คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.20/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.3/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางณฐมา ไม้สนธิ์ ผู้ถูกกล่าวหา]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.20/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.3/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางณฐมา ไม้สนธิ์ ผู้ถูกกล่าวหา]
( อม.34 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 20/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 3/2566 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 20 เดือน กุมภาพันธ พุทธศักราช 2566 คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้รอง นางณฐฌา ไมสนธิ์ ผู้ถูกกลาวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้รองยื่นคํารองและแกไขคํารองขอให้วินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงสมาชิกสภาองคการบริหาร สวนจังหวัดอุทัยธานี เป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รอง ตามประกาศของผู้รอง ผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้รองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มา แห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพนจากตําแหนง ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกลาวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 , 114 วรรคสอง (1) , 167 ประกอบมาตรา 188 ผู้ถูกกลาวหาให้การรับสารภาพ ระหวาง ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 28 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 เมษายน 2566
พิเคราะหคํารองประกอบเอกสารทายคํารอง และคําให้การของผู้ถูกกลาวหาแล้ว ขอเท็จจริง รับฟงได้วา ผู้ถูกกลาวหาได้รับเลือกตั้งให้ดํารงตําแหนงสมาชิกสภาองคการบริหารสวนจังหวัดอุทัยธานี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมีคําวินิจฉัยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 31/2561 ให้ผู้ถูกกลาวหา พนจากตําแหนงสมาชิกสภาองคการบริหารสวนจังหวัดอุทัยธานี ผู้ถูกกลาวหาจึงมีหน้าที่ยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนงภายในวันที่ 16 มีนาคม 2561 แต่ผู้ถูกกลาวหาไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้รอง ผู้รองจึงมีหนังสือแจงให้ผู้ถูกกลาวหาชี้แจงขอเท็จจริงกรณีไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รอง จํานวน 3 ครั้ง ต่อมามีหนังสือแจงให้ผู้ถูกกลาวหา ไปรับทราบขอกลาวหาอีก 2 ครั้ง และมีหนังสือแจงขอกลาวหาทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับอีก 1 ครั้ง แต่ผู้ถูกกลาวหาเพิกเฉย มีปญหาต้องวินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้รอง และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สินกรณีพนจากตําแหนงสมาชิกสภาองคการบริหารสวนจังหวัดอุทัยธานี หรือไม่ เห็นวา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใชบังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใชในภายหลังการกระทําความผิด ยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคํารองเป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเทาเดิม จึงต้องใชกฎหมาย ที่ใชในขณะกระทําความผิดบังคับแกคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคแรก แต่องคประกอบความผิดตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง ในสวนที่วา จะต้องมีพฤติการณ อันควรเชื่อได้วา ผู้ถูกกลาวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้น เป็นคุณแกผู้ถูกกลาวหา มากกวากฎหมายเดิม ศาลจึงต้องนําพฤติการณดังกลาวมาประกอบการวินิจฉัยการกระทําความผิดด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ที่บัญญัติให้ใชกฎหมายในสวนที่เป็นคุณไม่วาในทางใด ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 28 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 เมษายน 2566
สวนการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งซึ่งเป็นมาตรการบังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณแกผู้ถูกกลาวหา จึงต้องใชพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 บังคับแกคดีนี้เชนเดียวกัน เมื่อผู้ถูกกลาวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อผู้รองแล้ว ทั้งผู้รองมีหนังสือแจงให้ผู้ถูกกลาวหาชี้แจงขอเท็จจริงกรณีไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองถึง 3 ครั้ง มีหนังสือแจงให้ผู้ถูกกลาวหาไปรับทราบขอกลาวหา อีก 2 ครั้ง รวมทั้งสงหนังสือแจงขอกลาวหาทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับอีก 1 ครั้ง ซึ่งปรากฏวา นองชายของผู้ถูกกลาวหาเป็นผู้รับแทนเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ผู้ถูกกลาวหายอมต้องทราบถึง หน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนง แต่ผู้ถูกกลาวหายังคงเพิกเฉยไม่ได้ดําเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แต่อยางใด แสดงให้เห็นถึง การละเลยต่อหน้าที่ซึ่งหน้าที่ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รอง ถือเป็นหน้าที่สําคัญที่ผู้ถูกกลาวหาต้องปฏิบัติตามกฎหมายอันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้ใชอํานาจรัฐ ตามพฤติการณจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้วา ผู้ถูกกลาวหามีเจตนาที่จะไม่แสดงที่มา แห่งทรัพย์สินและหนี้สิน ฟงได้วาผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนงสมาชิกสภาองคการบริหารสวนจังหวัดอุทัยธานี มีผลต้องหามมิให้ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาหาป นับแต่วันที่พนจากตําแหนงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกลาวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย พิพากษาวา นางณฐฌา ไมสนธิ์ ผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้รอง และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สิน กรณีพนจากตําแหนงสมาชิกสภาองคการบริหารสวนจังหวัดอุทัยธานี ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 28 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 เมษายน 2566
และมาตรา 33 หามมิให้ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาหาปนับแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ 2561 ซึ่งเป็นวันที่พนจากตําแหนงตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8 , 000 บาท ผู้ถูกกลาวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชนแกการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4 , 000 บาท ไม่ปรากฏวาผู้ถูกกลาวหาเค ยได้รับโทษจําคุกมากอน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไวมีกําหนด 1 ป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระคาปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30. นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ นายสันติชัย วัฒนวิกยกรรม นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ นายศิริชัย คุณจักร นายพอพันธุ คิดจิตต นายเสถียร ศรีทองชัย นายทวีศักดิ์ อุนนาทรรัตนกุล นายประทีป ดุลพินิจธรรมา นายนพพร โพธิรังสิยากร ้ หนา 22 ่ เลม 140 ตอนที่ 28 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 เมษายน 2566