ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและ พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 22 มาตรา 34 และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 5 และมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงออกระเบียบไว้ ดังนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ ตรวจสอบรายการค่าใช้จ่า ยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ” ข้อ 2 ระเบียบฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบ รายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนรำษฎร พ.ศ. 2561 ข้อ 4 ในระเบียบฉบับนี้ “ การเลือกตั้ง ” หมายความว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “ ผู้สมัคร ” หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง “ พรรคการเมือง ” หมายความว่า พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ “ คณะกรรมการตรวจสอบ ” หมายความว่า คณะกรรมการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจาศูนย์ปฏิบัติงานการตรวจสอบ “ คณะกรรมการ ” หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ ง “ สานักงาน ” หมายความว่า สานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และให้หมายความรวมถึง สานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัดและกรุงเทพมหานครด้วย “ เลขาธิการ ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง “ ผู้อานวยการ ” หมายความว่า ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด และกรุงเทพมหานคร ้ หนา 6 ่ เลม 140 ตอนที่ 17 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 มีนาคม 2566

ข้อ 5 เมื่อได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ให้หัวหน้าส่วนราชการดังต่อไปนี้ เสนอชื่อผู้แทนของส่วนราชการที่มีความรู้ทางด้านการเงินและบัญชีหรือผู้ที่มีความรู้ทางด้านอื่นที่เกี่ย วข้อง กับการตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง เป็นคณะกรรมการตรวจสอบแบบบัญชีรายชื่อ (1) กระทรวงมหาดไทย (2) กระทรวงพาณิชย์ (3) กรมบัญชีกลาง (4) กรมสรรพากร (5) กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ (6) สานักงบประมาณ (7) สานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำหรับกรุงเทพมหานคร ให้ผู้อานวยการประสานไปยังหัวหน้าส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้เสนอชื่อผู้แทนของส่วนราชการเป็นคณะกรรมการตรวจสอบแบบแบ่งเขตเลือกตั้งประจา กรุงเทพมหานคร สำหรับจังหวัด ให้ผู้อำนวยการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการเสนอรายชื่อผู้แทน ของส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง หรือส่วนราชการภายในจังหวัดนั้นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควร เพื่อแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบแบบแบ่งเขตเลือกตั้งประจาจังหวัด ข้อ 6 การแต่งตั้งบุคคลตามข้อ 5 ให้เลขาธิการเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แบบบัญชีรายชื่อ และให้ผู้อานวยการเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง รวมทั้งแต่งตั้งพนักงานของสานักงานเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการด้วย โดยให้คณะกรรมการ ตรวจสอบประชุมเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบเข้าใจบทบาทหน้าที่ตามที่ไ ด้รับมอบหมายเกี่ย วกับ การตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สานักงานอาจจัดให้มีการประชุมชี้แจงแนวทางการตรวจสอบ แก่คณะกรรมการตรวจสอบดังกล่าวด้วยก็ได้ ข้อ 7 ให้คณะกรรมการตรวจสอบทาการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของ พรรคการเมืองและผู้สมัคร ดังนี้ (1) การตรวจสอบบัญชี เป็นการตรวจสอบความถูกต้องโดยทั่วไปของการจัดทาบัญชี การบันทึกบัญชี ว่าเป็นไปโดยถูกต้อง และเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ และสอดคล้องกันหรือไม่ รวมทั้งการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของที่มาของ เอกสารหลักฐานและการบันทึกบัญชี (2) ตรวจสอบเรื่องเฉพาะ ซึ่งอาจใช้รายงานการตรวจสอบการหาเสียงเลือกตั้งของสานักงาน หรือองค์กรเอกชน หรือบุคคลใด (ถ้ามี) ้ หนา 7 ่ เลม 140 ตอนที่ 17 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 มีนาคม 2566

(3) ตรวจสอบอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการตรวจสอบ ผู้อำนวยการ เลขาธิการ หรือ คณะกรรมการเห็นสมควร ในการดำเนิ นการตรวจสอบ ให้คณะกรรมการตรวจสอบมีอานาจในการเรียกให้หัวหน้า พรรคการเมือง ผู้สมัคร หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือจัดส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ หากบุคคลดังกล่าวไม่ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริง หรือไม่จัดส่งเอกสารเพิ่มเติม ให้ดำเนินกา รตรวจสอบ ตามหลักฐานที่มี และเสนอต่อเลขาธิการหรือผู้อานวยการ แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาต่อไป ข้อ 8 ให้คณะกรรมการตรวจสอบ ตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเลือกตั้งของ พรรคการเมือง หรือของผู้สมัคร ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกาหนดการยื่นบัญ ชี รายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง กรณีดำเนินการตรวจสอบไม่แล้วเสร็จตามวรรคหนึ่ง ให้ขอขยายระยะเวลาการตรวจสอบ ต่อเลขาธิการหรือผู้อานวยการ แล้วแต่กรณี ได้อีกไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที่ครบกาหนดระยะเวลา ตามวรรคหนึ่ง พร้อมทั้งแสดงเหตุผลแห่งการล่าช้าด้วย อัตราค่าตอบแทนของกรรมการตรวจสอบ วันละ 500 บาท ข้อ 9 ให้เลขาธิการหรือผู้อานวยการจัดทำประกาศผลการตรวจสอบบัญชีรายรับและ รายจ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองหรือของผู้สมัคร แล้วแต่กรณี ให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ครบระยะเวลาการตรวจสอบตามข้อ 8 พร้อมทั้งประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป การประกาศหรือเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ให้ประกาศหรือเผยแพร่ในระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใดที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ข้อ 10 ให้เลขาธิการและผู้อานวยการรายงานการดำเนินการตำมข้อ 9 ให้คณะกรรมการ ทราบภายในสิบห้าวันนับจากดำเนินการตามข้อ 9 แล้วเสร็จ ข้อ 11 การเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างของผู้สมัคร ให้ผู้อานวยการดำเนินการตามระเบียบนี้ ข้อ 12 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามระเบียบนี้ กรณีที่มิได้กำหนดไว้หรือมีเหตุจาเป็น คณะกรรมการอาจกำหนด ยกเว้นหรือผ่อนผัน การปฏิบัติตามความในระเบียบนี้ได้ ประกาศ ณ วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 256 6 อิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ้ หนา 8 ่ เลม 140 ตอนที่ 17 ก ราชกิจจานุเบกษา 15 มีนาคม 2566