คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2566 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายประหยัด พวงจำปา จำเลย]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2566 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายประหยัด พวงจำปา จำเลย]
( อม.33 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2566 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 23 เดือน กุมภาพันธ พุทธศักราช 2566 อัยการสูงสุด โจทก์ นายประหยัด พวงจําปา จําเลย เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โจทก์ฟ้องวา จําเลยเขารับตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2557 ต่อมามีประกาศคณะกรรมการปองกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหนงเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 กําหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีหน้าที่ยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีผลใชบังคับวันที่ 4 มกราคม 2560 ระหวาง ้ หนา 8 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
จําเลยจึงมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2560 จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และจําเลยยังได้ยื่นเอกสารประกอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมอีกสามครั้ง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 วันที่ 30 พฤษภาคม 2561 และวันที่ 4 มีนาคม 2562 ตามลําดับ จําเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกลาวด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน จํานวน 6 รายการ ได้แก 1. บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา ประเภทกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 758 - 1 - 01003 - 0 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ซึ่งเป็นคู่สมรส ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 10 , 000 บาท 2. บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน ( Current Account) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 000 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มี หน้าที่ยื่นบัญชี 0 ปอนดสเตอรลิง 3. บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเภทเงินฝาก ( Deposit- Call) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 400 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 12 , 238.28 ปอนดสเตอรลิง 4. บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเภทเงินฝาก ( Deposit- Call) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 401 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 225 , 721.18 ปอนดสเตอรลิง 5. หองชุด เลขที่ 68 ในอาคารชุด Wolfe House 389 Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร มี นางธนิภา พวงจําปา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยมีการกูเงินจากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน มีหนี้คงคางกับ ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน บัญชีเงินกูเลขที่ 0807 - 179574 - 100 ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 2 , 362 , 500 ปอนดสเตอรลิง และ 6. เงินลงทุนของ นางธนิภา พวงจําปา ในบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด จํานวน 20 , 000 หุน หมายเลขใบหุนที่ 160001 - 180000 ราคาจดทะเบียนหุนละ 100 บาท มูลคารวม 2 , 000 , 000 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาต รา 43 , 81 , ้ หนา 9 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
158 , 167 , 188 , 194 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม มาตรา 40 , 41 , 42 , 119 ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของจําเลย เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจําเลยมีกําหนดเวลาไม่เกินสิบป และขอศาลมีคําสั่งให้จําเลย พนจากตําแหนงนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ จําเลยให้การปฏิเสธ ระหวางพิจารณาจําเลยยื่นคํารองขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องตนในปญหาขอกฎหมายวา โจทก์ไม่มีอํานาจฟ้อง เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยั งไม่ได้มีการปฏิบัติหรือกระทําการให้ครบถวน ตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ได้สงเรื่องของจําเลยให้ประธานวุฒิสภา พิจารณากอน เมื่อประธานวุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้วจึงจะสงเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ปฏิบัติขามขั้นตอน โดยสงเรื่องให้แกอัยการสูงสุดโดยตรงเพื่อให้ฟ้องจําเลยทันที คณะกรรมการ ป.ป.ช. กระทําโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การออกกฎหรือระเบียบวาด้วยการยื่นบัญชี การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 158 และการดําเนินคดีที่เกี่ยวของกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 กระทําไปโดยไม่มีอํานาจ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลมีคําสั่งให้รอไววินิจฉัยพรอมมีคําพิพากษา พิเคราะหขอเท็จจริงที่ได้จากทางไตสวนและพยานหลักฐานของคู่ความแล้วขอเท็จจริงเบื้องตน รับฟงได้วา จําเลยเขารับตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2557 ตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเอกสารหมาย จ.8 ต่อมาประธานกรรมการ ปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกประกาศ คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหนงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วย การปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 กําหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรร มการ ป.ป.ช. ประกาศดังกลาวมีผลใชบังคับวันที่ 4 มกราคม 2560 ตามเอกสารหมาย จ.104 จําเลยจึงมีหน้าที่ ้ หนา 10 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2560 จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนง รองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน เอกสารหมาย จ.9 นอกจากนี้ จําเลยยังได้ยื่นเอกสารประกอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินเพิ่มเติมอีกสามครั้ง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 วันที่ 30 พฤษภาคม 2561 และวันที่ 4 มีนาคม 2562 ตามเอกสารหมาย จ.10 จ.12 และ จ.27 ตามลําดับ อีกทั้งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ 2562 จําเลยมีหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง ขอสงเอกสารหลักฐาน ประกอบการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากและบัญชีเงินกูธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ของ นางธนิภา จํานวน 3 บัญชี ตามเอกสารหมาย จ.25 วันที่ 26 เมษายน 2562 จําเลยมีหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการชี้แจงขอเท็จจริงและแกขอ กลาวหา (ครั้งที่ 1) เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา ตามเอกสารหมาย จ. 41 และวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 จําเลยมีหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง ขอสงเอกสารเพิ่มเติม ประกอบการชี้แจงขอเท็จจริงและแกขอกลาวหา (ครั้งที่ 1) ในสวนเงินลงทุนของ นางธนิภา ในบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด ตามเอกสารหมาย จ.42 คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันทวา จําเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกลาวด้วยขอความอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สิน จํานวน 5 รายการ คือ บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา ประเภทกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 758 - 1 - 01003 - 0 บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร รวม 3 บัญชี ได้แก บัญชีเงินฝาก ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน ( Current Account) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 000 ประเภทเงินฝาก ( Deposit- Call) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 400 ประเภทเงินฝาก ( Deposit- Call) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 401 หองชุด เลขที่ 68 ในอาคารชุด Wolfe House 389 Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร มี นางธนิภา พวงจําปา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และมีมติเสียงขางมากวา การที่จําเลย ไม่แสดงเงินลงทุนของ นางธนิภา ในบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด จํานวน 20 , 000 หุน หมายเลขใบหุนที่ 160001 - 180000 เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ้ หนา 11 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบและมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ที่ประชุมจึงมีมติให้สงเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องคดี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง เพื่อขอให้พนจากตําแหนงนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและขอให้ลงโทษทางอาญา ปญหาต้องวินิจฉัยประการแรกตามคํารองขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องตนในปญหาขอกฎหมาย ฉบับลงวันที่ 29 มกราคม 2563 วา โจทก์มีอํานาจฟ้องหรือไม่ จําเลยอางวา พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 บัญญัติเรื่องการตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สินของขาราชการสํานักงาน ป.ป.ช. ไวเป็นการเฉพาะตามมาตรา 158 ประกอบมาตรา 43 การดําเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่สํานักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องสงสํานวนคดี ให้ประธานวุฒิสภาพิจารณาเพื่อสงเรื่องให้อัยการสูงสุดดําเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ได้สงเรื่องของจําเลยให้ประธานวุฒิสภาพิจารณำ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. สงเรื่องฟ้องคดีจําเลยต่ออัยการสูงสุดโดยตรงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการออกระเบียบคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ วาด้วยการยื่นบัญชี การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 และการดําเนินคดีที่เกี่ยวของกับ การยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย องคคณะผู้พิพากษาเสียงขางมาก เห็นวา จําเลยมีหน้าที่ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเขารับตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งออกตามความในมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มีผลใชบังคับวันที่ 4 มกราคม 2560 จําเลยยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2560 กับยื่นเอกสารประกอบบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมครั้งที่ 1 วันที่ 26 พฤษภาคม 2560 ครั้งที่ 2 วันที่ 30 พฤษภาคม 2561 และยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมครั้งที่ 3 วันที่ 4 มีนาคม 2562 ในชวงเวลาดังกลาวมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใชบังคับ โดยมาตรา 188 วรรคหนึ่ง กําหนดให้ผู้ที่มีหน้าที่ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติ ้ หนา 12 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม หรือตามที่คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกําหนดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญดังกลาว ยังมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อไปจนกวาคณะกรรมการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้จะกําหนดเป็นอยางอื่น และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้ยื่นไวแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แกไขเพิ่มเติม ให้ถือวาเป็นการยื่นตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งมาตรา 158 วรรคหนึ่ง ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กําหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการกองขึ้นไป ผู้ชวยพนักงานไตสวน พนักงานไตสวน หัวหน้าพนักงานไตสวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตําแหนง และหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งทรัพย์สินที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น ไม่วาโดยทางตรงหรือทางออมต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบและเปดเผยผลการตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สิน อันมีลักษณะเป็นการตรวจสอบภายในองคกร การที่จําเลยดํารงตําแหนงรองเลขาธิการ คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จึงอยู่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของสํานักงาน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการกองขึ้นไป ยอมมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามกฎหมายต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบ การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคล ตามที่กําหนดไวในมาตรา 158 จึงต้องยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สวนที่มาตรา 158 วรรคสอง กําหนดให้นําความในมาตรา 43 มาใชบังคับกับการดําเนินคดีกับบุคคลตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลมนั้น เมื่อพิจารณาบทบัญญัติในมาตรา 42 ที่กําหนดให้กรรมการมีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งทรัพย์สินที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครอง หรือดูแลของบุคคลอื่น ไม่วาโดยทางตรงหรือทางออมต่อประธานวุฒิสภา โดยให้ประธานวุฒิสภาแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อตรวจสอบเบื้องตนกอนเสนอประธานวุฒิสภาพิจารณา และมาตรา 43 ที่กําหนดให้ในกรณีที่ปรากฏวามีการกระทําความผิดเกี่ยวกับการที่กรรมการผู้ใด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อประธานวุฒิสภา หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบและมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนา ้ หนา 13 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ให้ประธานวุฒิสภาสงเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องคดี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองต่อไป จะเห็นได้วา มีการแยกกระบวนการตรวจสอบ กับกระบวนการดําเนินคดีเป็นคนละขั้นตอนกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ตามที่บัญญัติไวในมาตรา 42 และมาตรา 158 แล้ว ระบุแยกแยะถึงบุคคลที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินออกเป็น 2 กลุ่ม คือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อประธานวุฒิสภา และอีกกลุ่มหนึ่ง ได้แก พนักงานเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการกองขึ้นไป ผู้ชวยพนักงานไตสวน พนักงานไตสวน หัวหน้าพนักงานไตสวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตําแหนง และหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีลักษณะการแบงตามผู้มีอํานาจและหน้าที่ในการตรวจสอบที่แตกตางกันชัดเจน โดยเฉพาะอยางยิ่ง มาตรา 42 และมาตรา 43 บัญญัติอยู่ในหมวด 1 คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สวนที่ 3 การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา 158 บัญญัติอยู่ในหมวด 9 สํานักงานคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งเป็นสวนราชการและมีฐานะเป็นนิติบุคคล รับผิดชอบขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และกฎหมายกําหนดให้เป็นอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการเป็นองคกรกลางบริหารงานบุคคลของสํานักงาน ทําหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล มีอํานาจออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับเรื่องดังกลาวได้ ตามที่บัญญัติไวในมาตรา 141 และมาตรา 144 อันเป็นการแบงแยกสวนงาน อํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ การบริหารงานภายในองคกร และลําดับชั้นการบังคับบัญชาอยางเดนชัด หากจะตีความให้นําหลักเกณฑการยื่นและการตรวจสอบ บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงกระบวนการดําเนินคดีทุกขั้นตอน ดังที่บัญญัติไว ในมาตรา 42 และมาตรา 43 มาใชบังคับแกพนักงานเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการกองขึ้นไป ผู้ชวยพนักงานไตสวน พนักงานไตสวน หัวหน้าพนักงานไตสวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตําแหนง และหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดด้วย กลาวคือ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่บุคคลดังกลาวยื่นไวแล้วพบวามีการกระทําความผิดเกี่ยวกับการจงใจ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบและมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สิน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องสงเรื่องให้ประธานวุฒิสภาเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ้ หนา 14 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
กอนสงเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องคดี ก็จะเป็นการใชอํานาจในการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่ซ้ําซอนกันระหวางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 158 และประธานวุฒิสภา ตามมาตรา 42 ประกอบกับทางไตสวนยังได้ความจากเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. วา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2560 มีผู้ดํารงตําแหนงซึ่งมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 158 ประกอบด้วย เลขาธิการ 1 คน รองเลขาธิการ 6 คน ผู้ชวยเลขาธิการ 5 คน ผู้ชวยเลขาธิการภาค 1 ถึงภาค 9 จํานวน 9 คน ผู้เชี่ยวชาญ 4 คน ผู้อํานวยการ/ผู้อํานวยการยุติธรรม 97 คน พนักงานไตสวน 162 คน ผู้ชวยพนักงานไตสวน 712 คน และเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน 341 คน รวมทั้งสิ้น 1 , 337 คน ตามหนังสือสํานักงาน ป.ป.ช. ที่ ปช 0014/0003 ลงวันที่ 9 มกราคม2566 ซึ่งหากจะมีการสงเรื่องให้ ประธานวุฒิสภาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลจํานวนมากเหลานี้ทุกราย ยอมไม่สอดคลอง กับบทบัญญัติของกฎหมาย สวนที่มาตรา 158 วรรคสอง บัญญัติให้นําความในมาตรา 43 มาใชบังคับกับการดําเนินคดีกับบุคคลตามมาตรา 158 วรรคหนึ่ง โดยอนุโลม เมื่อพิจารณาประกอบกับ บทบัญญัติของกฎหมายที่มีลักษณะให้มีการแบงแยกอํานาจหน้าที่ในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กับอํานาจหน้าที่ในการดําเนินคดีแล้ว คําวา “ โดยอนุโลม ” เป็นเพียงการบัญญัติให้นํากระบวนการ ดําเนินคดีที่ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. สงเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองมาใชบังคับในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบวา พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 วรรคหนึ่ง มีการกระทําความผิดเกี่ยวกับการจงใจไม่ยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบและมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน มิใชให้นําความในมาตรา 43 มาใชในกรณีนี้ทั้งหมด เมื่อจําเลยดํารงตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งเป็นบุคคลตามที่บัญญัติไวในมาตรา 158 วรรคหนึ่ง จําเลยยอมไม่อยู่ภายใตอํานาจการตรวจสอบ การยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยประธานวุฒิสภา คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่จําต้องสงเรื่องให้ ประธานวุฒิสภาเพื่อพิจารณากอนสงให้อัยการสูงสุดดําเนินการฟ้องคดีอีก สวนที่จําเลยอางวา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกระเบียบและประกาศขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน ้ หนา 15 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 158 และมาตรา 43 นั้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอํานาจในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของสํานักงาน ป.ป.ช. ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยไม่ต้องสงเรื่องให้ประธานวุฒิสภากอนสงเรื่องให้อัยการสูงสุด ดําเนินการฟ้องคดีดังวินิจฉัยแล้ว การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกระเบียบคณะกรรมการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติวาด้วยการยื่นบัญชี การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 158 และการดําเนินคดีที่เกี่ยวของกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 ขอ 33 กําหนดให้ กรณีการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ยื่นบัญชีในตําแหนงตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการกองขึ้นไป และพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีตําแหนงและหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ดําเนินการตรวจสอบทรัพย์สินเอง และขอ 35 กําหนดให้กรณีที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติวา ผู้ยื่นบัญชีจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นแล้ว ให้ผู้ตรวจสอบทรัพย์สินหรือผู้ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายสงเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง จึงเป็นการออกระเบียบและประกาศรองรับให้สอดคลองสัมพันธกับบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. สงเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องเป็นคดีนี้ จึงชอบแล้ว สวนที่จําเลยให้การวา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการไตสวนโดยไม่ชอบ กระทําการผิดขั้นตอน เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสาร โดยอางถึงกรณีที่สํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินมีหนังสือแจงเบาะแสวา นางธนิภา พวงจําปา ภริยาจําเลยต้องสงสัยวาอาจเกี่ยวของกับการฟอกเงินโดยมีการทําธุรกรรมทั้งใน และตางประเทศในชวงป 2555 ถึง ป 2559 อันเป็นการนําขอเท็จจริงที่ไม่ผานกระบวนการ ที่ชอบด้วยกฎหมายเขามาเพื่อดําเนินการตรวจสอบเชิงลึกกับจําเลย นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังได้พิจารณาเห็นชอบตามที่สํานักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเสนอวาจําเลยมิได้แสดง บัญชีเงินฝากของ นางธนิภา 7 บัญชี และบัตรเครดิต 4 บัญชี แล้วมีมติให้แจงขอกลาวหาแกจําเลยเป็นคดีนี้ โดยไม่ได้มีการสอบถามขอมูลตาง ๆ จากจําเลยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 234 (3) และมาตรา 235 วรรคทาย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 109 วรรคสอง และมาตรา 114 วรรคสอง ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ทั้งที่จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินครั้งแรกตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กําหนด เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2560 และยื่นบันทึกชี้แจงรายงานแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ไวกอนแล้วด้วยตนเอง การดําเนินการดังกลาวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิได้เกิดจากการตรวจสอบตามระเบียบ ขอบังคับ หรือประกาศของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อีกทั้งเอกสารที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินอางถึง ก็มีขอพิรุธสงสัย ถึงความมีอยู่จริงและความถูกต้องของเอกสาร เพราะไม่ปรากฏในสํานวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่แรก อีกทั้งการตรวจสอบบัญชีธนาคารตาง ๆ ของ นางธนิภา ตั้งแต่ป 2555 เป็นการตรวจสอบยอนหลัง ซึ่งไม่มีกฎหมายกําหนดให้สามารถดําเนินการได้ จึงเป็นการตรวจสอบโดยมิชอบ การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ของจําเลย นางธนิภา และผู้ที่เกี่ยวของก็ไม่มีการขอมติจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 38 นั้น เห็นวา ในการดําเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 26 ให้อํานาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการแสวงหาขอเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะทราบขอเท็จจริงหรือพิสูจนความผิดและเพื่อจะเอาตัวผู้กระทําผิด มาฟ้องลงโทษ มาตรา 37/2 ซึ่งนํามาใชบังคับกับการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยอนุโลมตามมาตรา 42 ยังบัญญัติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอํานาจในการตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อพิสูจนความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน หากมีพฤติการณปรากฏ หรือมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินรายการใดโดยไม่ชอบ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอํานาจดําเนินการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินหรือการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้นได้ โดยให้กระทําได้ ต่อเมื่อมีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว ทั้งยังให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอํานาจ เรียกขอมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวของกับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินจากสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินได้อีกด้วย การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับทรัพย์สินของ นางธนิภา ภายหลังจากที่จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินไวแล้ว เนื่องจากได้รับหนังสือแจงเบาะแสจากสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงิน และได้รับขอมูลจากสํานักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจวา นางธนิภา ต้องสงสัยเกี่ยวของกับ การฟอกเงิน อันนํามาสูการแจงขอกลาวหาแกจําเลยเป็นคดีนี้ ยอมถือได้วาเป็นกรณีมีพฤติการณปรากฏ ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
หรือมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินรายการใดโดยไม่ชอบภายหลังจากที่จําเลย ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยอมมีอํานาจดําเนินการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินหรือการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น รวมถึงมีอํานาจ เรียกขอมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวของกับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินจากสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ แมต่อมาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จะถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่น ไวเดิมก็ยังถือวาเป็นการยื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และการไตสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และการดําเนินการดังกลาวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังคงถือเป็นการดําเนินการโดยชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 188 และมาตรา 194 วรรคสอง นอกจากนี้ มาตรา 4 ยังได้ให้คําจํากัดความของการไตสวนวาหมายถึง การแสวงหา รวบรวม และการดําเนินการอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งขอเท็จจริงและพยานหลักฐาน ทั้งมาตรา 38 ยังได้กําหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอํานาจขอขอมูลจากสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องได้ขอมูล เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของบุคคลนั้นหรือบุคคลที่เกี่ยวของในการดําเนินการตรวจสอบหรือไตสวน เพื่อมีความเห็นหรือวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทําของบุคคลใด และมาตรา 67 วรรคสาม บัญญัติให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจนําพยานหลักฐานที่ได้จากการไตสวนหรือพยานหลักฐานที่ได้มาจากตางประเทศ อันได้มาอยางถูกต้องตามกฎหมายในคดีใดคดีหนึ่งมาใชเป็นพยานหลักฐานประกอบสํานวนการไตสวนที่เกี่ยวของได้ สวนที่จําเลยโตแยงวาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการไตสวนและตรวจสอบทรัพย์สินของจําเลย กรณีเขารับตําแหนงโดยรวบรัด ไม่ได้ไตสวนให้ได้ความถึงเจตนาของจําเลยและไม่ได้สอบถามขอมูลตาง ๆ จากจําเลยกอน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 23 4 (3) และมาตรา 235 วรรคทาย และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 109 วรรคสอง มาตรา 114 วรรคสอง นั้น ทางไตสวนได้ความวา ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ 2562 เห็นชอบให้ดําเนินการแจงขอกลาวหา แกจําเลยกรณีไม่แสดงรายการทรัพย์สิน 8 รายการ กับได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาสงเอกสารหลักฐาน ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ประกอบคําชี้แจงเพิ่มเติมตามที่จําเลยรองขอ และมอบหมายให้กรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบ สํานวนพิจารณาขยายระยะเวลาชี้แจงแกขอกลาวหาหากมีการขอ ตามเอกสารหมาย จ. 24 แล้ว ต่อมาจําเลยได้ยื่นหนังสือ ฉบับลงวันที่ 24 และวันที่ 25 กุมภาพันธ 2562 ขอสงเอกสารหลักฐาน ประกอบคําชี้แจงเพิ่มเติมและขอความเป็นธรรม ฉบับลงวันที่ 26 กุมภาพันธ 2562 ขอเลื่อน การรับทราบขอกลาวหาออกไปจนกวาคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาคําชี้แจงและการขอความเป็นธรรม ฉบับลงวันที่ 4 มีนาคม 2562 ขอแจงบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รายการเงินฝากของคู่สมรส เพิ่มเติม 3 บัญชี และฉบับลงวันที่ 5 มีนาคม 2562 ขอเลื่อนการรับทราบขอกลาวหาครั้งที่ 2 เนื่องจากติดอบรมในวันที่ 6 มีนาคม 2562 ซึ่งตรงกับวันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้มารับทราบขอกลาวหา และมีกําหนดเดินทางไปตางประเทศ ระหวางวันที่ 7 ถึง 18 มีนาคม 2562 ซึ่งสํานักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 2562 ถึงจําเลยแจงวา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีกําหนดพิจารณา เรื่องการขอความเป็นธรรมในวันที่ 6 มีนาคม 2562 ผลเป็นประการใดให้จําเลยไปพบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสํานวนในวันดังกลาวเวลาประมาณ 14 นาฬิกา ตามเอกสารหมาย จ. 29 จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติวา คําชี้แจงเพิ่มเติมของจําเลยไม่มีขอเท็จจริง หรือขอมูลใหมที่จะเป็นเหตุให้ยุติการแจงขอกลาวหา และให้คณะกรรมการดําเนินการตรวจสอบทรัพย์สินต่อไป แต่ในวันดังกลาวจําเลยไม่มาพบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามนัดในหนังสือแจง ตามเอกสารหมาย จ.30 แสดงให้เห็นวา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้โอกาสจําเลยในการยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคําชี้แจง ชี้แจงขอเท็จจริงใหมเพิ่มเติม และพิจารณาเรื่องที่จําเลยรองขอความเป็นธรรมแล้ว รวมถึงอนุญาตให้จําเลย เลื่อนการรับทราบขอกลาวหาถึง 2 ครั้ง และนัดจําเลยให้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่จําเลยไม่ไปพบ ทั้งพยานหลักฐานของจําเลยก็ไม่เพียงพอที่จะเป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณายุติการแจงขอกลาวหา การไตสวนและตรวจสอบทรัพย์สินของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิได้เป็นการดําเนินการอยางรวบรัด ดังที่จําเลยกลาวอาง แต่อยางใด ถือได้วาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้โอกาสจําเลยแกขอกลาวหา พอสมควรแล้ว ดังนั้น การมีมติให้ไตสวน การดําเนินการไตสวน การแจงขอกลาวหา การตรวจสอบขอเท็จจริง การรวบรวมพยานหลักฐาน และการสงเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการฟ้องคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ดําเนินการมาจึงชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอํานาจฟ้อง ขออางของจําเลยฟงไม่ขึ้น ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ปญหาต้องวินิจฉัยต่อไปวา จําเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยขอความ อันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มา แห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินตามฟ้องหรือไม่ เนื่องจากมีทรัพย์สินและหนี้สินหลายรายการ จึงเห็นควรวินิจฉัย ตามกลุ่มของทรัพย์สินและหนี้สินเป็นลําดับไป สําหรับบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา ประเภทกระแสรายวัน เลขที่ 758 - 1 - 01003 - 0 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา คู่สมรสจําเลย มียอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 10 , 000 บาท จําเลยให้การวา บัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกลาวผูกคู่กับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ซึ่งจําเลยได้แสดงในการยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไวแล้ว โดยมีเงื่อนไขวาหากมีการสั่งจายเช็คจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เป็นจํานวนเงินเทาใด ธนาคารจะตัดยอดเงินดังกลาวจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์โดยอัตโนมัติ รายการเคลื่อนไหว ทั้งสองบัญชีจึงเกี่ยวของสัมพันธกัน เงินที่ผานบัญชีเงินฝากกระแสรายวันทั้งหมดตัดยอดหรือโอนมาจาก บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีอยางเดียวกัน การที่ไม่ได้แจงบัญชีเงินฝาก กระแสรายวันเกิดจากความเขาใจของ นางธนิภา วาไม่มีจํานวนเงินคงเหลือเป็นการเขาใจที่คลาดเคลื่อน องคคณะผู้พิพากษาเสียงขางมาก เห็นวา ทางไตสวนได้ความจาก นางสาววิไลรัตน์ ลิ้มดําเนิน ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา วา นางธนิภา เปดบัญชีเงินฝาก ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 758 - 2 - 01443 - 9 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2541 ต่อมา นางธนิภา เปดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 758 - 1 - 01003 - 0 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 มีการยื่นคําขอผูกบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไวกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดังกลาว ให้ธนาคารหัก และ/หรือโอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เขาบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกลาว และต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันขั้นต่ํา 10 , 000 บาท เพื่อสํารองในการสั่งจายเช็ค เมื่อลูกคาสั่งจายเช็คธนาคารจะตัดเงินที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ลูกคาสามารถฝากหรือโอนเงิน เขาบัญชีเงินฝากกระแสรายวันได้ ในกรณีที่มีการสั่งจายเช็คแต่เงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไม่เพียงพอ ธนาคารจะโอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ผูกไวมายังบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยอัตโนมัติ ทั้งยังได้ความจาก นางธนิภา ด้วยวา เปดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกลาวมา กวา 10 ป แล้ว ธนาคารไม่ได้สงรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันให้แก นางธนิภา เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2559 นางธนิภา เดินทางไปยังธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปนเกลา ้ หนา 20 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝากที่มีชื่อ นางธนิภา และพบกับ นางสาวพิชานัน กิจจานุกิจ ผู้ชวยผู้จัดการธนาคาร แต่ นางสาวพิชานัน ก็ไม่ได้แจงให้ทราบถึงบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน จําเลยไม่ได้เดินทางไปด้วย และไม่เคยไป หรือเขามายุงเกี่ยว แต่อยางใด เหตุที่ไม่ได้แสดงบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกลาวเพราะเชื่อโดยสุจริตวา รายการเคลื่อนไหวที่มีการเรียกเก็บเงินตามเช็คผานบัญชีเงินฝากกระแสรายวันทุกรายการ ธนาคารจะหัก หรือโอนมาจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์โดยอัตโนมัติ ไม่มีจํานวนยอดคงเหลือ และไม่มีการทําธุรกรรม ในวันที่จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน นางธนิภา แจงให้จําเลยทราบเกี่ยวกับ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดังกลาว ซึ่งจําเลยได้แสดงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว ดังนี้ เมื่อ นางธนิภา มีคําขอผูกบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเขากับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ทั้งรายการเดินบัญชีเงินฝาก ทั้งสองบัญชีดังกลาวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 จนถึงวันที่จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนง ปรากฏวาเงินที่โอนเขาบัญชีเงินฝากกระแสรายวันทุกรายการถูกโอนมาจากบัญชีเงินฝาก ออมทรัพย์เพื่อชําระหนี้ตามเช็คเทานั้น โดยยอดเงินฝากเขาและถอนออกเป็นจํานวนเดียวกันทุกจํานวน เวนแต่เพียงรายการถอนเงินออกเพื่อชําระคาธรรมเนียมให้แกธนาคารเทานั้น ยอดเงินที่เคลื่อนไหว ในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันทุกรายการจึงปรากฏอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ผูกกันไว บัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกลาวจึงเปดขึ้นเพื่อความสะดวกในการทําธุรกรรมทางการเงิน และให้สิทธิธนาคาร ที่จะโอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เพื่อปรับยอดในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันได้ โดยที่ นางธนิภา ไม่ต้องดําเนินการใด ๆ นอกจากนี้ บัญชีดังกลาวเปดมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ป กอนที่จําเลยมีหน้าที่ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้งเป็นการเปดบัญชีเพื่อทําธุรกรรมของกิจการภายในหมู่พี่นอง ของ นางธนิภา เอง โดยไม่ปรากฏวาจําเลยมีสวนเกี่ยวของกับการดําเนินกิจการดังกลาว ทั้งยอดเงินในบัญชี เงินฝากกระแสรายวันก็มีเป็นจํานวนนอยเมื่อเทียบกับยอดเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ซึ่งมีเป็นจํานวนมาก และจําเลยแสดงบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว อาจทําให้ นางธนิภา ไม่ได้แจงให้จําเลยทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เป็นเหตุให้จําเลยไม่ทราบ จึงไม่ได้แสดงไวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินที่ยื่นไวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งไม่ปรากฏ มูลเหตุที่จําเลยต้องปกปดไม่แสดงรายการธุรกรรมการเงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกลาว ขอเท็จจริงจึงยังฟงไม่ได้วา จําเลยมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินในสวนนี้ ้ หนา 21 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
สําหรับเงินลงทุนของ นางธนิภา ในบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด จํานวน 20 , 000 หุน หมายเลขใบหุนที่ 160001 - 180000 ราคาจดทะเบียนหุนละ 100 บาท มูลคารวม 2 , 000 , 000 บาท จําเลยให้การวา นางธนิภา โอนหุนดังกลาวให้แก นายธนกร นันที นองชาย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2553 ภายหลังจําเลยทราบขอกลาวหาจึงได้ตรวจสอบขอเท็จจริงพบวา เป็นขอบกพรองในการนําสงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุนซึ่งมีการนับรายชื่อผู้ถือหุนผิดพลาด เป็นเรื่องของการจัดทําเอกสาร นอกจากนี้ จําเลยยังตรวจสอบพบวาในป 2554 มีการยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุนเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2554 ไม่มีชื่อ นางธนิภา เป็นผู้ถือหุนซึ่งเป็นขอมูลที่ถูกต้อง แต่ในการนําสงเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 กลับมีชื่อ นางธนิภา เป็นผู้ถือหุนอีก โดยที่ นางธนิภา ไม่ทราบขอเท็จจริง การที่ นางธนิภา มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุนในการนําสงวันที่ 17 ธันวาคม 2554 วันที่ 30 ตุลาคม 2559 (ครั้งที่ 1) วันที่ 30 ตุลาคม 2559 (ครั้งที่ 2) วันที่ 30 ตุลาคม 2560 และวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เกิดจากความผิดพลาดทางธุรการ ไม่มีเหตุผลที่ นางธนิภา จะกลับเขาไปถือหุนอีกเพราะผลประกอบการ ของบริษัทดังกลาวขาดทุนมาโดยตลอดไม่ได้รับเงินปนผล หยุดดําเนินงานมาหลายป และมูลคาหุน เทากับศูนยบาท องคคณะผู้พิพากษาเสียงขางมาก เห็นวา แมตามสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุนเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 และวันที่ 30 ตุลาคม 2559 ครั้งที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นเวลากอนจําเลย ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนง มีรายชื่อผู้ถือหุน 5 คน คือ นายมณฑล นันที นายวัชรินทร สุทธิประภา นายธกฤษณ พรหมเดชะ เด็กหญิงเมสา เจน สิริดํารงพันธุ รวมทั้ง นางธนิภา ซึ่งระบุจํานวนหุนและหมายเลขใบหุนเหมือนกันทุกครั้ง แต่ตามสําเนาบัญชีรายชื่อ ผู้ถือหุนเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2553 วันที่ 30 ตุลาคม 2554 และป 2555 ถึงป 2558 มีรายชื่อผู้ถือหุน 6 คน คือ นายธนกร นายประจวบ นันที พลตํารวจ เอก สมจิตต นันที นายวัชรินทร นายธกฤษณ และ เด็กหญิงเมสา เจน ระบุจํานวนหุนและหมายเลขใบหุนเหมือนกันทุกครั้ง โดยไม่ปรากฏชื่อของ นางธนิภา เป็นผู้ถือหุน สอดคลองกับที่จําเลยอางวา นางธนิภา โอนหุนคืนให้ นายธนกร แล้วตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2553 สวนสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุนที่ยื่นในป 2559 ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 สําหรับรอบบัญชีวันที่ 30 ตุลาคม 2559 กลับมาปรากฏชื่อ นางธนิภา ถือหุน 20 , 000 หุน หมายเลขใบหุนที่ 160001 - 180000 ราคาจดทะเบียนมูลคาหุน หุนละ 100 บาท รวมมูลคา ้ หนา 22 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
2 , 000 , 000 บาท อีก ซึ่งขณะนั้นบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด ยังไม่มีการเลิกกิจการก็ตาม แต่ได้ความจากคําเบิกความของ นายมณฑล นายธนกร และ นายธกฤษณ ทํานองเดียวกันวา บริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด ไม่ได้ดําเนินกิจการมาหลายป ผลประกอบการของบริษัท ขาดทุนมาโดยตลอด ไม่มีการจายเงินปนผล สอดคลองกับรายงานของผู้สอบบัญชีเสนอต่อผู้บริหาร ของบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด ประกอบงบกําไรขาดทุน ตามสําเนางบแสดงฐานะการเงิน ของบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด เอกสารหมาย จ.51 วา ในป 2561 บริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกวาสินทรัพย์หมุนเวียน และมีผลขาดทุนเกินทุนเป็นจํานวนมาก ทั้งไม่ปรากฏวา นางธนิภา เขาไปมีสวนเกี่ยวของในการดําเนินกิจการหรือได้รับผลประโยชนในบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด อยางไร จึงไม่มีเหตุให้ นางธนิภา กลับเขาเป็นผู้ถือหุนในบริษัทดังกลาวอีก นอกจากนี้ การนําสงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุน (บอจ.5) เป็นหน้าที่ของกรรมการผู้มีอํานาจเป็นผู้ดําเนินการ นางธนิภา มีชื่อเป็นเพียงผู้ถือหุน ไม่มีสวนเกี่ยวของกับการทําเอกสาร การตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุน และการยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุนต่อนายทะเบียนหุนสวนและบริษัท อาจทําให้ นางธนิภา เขาใจวา นางธนิภา ไม่ได้ถือหุนในบริษัท ปาลม บิซ คอรปอเรชั่น จํากัด แล้ว จึงไม่ได้แจงให้จําเลยทราบ ทั้งหุนดังกลาวเป็นของบริษัทซึ่งเป็นกิจการในหมู่พี่นองของ นางธนิภา ที่มีมานานแล้ว โดยไม่ปรากฏวา จําเลยมีสวนเกี่ยวของในการประกอบธุรกิจในหมู่พี่นองของ นางธนิภา และในขณะที่จําเลยมีหน้าที่ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนง บริษัทดังกลาวก็ไม่ได้ประกอบกิจการ มีผลขาดทุน ไม่มีการจายเงินปนผลไม่มีมูลเหตุให้จําเลยต้องปกปดการเป็นผู้ถือหุนของ นางธนิภา จึงเชื่อวาจําเลยไม่ทราบถึงการเป็นผู้ถือหุนของ นางธนิภา ในบริษัทดังกลาว ขอเท็จจริงจึงยังฟงไม่ได้วา จําเลยมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินในสวนนี้ สําหรับบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเภทกระแสรายวัน ( Current Account) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 000 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 0 ปอนดสเตอรลิง ประเภทออมทรัพย์ ( Deposit Call Account) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 400 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 12 , 238.28 ปอนดสเตอรลิง ประเภท ออมทรัพย์ ( Deposit Call Account) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 401 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ้ หนา 23 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 225 , 721.18 ปอนดสเตอรลิง และหองชุดเลขที่ 68 ในอาคารชุด Wolfe House 389 Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร มีชื่อ นางธนิภา พวงจําปา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยมีการกูเงินจากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน มีหนี้คงคางกับธนาคารบัญชีเงินกู ( Loan Account) เลขที่ 0807 - 179574 - 100 ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี 2 , 362 , 500 ปอนดสเตอรลิง นั้น เห็นควรวินิจฉัยไปในคราวเดียวกัน จําเลยให้การวา นางธนิภา เพียงแต่ถือกรรมสิทธิ์ในหองชุดแทน นายโรเบิรต ลี (Mr.Robert Man Fa Li) นางธนิภา ไม่มีสวนเกี่ยวของกับบริษัท Mega City Holdings Limited นายโรเบิรต เป็นผู้ผอนชําระเงินกู ขณะที่จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จําเลยเขาใจโดยสุจริตวา นางธนิภา โอนกรรมสิทธิ์หองชุดและปดบัญชีตามคําฟ้องแล้ว จําเลยเพิ่งทราบจาก นางธนิภา หลังจากยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไปแล้ววา ยังไม่สามารถไถถอนจํานองและปดบัญชีได้ จําเลยจึงมี หนังสือชี้แจงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ฉบับลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ประกอบคําชี้แจงเพิ่มเติม ฉบับลงวันที่ 24 กุมภาพันธ 2562 ตามเอกสารหมาย จ.12 ทางไตสวนได้ความจาก นายพีริยเทพ หอมหวล ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ จํากั ด (มหาชน) สาขาลอนดอน เบิกความยืนยันวา นายพีริยเทพ ได้รับแจงจาก นายธนกร นันที ซึ่งเป็นเจ้าของรานอาหารไทยในกรุงลอนดอนวา นางธนิภา ต้องการกูเงิน จากธนาคาร ต่อมา นางธนิภา โทรศัพทติดต่อ นายพีริยเทพ แจงวาต้องการกูเงินเพื่อนําไปซื้อหองชุดป ลอยให้เชา หลังจากนั้น ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) ในประเทศไทยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ธนาคารนําเอกสาร ที่เกี่ยวของไปให้ นางธนิภา กรอกขอมูลตามแบบฟอรมของธนาคารเพื่อใชในการขอกูเงิน เป็นการขอกูเงิน ในรูปแบบ Buy to Let คือ การกูเงินเพื่อนําไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปลอยเชาโดยนําคาเชา มาชําระเงินกูถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งธนาคารต้องประเมินหลักทรัพย์ที่นํามาค้ําประกันเงินกูวา มีศักยภาพในการนําไปปลอยเชาเพื่อนําคาเชามาชําระเงินกูได้มากนอยเพียงใด รวมทั้งมูลคาหลักทรัพย์ หองชุดที่ นางธนิภา จะซื้อเป็นอสังหาริมทรัพย์ใหม อยู่ในทําเลดีเพิ่งกอสรางเสร็จ ธนาคารจึงพิจารณา ปลอยกู 3 , 150 , 000 ปอนดสเตอรลิง จากยอดซื้อ 4 , 500 , 000 ปอนดสเตอรลิง หองชุดดังกลาว ได้รับการประเมินวาสามารถปลอยเชาได้ในราคาประมาณ 130 , 000 ปอนดสเตอรลิง ต่อป ธนาคารยังประเมินความสามารถในการชําระหนี้ของผู้กู คือ นางธนิภา ซึ่งสงเอกสารแสดงวา นางธนิภา มีแหลงเงินได้จากบริษัท Mega City Holdings Limited ที่ นางธนิภา เป็นกรรมการและได้รับเงินปนผล ้ หนา 24 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
กับเอกสารรับรองสถานะทางการเงินที่ออกโดยธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ของบริษัท Global Palm Oil Co.,Ltd. ในประเทศไทย ซึ่ง นางธนิภา เป็นกรรมการผู้จัดการ ตามเอกสารหมาย จ.66 และ จ. 67 ในการนี้ นางธนิภา ได้เปดบัญชีกับธนาคารเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2557 เพื่อใชในการชําระหนี้เงินกูแกธนาคาร นางธนิภา เบิกถอนเงินกูทั้งจํานวนเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557 ในสวนหองชุดดังกลาว นางธนิภา ทําการซื้อและกรรมสิทธิ์ถูกโอนมายัง นางธนิภา ในวันเดียวกัน โดยมีการจดทะเบียนจํานองไวกับธนาคาร และปรากฏชื่อบริษัท Falcon Energy International Limited ซึ่งมีความเกี่ยวของกับ นางธนิภา เป็นผู้ริเริ่มซื้อหองชุดดังกลาว และกอนการขอกูเงินจากธนาคาร มีการชําระเงินดาวนคาหองชุด จํานวน 4 ครั้ง เป็นเงินรวม 1 , 116 , 000 ปอนดสเตอรลิง ตามเอกสารหมาย จ.68 และ จ.69 ซึ่ง นายพีริยเทพ เชื่อวาเป็นเงินของ นางธนิภา ต่อมา นางธนิภา โทรศัพทแจง นายพีริยเทพ วาทําสัญญาขายหองชุดแก นายโรเบิรต แล้ว นายพีริยเทพ จึงแจงให้ นางธนิภา ทราบถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและธนาคารไม่รับรูและไม่ยอมรับเรื่องดังกลาว แต่ต่อมา นางธนิภา ยังคงมีหนังสือลงวันที่ 3 มกราคม 2560 ถึงธนาคารแจงเรื่อง การขายหองชุดดังกลาวแก นายโรเบิรต ตามเอกสารหมาย จ.76 และ จ.77 หนังสือดังกลาว นายโรเบิรต เป็นผู้นํามามอบให้ภายหลังจาก วันที่ลงในหนังสือแล้ว 2 ถึง 3 เดือน ต่อมาธนาคารจึงมีหนังสือฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2560 ยืนยันวา นางธนิภา ยังเป็นลูกหนี้ของธนาคารและหองชุดดังกลาวยังเป็นหลักประกันตามกฎหมาย ตามเอกสารหมาย จ.80 และ จ.81 ภายหลัง นางธนิภา มีหนังสือแจงธนาคารขอยกเลิกการซื้อขายหองชุด โดยยอมรับวายังเป็นลูกหนี้ตามสัญญากูกับธนาคารอยู่ ตามเอ กสารหมาย จ. 82 และ จ. 83 ต่อมา นางธนิภา มีหนังสือแจงธนาคารวาประสงคจะขายหองชุดและไถถอนจํานอง โดยแจงลวงหน้า ประมาณ 2 เดือน กอนทําสัญญาขายหองชุด นางธนิภา ไถถอนจํานองและปดบัญชีเงินกูเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 และปดบัญชีที่เหลือทั้งหมด ในวันที่ 29 มกราคม 2561 นอกจากนี้ ยังได้ความจาก นางสาวเกษมาภรณ เจริญกุล ผู้ชํานาญการฝ่ายอํานวยการสาขาตางประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) วา ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ต้องการให้ นางธนิภา ยืนยันตัวตน นางสาวเกษมาภรณ ได้รับมอบหมายจากธนาคารให้นําสําเนาหนังสือเดินทางมาให้ นางธนิภา ลงชื่อรับรอง และขอรับสําเนาบัตรประจําตัวประชาชนและสําเนาทะเบียนบ้านจาก นางธนิภา โดยให้ลงลายมือชื่อรับรองเอกสารดังกลาวต่อหน้า นางสาวเกษมาภรณ เมื่อตรวจสอบความถูกต้อง ้ หนา 25 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
ของเอกสารทั้งหมดแล้ว จึง สงไปยังธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน เห็นวา ทางไตสวนได้ความจาก นายพีริยเทพ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน วา นางธนิภา เป็นผู้ติดต่อธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ด้วยตนเอง ตั้งแต่การขอกูยืมเงิน การแจงเรื่อง การขายหองชุดให้ นายโรเบิรต จนกระทั่งการแจงปดบัญชีและไถถอนจํานอง นางธนิภา เป็นผู้ทําสัญญาในฐานะผู้กู เพื่อซื้อหองชุดและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หองชุดดังกลาว โดยไม่ได้ระบุวา มีผู้ใดรวมลงทุนด้วย อีกทั้งการขอกูยืม นางธนิภา สงมอบหลักฐานแสดงสถานะทางการเงินของตนเอง เพื่อใชประกอบการพิจารณาคําขอกูยืม ระบุวา นางธนิภา เป็นเจ้าของและได้รับเงินปนผลจาก บริษัท Mega City Holdings Limited ซึ่งเป็นผู้ค้ําประกันเงินกู โดย นายโรเบิรต ในฐานะผู้จัดการ บริษัท Mega City Holdings Limited มีเอกสารรับรองต่อธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน เองวา บริษัท Mega City Holdings Limited ได้จายเงินปนผลให้ นางธนิภา ซึ่งมีฐานะเป็นรักษาการ ประธานของบริษัท Mega City Holdings Limited เป็นจํานวนเงิน 2 , 000 , 000 เหรียญสหรัฐ สอดคลองกับที่ นางธนิภา ระบุในเอกสารประกอบการขอกูเงินต่อธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ดังกลาว นายโรเบิรต ถูกระบุให้เป็นเพียงผู้ประสานงานเนื่องจากสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และลงนามในฐานะพยานในสัญญากูเทานั้น ไม่ปรากฏวา นายโรเบิรต เ ปนผู้รวมลงทุน ผู้กูรวม ผู้ค้ําประกันเงินกู หรือมีอํานาจในการบริหารบัญชีเงินกูหรือบัญชีเงินฝากของ นางธนิภา แต่อยางใด นอกจากนี้ ยังได้ความจาก นายพีริยเทพ วา ในการยืนยันสถานะทางการเงินของบริษัทดังกลาว ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ นางธนิภา จัดสงเอกสารที่ นางธนิภา จางบริษัท Mourant Ozannes ให้ทําความเห็นเกี่ยวกับบริษัท Mega City Holdings Limited เพื่อแสดงสถานะทางการเงินของ บริษัท Mega City Holdings Limited ด้วย และ นางธนิภา ยื่นเอกสารประกอบการขอกูเงินระบุวา นางธนิภา เป็นเจ้าของบริษัท Mega City Holdings Limited มีการเปดบัญชีกับธนาคาร Hongkong and Shanghai Banking Corporation (HSBC) และมีแหลงเงินได้จากบริษัท Mega City Holdings Limited ซึ่งสอดคลองกับที่ นายพีริยเทพ เบิกความวา โดยหลักผู้ค้ําประกันต้อง มีความเกี่ยวของกับผู้กู แต่ นางธนิภา กลับเบิกความวาไม่ได้เกี่ยวของกับบริษัท Mega City Holdings Limited คําเบิกความของ นางธนิภา จึงขัดแยงกับเอกสารที่ยื่นประกอบการขอกู ทั้งการที่ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน อนุมัติให้บริษัท Mega City Holdings Limited เขาเป็นผู้ค้ําประกันการกูเงินของ ้ หนา 26 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
นางธนิภา ได้ แสดงให้เห็นวาบริษัท Mega City Holdings Limited มีสถานะทางการเงินที่นาเชื่อถือ จึงขัดแยงกับขออางของจําเลยที่วา นายโรเบิรต เคยขอกูยืมเงินจากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ในนามของบริษัท Mega City Holdings Limited เพื่อซื้อหองชุดดังกลาว แต่ธนาคารปฏิเสธการขอกู เนื่องจากไม่มีความนาเชื่อถือ ดังนั้น การชี้แจงและคําเบิกความของ นายโรเบิรต ที่วา นายโรเบิรต เป็นเจ้าของและผู้ถือหุนเพียงคนเดี ยวของบริษัท Mega City Holdings Limited นางธนิภา ไม่เกี่ยวของกับบริษัท และไม่เคยได้รับเงินปนผลหรือประโยชนตอบแทน จากบริษัท และบริษัท Mega City Holdings Limited เคยยื่นคําขอกูยืมเงินจากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน แต่ธนาคารปฏิ เสธคําขอ เนื่องจากบริษัทไม่มีความนาเชื่อถือเพียงพอ ตามหนังสือชี้แจงขอเท็จจริงฉบับลงวันที่ 22 ธันวาคม 2563 เอกสารหมาย จ.76 จ.97 และ ล.34 ลวนขัดแยงกับเอกสารที่ นางธนิภา และ นายโรเบิรต เคยยื่นขอสินเชื่อไวกับธนาคารดังกลาวขางตน ยิ่งไปกวานั้น ยังได้ความจาก นายพีริยเทพ วา นายโรเบิรต ไม่ได้เป็นลูกคาของธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน และไม่เคยยื่นขอกูเงินกับธนาคารมากอน คําเบิกความของ นายโรเบิรต จึงเป็นคําเบิกความแต่เพียงลอย ๆ ทั้งยังเป็นการชี้แจงหลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแกจําเลยแล้ว อาจเป็นไปเพื่อชวยเหลือจําเลยและ นางธนิภา จึงมีน้ําหนักให้รับฟงนอย เมื่อพิจารณาพฤติการณของ นางธนิภา ที่ยื่นเอกสารประกอบการขอกูเงินต่อธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ระบุวา นางธนิภา เป็นเจ้าของบริษั ท Mega City Holdings Limited และมีแหลงเงินได้จาก บริษัท Mega City Holdings Limited เชนเดียวกับบริษัท Global Palm Oil Co.,Ltd. ซึ่งมี นางธนิภา เป็นกรรมการผู้จัดการ ประกอบกับพยานหลักฐานอื่น ดังวินิจฉัยขางตนแล้ว จึงเชื่อวา นางธนิภา เป็นเจ้าของบริษัท Mega City Holdings Limited ด้วยเชนเดียวกัน ขอเท็จจริงรับฟงได้วา นางธนิภา เป็นผู้ริเริ่มติดต่อขอกูยืมเงินกับธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน และเปดบัญชี ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน Current Account เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 000 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา บัญชีประเภท Deposit-Call เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 400 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา และบัญชีประเภท Deposit-Call เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 401 ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา ด้วยตนเอง สวนการชําระเงินคาหองชุดที่จําเลยอางวา นายโรเบิรต เป็นผู้ชําระ นางธนิภา ไม่มีสวนเกี่ยวของในการชําระเงินด้วยนั้น ได้ความจาก นายพีริยเทพ ซึ่งให้การสอดคลองกับ ้ หนา 27 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
คําเบิกความของ นายธกฤษณ วา นายธกฤษณ เป็นผู้ริเริ่มจองหองชุดดังกลาวในนามของ บริษัท Falcon Energy International Limited และเป็นผู้ชําระเงินคาจองหองชุดดังกลาวทั้งสี่งวด เป็นเงิน 1 , 116 , 000 ปอนดสเตอรลิง ในนามของบริษัท Falcon Energy International Limited นายธกฤษณ ยังเบิกความด้วยวา นายโรเบิรต ประสงคจะขอเขารวมลงทุนกับ นายธกฤษณ แต่ นายโรเบิรต รวมลงทุนเพียงรอยละ 10 เทานั้น หลังจากที่ นายธกฤษณ ในนามของบริษัท Falcon Energy International Limited ชําระเงินคาจองหองชุดดังกลาวไปแล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ของหองชุด นายธกฤษณ ไม่สามารถหาเงินมาชําระคาซื้อหองชุดได้ และเมื่อธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ปฏิเสธการกูเงินของ นายโรเบิรต นายธกฤษณ จึงแนะนําให้ นายโรเบิรต รูจักกับ นางธนิภา เพื่อขอให้ชวยกูเงินจากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน มาชําระคาซื้อหองชุดดังกลาว ให้แทน นายธกฤษณ ซึ่งขัดแยงกับเอกสารหมาย ล.34 ขอ 5 ที่ นายโรเบิรต มีหนังสือชี้แจง คณะกรรมการ ป.ป.ช. วา เมื่อธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ปฏิเสธไม่ปลอยเงินกู ให้แก บริษัท Mega City Holdings Limited นายโรเบิรต จึงปรึกษากับ นายธกฤษณ หาใช นายธกฤษณ เป็นผู้ริเริ่มแนะนําให้ นายโรเบิรต รูจักกับ นางธนิภา นอกจากนี้ ยังได้ความวา นายธกฤษณ รูจักคุนเคยกับครอบครัวของ นางธนิภา มา กวา 10 ป แล้ว หากเป็นเชนนั้น นายธกฤษณ ซึ่งมีความสนิทสนมกับ นางธนิภา มายาวนาน ก็ นาจะเป็นผู้ขอความชวยเหลือจาก นางธนิภา ให้ชวยกูเงินเพื่อนํามาชําระคาซื้อหองชุดแทน นายธกฤษณ ไม่จําต้องแนะนํา นายโรเบิรต ซึ่งมีสวนรวมลงทุน ในการจองหองชุดดังกลาวเพียงรอยละ 10 ให้รูจัก นางธนิภา เพื่อขอให้ชวยกูเงินมาชําระคาซื้อหองชุด ดังกลาวแทน นายธกฤษณ แต่อยางใด และเมื่อปรากฏขอเท็จจริงวาบริษัท Falcon Energy International Limited สามารถชําระเงินคาจองหองชุดดังกลาวได้เป็นเงินถึง 1 , 116 , 000 ปอนดสเตอรลิง และไม่มีประวัติความไม่นาเชื่อถือทางการเงิน นายธกฤษณ ในนามของบริษั ท Falcon Energy International Limited ในฐานะผู้ชําระเงินคาจองหองชุดดังกลาว ก็ยอมที่จะเป็นผู้ขอกูเงินกับธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ได้เองตั้งแต่ตน มิใชให้ นายโรเบิรต ในนามบริษัท Mega City Holdings Limited ซึ่งเป็นผู้รวมลงทุนด้วยเพียงรอยละ 10 และไม่มีความนาเชื่อถือทางการเงิน เป็นผู้มายื่นขอกูเงินกับธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน จนต้องมาขอความชวยเหลือ จาก นางธนิภา ทั้งที่ นางธนิภา ก็เพิ่งรูจักกับ นายโรเบิรต ไม่นาที่จะมีความไววางใจถึงขนาดยอมช วยกูเงิน ้ หนา 28 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
จากธนาคารในจํานวนเงินสูงถึง 3 , 150 , 000 ปอนดสเตอรลิง การกระทําของ นางธนิภา จึงเป็นเรื่องที่ ผิดปกติวิสัย และเมื่อพิจารณาประกอบกับพฤติการณของ นายธกฤษณ ภายหลังจากที่ได้แนะนํา นายโรเบิรต ให้รูจักกับ นางธนิภา แล้ว ก็ไม่ปรากฏวา นายธก ฤษณ จะได้เขามาเกี่ยวของกับหองชุดดังกลาว อีกทั้ง ๆ ที่ นายธกฤษณ ในนามของบริษัท Falcon Energy International Limited เป็นผู้ชําระ เงินคาจองหองชุดดังกลาวเป็นเงินจํานวนมากถึง 1 , 116 , 000 ปอนดสเตอรลิง การกระทําของ นายธกฤษณ นายโรเบิรต และ นางธนิภา จึงไม่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ เมื่อตามคําเบิกความของ นายธกฤษณ ปรากฏวา บริษัท Falcon Energy International Limited เป็นผู้ชําระเงินคาจองหองชุดดังกลาว จํานวน 4 งวด เป็นเงิน 1 , 116 , 000 ปอนดสเตอรลิง แต่กลับปรากฏวาเมื่อ นางธนิภา ยื่นขอกูเงินจาก ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน เพื่อซื้อหองชุดดังกลาว นางธนิภา ได้อางสิทธิ ในเงินคาจองหองชุด หาใชบริษัท Falcon Energy International Limited ซึ่งเป็นผู้ชําระเงิน คาจองหองชุดดังกลาวเป็นผู้อางสิทธิ แต่อยางใดไม่ ซึ่งตามคําเบิกความของ นายพีริยเทพ ที่เชื่อวา เงินคาจองหองชุดดังกลาวชําระโดย นางธนิภา ดังนั้น การที่ นางธนิภา อางสิทธิเขารับเอาประโยชน จากเงินคาจองหองชุดดังกลาวซึ่งบริษัท Falcon Energy International Limited ได้ชําระไวแล้ว จํานวน 4 งวด เป็นเงิน 1 , 116 , 000 ปอนดสเตอรลิง โดยไม่ปรากฏวา นายธกฤษณ หรือบริษัท Falcon Energy International Limited หรือ นายโรเบิรต มีหนังสือโอนสิทธิในเงินคาจองหองชุดให้แก นางธนิภา เชื่อวา นางธนิภา เป็นผู้ชําระเงินคาจองหองชุดดังกลาวทั้งสี่ง วดเอง หาใช นายธกฤษณ หรือบริษัท Falcon Energy International Limited เป็นผู้ชําระเงินคาจองหองชุด สวนที่จําเลย อางพยานเอกสารและหลักฐานการเคลื่อนไหวทางบัญชี การผอนชําระในแต่ละงวด เพื่อยืนยันวาเงินที่ผอนชําระ ในแต่ละงวดไม่ใชเงินของ นางธนิภา แต่เป็นของ นายโรเบิรต ก็ปรากฏขอเท็จจริงตามสําเนารายการ เดินบัญชีเงินฝากเอกสารหมาย จ.92 และ จ.93 วา นายโรเบิรต นําเงินเขาบัญชีเพื่อชําระหนี้เงินกูดังกลาว เพียงบางสวน ซึ่งเมื่อเทียบกับจํานวนเงินกูทั้งหมดแล้วถือวาเป็นจํานวนไม่มากนัก อีกทั้งในบัญชีดังกลาว ยังมีบุคคลตาง ๆ นําเงินเขาฝากอีกเป็นจํานวนมาก ซึ่งรวมถึง นางธนิภา ที่โอนเงินเขาบัญชีเป็นเงินถึง 136 , 865.91 ปอนดสเตอรลิง ขออางของจําเลยที่วา นายโรเบิรต และบริษัท Mega City Holdings Limited เป็นผู้รับผิดชอบชําระคาหองชุดแต่เพียงผู้เดียว จึงยังไม่มีน้ําหนักให้รับฟงได้ สวนที่จําเลยอางวา นางธนิภา กับ นายโรเบิรต ได้ทําสัญญาแบงปนผลประโยชนลงวันที่ ้ หนา 29 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
14 พฤษภาคม 2557 ตามเอกสารหมาย ล.40 เพื่อแสดงให้เห็นวา นางธนิภา ได้รับสวนแบงจาก นายโรเบิรต รอยละ 10 ของผลกําไ รที่ได้จากการขายหองชุดเป็นการตอบแทนที่ นางธนิภา ชวยถือกรรมสิทธิ์แทน นายโรเบิรต ก็ขัดแยงกับหนังสือลงวันที่ 3 มกราคม 2560 ที่ นางธนิภา สงถึงธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน แจงวา ได้ทําสัญญาซื้อขายหองชุดให้แก นายโรเบิรต ไปแล้ว เพราะจะทําให้ นางธนิภา ไม่ได้รับสวนแบงรอยละ 10 จาก นายโรเบิรต นอกจากนี้ ก็ได้ความวา จําเลยแต่เพียงชี้แจงเรื่องดังกลาวไวในหนังสือขอสงเอกสารหลักฐาน ประกอบคําชี้แจงเพิ่มเติม และขอความเป็นธรรม ฉบับลงวันที่ 24 กุมภาพันธ2562 ตามเอกสารหมาย จ. 25 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากจําเลยมีบันทึกยื่นเอกสารเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ. 12 แล้วเป็นเวลาหลายเดือน อีกทั้งเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับทรัพย์สินจําเลยแล้ว ก็ไม่ปรากฏวามีการสงหลักฐานดังกลาวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทันทีในชวงเวลานั้น สัญญาแบงปน ผลประโยชนเป็นเอกสารที่ทําขึ้นกันเองระหวาง นายโรเบิรต กับ นางธนิภา โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่น มาสนับสนุนให้เชื่อได้ดังที่อาง จึงมีน้ําหนักนอย เมื่อขอเท็จจริงฟงได้วา นางธนิภา เป็นผู้ชําระเงิน คาจองหองชุดดังกลาวทั้งสี่งวด เป็นผู้นําเงินเขาบัญชีเพื่อผอนชําระเงินกูในแต่ละงวด และเป็นผู้รับโอน กรรมสิทธิ์หองชุดดังกลาว จึงเชื่อวา นางธนิภา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หองชุด เลขที่ 68 ในอาคารชุด Wolfe House 389 Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งได้จดทะเบียน จํานองไวแกธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน และเมื่อขอเท็จจริงฟงได้วา นางธนิภา เป็นผู้กูเงินจากธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน กับเปดบัญชีประเภทเงินฝากกระแสรายวัน Current Account เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 000 ประเภท Deposit-Call เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 400 ประเภท Deposit -Call เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 401 รวมทั้งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ หองชุดเลขที่ 68 ซึ่งได้จดทะเบียนจํานองไวแกธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน ในขณะที่จําเลยมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีเขารับตําแหนงรองเลขาธิการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แมจําเลยอางวาจําเลยเชื่อโดยสุจริตในวันที่จําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนงวา นางธนิภา ไถถอนจํานองและปดบัญชีดังกลาวเรียบรอยแล้ว แต่หนังสือของ นางธนิภา ที่แจงธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน เรื่อง การขายหองชุดให้แก นายโรเบิรต ระบุวันที่ 3 มกราคม 2560 กอนจําเลยมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ้ หนา 30 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
เพียง 1 วัน ซึ่ง นายพีริยเทพ เบิกความยืนยันวาเคยแจ ง นางธนิภา ทางโทรศัพทกอนแล้ววา ธนาคารไม่รับรูเรื่องการขายหองชุดให้แก นายโรเบิรต เนื่องจากขัดต่อกฎหมายของสหราชอาณาจักร ทั้ง นายโรเบิรต เพิ่งนําหนังสือฉบับดังกลาวมาแสดงกับธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) สาขาลอนดอน หลังจากวันที่ระบุในหนังสือกวา 2 ถึง 3 เดือน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ธนาคารก็ยังมีหนังสือแจง นางธนิภา อยางเป็นทางการอีกครั้งยืนยันวา นางธนิภา ยังเป็นลูกหนี้ ของธนาคารอยู่ และหองชุดยังคงเป็นหลักประกันตามกฎหมายของสหราชอาณาจักร ตามเอกสารหมาย จ.80 และ จ.81 และเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 นางธนิภา มีหนังสือขอยกเลิกการขายหองชุด และยอมรับวายังเป็นลูกหนี้ตามสัญญาเงินกูกับธนาคาร ตามเอกสารหมาย จ. 82 และ จ. 83 แต่จําเลยเพิ่งมีหนังสือชี้แจงขอเท็จจริงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ฉบับลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 อันเป็นเวลาหลังจากสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินมีหนังสือแจงเบาะแสเรื่อง นางธนิภา แล้วตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ 2561 นอกจากนี้ ยังเป็นเวลาภายหลังจากที่ธนาคารมีหนังสือแจง เรื่อง การขายที่ไม่มีผลทางกฎหมายเป็นเวลานานกวา 8 เดือน และเป็นเวลาหลังจากขายหองชุด และปดบัญชีตามคําฟ้องไปแล้วกวา 4 เดือน นางธนิภา ยอมทราบดีวา ณ วันที่จําเลยมีหน้าที่ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินนั้น กรรมสิทธิ์ในหองชุดยังเป็นชื่อของ นางธนิภา อยู่ เมื่อหองชุดดังกลาวมียอดหนี้คงคางกับธนาคาร ณ วันที่จําเลยมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นเงิน 2 , 362 , 500 ปอนดสเตอรลิง คิดเป็นเงินไทย 102 , 382 , 717.50 บาท และมีเงินในบัญชีเงินฝาก ประเภทเงินฝาก ( Deposit- Call) เลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 400 และเลขที่บัญชี 0807 - 179574 - 401 คงเหลือคิดเป็นเงินไทย 530 , 365.45 บาท และ 9 , 781 , 988.49 บาท ตามลําดับ นับวามีมูลคาสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับมูลคาทรัพย์สินและหนี้สินที่จําเลยแสดงไวในบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนง จําเลยดํารงตําแหนงขาราชการระดับผู้บริหาร ของสํานักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหนวยงานเกี่ยวของกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินโดยตรง ทั้ง นางธนิภา เป็นนักธุรกิจมีความนาเชื่อถือทางการเงินที่สามารถกูเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลคาสูง ในตางประเทศได้ เชื่อวายอมศึกษาหาขอมูลกอนทํานิติกรรมซื้อขายหองชุดเป็นอยางดี รวมถึงยอมต้องตรวจสอบ การโอนกรรมสิทธิ์หองชุดดังกลาววามีผลในทางกฎหมายหรือไม่ อยางไร กรณีจึงเชื่อวาจําเลยยอมต้องทราบวา นางธนิภา ยังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หองชุดซึ่งยังมียอดหนี้คางชําระกับธนาคารและมีบัญชีเงินฝาก ้ หนา 31 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
และเงินกูตามคําฟ้อง ในขณะจําเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเขารับตําแหนง เมื่อขออางของจําเลยสวนนี้ไม่มีน้ําหนักให้รับฟง การกระทําของจําเลยจึงเป็นการจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยขอความอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบและมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วาจําเลยมีเจตนาไม่แสดงที่มา แห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น อันเป็นความผิดตามฟ้อง อนึ่ง แมภายหลังการกระทําความผิดได้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใชบังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยยกเลิก พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใชภายหลังการกระทําความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคํารอง เป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเทาเดิม จึงต้องใชกฎหมายที่ใชในขณะกระทําผิดบังคับแกคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง สวนมาตรการจํากัดสิทธิทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณ จึงต้องใชพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 บังคับแกคดีนี้ มีผลให้จําเลยพนจากตําแหนง นับแต่วันที่มีคําวินิจฉัย นอกจากนี้ การกระทําของจําเลยยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยขอความอันเป็นเท็จ หรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 119 ด้วย พิพากษาวา นายประหยัด พวงจําปา จําเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ กรณีเขารับตําแหนงรองเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 และมาตรา 41 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 43 , 114 วรรคหนึ่ง และมาตรา 158 มีผลให้จําเลย พนจากตําแหนงนับแต่วันที่มีคําวินิจฉัย และหามมิให้จําเลยดํารงตําแหนงเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาหาป ้ หนา 32 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566
นับแต่วันที่พนจากตําแหนง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 องคคณะผู้พิพากษาเสียงขางมาก เห็นควร ลงโทษจําคุก 4 เดือน และปรับ 10 , 000 บาท เมื่อไม่ปรากฏวาจําเลยเคยได้รับโทษจําคุกมากอน โทษจําคุกให้รอการลงโทษไวมีกําหนด 1 ป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระคาปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 คําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายประทีป อาววิจิตรกุล นายสวัสดิ์ สุรวัฒนานันท นายจักษชัย เยพิทักษ์ นายแรงรณ ปริพนธพจนพิสุทธิ์ นายวรงคพร จิระภาค นายพันธุเลิศ บุญเลี้ยง นายอธิคม อินทุภูติ ้ หนา 33 ่ เลม 140 ตอนที่ 27 ก ราชกิจจานุเบกษา 11 เมษายน 2566