Thu Mar 02 2023 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

กฎ ก.ร. ว่าด้วยการให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566


กฎ ก.ร. ว่าด้วยการให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566

กฎ ก.ร. ว่าด้วยการให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญได้รับเงินประจำตาแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 (3) และมาตรา 31 วรรคสามและวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. 2554 ก.ร. จึงออกกฎ ก.ร. ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กฎ ก.ร. นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (6) ของข้อ 3 แห่งกฎ ก.ร. ว่าด้วยการให้ข้าราชการ รัฐสภาสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2554 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎ ก.ร. ว่าด้วย การให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญได้รับเงินประจาตาแหน่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “( 6) ตาแหน่งประเภทวิชาการระดับชานาญการ สายงานวิชาการคอมพิวเตอร์ สา ยงาน พยาบาลวิชาชีพ และสายงานเภสัชกรรม ให้ได้รับเงินประจำตาแหน่งในอัตรา 3 , 500 บาท ” ให้ไว้ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 256 6 ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ประธาน ก.ร . . ้ หนา 6 ่ เลม 140 ตอนที่ 14 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 มีนาคม 2566

หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้กฎ ก. ร . ฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. 2554 มาตรา 22 (3) ได้กาหนดหลักการให้ ก.ร. มีอานาจหน้าที่ออกกฎ ก.ร. และระเบียบ เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ประกอบกับมาตรา 31 วรรคสาม ข้าราชการรัฐสภาสามัญอาจได้ รับเงินประจาตาแหน่งตามบัญชีอัตราเงินประจาตาแหน่งของข้าราชการรัฐสภา สามัญท้ายพระราชบัญญัตินี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.ร. กาหนด และเพื่อให้การรับเงินประจา ตาแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชานาญการ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับระบบการกาหนดตาแหน่ง ในปัจจุบัน ซึ่งเทียบผู้ดารงตาแหน่งระดับ 6 หรือระดับ 7 ของสายงานที่เริ่มต้นจากระดับ 3 ตามระบบ กำหนดตำแหน่งเดิมได้ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติม หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งสาหรับผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ในสายงานวิชาการคอมพิวเตอร์ สายงานพยาบาลวิชาชีพ และสายงานเภสัชกรรม ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา จึงจำเป็นต้องออกกฎ ก.ร. นี้ ้ หนา 7 ่ เลม 140 ตอนที่ 14 ก ราชกิจจานุเบกษา 3 มีนาคม 2566