Fri May 19 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566


กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566

กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการกาหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 23 (2) และมาตรา 95 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ ตารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวั นที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 จึงออกกฎ ก.ตร. ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กฎ ก.ตร. นี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ในกฎ ก.ตร. นี้ “ ปี ” หมายความว่า ปีงบประมาณ “ ครึ่งปีแรก ” หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม “ ครึ่งปีหลัง ” หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 กันยายน “ ครึ่งปีที่แล้วมา ” หมายความว่า ระยะเวลาครึ่งปีแรกหรือครึ่งปีหลังที่ผ่านมาแล้วแต่กรณี “ ศึกษาในประเทศ ” หมายความว่า การศึกษาในประเทศตามห ลักสูตรที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ด้วยการเรียนหรือการวิจัย เพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพอันอาจพิจารณาคุณวุฒิให้ได้ ข้อ 3 ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การปฏิบัติงานของข้าราชการตารวจตามหลักเกณฑ์ วิ ธีการและระยะเวลาที่กาหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตารวจ ข้อ 4 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตารวจให้เลื่อนปีละสองครั้ง ดังนี้ (1) ครั้งที่หนึ่งครึ่งปีแรก ให้เลื่อนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนของปีที่ไ ด้เลื่อน (2) ครั้งที่สองครึ่งปีหลัง ให้เลื่อนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีถัดไป ข้อ 5 ข้าราชการตารวจซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนครึ่งขั้นในแต่ละครั้งต้องอยู่ใน หลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ในครึ่งปีที่แล้วมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่ น้อยกว่าสี่เดือน หรือได้ปฏิบัติ ราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือนก่อนถึงแก่ความตาย ้ หนา 15 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

(2) ในครึ่งปีที่แล้วมาได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนด้วยความสามารถและด้วยความอุตสาหะ จนเกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาประเมินตามข้อ 3 แล้วเห็นว่า อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรจะได้เลื่อนเงินเดือนครึ่งขั้น (3) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถูกปลดออก ถูกไล่ออก หรือออกจากราชการด้วยเหตุใด ๆ เป็นระยะเวลารวมกันเกินสองเดือน (4) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่ งลงโทษทางวินัยถึงที่สุดสูงกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือไม่ถูก ศาลพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุด ให้ลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือความผิด ที่ทาให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตาแหน่งหน้าที่ราชการของตน ซึ่งมิใช่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาท หรือความ ผิดลหุโทษ (5) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ลา หรือมาทำงานสายเกินจำนวนครั้งที่ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ หรือผู้บังคับบัญชาซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติกาหนดเป็นหนังสือไว้ก่อนแล้ว โดยคำนึงถึงลักษณะงานและสภาพท้องที่อันเป็นที่ตั้งของแต่ละส่วนราชการห รือหน่วยงาน (6) ในครึ่งปีที่แล้วมา สาหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ลาติดตามคู่สมรสไปปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงาน ในต่างประเทศ ต้องมีเวลาปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่าสี่เดือน (7) ในครึ่งปีที่แล้วมา สาหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษาในประเทศ หรือไปศึกษา ฝึกอบรม หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ ตามระเบียบว่าด้วยการให้ ข้าราชการ ไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ณ ต่างประเทศ ต้องได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการในครึ่งปีที่แล้วมา เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือน สำหรับผู้ที่ศึกษาในสถานศึกษาของสำนักงานตำรว จแห่งชาติ ต้องได้ ปฏิบัติหน้าที่ราชการครั้งแรกในครึ่งปีที่แล้วมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือน (8) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องมีเวลาปฏิบัติราชการ โดยมีวันลาไม่เกินยี่สิบสามวัน แต่ไม่รวมถึงวันลา ตาม (6) หรือ (7) และวันลา ดังต่อไปนี้ (ก) ลาอุปสมบท หรือลาไป ประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาตามกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน (ข) ลาคลอดบุตรไม่เกินเก้าสิบวัน (ค) ลาป่วยซึ่งจาเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานานไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกัน ไม่เกินหกสิบวัน ทำการ (ง) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือในขณะเดินทางไป หรือกลับจากปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (จ) ลาพักผ่อน (ฉ) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ (ช) ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา ตามกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

(ซ) ลาไปพื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ กรณีได้รับอันตรายหรือป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ ในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่จนทำให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ การนับจานวนวันลาไม่เกินยี่สิบสามวันสาหรับวันลากิจส่ วนตัว และวันลาป่วยที่ไม่ใช่วันลาป่วย ตาม (ง) ให้นับเฉพาะวันทำการ (9) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ข้อ 6 ข้าราชการตารวจซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนหนึ่งขั้นในแต่ละครั้งต้องเป็น ผู้อยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ 5 และอยู่ในห ลักเกณฑ์ประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้ผลดีเด่น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอันก่อให้เกิดประโยชน์ และผลดียิ่งต่อทางราชการและสังคมจนถือเป็นตัวอย่างที่ดีได้ (2) ปฏิบัติงานโดยมีความคิดริเริ่มในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือได้ค้นคว้า หรือประดิษฐ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการเป็นพิเศษ และทางราชการได้ดาเนินการตามความคิดริเริ่มหรือได้รับรอง ให้ใช้การค้นคว้าหรือสิ่งประดิษฐ์นั้น (3) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่มีสถานการณ์ตรากตราเสี่ยงอันตรายมาก หรือมีการต่อสู้ที่ เสี่ยง ต่อความปลอดภัยของชีวิตเป็นกรณีพิเศษ (4) ปฏิบัติงานที่มีภาระหน้าที่หนักเกินกว่าตาแหน่งจนเกิดประโยชน์ต่อทางราชการเป็นพิเศษ และปฏิบัติงานในตาแหน่งหน้าที่ของตนเป็นผลดีด้วย (5) ปฏิบัติงานตามตาแหน่งหน้าที่ด้วยความตรากตราเหน็ดเหนื่อย ยากลาบากเป็นพิเศษ แล ะงานนั้นได้ผลดียิ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและสังคม (6) ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งจนสำเร็จเป็นผลดียิ่ง แก่ประเทศชาติ ข้อ 7 การพิจารณาเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตำรวจตามข้อ 5 และข้อ 6 ให้ผู้บังคับบัญชา ชั้นต้นหรือผู้ที่ได้รับ มอบหมายนำผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การปฏิบัติงานที่ได้ ดาเนินการตามข้อ 3 และพฤติกรรมการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตารวจ และกฎ ก.ตร. ที่ว่าด้วยจรรยาบรรณของตารวจ มาเป็นหลักในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน โดยพิจารณาประกอบกับ ข้อมูลการลา พ ฤติกรรมการมาทางาน การรักษาวินัย และข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ของผู้นั้น แล้วรายงาน ผลการพิจารณานั้นพร้อมด้วยข้อมูลดังกล่าวต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปตามลาดับจนถึงผู้มีอานาจ สั่งเลื่อนเงินเดือน ในการพิจารณารายงานตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือแต่ ละระดับที่ได้รับรายงาน เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนด้วย ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

ข้อ 8 ในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนแต่ละครั้ง ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณารายงาน ผลจากผู้บังคับบัญชาตามข้อ 7 ถ้าเห็นว่าข้าราชการตารวจผู้ใดอยู่ในหลักเก ณฑ์ตามข้อ 5 ให้เลื่อนเงินเดือน ให้แก่ผู้นั้นครึ่งขั้น ถ้าเห็นว่าข้าราชการตารวจผู้นั้นมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ 6 ให้เลื่อน เงินเดือน ให้แก่ผู้นั้นหนึ่งขั้น ในกรณีที่ข้าราชการตารวจผู้ใดได้รับการเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีแรกไม่ถึงหนึ่งขั้น ถ้าใ นการพิจารณา เลื่อนเงินเดือนครึ่งปีหลัง ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนได้พิจารณาผลการปฏิบัติงานครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลัง รวมกันแล้วเห็นว่ามีมาตรฐานสูงกว่าการที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนหนึ่งขั้นสาหรับปีนั้นผู้มีอานาจ สั่งเลื่อนเงินเดือนอาจมีคาสั่งให้เลื่อนเ งินเดือนรวมทั้งปีของข้าราชการตารวจผู้นั้นเป็นจำนวนหนึ่งขั้นครึ่งได้ แต่ผลการปฏิบัติงานทั้งปีของข้าราชการตารวจผู้นั้นจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ประการใดประการหนึ่งหรือ หลายประการ ดังต่อไปนี้ด้วย (1) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้ผลดี มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอันก่อให้ เกิดประโยชน์และ ผลดีต่อทางราชการและสังคม (2) ปฏิบัติงานโดยมีความคิดริเริ่มในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือได้ค้นคว้า หรือประดิษฐ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ (3) ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่มีสถานการณ์ตรากตราเสี่ยงอันตราย หรือมีการต่อสู้ที่เสี่ยงต่อ ความปลอดภัยของชีวิต (4) ปฏิบัติงานที่มีภาระหน้าที่หนักเกินกว่าตำแหน่งจนเกิดประโยชน์ต่อทางราชการและ ปฏิบัติงานในตาแหน่งหน้าที่ของตนเป็นผลดีด้วย (5) ปฏิบัติงานตามตาแหน่งหน้าที่ด้วยความตรากตราเหน็ดเหนื่อย ยากลาบากและงานนั้น ได้ผลดีเ ป็นประโยชน์ต่อทางราชการและสังคม (6) ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งจนสาเร็จเป็นผลดีแก่ ประเทศชาติ ในกรณีที่ข้าราชการตารวจผู้ใดมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ที่ควรจะได้รับการเลื่อนเงินเดือน ครึ่งปีแรกหนึ่งขั้น แต่ไม่อาจสั่งเลื่อนเงินเ ดือนหนึ่งขั้นให้ได้ เพราะมีข้อจากัดเกี่ยวกับจานวนเงินที่จะใช้ เลื่อนเงินเดือน ถ้าในการเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีหลัง ข้าราชการตารวจผู้นั้นมีผลการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ ได้รับการเลื่อนเงินเดือนหนึ่งขั้นอีก และไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จะใช้เลื่อนเงินเดื อนในคราวนั้น ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนอาจมีคาสั่งให้เลื่อนเงินเดือนรวมทั้งปีของข้าราชการตารวจผู้นั้นเป็นจานวน สองขั้นได้ ข้อ 9 ในกรณีที่ไม่เลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตารวจผู้ใด ให้ผู้บังคับบัญชาแจ้งให้ผู้นั้นทราบ พร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่เลื่อนเงินเดื อน ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

ข้อ 1 0 การพิจารณาเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีให้แก่ข้าราชการตารวจ ซึ่งในครึ่งปีที่แล้วมาได้รับอนุญาต ให้ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศตามข้อ 5 ( 8) (ฉ) ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณา สั่งเลื่อนได้ครั้งละไม่เกินครึ่งขั้นเมื่อผู้นั้นกลับมาปฏิ บัติราชการ โดยให้สั่งเลื่อนย้อนหลังไปในแต่ละครั้ง ที่ควรจะได้เลื่อน ทั้งนี้ ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้บัญชาการ ตารวจแห่งชาติกำหนด ข้อ 1 1 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตารวจผู้ดำรงตาแหน่งต่าง ๆ ให้เลื่อนได้ ดังต่อไปนี้ (1) รองผู้บังคับหมู่ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ พ. 1 (2) ผู้บังคับหมู่ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ยศสิบตำรวจตรี สิบตำรวจโท สิบตำรวจเอก จ่าสิบตารวจ ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ป. 1 (3) ผู้บังคับหมู่ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ยศ จ่าสิบตำรวจ อัตราเงินเดือน จ่าสิบตำรวจ (พิเศษ) ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ป. 2 (4) ผู้บังคับหมู่ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ยศดาบตารวจ ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ป. 3 (5) รองสารวัตร หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส . 1 (6) สารวัตร รองผู้กำกับการ สารวัตรใหญ่ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกิน เงินเดือนระดับ ส. 3 (7) ผู้กำกับการ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส. 4 (8) รองผู้บังคับการ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนร ะดับ ส. 5 (9) ผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการ รองจเรตารวจ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกิน เงินเดือนระดับ ส. 6 (10) ผู้บัญชาการ จเรตำรวจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองจเรตำรวจแห่งชาติ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส. 7 (11) รองผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ จเรตารวจแห่งชาติ หรือตาแหน่งเทียบเท่า ให้เลื่อนได้ ไม่เกินเงินเดือนระดับ ส. 8 ข้อ 1 2 ข้าราชการตารวจซึ่งถูกสั่งให้ประจาหรือสารองราชการ ตามกฎ ก.ตร. ที่ว่าด้วย การสั่งให้ข้าราชการตารวจประจาสานักงานตารวจแห่งชาติ หรื อส่วนราชการใดหรือสารองราชการ ส่วนราชการใด ให้เลื่อนเงินเดือนได้เสมือนดารงตาแหน่งสุดท้ายก่อนถูกสั่งให้ประจำหรือสำรองราชการ ข้อ 1 3 ข้าราชการตารวจผู้ใดไม่ได้รับการเลื่อนเงินเดือนเนื่องจากได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของ ระดับเงินเดือนสาหรับตาแหน่งที่ดารงอยู่แล้ ว หรือมีขั้นเงินเดือนใกล้ถึงขั้นสูงของระดับเงินเดือนสาหรับ ตาแหน่งที่ดารงอยู่และได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเดือนเกินกว่าขั้นเงินเดือนที่เหลืออยู่ในตาแหน่งนั้น ทั้งนี้ ในวันที่ 1 เมษายน หรือวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา หากภายหลังมีระดับเงินเดือนที่จ ะเลื่อนให้ได้ หรือได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดับที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้นและเงินเดือนที่ได้รับยังไม่ถึง ขั้นสูงของระดับเงินเดือนสำหรับตำแหน่งที่ได้เลื่อนขึ้นนั้น ให้ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนมีคำสั่ง เลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตาร วจผู้นั้น ตามที่ได้รับเงินตอบแทนพิเศษครึ่งขั้น หนึ่งขั้น หรือหนึ่งขั้นครึ่ง ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

ในครั้งหลังสุด แล้วแต่กรณี ตั้งแต่วันที่มีระดับเงินเดือนที่จะเลื่อนให้ได้ หรือได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่ง ในระดับที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้นนั้น แล้วแต่กรณี ข้ารา ชการตารวจผู้ใดได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดับที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้น ในวันที่ 1 เมษายนหรือวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันเลื่อนเงินเดือน ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อน เงินเดือนมีคาสั่งเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตารวจผู้นั้นก่ อนได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งในระดับ ที่สูงขึ้นและหรือได้รับยศสูงขึ้น กรณีข้าราชการตารวจผู้ใดได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของระดับเงินเดือนสาหรับตาแหน่งที่ดารงอยู่ หรือใกล้ถึงขั้นสูงของระดับเงินเดือนสาหรับตาแหน่งที่ดารงอยู่และได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเ ดือน เกินกว่าขั้นเงินเดือนที่เหลืออยู่ในตาแหน่งนั้น ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนมีคาสั่งเลื่อนเงินเดือน ให้แก่ข้าราชการตารวจผู้นั้นหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งที่สูงขึ้น และหรือได้รับยศสูงขึ้นแล้ว ข้อ 1 4 ในกรณีที่ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดื อนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการ ตารวจผู้ใด แต่ผู้นั้นจะต้องพ้นจากราชการไปเพราะเหตุเกษียณอายุตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญ ข้าราชการ ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่อนเงินเดือนเพื่อประโยชน์ในการคานวณบาเหน็จบานาญ ให้ผู้นั้นในวันที่ 30 กันยายนของครึ่งปีสุดท้ายก่อนที่จะพ้นจากราชการ ข้อ 1 5 ในกรณีที่ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการ ตารวจผู้ใด แต่ผู้นั้นได้ตายก่อนวันที่ 1 เมษายน หรือวันที่ 1 ตุลาคม ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่ อนเงินเดือนให้ผู้นั้นเพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญโดยให้มีผลในวันที่ผู้นั้นถึงแก่ความตาย สาหรับกรณีข้าราชการตารวจผู้ใดออกจากราชการไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ในวันที่ 1 เมษายน หรือวันที่ 1 ตุลาคม ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่อนเงินเดือ นให้ผู้นั้นในวันที่ 31 มีนาคม หรือวันที่ 30 กันยายนของครึ่งปีที่จะได้เลื่อนนั้น ข้อ 1 6 ในกรณีที่ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการตารวจ ผู้ใด แต่ผู้นั้นได้พ้นจากราชการไปเพราะเหตุเกษียณอายุราชการ ตาย หรือออกจากรำชการไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก่อนที่จะมีคาสั่งเลื่อนเงินเดือนในแต่ละครั้ง ให้ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน สั่งเลื่อนเงินเดือนให้ผู้นั้น ย้อนหลังไปถึงวันที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนของครึ่งปีที่จะได้เลื่อนนั้น ข้อ 1 7 การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตารวจที่ไม่เ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนด ในกฎ ก.ตร. นี้ แต่ผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาเห็นสมควรเลื่อนเงินเดือนให้โดยมีเหตุผลเป็นพิเศษ ให้ผู้มีอำนาจสั่งเลื่อนเงินเดือนดังกล่าวดาเนินการเพื่อเสนอ ก.ตร. พิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไป ให้ไว้ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 25 6 6 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการข้าราชการตารวจ ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566

หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎ ก.ตร . ฉบับนี้ คือ พระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 และมีผล ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป โดยมีบทบัญญัติกาหนดให้มีกฎหมายลาดับรองเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตาม พระราชบัญญัติ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการของสานักงานตารวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประ สิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องออกกฎ ก.ตร. นี้ ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 31 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 พฤษภาคม 2566