ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2566
ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2566
ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย เงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อาศัยอานาจตามความในมาตรา 49 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย เงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษ ของข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “ สำนักงาน ” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ “ เลขาธิการ ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ “ ข้าราชการ ” หมายความว่า ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ “ คณะกรรมการกลั่นกรอง ” หมายความว่า คณะกรรมการกลั่นกรองผลการประเมินการได้รับ เงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินหรือผ่านเกณฑ์การประเมินแต่ได้รับ เงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เต็มอัตรา ข้อ 5 ให้ข้าราชการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษเป็นรายเดือนจากเงินงบประมาณรายจ่าย ของสำนักงาน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กาหนดในระเบียบนี้ ข้อ 6 อัตราเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการ ประเภท และระดับต่าง ๆ ให้เป็นไป ตาม บัญชีเงินค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการท้ายระเบียบนี้ ข้อ 7 ข้าราชการผู้จะได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษในเดือนใด ต้องมีผลการปฏิบัติราชการใน เดือนนั้นตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามแบบที่กาหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ และต้องมีระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนวันทำการในเดือนนั้น ข้อ 8 หลักเกณฑ์ประเมินการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษของ ข้าราชการตามข้อ 7 มีดังนี้ (1) กรณีมีผลการประเมินตั้งแต่ร้อยละเจ็ดสิบขึ้นไป ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษเต็มอัตรา (2) กรณีมีผลการประเมินตั้งแต่ร้อยละหกสิบแต่ไม่ถึงร้อยละเจ็ดสิบ ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ ในสัดส่วนร้อยละห้าสิบ ้ หนา 6 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566
(3) กรณีมีผลการประเมินต่ากว่าร้อยละหกสิบ ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินและไม่ได้รับ เงินค่าตอบแทนพิเศษ ข้อ 9 ข้าราชการผู้ใดขาดราชการหรือละทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรในเดือนใด ห้ามมิให้จ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับวันที่ขาดราชการหรือละทิ้งหน้าที่ราชการดังกล่าว ข้อ 10 กรณีมีภารกิจที่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการเร่งด่วน ข้าราชการผู้ใดไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ราชการตามคาสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ห้ามมิให้จ่ายเงินค่าต อบแทนพิเศษสำหรับ วันที่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการดังกล่าว ข้อ 11 กรณีข้าราชการซึ่งดารงตาแหน่งต่ากว่าเลขาธิการมีผลการประเมินไม่ถึงร้อยละเจ็ดสิบ ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นหรือชั้นเหนือขึ้นไป แล้วแต่กรณี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองภายในสิบห้าวัน นับแต่วั นประเมิน ข้อ 12 ให้สานักงานแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อพิจารณากลั่นกรองผลการประเมิน การได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามข้อ 11 ให้คณะกรรมการกลั่นกรองตามวรรคหนึ่ง ประกอบด้วย รองเลขาธิการที่เลขาธิการมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ ข้าราชการซึ่งดารงตาแหน่งประเภทบริหาร หรือประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่น้อยกว่าสองคนแต่ไม่เกินสี่คน เป็นกรรมการ โดยมีข้าราชการที่เลขาธิการมอบหมาย เป็นเลขานุการ การพิจารณากลั่นกรองผลการประเมินการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ ให้คณะกรรมการ กลั่นกรองพิ จารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้ (1) เห็นด้วยกับผลการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา (2) มีความเห็นแตกต่างจากการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา ให้คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอความเห็นพร้อมเหตุผลต่อเลขาธิการเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ข้อ 13 ข้าราชการผู้ใดไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษหรือได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เต็มอัตรา ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กรณีเลขาธิการไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษหรือได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เต็มอัตรา ให้มีสิทธิอุท ธรณ์ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันทราบหรือถือว่า ทราบผลการประเมิน ข้อ 14 ข้าราชการผู้ใดถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรืออยู่ระหว่างอุทธรณ์ คำสั่งลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับระยะเวลาดังกล่าว ข้อ 15 ข้าราชการผู้ใดถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ให้งดจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษในเดือนที่ผู้นั้น มีสิทธิได้รับเป็นเวลาหนึ่งเดือน ข้าราชการผู้ใดถูกสั่งลงโทษตัดเงินเดือนหรือลดเงินเดือน ให้งดจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเ ศษในเดือน ที่ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเป็นเวลาสามเดือน ้ หนา 7 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566
ข้อ 16 ข้าราชการผู้ใดที่อยู่ระหว่างการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ ตั้งแต่วันที่ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีคำสั่งให้ผู้นั้น รับราชการต่อไป ข้อ 17 การจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ข้าราชการกรณีพ้นจากการเป็นข้าราชการ ให้จ่ายได้ ถึงวันก่อนที่มีคาสั่งให้ผู้นั้นพ้นจากการเป็นข้าราชการ ในกรณีถึงแก่ความตายให้จ่ายได้ถึงวันที่ผู้นั้น ถึงแก่ความตาย ข้อ 18 วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษซึ่งมิได้กาหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินเดือนโดยอนุโลม ข้อ 19 ให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรักษาการตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้เป็นที่สุด ประกาศ ณ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 256 6 พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ้ หนา 8 ่ เลม 140 ตอนที่ 29 ก ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤษภาคม 2566