คำพิพากษาของศาลฎีกา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 2/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 1/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายสว่าง ทิพเจริญ ผู้ถูกกล่าวหา]
คำพิพากษาของศาลฎีกา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 2/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 1/2566 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายสว่าง ทิพเจริญ ผู้ถูกกล่าวหา]
(อม. 3 6 ) ค ําพิพํากษําชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีหมํายเลขดําที่ อม. อธ. 2 / 256 5 คดีหมํายเลขแดงที่ อม. อธ. 1 / 256 6 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ศําลฎีกํา วันที่ 25 เดือน มกรําคม พุทธศักรําช 256 6 คณะกรรมกํารป้องกันและปรําบปรํามกํารทุจริตแห่งชําติ ผู้ร้อง นํา ยสว่ําง ทิพเจริญ ผู้ถูกกล่ําวหํา เรื่อง กํารแสดงบัญชีรํายกํารทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ ถู ก ก ล่ำ ว หำ อุ ท ธ ร ณ์ คั ด ค้ำ น คำ พิ พำ ก ษำ ศำ ล ฎี กำ แ ผ น ก ค ดี อำ ญำ ข อ ง ผู้ ดำรงตำแ ห น่ งทำงกำรเมื อ ง ล งวัน ที่ 2 0 เดื อ น เม ษำย น พุ ท ธศั ก ราช 2 5 6 5 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ รับวันที่ 20 เดือน กรก ฎาคม พุทธศักราช 2565 ผู้ร้องยื่นคาร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีตาบลเชียงใหม่ อาเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ขอให้เพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุ จริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 , 114 และ 167 ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ ระหว่ําง ้ หนา 16 ่ เลม 140 ตอนที่ 25 ก ราชกิจจานุเบกษา 31 มีนาคม 2566
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความ อันเป็น เท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีตาบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหา ดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือดารงตาแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 กุมภำพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตาแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุ ก 2 เดือน และปรับ 8 , 000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจาคุก 1 เดือน และปรับ 4 , 000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจาคุกมาก่อน โทษจาคุกจึ งให้รอการลงโทษไว้ มีกาหนด 1 ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิเคราะห์อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหา คาแก้อุทธรณ์ของผู้ร้อง คาร้อง แ ละเอกสารประกอบคำร้อง คำให้การ และรายงานการไต่สวนของผู้ร้องแล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้ง ในชั้นอุทธรณ์รับฟังเป็นยุติว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีตาบลเชียงใหม่ อาเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 1 พฤษภาค ม 2560 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตาแหน่งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2560 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางทองใบ ทิพเจริญ คู่สมรส ได้แก่ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นห้องแถว 6 คูหา เลขที่ 97 หมู่ที่ 9 ตาบลเชียงใหม่ อาเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด มูลค่า ประเมิน 1 , 828 , 800 บาท ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 11322 ตาบลเชียงใหม่ อาเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด ของคู่สมรส ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตาแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ้ หนา 17 ่ เลม 140 ตอนที่ 25 ก ราชกิจจานุเบกษา 31 มีนาคม 2566
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาประการแรกมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตาแหน่งโดยไม่แสดงโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของคู่สมรสตามคาร้องหรือ ไม่ ผู้ถูกกล่าวหา อุทธรณ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพว่ามิได้แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวจริง แต่เหตุที่มิได้แสดง เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ นางสาวนวลใย ทิพเจริญ บุตรของผู้ถูกกล่าวหานำเงินมาใช้ก่อสร้างลงในที่ดิน ของ นางทองใบ ทิพเจริญ คู่สมรส ตามคา ชี้แจงของผู้ถูกกล่าว หา ในชั้นไต่สวนของผู้ร้อง แม้ผู้ถูกกล่าวหา ให้การรับสารภาพ แต่ศาลจะต้องพิจารณาถึงเจตนาของผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาขาดเจตนาพิเศษ ในการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์โดยมติของที่ประชุมใหญ่ ศาลฎี กาเห็นว่า อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ผู้ถูกกล่าวหา ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์จึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ไ ด้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ ในชั้นพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองและอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหา เพียงขอให้ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวอีกครั้ง เป็นอุทธรณ์ที่มิได้โต้แย้งคาพิพากษา ชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไร จึงเป็นอุทธรณ์ที่ ไม่ชัดแจ้ง และไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม จึงไม่รับวินิจฉั ยให้ ปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตาแหน่ง ทางการเมืองที่ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดารงตาแหน่งทางการเมือง หรือดารงตาแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 อันเป็นวันที่พ้นจากตาแหน่ งชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่า การห้ามดารงตาแหน่งทางการเมืองจะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีตาบลเชียงใหม่ มิใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นจากตาแหน่งนั้น เห็นว่า การห้ามดารงตาแหน่งทางการเมื องเป็นมาตรการจากัดสิทธิทางการเมืองตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหากระทาความผิด กาหนด วันเริ่มต้นของการห้ำมดารงตาแหน่งทางการเมืองหรือดารงตาแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยชี้ขาดตามที่ผู้ร้องมีคาขอว่า ผู้ดารงตาแหน่ง ้ หนา 18 ่ เลม 140 ตอนที่ 25 ก ราชกิจจานุเบกษา 31 มีนาคม 2566
ทางการเมืองผู้ใดจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อ ความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้องตามที่ถูกกล่าวหาไว้สองกรณี กรณีแรกให้นับแต่วันที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองมีคาวินิจฉัย ใช้บังคับกรณีเมื่อความดังกล่าว ปรากฏต่อผู้ร้องในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหายังคงดารงตาแหน่งทา งการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง และกรณี ที่สองให้นับแต่วันที่ผู้นั้นพ้นจากตาแหน่ง ใช้บังคับกรณีที่ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองพ้นจากตาแหน่ง ก่อนวันที่ความดังกล่าวปรากฏต่อผู้ร้องตำมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง ดังนั้น เมื่อปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองพ้นจากตาแหน่งรองนายกเทศมนตรีตาบลเชียงใหม่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และผู้ร้ องมีมติเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้อง อันถือว่าวันที่ผู้ร้องมีมติเป็นวันที่ความปรากฏต่อผู้ร้อง โดยผู้ถูกกล่า วหาพ้นจากตาแหน่งไปก่อนแล้ว การนับวันเริ่มต้นแห่งการห้ามดารงตาแหน่งทางการเมือง จึงต้องห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดารงตาแหน่ง ทางการเมืองหรือดารงตาแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นวันพ้นจากตาแหน่งตามพระราชบัญญัติประก อบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง พิพากษามานั้นจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน. นายกึกก้อง สมเกียรติเจริญ นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายประทีป อ่าววิจิตรกุล นายอุดม วัตตธรรม นายสมเกียรติ ตั้งสกุล นางสุวิชา นาควัชระ นายอำพันธ์ สมบัติสถาพรกุล นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ นางกาญจนา ชัยคงดี ้ หนา 19 ่ เลม 140 ตอนที่ 25 ก ราชกิจจานุเบกษา 31 มีนาคม 2566