Mon May 08 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

คำพิพากษาของศาลฎีกา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 6/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 4/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหา]


คำพิพากษาของศาลฎีกา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 6/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 4/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหา]

( อม.35 ) คําพิพากษาชั้นอุทธรณ คดีหมายเลขดําที่ อม.อธ. 6/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 4/2566 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกา วันที่ 13 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2566 คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้รอง นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกลาวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้รองและผู้ถูกกลาวหาอุทธรณคัดคานคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนง ทางการเมือง ลงวันที่ 30 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2565 องคคณะวินิจฉัยอุทธรณ รับอุทธรณวันที่ 6 และ 27 เดือน ตุลาคม พุทธศักราช 2565 ผู้รองยื่นคํารองและแกไขคํารองวา ผู้ถูกกลาว หาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง รองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ต่อมาผู้ถูกกลาวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหมเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 ผู้ถูกกลาวหาเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงต่อผู้รอง แต่ผู้ถูกกลาวหา ระหวาง ้ หนา 23 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ กลาวคือ กรณีพนจากตําแหนงรองนายก องคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม ไม่แสดงรายการเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) 20 , 612 , 770 หุน มูลคารวม 74 , 205 , 972 บาท ของ นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่ สมรส ที่อยู่ในชื่อของ นางบุญทอง สุภารังษี มารดาของผู้ถูกกลาวหา สวนกรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งป กรณีพนจากตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม ไม่แสดงรายการทรัพย์สินเป็นที่ดิน 7 แปลงของผู้ถูกกลาวหา ได้แก ที่ดินโฉนดเลขที่ 59128 และ 59129 พรอมสิ่งปลูกสราง 2 หลัง เลขที่ 129/171 บนที่ดินโฉนดเลขที่ 59129 ตําบลปาแดด อําเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม ที่ดินโฉนดเลขที่ 65984 ตําบลสันผักหวาน อําเภอหางดง จังหวั ดเชียงใหม และรถยนต 2 คัน ซึ่งอยู่ในชื่อของ นายวิชัย นิมมลรัตน์ นองชายของผู้ถูกกลาวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 61245 ตําบลแมยาว อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ดินโฉนดเลขที่ 79245 ตําบลในเมือง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ 6715 ตําบลเชียงดาว อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม และที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ตําบลหนองผึ้ง อําเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม พรอมบ้านไมชั้นเดียวไม่มีเลขที่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ซึ่งอยู่ในชื่อของ นางมาลี แสนกลาง มารดาของ นางดวงสุดา คู่สมรสของผู้ถูกกลาวหา และไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางดวงสุดา คู่สมรส ได้แก รายการเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) 20 , 612 , 770 หุน ดังกลาวขางตน ที่ดิน 3 แปลง ได้แก ที่ดินโฉนดเลขที่ 88670 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งอยู่ในชื่อ นายเกรียงศักดิ์ แสนกลาง ที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งอยู่ในชื่อ นายวรพล วาสนาธาดากุล และที่ดินโฉนดเลขที่ 88673 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งอยู่ในชื่อ นายพันธมิตร แสนกลาง กรณีพนจากตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งป ไม่แสดงรายการทรัพย์สินในสวนที่เป็นที่ดิน 10 แปลง พรอมสิ่งปลูกสราง และรถยนต 2 คันของผู้ถูกกลาวหาและ นางสาวดวงสุดา คู่สมรส ที่ไม่แสดงไวในการยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินสองครั้งกอน จากการตรวจสอบพบวาผู้ถูกกลาวหาและ นางดวงสุดา คู่สมรส ทํานิติกรรมโอนทรัพย์สินดังกลาวไปอยู่ในชื่อของญาติพี่นองและบุคคลอื่น จึงสอบปากคําพยานบุคคล ้ หนา 24 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

และมีหนังสือขอทราบขอเท็จจริงไปยังหนวยงานที่เกี่ยวของ รวมทั้งมีหนังสือแจงให้ผู้ถูกกลาวหา ชี้แจงขอเท็จจริงแล้ว ผู้รองเห็นวาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมีคําพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 วินิจฉัยวาการที่ผู้ถูกกลาวหา ไม่แสดงหุนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) 20 , 612 , 770 หุน ของ นางดวงสุดา ดังกลาวเป็นการปกปดขอเท็จจริงอันควรแจงให้ทราบ ดังนั้น การที่ผู้ถูกกลาวหาไม่ได้แสดงรายการหุน ดังกลาวในคดีนี้จึงเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วย ขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ สวนรายการทรัพย์สินอื่น ๆ ฟงไม่ได้วาขายให้ นายวิชัย นางมาลี นางสาวกมลวรรณ นายเกรียงไกร และ นายพันธมิตร แต่เป็นการแสดงเจตนาลวง เพื่ออําพรางทรัพย์สินโดยมีเจตนาให้บุคคลอื่นถือครองไวแทน ผู้รับโอนทรัพย์สินตางมีความเกี่ยวของ สัมพันธในฐานะเครือญาติกับผู้ถูกกลาวหาและคู่สมรส ไม่ปรากฏวาบุคคลดังกลาวมีรายการเคลื่อนไหว หรือเงินฝากคงเหลือในบัญชีธนาคารระหวางทําการซื้อโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่ได้ประกอบอาชีพมั่นคง หรือมีรายได้เพียงพอที่จะซื้อทรัพย์สิน ไม่ปรากฏวาได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปภาษี 2558 และ 2559 และการโอนทรัพย์สินทุกรายการเกิดขึ้นในระหวางเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นชวงระยะเวลาที่อัยการสูงสุดยื่นคํารองต่อศาลขอให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ของผู้ถูกกลาวหาตกเป็นของแผนดิน เป็นพฤติการณอันควรเชื่อได้วาผู้ถูกกลาวหามีเจตนาหลีกเลี่ยง มิให้ถูกบังคับคดีหากศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผนดินแต่ไม่สามารถ บังคับเอาแกทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นนั้นได้ ขอให้วินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ กรณีพนจากตําแหนงและกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วหนึ่งปในตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนง กรณีพนจากตําแหนงและพนจำกตําแหนงมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปในตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม หามมิให้ผู้ถูกกลาวหา ดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาหาปนับแต่วันที่พนจากตําแหนง เลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ้ หนา 25 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

ผู้ถูกกลาวหาให้การปฏิเสธ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษาวา นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกลาวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รอง ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบกรณีพนจากตําแหนงเลขานุการ นายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 หามมิให้ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาหาป นับแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกลาวหาพนจากตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใชบังคับอยู่ในขณะกระทําความผิด องคคณะผู้พิพากษาเสียงขางมากมีมติให้จําคุก 2 เดือน คําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ผู้รองและผู้ถูกกลาวหาอุทธรณต่อที่ประชุมใหญศาลฎีกา พิเคราะหอุทธรณของผู้รอง อุทธรณของผู้ถูกกลาวหา คําแกอุทธรณของผู้รอง ประกอบพยานหลักฐาน ตามทางไตสวนแล้ว ขอเท็จจริงเบื้องตนรับฟงได้วา ผู้ถูกกลาวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงรองนายก องคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ต่อมาผู้ถูกกลาวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง เลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 และพนจากตําแหนง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 ผู้ถูกกลาวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รอง กรณีพนจากตําแหนง รองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด ้ หนา 26 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

(มหาชน) 20 , 612 , 770 หุน มูลคารวม 74 , 205 , 972 บาท ของ นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส ที่อยู่ในชื่อของ นางบุญทอง สุภารังษี มารดาของผู้ถูกกลาวหา และผู้ถูกกลาวหายื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหมมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป กรณีพนจากตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินเป็นที่ดิน 7 แปลงของผู้ถูกกลาวหา ได้แก ที่ดินโฉนดเลขที่ 59128 และ 59129 พรอมสิ่งปลูกสราง 2 หลัง เลขที่ 129/171 บนที่ดินโฉนดเลขที่ 59129 ตําบลปาแดด อําเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม ที่ดินโฉนดเลขที่ 65984 ตําบลสันผักหวาน อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม และรถยนต 2 คัน ซึ่งอยู่ในชื่อของ นายวิชัย นิม มลรัตน์ นองชายของผู้ถูกกลาวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 61245 ตําบลแมยาว อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ดินโฉนดเลขที่ 79245 ตําบลในเมือง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ 6715 ตําบลเชียงดาว อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม และที่ ดินโฉนดเลขที่ 1797 ตําบลหนองผึ้ง อําเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม พรอมบ้านไมชั้นเดียวไม่มีเลขที่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ซึ่งอยู่ในชื่อของ นางมาลี แสนกลาง มารดาของ นางดวงสุดา คู่สมรสของผู้ถูกกลาวหา และไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางดวงสุดา คู่สมรส ได้แก รายการเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) 20 , 612 , 770 หุน ดังกลาวขางตน ที่ดิน 3 แปลง ได้แก ที่ดินโฉนดเลขที่ 88670 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งอยู่ในชื่อ นายเกรียงศักดิ์ แสนกลาง ที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งอยู่ในชื่อ นายวรพล วาสนาธาดากุล และที่ดิน โฉนดเลขที่ 88673 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งอยู่ในชื่อ นายพันธมิตร แสนกลาง กับกรณีพนจากตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินในสวนที่เป็นที่ดิน 10 แปลง พรอมสิ่งปลูกสราง และรถยนต 2 คัน ซึ่งอยู่ในชื่อของ นายวิชัย นางมาลี นายเกียรติศักดิ์ นายวรพล และ นายพันธมิตร ที่ไม่แสดงไวในการยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินสองครั้งกอน ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมีคําพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 วา ผู้ถูกกลาวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จและปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบกรณีพนจากตําแหนง ้ หนา 27 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

และกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปในการดํารงตําแหนงที่ปรึกษานายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม กรณีเขารับตําแหนง กรณีพนจากตําแหนงและกรณีพนจากตําแหนงมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปในการดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรณีเขารับตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม โดยปกปดขอเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหลายรายการซึ่งรวมรายการเงินลงทุน ในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) 20 , 612 , 770 หุน มูลคารวม 74 , 205 , 972 บาท หามมิให้ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาหาป นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2558 อันเป็นวันที่พนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม กับลงโทษจําคุก 12 เดือน นอกจากนี้ ในวันเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พิพากษาในคดีหมายเลขดําที่ อม. 97/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 44/2560 วา ให้ทรัพย์สิน ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของผู้ถูกกลาวหารวมมูลคา 168 , 453 , 245.70 บาท ตกเป็นของแผนดิน หากไม่อาจบังคับคดีเอากับทรัพย์สินตามคําพิพากษาขางตนได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางสวน ให้บังคับคดี เอาแกทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกลาวหาได้ภายในอายุความ 10 ป แต่ต้องไม่เกินมูลคาของทรัพย์สิน ที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผนดิน ให้คืนรถยนตนั่งสวนบุคคล ยี่หอโตโยตา หมายเลขทะเบียน กก 111 เชียงใหม มูลคา 700 , 000 บาท และหุน NFC จํานวน 9 , 870 หุน แกเจ้าของ คําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก สําหรับความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รอง ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ กรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป ในการดํารงตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมและเลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหมนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองพิพากษายกคํารอง ผู้รองมิได้อุทธรณ ความผิดทั้งสองขอหาดังกลาวจึงเป็นอันยุติไป ปญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณของผู้รองมีวา ผู้ถูกกลาวหากระทําความผิดฐานจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ กรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนง เลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม หรือไม่ ผู้รองอุทธรณวา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 105 วรรคสาม และวรรคสี่ ประกอบมาตรา 188 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายใหมมีผลเป็นคุณเฉพาะผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชี ้ หนา 28 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามกฎหมายเดิม แต่ไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หาได้มีผลเป็นคุณถึงผู้ถูกกลาวหาซึ่งจงใจยื่นบัญชีดังกลาวด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบตามกฎหมายเดิมอันเป็นความผิดสําเร็จแล้วจะกลายไม่เป็นความผิดไม่ การกระทํา ของผู้ถูกกลาวหาจึงเป็นความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ กรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม นั้น เห็นวา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 105 วรรคสี่ ได้บัญญัติไวชัดแจงแล้ววา หากบุคคลผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 105 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม พนจากตําแหนงและได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงเดิม หรือตําแหนงใหมภายในหนึ่งเดือน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพนจากตําแหนงเดิม และกรณีเขาดํารงตําแหนงใหม จากบทบัญญัติดังกลาวยอมมีผลทําให้ผู้ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินที่พนจากตําแหนงเดิมและได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงเดิมหรือตําแหนงใหมภายในหนึ่งเดือนนั้น ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพนจากตําแหนง และกรณีเขาดํารงตําแหนงใหมอีกต่อไป เมื่อขอเท็จจริงฟงเป็นยุติแล้ววาผู้ถูกกลาวหาพนจากตําแหนง รองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 แล้วได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง เลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมในวันเดียวกัน ดังนั้น แมจะฟงขอเท็จจริงได้ ดังที่ผู้รองอุทธรณวา ผู้ถูกกลาวหากระทําความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบกรณีพนจากตําแหนงรองนายก องคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใชในภายหลังการกระทําที่ถูกกลาวหาไม่ได้กําหนดให้ผู้ถูกกลาวหา มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองอีกต่อไป ผู้ถูกกลาวหายอมพนจากการเป็นผู้กระทําความผิดในความผิดทั้งสองฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 17 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณของผู้รองฟงไม่ขึ้น ้ หนา 29 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

ปญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณของผู้ถูกกลาวหาประการแรกมีวา ผู้รองยื่นคํารองคดีนี้ เป็นการดําเนินกระบวนพิจารณาซ้ํากับคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 หรือไม่ ผู้ถูกกลาวหาอุทธรณวา การที่ผู้ถูกกลาวหาไม่แสดงทรัพย์สินรายการเงินลงทุน บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) ของ นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส นั้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมีคําพิพากษาถึงที่สุด และผู้ถูกกลาวหา ได้รับโทษตามคําพิพากษาแล้วตามคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 โดยวินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาจงใจปกปดเงินลงทุนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) จํานวนเดียวกับที่ผู้รองกลาวหาในคดีนี้ ประเด็นในคดีนี้ จึงเป็นการดําเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี หรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ผู้ถูกกลาวหาจึงไม่ต้องรับโทษอีกนั้น เห็นวา การยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบเป็นมาตรการสําคัญประการหนึ่งในการปองกัน และปราบปรามการทุจริต โดยมีวัตถุประสงคเพื่อเป็นการปองกันการใชอํานาจในตําแหนงหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่รัฐไปแสวงหาประโยชนอันมิควรได้ อันเป็นมาตรการในการควบคุมและกํากับการใชอํานาจของรัฐ เพื่อให้การดําเนินงานของรัฐเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล กฎหมายจึงกําหนดตําแหนง และระยะเวลาที่บุคคลจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบไว โดยมีบทลงโทษทั้งมาตรการจํากัดสิทธิทางการเมืองและทางอาญา โดยคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 ผู้รองยื่นคํารองขอให้วินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยขอความอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ กรณีพนจากตําแหนงและกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป ในการดํารงตําแหนงที่ปรึกษานายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม กรณีเขารับตําแหนง กรณีพนจากตําแหนง และกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป ในการดํารงตําแหนง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรณีเขารับตําแหนงรองนายกองคการบริ หารสวนจังหวัดเชียงใหม สวนคดีนี้ ผู้รองยื่นคํารองขอให้วินิจฉัยวาผู้ถูกกลาวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยขอความอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ โดยไม่แสดง รายการเงินลงทุนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) ของคู่สมรส กรณีพนจากตําแหนง และกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป ในตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนง กรณีพนจากตําแหนง และกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป ้ หนา 30 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

ในตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม แมรายการเงินลงทุนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) ของคู่สมรสผู้ถูกกลาวหา เป็นทรัพย์สินรายเดียวกันกับที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองได้เคยวินิจฉัยแล้ว แต่ลักษณะการกระทําของผู้ถูกกลาวหา ที่จงใจไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกลาวในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของการเขารับตําแหนง และการพนจากตําแหนงแต่ละครั้งเป็นการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินในตําแหนงตางกัน และเป็นการดํารงตําแหนงตางวาระกัน ทั้งวาระการดํารงตําแหนงตามคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 และวาระการดํารงตําแหนงคดีนี้เป็นความผิดสําเร็จและสิ้นสุดในแต่ละครั้ง อันเป็นความผิดธรรมดาที่เกิดจากการกระทําในแต่ละครั้ง สามารถแยกเจตนาและการกระทําในแต่ละวาระ ออกตางหากจากกันได้ มิใชความผิดเดียวกันหรือความผิดต่อเนื่องกัน แต่เป็นความผิดหลายกรรมตางกัน ดังนั้น แมในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองได้วินิจฉัยถึงการไม่แสดงรายการเงินลงทุน บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) และมีคําพิพากษาถึงที่สุดโดยผู้ถูกกลาว หา ได้รับโทษแล้วก็ตาม แต่เมื่อประเด็นแห่งคดีนี้แตกตางจากประเด็นในคดีดังกลาว กรณีถือไม่ได้วา เป็นการดําเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ผู้รองยอมยื่นคํารองคดีนี้ได้ โดยไม่เป็นการยื่นดําเนินกระบวนพิจารณาซ้ําหรือยื่นคํารองซ้ําตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 144 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม และสิทธิในการยื่นคํารองของผู้รองในสวนที่ผู้ถูกกลาวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) ของคู่สมรส กรณีพนจากตําแหนง และกรณีพนจากตําแหนงมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งป ในตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนจังหวัดเชียงใหม และกรณีเขารับตําแหนง กรณีพนจากตําแหนง และกรณีพนจากตําแหนงมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งป ในตําแหนงเลขานุการนายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหม ในคดีนี้ ไม่เป็นอันระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม คําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองชอบแล้ว อุทธรณของผู้ถูกกลาวหาขอนี้ ฟงไม่ขึ้น ้ หนา 31 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

ปญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณของผู้ถูกกลาวหาประการต่อไปมีวา ผู้ถูกกลาวหา กระทําความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รอง ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ กรณีพนจากตําแหนงเลขานุการ นายกองคการบริหารสวนจังหวัดเชียงใหมหรือไม่ สําหรับที่ดินโฉนดเลข ที่ 59128 , 59129 ตําบลปาแดด อําเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม พรอมสิ่งปลูกสรางเลขที่ 129/171 และที่ดิน โฉนดเลขที่ 65984 ตําบลสันผักหวาน อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม เอกสารหมาย ร.11 ถึง ร.13 กับรถยนตยี่หอโตโยตา ฟอรจูนเนอร หมายเล ขทะเบียน กธ 7000 เชียงใหม และรถยนต ยี่หอโตโยตา เลกซัส หมายเลขทะเบียน กบ 8888 เชียงใหม เอกสารหมาย ร.20 และ ร.21 ซึ่งผู้ถูกกลาวหาอางวาโอนขายให้ นายวิชัย นิมมลรัตน์ นองชายของผู้ถูกกลาวหาไปแล้ว ผู้ถูกกลาวหา อุทธรณในทํานองวา การซื้อทรัพย์สินดังกลาวเป็นสิทธิอันชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายของ นายวิชัย นายวิชัย เป็นวิศวกรที่สหรัฐอเมริกามีเงินและรายได้มากพอ สัญญาซื้อขายไม่ได้เป็นการเรงรีบ หรือเป็นพิรุธแต่จักต้องทําให้แล้วเสร็จในชวงที่ นายวิชัย มาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้มีเจตนาลวง โดยสมรูกันหรือครอบครองแทน และในการทําสัญญา นายวิชัย ในฐานะผู้มอบอํานาจไม่จําต้องรูจักกับ นางสาวจันทร์จิรา สุวรรณเสน ในฐานะผู้รับมอบอํานาจนั้น เห็นวา การทําสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ที่มีราคามากกวาสองหมื่นบาทขึ้นไปที่จะมีผลเป็นการบังคับได้ตามกฎหมาย นอกจากจะต้องพิจารณาวาได้ทําตามแบบตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 456 แล้ว สิ่งสําคัญยิ่งคือจักต้องพิจารณาด้วยวานิติกรรมนั้นกระทําลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุงโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธขึ้นระหวางบุคคล เพื่อจะกอ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 149 อีกทั้งต้องนําพฤติการณแวดลอมอื่นในขณะทํานิติกรรม มาพิจารณาประกอบเพื่อคนหาเจตนาของคู่สัญญาด้วย แมสัญญาซื้อขายที่ดินและรถยนตขางตน ระหวางผู้ถูกกลาวหากับ นายวิชัย ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ได้ความจากการไตสวน พยานหลักฐานวา นิติกรรมดังกลาวกระทําขึ้นในชวงเวลาที่ผู้ถูกกลาวหาถูกอัยการสูงสุดยื่นคํารอง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผนดิน ในคดีหมายเลขดําที่ อม. 97/2559 สวนหลักฐานการชําระเงิน เป็นแคชเชียรเช็คที่ผู้ถูกกลาวหาอางวาได้รับมาจาก นายวิชัย ในฐานะผู้ซื้อ ตามเอกสารหมาย ค. 1 ถึง ค.3 นั้น จํานวนเงินตามแคชเชียรเช็คดังกลาวก็ไม่เทากับราคาที่ผู้ถูกกลาวหาควรจะได้รับตามสัญญาซื้อขาย ทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานทางการเงินของ นายวิชัย วาเป็นผู้ชําระเงินซื้อแคชเชียรเช็คดังกลาว ้ หนา 32 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

สอให้เห็นความเป็นพิรุธถึงเจตนาการทํานิติกรรม ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธอันใกลชิดที่ นายวิชัย เป็นนองชายรวมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ถูกกลาวหาอันเป็นการงายต่อการให้ความชวยเหลือ ด้วยการใชชื่อเพียงเพื่ออางอิง อีกทั้ง นายวิชัย ได้ยายไปทํางานและพักอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานแล้ว จะเดินทางกลับประเทศไทยเพียงปละ 1 ถึง 2 ครั้งเทานั้น ไม่มีมูลเหตุจูงใจหรือความจําเป็นที่ นายวิชัย จะต้องการซื้อทรัพย์สินดังกลาวไวในครอบครอง นอกจากนี้ ทางไตสวนผู้ถูกกลาวหาเบิกความยืนยันวา หลังจากได้ทําสัญญาซื้อขายทรัพย์สินดังกลาวขางตนแล้ว นายวิชัย ยังมิได้ใชประโยชนจากทรัพย์สินดังกลาว แต่อยางใด พฤติการณทั้งหมดทําให้เชื่อได้วานิติกรรมซื้อขายทรัพย์สินระหวางผู้ถูกกลาวหากับ นายวิชัย กระทําลงโดยมิได้มีเจตนามุงโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์กันจริง เป็นการนําชื่อ นายวิชัย มาใชในการถือครองทรัพย์สินแทนผู้ถูกกลาวหาเพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบหรือยึดทรัพย์สินดังกลาว จากทางราชการเทานั้น แมผู้ถูกกลาวหาจะเบิกความวาที่ นายวิชัย เขามาซื้อทรัพย์สินตาง ๆ เหลานี้ ก็เพียงเพื่อจะชวยเหลือผู้ถูกกลาวหาก็ตามก็เป็นเพียงคํากลาวอางลอย ๆ ไม่มีน้ําหนักให้รับฟง สวนเรื่องที่ผู้ถูกกลาวหาและ นายวิชัย ได้มอบอํานาจให้ นางสาวจันทร์จิรา สุวรรณเสน โอนและรับโอนกรรมสิทธิ์ รถยนตทั้งสองคัน แต่ทางไตสวนได้ความวา นางสาวจันทร์จิรา ไม่เคยรูจักกับ นายวิชัย มากอน และไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องการชําระราคาด้วยนั้น แมผู้ถูกกลาวหาอุทธรณวาเป็นการดําเนินการ ซื้อขายตามปกติ ก็ไม่เป็นขอสนับสนุนให้ขอโตแยงของผู้ถูกกลาวหามีน้ําหนักขึ้นมา แต่อยางใด พฤติการณมีเหตุอันควรเชื่อได้วา ผู้ถูกกลาวหาโอนที่ดินและรถยนตดังกลาวเพื่อยักยายหรือซุกซอนทรัพย์สิน หรือให้มีการถือครองทรัพย์สินแทน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณของผู้ถูกกลาวหาฟงไม่ขึ้น สําหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 61245 ตําบลแมยาว อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ดินโฉนดเลขที่ 79245 ตําบลในเมือง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ 6715 ตําบลเชียงดาว อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม และที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ตําบลหนองผึ้ง อําเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม พรอมสิ่งปลูกสรางที่ยังสรางไม่เสร็จซึ่งผู้ถูกกลาวโอน ให้แก นางมาลี แสนกลาง มารดาของ นางดวงสุดา คู่สมรส นั้น ผู้ถูกกลาวหาอุทธรณวา มีการซื้อขายกันจริง และชําระราคากันจริง เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกลาวหาได้มากอนดํารงตําแหนงทางการเมือง แมวา นางมาลี จะมีอายุมาก แต่ไม่ได้หมายความวาจะไม่มีเงิน หรือฐานะไม่ดี เพราะคนแกชราหลงลืมก็ยังมีฐานะดีสามารถซื้อทรัพย์สินได้ จึงมิใชการแสดงเจตนาลวง เห็นวา การที่บุคคลใดมีฐานะร่ํารวยนั้น ยอมต้องสามารถชี้แจงแหลงที่มา ้ หนา 33 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

ของรายได้ได้ชัดเจน ทั้งสามารถอางอิงพยานหลักฐานได้ ได้ความจากคําเบิกความของ นางดวงสุดา บุตร นางมาลี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 ซึ่งเบิกความถึงลักษณะการประกอบธุรกิจและนิสัยของ นางมาลี ในอดีตโดยมิได้มีพยานหลักฐานใดมายืนยันวาทรัพย์สินในอดีตเหลานั้นยังคงอยู่จนถึงปจจุบันอยางไร หรือในปจจุบัน นางมาลี ประกอบธุรกิจใดที่ยังคงมีรายได้ แต่กลับได้ความจากรายงานผลการตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกลาวหาเกี่ยวกับรายได้ของ นางมาลี วา นางมาลี ยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในป 2555 ถึง 2557 ระบุวามีรายได้ปละ 600 , 000 บาท สวนป 2558 และ 2559 ไม่พบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สวนบัญชีเงินฝากธนาคาร นางมาลี มีบัญชีเงินฝากธนาคาร 8 บัญชี โดยมียอดเงินฝาก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 รวม 8 บัญชี เป็นเงิน 359 , 505.87 บาท และ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2559 เป็นเงิน 351 , 105.87 บาท เทานั้น นอกจากนี้ ยังได้ความตามถอยคําของ นางสาวกมลวรรณ แสนกลาง ที่ให้ไวต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งสรุปความได้วา นางสาวกมลวรรณ เป็นหลานของ นางมาลี นางมาลี ปวยมานานแล้ว เมื่อสามีของ นางมาลี เสียชีวิต นางมาลี ก็ปวยหนักขึ้น มีอาการหลงลืม ชอบพูดซ้ํา ๆ นางสาวกมลวรรณ นําเงินที่เก็บสะสมไวมาซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน จาก นางดวงสุดา ในราคา 100 , 000 บาท ปจจุบัน นางสาวกมลวรรณ ได้ขายที่ดินแปลงนี้ ให้แก นายวรพล วาสนาธาดากุล ไปแล้วในราคา 110 , 000 บาท สวนเงินที่ได้นํามาใชจายในการรักษา นางมาลี ซึ่งต้องเสียคาหองในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และยังได้ความจาก นายเกริกเกียรติ แสนกลาง ให้ถอยคําต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 สรุปความได้วา นายเกริกเกียรติ เป็นบุตร นางมาลี นางมาลี มีปญหาเรื่องสุขภาพ มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ เป็นโรคอัลไซเมอร 2 ถึง 3 ปแล้ว และเขารักษาตัวที่โรงพยาบาลเซ็นทรัลจังหวัดเชียงใหมด้วยโรคชรา อยู่เป็นประจํา จากถอยคําของ นางสาวกมลวรรณ และ นายเกริกเกียรติ แสดงให้เห็นวา นางมาลี ปวยเป็นโรคอัลไซเมอรทําให้มีอาการหลงลืม อีกทั้งเมื่อ นางสาวกมลวรรณ ขายที่ดินได้เงินมาแล้ว ยังต้องนําเงินมาจายคาหองในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของ นางมาลี หาก นางมาลี มีฐานะร่ํารวย และมีเงินสดเก็บไวที่บ้านจริง นางสาวกมลวรรณ คงไม่ต้องนําเงินจากการขายที่ดินมาจายคาหอง ในการพักรักษาตัวให้ นางมาลี ประกอบกับเป็นการทํานิติกรรมโอนกันในชวงเวลาหลังจากที่ผู้ถูกกลาวหา ถูกอัยการสูงสุดยื่นคํารองขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผนดินแล้ว พฤติการณจึงมีเหตุผลให้เชื่อวา ้ หนา 34 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

การโอนที่ดินทั้งสี่แปลงนี้เป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรูกันไม่มีเจตนาผูกพันกันจริง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองวินิจฉัยในขอนี้มานั้นชอบแล้ว อุทธรณของผู้ถูกกลาวหาขอนี้ฟงไม่ขึ้น สวนที่ดินโฉนดเลขที่ 88670 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ นางดวงสุดา คู่สมรสของผู้ถูกกลาวหาขายให้ นายเกรียงศักดิ์ แสนกลาง ที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ นางดวงสุดา ขายให้ นางสาวกมลวรรณ แสนกลาง และที่ดิน โฉนดเลขที่ 88673 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ที่ นางดวงสุดา ขายให้ นายพันธมิตร แสนกลาง นั้น ผู้ถูกกลาวหาอุทธรณวา ที่ดินทั้งสามแปลงนั้นเป็นทรัพย์สินสวนตัวของ นางดวงสุดา ที่นําเงินมาจากการทํามาหาได้ และเงินสวนที่บิดามารดาให้นํามาซื้อกอนที่ผู้ถูกกลาวหา จะมีตําแหนงทางการเมือง โดยผู้ถูกกลาวหาไม่ได้มีสวนเกี่ยวของ แต่เมื่อผู้ถูกกลาวหาประสบปญหา ต้องถูกดําเนินคดี เงินในบัญชีถูกอายัด ทําให้ไม่มีรายได้ นางดวงสุดา จึงโอนขายที่ดินทั้งสามแปลง โดยมีเจตนาผูกพันตามสัญญาซื้อขายจริงนั้น เห็นวา ผู้ซื้อที่ดินทั้งสามแปลง ได้แก นายเกรียงศักดิ์ นางสาวกมลวรรณ และ นายพันธมิตร ตางมีศักดิ์เป็นหลานของ นางดวงสุ ดา การขายที่ดิน ให้แกหลานทั้งสามคนในราคาแปลงละ 100 , 000 บาท เทากันทั้งที่ที่ดินแต่ละแปลงมีทําเลที่ตั้ง และเนื้อที่แตกตางกันตามเอกสารหมาย ร. 22 ถึง ร. 24 นับวาเป็นพิรุธ อีกทั้งผู้ถูกกลาวหา ไม่นําบุคคลทั้งสามมาเบิกความยืนยันวาผู้รับโอนทั้งสามคนมีเจตนาซื้อและครอบครองใชประโยชน จากตัวทรัพย์สินตามความเป็นจริง ขอเท็จจริงปรากฏในสํานวนการไตสวนของผู้รองวา นางสาวกมลวรรณ มีบัญชีธนาคาร 8 บัญชี มียอดเงินฝากรวม 149 , 882.13 บาท นายพันธมิตร มีเงินฝากธนาคาร 5 บัญชี มียอดเงินฝากรวม 21 , 792.40 บาท แต่ก็ไม่ปรากฏวามีการเบิกถอนเงินในชวงเวลาที่อางวามีการซื้อแคชเชียรเช็ค เพื่อชําระเป็นคาที่ดิน สวนที่ นายเกริกเกียรติ อางวาชําระคาที่ดินให้แก นางดวงสุดา เป็นเงินสด โดยแบงชําระเป็นสองงวด งวดที่ 1 จํานวน 40 , 000 บาท และงวดที่ 2 จํานวน 60 , 000 บาท ก็ไม่ปรากฏวามีการถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารของ นายเกริกเกียรติ ตามจํานวนดังกลาว ในชวงเวลาที่กลาวอาง ประกอบกับนิติกรรมซื้อขายที่ดินทั้งสามแปลงเกิดขึ้นในวันเดียวกันมีลักษณะ เรงรีบขายหลังจากวันที่ผู้ถูกกลาวหาถูกอัยการสูงสุดยื่นคํารองขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผนดินไม่นาน เชื่อวาคู่สัญญามีเจตนาลวงในการทํานิติกรรมโดยมุงหมายเพื่อจะหลีกเลี่ยงการบังคับคดีโดยให้ญาติ มีชื่อถือครองแทน เนื่องจากสามารถจัดการโอนคืนให้แกตนเองได้งายกวาการขายแกบุคคลภายนอก พฤติการณจึงมีเหตุผลให้เชื่อวาการจําหนายจายโอนที่ดินทั้งสามแปลงนี้ เป็นการแสดงเจตนาลวง ้ หนา 35 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566

โดยสมรูกัน เพื่อปกปดซอนเรนทรัพย์สินของผู้ถูกกลาวหา ไม่ได้มีเจตนาที่จะผูกพันกันจริง ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณของผู้ถูกกลาวหาขอนี้ฟงไม่ขึ้น ปญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณของผู้ถูกกลาวหาประการสุดทายมีวา มีเหตุสมควรรอการกําหนดโทษ หรือรอการลงโทษให้แกผู้ถูกกลาวหาหรือไม่ ผู้ถูกกลาวหาอุทธรณวา ผู้ถูกกลาวหาประพฤติตน เป็นพลเมืองดีและชวยเหลือสังคมมาตลอด หากผู้ถูกกลาว หาต้องถูกจําคุกเมื่อพนโทษออกมาแล้ว ยากที่สังคมจะยอมรับ สงผลกระทบต่อการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต หากศาลใชดุลพินิจ รอการกําหนดโทษหรือรอการลงโทษ โดยกําหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติหรือติดกําไลอิเล็กทรอนิกส ตามหลักการแกไขฟนฟูผู้กระทําความผิดแกผู้ถูกกลาวหายอมเหมาะสมแกพฤติการณแห่งคดีมากกวานั้น เห็นวา ในคดีอาญาหมายเลขดําที่ อม. 64/2559 หมายเลขแดงที่ อม. 43/2560 ผู้ถูกกลาวหา ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองพิพากษาวามีความผิดฐานจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ โดยเป็นการกระทําความผิดหลายกรรมตางกัน รวมทั้งสิ้น 6 กระทง ให้จําคุกรวม 12 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แสดงให้เห็นวาผู้ถูกกลาวหามีพฤติการณกระทําความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองลงโทษจําคุก 2 เดือน โดยไม่รอการกําหนดโทษ หรือรอการลงโทษนั้นเหมาะสมแกพฤติการณแห่งคดีแล้ว อุทธรณของผู้ถูกกลาวหาขอนี้ฟงไม่ขึ้นเชนกัน พิพากษายืน. นายประทีป อาววิจิตรกุล นายเอกศักดิ์ ยันตรปกรณ นายสมเกียรติ ตั้งสกุล นางสุวิชา นาควัชระ นางสาวสิริกานต มีจุล นายกิตติพงษ ศิริโรจน นายพิชัย เพ็งผอง นายกษิดิศ มงคลศิริภัทรา นายสุนทร เฟองวิวัฒน ้ หนา 36 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566