3 ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การปฏิบัติงานของข้าราชการตารวจตามหลักเกณฑ์ วิ ธีการและระยะเวลาที่กาหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตารวจ ข้อ 4 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตารวจให้เลื่อนปีละสองครั้ง ดังนี้ (1) ครั้งที่หนึ่งครึ่งปีแรก ให้เลื่อนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนของปีที่ไ ด้เลื่อน (2) ครั้งที่สองครึ่งปีหลัง ให้เลื่อนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีถัดไป ข้อ 5 ข้าราชการตารวจซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนครึ่งขั้นในแต่ละครั้งต้องอยู่ใน หลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ในครึ่งปีที่แล้วมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่ น้อยกว่าสี่เดือน หรือได้ปฏิบัติ ราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือนก่อนถึงแก่ความตาย ้ หนา 15 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566
(2) ในครึ่งปีที่แล้วมาได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนด้วยความสามารถและด้วยความอุตสาหะ จนเกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาประเมินตามข้อ 3 แล้วเห็นว่า อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรจะได้เลื่อนเงินเดือนครึ่งขั้น (3) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถูกปลดออก ถูกไล่ออก หรือออกจากราชการด้วยเหตุใด ๆ เป็นระยะเวลารวมกันเกินสองเดือน (4) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่ งลงโทษทางวินัยถึงที่สุดสูงกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือไม่ถูก ศาลพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุด ให้ลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือความผิด ที่ทาให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตาแหน่งหน้าที่ราชการของตน ซึ่งมิใช่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาท หรือความ ผิดลหุโทษ (5) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ลา หรือมาทำงานสายเกินจำนวนครั้งที่ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ หรือผู้บังคับบัญชาซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติกาหนดเป็นหนังสือไว้ก่อนแล้ว โดยคำนึงถึงลักษณะงานและสภาพท้องที่อันเป็นที่ตั้งของแต่ละส่วนราชการห รือหน่วยงาน (6) ในครึ่งปีที่แล้วมา สาหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ลาติดตามคู่สมรสไปปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงาน ในต่างประเทศ ต้องมีเวลาปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่าสี่เดือน (7) ในครึ่งปีที่แล้วมา สาหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษาในประเทศ หรือไปศึกษา ฝึกอบรม หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ ตามระเบียบว่าด้วยการให้ ข้าราชการ ไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ ต้องได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการในครึ่งปีที่แล้วมา เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือน สำหรับผู้ที่ศึกษาในสถานศึกษาของสำนักงานตำรว จแห่งชาติ ต้องได้ ปฏิบัติหน้าที่ราชการครั้งแรกในครึ่งปีที่แล้วมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือน (8) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องมีเวลาปฏิบัติราชการ โดยมีวันลาไม่เกินยี่สิบสามวัน แต่ไม่รวมถึงวันลา ตาม (6) หรือ (7) และวันลา ดังต่อไปนี้ (ก) ลาอุปสมบท หรือลาไป ประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาตามกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน (ข) ลาคลอดบุตรไม่เกินเก้าสิบวัน (ค) ลาป่วยซึ่งจาเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานานไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกัน ไม่เกินหกสิบวัน ทำการ (ง) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือในขณะเดินทางไป หรือกลับจากปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (จ) ลาพักผ่อน (ฉ) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ (ช) ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา ตามกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566
(ซ) ลาไปพื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ กรณีได้รับอันตรายหรือป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ ในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่จนทำให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ การนับจานวนวันลาไม่เกินยี่สิบสามวันสาหรับวันลากิจส่ วนตัว และวันลาป่วยที่ไม่ใช่วันลาป่วย ตาม (ง) ให้นับเฉพาะวันทำการ (9) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อ 6 ข้าราชการตารวจซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนหนึ่งขั้นในแต่ละครั้งต้องเป็น ผู้อยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ 5 และอยู่ในห ลักเกณฑ์ประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้ผลดีเด่น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอันก่อให้เกิดประโยชน์ และผลดียิ่งต่อทางราชการและสังคมจนถือเป็นตัวอย่างที่ดีได้ (2) ปฏิบัติงานโดยมีความคิดริเริ่มในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือได้ค้นคว้า หรือประดิษฐ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการเป็นพิเศษ และทางราชการได้ดาเนินการตามความคิดริเริ่มหรือได้รับรอง ให้ใช้การค้นคว้าหรือสิ่งประดิษฐ์นั้น (3) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่มีสถานการณ์ตรากตราเสี่ยงอันตรายมาก หรือมีการต่อสู้ที่ เสี่ยง ต่อความปลอดภัยของชีวิตเป็นกรณีพิเศษ (4) ปฏิบัติงานที่มีภาระหน้าที่หนักเกินกว่าตาแหน่งจนเกิดประโยชน์ต่อทางราชการเป็นพิเศษ และปฏิบัติงานในตาแหน่งหน้าที่ของตนเป็นผลดีด้วย (5) ปฏิบัติงานตามตาแหน่งหน้าที่ด้วยความตรากตราเหน็ดเหนื่อย ยากลาบากเป็นพิเศษ แล ะงานนั้นได้ผลดียิ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและสังคม (6) ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งจนสำเร็จเป็นผลดียิ่ง แก่ประเทศชาติ ข้อ 7 การพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจตามข้อ 5 และข้อ 6 ให้ผู้บังคับบัญชา ชั้นต้นหรือผู้ที่ได้รับ มอบหมายนำผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การปฏิบัติงานที่ได้ ดาเนินการตามข้อ 3 และพฤติกรรมการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตารวจ และกฎ ก.ตร. ที่ว่าด้วยจรรยาบรรณของตารวจ มาเป็นหลักในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน โดยพิจารณาประกอบกับ ข้อมูลการลา พ ฤติกรรมการมาทางาน การรักษาวินัย และข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ของผู้นั้น แล้วรายงาน ผลการพิจารณานั้นพร้อมด้วยข้อมูลดังกล่าวต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจ สั่งเลื่อนเงินเดือน ในการพิจารณารายงานตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือแต่ ละระดับที่ได้รับรายงาน เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนด้วย ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566
ข้อ 8 ในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนแต่ละครั้ง ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณารายงาน ผลจากผู้บังคับบัญชาตามข้อ 7 ถ้าเห็นว่าข้าราชการตารวจผู้ใดอยู่ในหลักเก ณฑ์ตามข้อ 5 ให้เลื่อนเงินเดือน ให้แก่ผู้นั้นครึ่งขั้น ถ้าเห็นว่าข้าราชการตารวจผู้นั้นมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ 6 ให้เลื่อน เงินเดือน ให้แก่ผู้นั้นหนึ่งขั้น ในกรณีที่ข้าราชการตารวจผู้ใดได้รับการเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีแรกไม่ถึงหนึ่งขั้น ถ้าใ นการพิจารณา เลื่อนเงินเดือนครึ่งปีหลัง ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนได้พิจารณาผลการปฏิบัติงานครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลัง รวมกันแล้วเห็นว่ามีมาตรฐานสูงกว่าการที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนหนึ่งขั้นสาหรับปีนั้นผู้มีอานาจ สั่งเลื่อนเงินเดือนอาจมีคาสั่งให้เลื่อนเ งินเดือนรวมทั้งปีของข้าราชการตารวจผู้นั้นเป็นจำนวนหนึ่งขั้นครึ่งได้ แต่ผลการปฏิบัติงานทั้งปีของข้าราชการตารวจผู้นั้นจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ประการใดประการหนึ่งหรือ หลายประการ ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้ผลดี มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอันก่อให้ เกิดประโยชน์และ ผลดีต่อทางราชการและสังคม (2) ปฏิบัติงานโดยมีความคิดริเริ่มในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือได้ค้นคว้า หรือประดิษฐ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ (3) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่มีสถานการณ์ตรากตราเสี่ยงอันตราย หรือมีการต่อสู้ที่เสี่ยงต่อ ความปลอดภัยของชีวิต (4) ปฏิบัติงานที่มีภาระหน้าที่หนักเกินกว่าตำแหน่งจนเกิดประโยชน์ต่อทางราชการและ ปฏิบัติงานในตาแหน่งหน้าที่ของตนเป็นผลดีด้วย (5) ปฏิบัติงานตามตาแหน่งหน้าที่ด้วยความตรากตราเหน็ดเหนื่อย ยากลาบากและงานนั้น ได้ผลดีเ ป็นประโยชน์ต่อทางราชการและสังคม (6) ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งจนสาเร็จเป็นผลดีแก่ ประเทศชาติ ในกรณีที่ข้าราชการตารวจผู้ใดมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ที่ควรจะได้รับการเลื่อนเงินเดือน ครึ่งปีแรกหนึ่งขั้น แต่ไม่อาจสั่งเลื่อนเงินเ ดือนหนึ่งขั้นให้ได้ เพราะมีข้อจากัดเกี่ยวกับจานวนเงินที่จะใช้ เลื่อนเงินเดือน ถ้าในการเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีหลัง ข้าราชการตารวจผู้นั้นมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ ได้รับการเลื่อนเงินเดือนหนึ่งขั้นอีก และไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จะใช้เลื่อนเงินเดื อนในคราวนั้น ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนอาจมีคาสั่งให้เลื่อนเงินเดือนรวมทั้งปีของข้าราชการตารวจผู้นั้นเป็นจานวน สองขั้นได้ ข้อ 9 ในกรณีที่ไม่เลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตารวจผู้ใด ให้ผู้บังคับบัญชาแจ้งให้ผู้นั้นทราบ พร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่เลื่อนเงินเดื อน ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566
ข้อ 1 0 การพิจารณาเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีให้แก่ข้าราชการตารวจ ซึ่งในครึ่งปีที่แล้วมาได้รับอนุญาต ให้ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศตามข้อ 5 ( 8) (ฉ) ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณา สั่งเลื่อนได้ครั้งละไม่เกินครึ่งขั้นเมื่อผู้นั้นกลับมาปฏิ บัติราชการ โดยให้สั่งเลื่อนย้อนหลังไปในแต่ละครั้ง ที่ควรจะได้เลื่อน ทั้งนี้ ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้บัญชาการ ตารวจแห่งชาติกำหนด ข้อ 1 1 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตารวจผู้ดำรงตาแหน่งต่าง ๆ ให้เลื่อนได้ ดังต่อไปนี้ (1) รองผู้บังคับหมู่ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ พ. 1 (2) ผู้บังคับหมู่ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ยศสิบตำรวจตรี สิบตำรวจโท สิบตำรวจเอก จ่าสิบตารวจ ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ป. 1 (3) ผู้บังคับหมู่ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ยศ จ่าสิบตำรวจ อัตราเงินเดือน จ่าสิบตำรวจ (พิเศษ) ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ป. 2 (4) ผู้บังคับหมู่ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ยศดาบตารวจ ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ป. 3 (5) รองสารวัตร หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส . 1 (6) สารวัตร รองผู้กำกับการ สารวัตรใหญ่ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกิน เงินเดือนระดับ ส. 3 (7) ผู้กำกับการ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส. 4 (8) รองผู้บังคับการ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนร ะดับ ส. 5 (9) ผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการ รองจเรตารวจ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกิน เงินเดือนระดับ ส. 6 (10) ผู้บัญชาการ จเรตำรวจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองจเรตำรวจแห่งชาติ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส. 7 (11) รองผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ จเรตารวจแห่งชาติ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส. 8 ข้อ 1 2 ข้าราชการตารวจซึ่งถูกสั่งให้ประจาหรือสารองราชการ ตามกฎ ก.ตร. ที่ว่าด้วย การสั่งให้ข้าราชการตารวจประจาสานักงานตารวจแห่งชาติ หรื อส่วนราชการใดหรือสารองราชการ ส่วนราชการใด ให้เลื่อนเงินเดือนได้เสมือนดารงตาแหน่งสุดท้ายก่อนถูกสั่งให้ประจำหรือสำรองราชการ ข้อ 1 3 ข้าราชการตารวจผู้ใดไม่ได้รับการเลื่อนเงินเดือนเนื่องจากได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของ ระดับเงินเดือนสาหรับตาแหน่งที่ดารงอยู่แล้ ว หรือมีขั้นเงินเดือนใกล้ถึงขั้นสูงของระดับเงินเดือนสาหรับ ตาแหน่งที่ดารงอยู่และได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเดือนเกินกว่าขั้นเงินเดือนที่เหลืออยู่ในตาแหน่งนั้น ทั้งนี้ ในวันที่ 1 เมษายน หรือวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา หากภายหลังมีระดับเงินเดือนที่จ ะเลื่อนให้ได้ หรือได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดับที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้นและเงินเดือนที่ได้รับยังไม่ถึง ขั้นสูงของระดับเงินเดือนสำหรับตำแหน่งที่ได้เลื่อนขึ้นนั้น ให้ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนมีคำสั่ง เลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตาร วจผู้นั้น ตามที่ได้รับเงินตอบแทนพิเศษครึ่งขั้น หนึ่งขั้น หรือหนึ่งขั้นครึ่ง ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566
ในครั้งหลังสุด แล้วแต่กรณี ตั้งแต่วันที่มีระดับเงินเดือนที่จะเลื่อนให้ได้ หรือได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่ง ในระดับที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้นนั้น แล้วแต่กรณี ข้ารา ชการตารวจผู้ใดได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดับที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้น ในวันที่ 1 เมษายนหรือวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันเลื่อนเงินเดือน ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อน เงินเดือนมีคาสั่งเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตารวจผู้นั้นก่ อนได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดับ ที่สูงขึ้นและหรือได้รับยศสูงขึ้น กรณีข้าราชการตารวจผู้ใดได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของระดับเงินเดือนสาหรับตาแหน่งที่ดารงอยู่ หรือใกล้ถึงขั้นสูงของระดับเงินเดือนสาหรับตาแหน่งที่ดารงอยู่และได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเ ดือน เกินกว่าขั้นเงินเดือนที่เหลืออยู่ในตาแหน่งนั้น ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนมีคาสั่งเลื่อนเงินเดือน ให้แก่ข้าราชการตารวจผู้นั้นหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้นแล้ว ข้อ 1 4 ในกรณีที่ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดื อนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการ ตารวจผู้ใด แต่ผู้นั้นจะต้องพ้นจากราชการไปเพราะเหตุเกษียณอายุตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญ ข้าราชการ ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่อนเงินเดือนเพื่อประโยชน์ในการคานวณบาเหน็จบานาญ ให้ผู้นั้นในวันที่ 30 กันยายนของครึ่งปีสุดท้ายก่อนที่จะพ้นจากราชการ ข้อ 1 5 ในกรณีที่ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการ ตารวจผู้ใด แต่ผู้นั้นได้ตายก่อนวันที่ 1 เมษายน หรือวันที่ 1 ตุลาคม ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่ อนเงินเดือนให้ผู้นั้นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญโดยให้มีผลในวันที่ผู้นั้นถึงแก่ความตาย สาหรับกรณีข้าราชการตารวจผู้ใดออกจากราชการไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ในวันที่ 1 เมษายน หรือวันที่ 1 ตุลาคม ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่อนเงินเดือ นให้ผู้นั้นในวันที่ 31 มีนาคม หรือวันที่ 30 กันยายนของครึ่งปีที่จะได้เลื่อนนั้น ข้อ 1 6 ในกรณีที่ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการตารวจ ผู้ใด แต่ผู้นั้นได้พ้นจากราชการไปเพราะเหตุเกษียณอายุราชการ ตาย หรือออกจากรำชการไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก่อนที่จะมีคาสั่งเลื่อนเงินเดือนในแต่ละครั้ง ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่อนเงินเดือนให้ผู้นั้น ย้อนหลังไปถึงวันที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนของครึ่งปีที่จะได้เลื่อนนั้น ข้อ 1 7 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตารวจที่ไม่เ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนด ในกฎ ก.ตร. นี้ แต่ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้โดยมีเหตุผลเป็นพิเศษ ให้ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนดังกล่าวดาเนินการเพื่อเสนอ ก.ตร. พิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไป ให้ไว้ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 25 6 6 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการข้าราชการตารวจ ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566
หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎ ก.ตร . ฉบับนี้ คือ พระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 และมีผล ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมีบทบัญญัติกาหนดให้มีกฎหมายลาดับรองเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตาม พระราชบัญญัติ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการของสานักงานตารวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประ สิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องออกกฎ ก.ตร. นี้ ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566