ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565

ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอานาจตามความในมาตรา 25 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง และมาตรา 55 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565 ” ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในรา ชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 7 ของระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ข้อ 7 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองเลขาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการหลายคน ให้ประธานกรรมการแต่งตั้ง รองเลขาธิการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองเลขาธิการหรือมีแต่ไม่อาจ ปฏิบัติราชการได้ ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานซึ่งดารงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงาน ผู้อำนวยการสำนัก หรือผู้ตรวจราชการ คนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ” ข้อ 4 ให้ยกเลิกความในข้อ 8 ของระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติ ราชการแทน พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ข้อ 8 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เลขาธิการจะแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานซึ่งดารงตาแหน่งที่ปรึกษาสำนักงาน ผู้อำนวยการสำนัก หรือ ผู้ตรวจราชการ คนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้ อาจกาหนดให้ผู้รักษาราชการแทนคนใด คนหนึ่งทำหน้าที่รักษาราชการแทนในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่งตามที่กาหนดก็ได้ ” ข้อ 5 ให้ยกเลิกความในข้อ 9 ของระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วย การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน พ.ศ. 2561 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ข้อ 9 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งผู้อานว ยการสานัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เลขาธิการจะแต่งตั้งข้าราชการในสานักงานซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าหัวหน้ากลุ่มงานหรือประเภท วิชาการระดับชำนาญการพิเศษคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้ ” ้ หนา 6 ่ เลม 139 ตอนที่ 79 ก ราชกิจจานุเบกษา 27 ธันวาคม 2565

ข้อ 6 ให้ยกเลิกความในข้อ 10 ของระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษย ชนแห่งชาติ ว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ข้อ 10 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งหัวหน้ากลุ่มงาน หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เลขาธิการจะแต่งตั้งข้าราชการภายในกลุ่มงานนั้นหรือข้าราชการในสานักงานคนใดคนหนึ่งตามที่ เลขาธิการเห็นสมควรเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้ ” ข้อ 7 ให้ยกเลิกความในข้อ 13 ของระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ ข้อ 13 อานาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการ หรือการดาเนินการอื่น ที่ผู้ดำรงตาแหน่งใดจะพึงปฏิบัติหรือดาเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งใด หรือมติของคณะกรรมการในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือ คาสั่งนั้น หรือมติของคณะกรรมการในเรื่องนั้น มิได้กาหนดเรื่องการมอบอานาจไว้เป็นอย่างอื่นหรือ มิได้ห้ามเรื่องการมอบอำนาจไว้ ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นอาจมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติ ราชการแทนได้ ดังต่อไปนี้ (1) เลขาธิการอาจมอบอานาจให้รองเลขาธิการ ที่ปรึกษาสานักงาน ผู้อานวยการสานัก หรือผู้ตรวจราชการ ปฏิบัติราชการแทนได้ (2) ผู้อำนวยการสำนักอาจมอบอำนาจให้ข้าราชการในสำนักปฏิบัติราชการแทนได้ ” ข้อ 8 ให้ประกาศและคาสั่งที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บั งคับ มีผลใช้บังคับต่อไป จนกว่าคณะกรรมการหรือสำนักงานจะมีประกาศหรือคำสั่งตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 25 6 5 พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ้ หนา 7 ่ เลม 139 ตอนที่ 79 ก ราชกิจจานุเบกษา 27 ธันวาคม 2565