คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 17 - 19/2565 เรื่อง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 มาตรา 244/6 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ [ระหว่าง ศาลแพ่ง ผู้ร้อง - ผู้ถูกร้อง]
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 17 - 19/2565 เรื่อง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 มาตรา 244/6 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ [ระหว่าง ศาลแพ่ง ผู้ร้อง - ผู้ถูกร้อง]
ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลรัฐธรรมนูญ คําวินิจฉัยที่ 17 – 19/2565 เรื่องพิจารณาที่ 8/2565 เรื่องพิจารณาที่ 13/2565 เรื่องพิจารณาที่ 14/2565 วันที่ 2 เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช 2565 ศาลแพง - เรื่อง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 มาตรา 244/6 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ ศาลแพงสงคําโตแยงของจําเลย รวม 3 คํารอง (นายสุวิทย หรือ นายกองเอก สุวิทย พิพัฒนวิไลกุล ที่ 10 นายพิสิษฏ พิพัฒนวิไลกุล ที่ 11 นางสาวพัชรา มาสอน ที่ 12 และ นางสาวพรพรรณ สะระบุญมา ที่ 13 ในคดีแพงหมายเลขดําที่ พ 2870/2564 นายสุวิทย หรือ นายกองเอก สุวิทย พิพัฒนวิไลกุล ที่ 4 และ นายพิสิษฏ พิพัฒนวิไลกุล ที่ 5 ในคดีแพง ระหวาง ผู้ถูกรอง ผู้รอง ้ หนา 41 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
หมายเลขดําที่ พ 4444/2564 และ นายสุวิทย หรือ นายกองเอก สุวิทย พิพัฒนวิไลกุล ที่ 11 และ นายพิสิษฏ พิพัฒนวิไลกุล ที่ 12 ในคดีแพงหมายเลขดําที่ พ 4027/2564) เพื่อขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ขอเท็จจริงตามหนังสือสงคําโตแยงของจําเลยทั้งสาม คํารองและเอกสารประกอบ สรุปได้ดังนี้ คํารองที่หนึ่ง (เรื่องพิจารณาที่ 8/2565) สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุวิทย หรือ นายกองเอก สุวิทย พิพัฒนวิไลกุล ที่ 10 นายพิสิษฏ พิพัฒนวิไลกุล ที่ 11 นางสาวพัชรา มาสอน ที่ 12 และ นางสาวพรพรรณ สะระบุญมา ที่ 13 กับพวก รวม 17 คน เป็นจําเลย ต่อศาลแพงวา ระหวางวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2558 จําเลยทั้งสิบเจ็ด รวมกันสรางราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ (หุน) บริษัท โพลาริส แคปปตัล จํากัด (มหาชน) ( POLAR) เป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 243 ประกอบมาตรา 244 อัตราโทษตามมาตรา 296 และการแกไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกลาว ยังคงให้การกระทําเป็นความผิดต่อไปตามพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 อันเป็นความผิดที่อาจกําหนดให้มีมาตรการ ลงโทษทางแพง โจทก์เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพง (ค.ม.พ.) เพื่อพิจารณา กําหนดมาตรการลงโทษทางแพงกับจําเลยทั้งสิบเจ็ด ค.ม.พ. พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้นํามาตรการลงโทษ ทางแพงมาใชบังคับแกจําเลย โดยกําหนดให้จําเลยทั้งสิบเจ็ดชําระคาปรับทางแพง แต่จําเลยทั้งสิบเจ็ด ไม่ยินยอมปฏิบัติตาม โจทก์ฟ้องจําเลยทั้งสิบเจ็ดเป็นคดีต่อศาลแพง ฐานรวมกันสรางราคาและปริมาณ การซื้อขายหลักทรัพย์ เรียกให้ชําระคาปรับทางแพง จํานวนทุนทรัพย์ 454 , 281 , 382 บาท ระหวางการพิจารณาคดีของศาลแพง จําเลยทั้งสี่โตแยงพรอมด้วยเหตุผล สรุปได้ดังนี้ 1. พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 เป็นบทบัญญัติที่กําหนดเนื้อหาของการกระทํา ลักษณะ องคประกอบของความผิด ้ หนา 42 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
หรือเนื้อหาของสิทธิ หน้าที่ และขอหามตาง ๆ เป็นกฎหมายสารบัญญัติที่บัญญัติเพิ่มเติมให้การกระทํา เป็นความผิดทางอาญา โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีผลบังคับใชเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2559 ภายหลังวันที่โจทก์อางวามีการกระทําความผิด เป็นการบัญญัติ กฎหมายที่มีโทษอาญายอนหลัง อีกทั้งบทบัญญัติมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ที่กําหนดวา “ ให้สันนิษฐานไวกอนวา… ” เป็นบทสันนิษฐานความผิดและผลักภาระการพิสูจนความผิด ทําให้จําเลย ซึ่งเป็นเพียงผู้ถูกกลาวหามีภาระการพิสูจน บทบัญญัติดังกลาวขัดต่อหลักนิติธรรม เพิ่มภาระหรือจํากัดสิทธิ หรือเสรีภาพในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลเกินสมควรแกเหตุ และกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 2. พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หมวด 12/1 มาตรการ ลงโทษทางแพง มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีวัตถุประสงคเพื่อลงโทษและยับยั้งการกระทําความผิด ในลักษณะการลงโทษบุคคลเชนเดียวกับคดีอาญา เนื่องจากมาตรการลงโทษทางแพงเป็นการลงโทษทางทรัพย์สิน ของบุคคลที่มีระดับรายแรง เขาหลักเกณฑความผิดอาญาที่ต้องปฏิบัติตามกติการะหวางประเทศวาด้วย สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ( International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) แต่ไม่มีบทบัญญัติหรือมาตรการคุมครองสิทธิตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อพิสูจนความผิด หรือความบริสุทธิ์ของบุคคล จึงไม่สามารถนํามาตรการลงโทษทางแพงมาใชบังคับยอนหลังได้ ทั้งเป็นกฎหมาย ที่บัญญัติภายหลังการกระทําความผิดแตกตางกับกฎหมายที่ใชในขณะกระทําความผิด ต้องใชกฎหมาย ในสวนที่เป็นคุณ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 เทานั้น บทบัญญัติดังกลาวขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 จําเลยทั้งสี่ขอให้ศาลแพงสงคําโตแยงดังกลาวต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 คํารองที่สอง (เรื่องพิจารณาที่ 13/2565) สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุวิทย หรือ นายกองเอก สุวิทย พิพัฒนวิไลกุล ที่ 4 และ นาย พิสิษฏ พิพัฒนวิไลกุล ที่ 5 กับพวก รวม 5 คน เป็นจําเลย ต่อศาลแพงวา ระหวางวันที่ 17 กุมภาพันธ 2558 ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2558 ้ หนา 43 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
จําเลยทั้งหาได้รวมกันสรางราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ (หุน) บริษัท เนชั่น อินเตอรเนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท จํากัด (มหาชน) ( NINE-W 1) เป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 243 ประกอบมาตรา 244 อัตราโทษตามมาตรา 296 และการแกไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกลาว ยังคงให้การกระทําเป็นความผิดต่อไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 อันเป็นความผิดที่อาจกําหนดให้มีมาตรการลงโทษทางแพง โจทก์เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการ พิจารณามาตรการลงโทษทางแพง (ค.ม.พ.) เพื่อพิจารณากําหนดมาตรการลงโทษทางแพงกับจําเลยทั้งหา ค.ม.พ. พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้นํามาตรการลงโทษทางแพงมาใชบังคับแกจําเลย โดยกําหนดให้จําเลยทั้งหา ชําระคาปรับทางแพง แต่จําเลยทั้งหาไม่ยินยอมปฏิบัติตาม โจทก์ฟ้องจําเลยทั้งหาเป็นคดีต่อศาลแพง ฐานรวมกันสรางราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ เรียกให้ชําระคาปรับทางแพง จํานวนทุนทรัพย์ 10 , 222 , 170 บาท ระหวางการพิจารณาคดีของศาลแพง จําเลยทั้งสองโตแยงพรอมด้วยเหตุผลเชนเดียวกับคํารองที่หนึ่ง และขอให้ศาลแพงสงคําโตแยงดังกลาวต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 คํารองที่สาม (เรื่องพิจารณาที่ 14/2565) สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุวิทย หรือ นายกองเอก สุวิทย พิพัฒนวิไลกุล ที่ 11 และ นายพิสิษฏ พิพัฒนวิไลกุล ที่ 12 กับพวก รวม 12 คน เป็นจําเลย ต่อศาลแพงวา ระหวางวันที่ 19 ธันวาคม2557 ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2558 จําเลยทั้งสิบสองได้รวมกันสรางราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ (หุน) บริษัท เนชั่น อินเตอรเนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท จํากัด (มหาชน) (NINE) เป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 243 ประกอบมาตรา 244 อัตราโทษตามมาตรา 296 และการแกไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกลาว ยังคงให้การกระทําเป็นความผิดต่อไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 ้ หนา 44 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
และมาตรา 296/2 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 อันเป็นความผิดที่อาจกําหนดให้มีมาตรการลงโทษทางแพง โจทก์เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการ พิจารณามาตรการลงโทษทางแพง (ค.ม.พ.) เพื่อพิจารณากําหนดมาตรการลงโทษทางแพงกับจําเลยทั้งสิบสอง ค.ม.พ. พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้นํามาตรการลงโทษทางแพงมาใชบังคับแกจําเลย โดยกําหนด ให้จําเลยทั้งสิบสองชําระคาปรับทางแพง แต่จําเลยทั้งสิบสองไม่ยินยอมปฏิบัติตาม โจทก์ฟ้องจําเลยทั้งสิบสอง เป็นคดีต่อศาลแพง ฐานรวมกันสรางราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ เรียกให้ชําระคาปรับทางแพง จํานวนทุนทรัพย์ 84 , 788 , 540 บาท ระหวางการพิจารณาคดีของศาลแพง จําเลยทั้งสองโตแยงพรอมด้วยเหตุผลเชนเดียวกับคํารองที่หนึ่ง และขอให้ศาลแพงสงคําโตแยงดังกลาวต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ศาลแพงเห็นวา จําเลยทั้งสามคํารองโตแยงวาพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 มาตรา 244/6 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 ซึ่งศาลจะใชบทบัญญัติ แห่งกฎหมายดังกลาวบังคับแกคดี และยังไม่มีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในสวนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินี้ จึงสงคําโตแยงดังกลาวต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาเบื้องตนมีวา ศาลรัฐธรรมนูญมีอํานาจรับหนังสือสงคําโตแยง ของจําเลยทั้งสามคํารองไวพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เห็นวา ศาลแพงสงคําโตแยงของจําเลย คํารองที่หนึ่ง (เรื่องพิจารณาที่ 8/2565) คํารองที่สอง (เรื่องพิจารณาที่ 13/2565) และคํารองที่สาม (เรื่องพิจารณาที่ 14/2565) เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยวา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 มาตรา 244/6 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 บทบัญญัติดังกลาวเป็นบทบัญญัติที่ศาลแพงจะใชบังคับแกคดี เมื่อจําเลยทั้งสาม คํารองโตแยงพรอมด้วยเหตุผลวาบทบัญญัติดังกลาวขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ และยังไม่มีคําวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญในสวนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินี้ กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคหนึ่ง จึงมีคําสั่งรับคํารองทั้งสามไวพิจารณาวินิจฉัย ้ หนา 45 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
คํารองทั้งสามมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็นประเด็นเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญจึงพิจารณา สํานวนคดีทั้งสามให้รวมเขาด้วยกัน โดยให้เรื่องพิจารณาที่ 8/2565 เป็นสํานวนคดีหลัก และเพื่อประโยชน แห่งการพิจารณา ให้บุคคลที่เกี่ยวของจัดทําความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลกําหนดและจัดสงขอมูล พรอมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวของยื่นต่อศาล เลขาธิการวุฒิสภาจัดสงสําเนาบันทึกการประชุมและสําเนารายงานการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 36/2559 วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2559 สําเนาบันทึกการประชุมและสําเนารายงาน การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 54/2559 วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2559 สําเนาเอกสาร ประกอบการพิจารณารางพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ((ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559) สําเนาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ((ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559) สําเนารายงานการประชุม คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ((ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559) และสําเนารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารางพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ((ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นสรุปได้วา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีวัตถุประสงคเพื่อปรับปรุงโครงสรางการกําหนดลักษณะของการกระทําความผิด และมาตรการลงโทษในความผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ เนื่องจากคดีอาญามีมาตรฐานในการพิสูจนที่สูงตามหลักการ พิสูจนจนสิ้นสงสัย อาจไม่เหมาะกับการกระทําความผิดในคดีหลักทรัพย์ที่หลักฐานการกระทําความผิด สวนใหญอยู่ในการรับรูและความครอบครองของผู้กระทําความผิด ยากที่จะพิสูจนให้ได้ตามมาตรฐานดังกลาว พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 มีสาระสําคัญเป็นการกําหนดหามมิให้กระทําการที่มีลักษณะเป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขาย หลักทรัพย์ รวมถึงกําหนดบทสันนิษฐานในกรณีตาง ๆ เกี่ยวกับการกระทําดังกลาว สวนมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 มีสาระสําคัญเป็นการกําหนดให้มีมาตรการลงโทษทางแพงเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถบังคับใชกฎหมายกับผู้กระทําความผิดได้อยางมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากการบังคับใช กฎหมายผานมาตรการลงโทษทางอาญา ้ หนา 46 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีความเห็นสรุปได้วา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มาตรา 244/3 ปรับปรุงองคประกอบ ความผิดฐานสรางราคาและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งเดิมบัญญัติไวในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 243 ให้กระชับ ชัดเจน และเป็นสากลมากยิ่งขึ้น สวนมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 เป็นขอสันนิษฐานตามกฎหมายที่สันนิษฐานขอเท็จจริงบางสวน ขององคประกอบความผิดอันเป็นบทสันนิษฐานที่ไม่เด็ดขาด อีกทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติการลงโทษทางแพง เพื่อเป็นมาตรการลงโทษทางเลือกนอกจากมาตรการลงโทษทางอาญา โดยมาตรา 317/1 กําหนด ประเภทความผิดที่อาจบังคับด้วยมาตรการลงโทษทางแพงได้ มาตรา 317/4 กําหนดมาตรการลงโทษ ทางแพงที่จะนํามาใชบังคับกับผู้กระทําความผิด และมาตรา 317/5 กําหนดอัตราคาปรับทางแพง ตามลักษณะความผิด ปลัดกระทรวงการคลังมีความเห็นสรุปได้วา บทบัญญัติของกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เดิม มีขอจํากัดบางประการทําให้ไม่สามารถใชบังคับมาตรการลงโทษทางอาญากับผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับ หลักทรัพย์อยางมีประสิทธิภาพ จึงปรับปรุงบทบัญญัติของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กรณีการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์บางประการขึ้นใหม รวมทั้ง เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับมาตรการลงโทษทางแพงเพื่อใชบังคับแกผู้กระทําความผิดแทนมาตรการลงโทษ ทางอาญาบางกรณี โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มาตรา 244/3 ปรับปรุงลักษณะหรือองคประกอบความผิดของการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับ การซื้อขายหลักทรัพย์ มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 กําหนดให้การกระทําของบุคคลบางลักษณะ เขาขอสันนิษฐานทางขอเท็จจริง รวมถึงการเป็นตัวการรวมกระทําความผิดตามมาตรา 244/3 สวนมาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 เพิ่มการบังคับใชกฎหมายโดยมาตรการลงโทษทางแพงด้วยการกําหนด ให้ความผิดกรณีการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์สามารถดําเนินมาตรการลงโทษ ทางแพงกับผู้กระทําความผิด ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคําโตแยงของจําเลยทั้งสามคํารอง ความเห็นและขอมูลของหนวยงาน ที่เกี่ยวของและเอกสารประกอบแล้วเห็นวา คดีเป็นปญหาขอกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอ ้ หนา 47 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
ที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไตสวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กําหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย รวม 2 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่หนึ่ง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ ประเด็นที่สอง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นวา รัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 เป็นบทบัญญัติในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “ การตรากฎหมายที่มีผลเป็น การจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไวในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญ มิได้บัญญัติเงื่อนไขไว กฎหมายดังกลาวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพ ของบุคคลเกินสมควรแกเหตุ และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุ เหตุผลความจําเป็นในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพไวด้วย ” วรรคสอง บัญญัติวา “ กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใชบังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุงหมายให้ใชบังคับแกกรณีใดกรณีหนึ่งหรือแกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นการเจาะจง ” และมาตรา 29 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “ บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เวนแต่ได้กระทําการ อันกฎหมายที่ใชอยู่ในเวลาที่กระทํานั้นบัญญัติเป็นความผิดและกําหนดโทษไว และโทษที่จะลงแกบุคคลนั้น จะหนักกวาโทษที่บัญญัติไวในกฎหมายที่ใชอยู่ในเวลาที่กระทําความผิดมิได้ ” วรรคสอง บัญญัติวา “ ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไวกอนวาผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และกอนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุด แสดงวาบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้ ” พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีเหตุผลในการประกาศใช เนื่องจากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีบทบัญญัติบางประการ ที่ไม่เหมาะสมกับสภาวการณในปจจุบัน รวมทั้งยังมีขอจํากัดบางประการทําให้ไม่สามารถใชบังคับ ้ หนา 48 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
มาตรการลงโทษทางอาญากับผู้กระทําความผิดที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ได้อยางมีประสิทธิภาพอันเป็นอุปสรรค ต่อการปองกันและปราบปรามการกระทําความผิดดังกลาว สมควรปรับปรุงบทบัญญัติบางประการ เพื่อให้สอดคลองกับพัฒนาการของระบบการซื้อขายหลักทรัพย์และรองรับการเชื่อมโยงระหวางตลาดทุน ทั้งในประเทศและตางประเทศ รวมทั้งกําหนดให้นํามาตรการลงโทษทางแพงมาใชบังคับแกผู้กระทําความผิด แทนมาตรการลงโทษทางอาญาได้ในบางกรณี เพื่อให้การบังคับใชกฎหมายมีประสิทธิภาพและทําให้ผู้ลงทุน ได้รับการคุมครองมากยิ่งขึ้น พระราชบัญญัติดังกลาวมีหลักการสําคัญในการกําหนดหามมิให้กระทําการ ที่มีลักษณะเป็นการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และการกําหนดบทสันนิษฐาน ในกรณีตาง ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทําดังกลาว รวมทั้งเพิ่มกระบวนการบังคับใชกฎหมายด้วยมาตรการ ลงโทษทางแพงเป็นมาตรการทางเลือกนอกเหนือไปจากโทษทางอาญา ประเด็นที่หนึ่ง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นวา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 เป็นบทบัญญัติในหมวด 8 การกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ และการเขาถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงํากิจการ สวนที่ 1 การปองกันการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับ การซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมาตรา 244/3 บัญญัติวา “ หามมิให้บุคคลใดกระทําการ ดังต่อไปนี้ (1) สงคําสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ อันเป็นการทําให้บุคคลทั่วไปเขาใจผิด เกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ (2) สงคําสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือ ขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุงหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้น ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ” มาตรา 244/5 บัญญัติวา “ ให้สันนิษฐานไวกอนวาการกระทําดังต่อไปนี้ เป็นการกระทําที่ทําให้บุคคลทั่วไปเขาใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ตามมาตรา 244/3 (1) หรือเป็นการกระทําที่ทําให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือ ขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาดตามมาตรา 244/3 (2) แล้วแต่กรณี (1) ซื้อหรือ ้ หนา 49 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
ขายหลักทรัพย์ซึ่งในที่สุดบุคคลที่ได้ประโยชนจากการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ยังคงเป็นบุคคลคนเดียวกัน (2) สงคําสั่งซื้อหลักทรัพย์โดยรูอยู่แล้ววาตนเองหรือบุคคลซึ่งรวมกันกระทําการ ได้สั่งขายหรือจะสั่ง ขายหลักทรัพย์เดียวกัน ในจํานวนใกลเคียงกัน ราคาใกลเคียงกัน และ ภายในเวลาใกลเคียงกัน (3) สงคําสั่งขายหลักทรัพย์โดยรูอยู่แล้ววาตนเองหรือบุคคลซึ่งรวมกันกระทําการ ได้สั่งซื้อหรือจะสั่งซื้อหลักทรัพย์เดียวกัน ในจํานวนใกลเคียงกัน ราคาใกลเคียงกัน และภายในเวลาใกลเคียงกัน (4) สง แกไข หรือยกเลิกคําสั่งซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ในชวงกอนเปดหรือชวงกอนปดตลาดหลักทรัพย์หรือศูนยซื้อขายหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี โดยมุงหมายให้ราคาเปดหรือราคาปดของหลักทรัพย์นั้นสูงหรือต่ํากวาที่ควรจะเป็น (5) สง แกไข หรือยกเลิกคําสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบุคคลอื่น ซึ่งมีผลทําให้บุคคลอื่นต้องสงคําสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในราคาที่สูงกวาหรือต่ํากวาที่ควรจะเป็น ” และมาตรา 244/6 บัญญัติวา “ ให้สันนิษฐานไวกอนวาผู้กระทําการดังต่อไปนี้ เป็นตัวการใน การกระทําความผิดตามมาตรา 244/3 (1) เปดบัญชีธนาคารรวมกันเพื่อการชําระเงินหรือรับชําระเงิน ที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายหลักทรัพย์ (2) ยอมให้บุคคลอื่นใชประโยชนจากบัญชีธนาคารของตน เพื่อการชําระเงินหรือรับชําระเงินที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายหลักทรัพย์ (3) ยอมให้บุคคลอื่น ใชบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน (4) ชําระเงินหรือรับชําระเงินคาซื้อขายหลักทรัพย์แทนกัน (5) นําเงิน หรือทรัพย์สินอื่นมาวางเป็นประกันในการซื้อขายหลักทรัพย์แทนกัน (6) ยอมให้บุคคลอื่นรับประโยชน หรือรับผิดชอบในการชําระเงินที่เกี่ยวกับหรือเนื่องจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของตน หรือ (7) โอนหรือรับโอน หลักทรัพย์ระหวางกัน ” ขอโตแยงของจําเลยที่วา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 บัญญัติเนื้อหาและลักษณะองคประกอบความผิดเพิ่มเติม ให้การกระทําเป็นความผิดทางอาญา และมีผลบังคับใชภายหลังจากที่โจทก์อางวามีการกระทําความผิด เป็นการบัญญัติกฎหมายที่มีโทษอาญายอนหลัง อีกทั้งบทบัญญัติที่วา “ ให้สันนิษฐานไวกอน… ” เป็นบทสันนิษฐานความผิดและผลักภาระการพิสูจนแกจําเลย ขัดต่อหลักนิติธรรม เพิ่มภาระและจํากัดสิทธิ หรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแกเหตุ และกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 นั้น เห็นวา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ้ หนา 50 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีสาระสําคัญหามมิให้กระทําการที่มีลักษณะเป็นการกระทํา อันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงกําหนดบทสันนิษฐานในกรณีตาง ๆ ที่เกี่ยวกับ การกระทําดังกลาว โดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 243 ซึ่งเป็นกฎหมายเดิมบัญญัติหามการปนหุนและกําหนดให้การกระทําที่มีลักษณะดังกลาวเป็นความผิด เกี่ยวกับการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ และมีการกําหนดโทษทางอาญาไว สําหรับการกระทําความผิด แต่เนื่องจากบทบัญญัติเดิมมาตรา 243 มีองคประกอบความผิดที่ไม่ชัดเจน และมีขอจํากัดบางประการ ทําให้ไม่สามารถบังคับใชกฎหมายลงโทษทางอาญากับผู้กระทําความผิด เกี่ยวกับหลักทรัพย์เพื่อปกปองตลาดทุนได้อยางมีประสิทธิภาพ อันเป็นอุปสรรคต่อการปองกันและปราบปราม การกระทําความผิด จึงแกไขเพิ่มเติมบทบัญญัติดังกลาวตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ที่ยังคงหลักการเดียวกันคือ กําหนดความผิดเกี่ยวกับการกระทําอันไม่เป็นธรรม เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะของการกระทําที่หามดําเนินการเนื่องจากมีลักษณะเป็นการปนหุน โดยมิได้ปรับเปลี่ยนองคประกอบความผิดของการกระทําและบทกําหนดโทษทางอาญา เพียงแต่บัญญัติเพิ่มเติม บทสันนิษฐานเกี่ยวกับการกระทําตามมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ทั้งนี้ เพื่อประโยชน ในการพิสูจนความผิดและนําตัวผู้กระทําความผิดมาลงโทษ เป็นกรณีที่กฎหมายใหมประสงคให้ความผิด ตามกฎหมายเดิมเป็นความผิดทางอาญาต่อไป มีผลทําให้ผู้ที่กระทําความผิดตามกฎหมายเดิมไม่พน จากการเป็นผู้กระทําความผิด ซึ่งสอดคลองกับหลักการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ทั้งในกรณี ฐานความผิดที่กฎหมายเกาและกฎหมายใหมกําหนดโทษทางอาญาไวแตกตางกัน ศาลที่พิจารณาคดี จะต้องนํากฎหมายในสวนที่เป็นคุณมาใชบังคับแกผู้กระทําความผิด ไม่วาสวนที่เป็นคุณนั้นจะอยู่ในกฎหมายเกา หรือกฎหมายใหม ดังที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ประกอบกับบทเฉพาะกาล ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มาตรา 47 บัญญัติให้นํา บทบัญญัติในหมวด 12/1 มาตรการลงโทษทางแพงตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้มาใชบังคับแกการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่เกิดขึ้นกอนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ และยังมิได้ มีการกลาวโทษต่อพนักงานสอบสวนด้วย ทั้งนี้ มาตรการบังคับที่จะนํามาใชกับผู้กระทําความผิด ้ หนา 51 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
จะกําหนดได้ไม่เกินอัตราโทษตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใชในขณะกระทําความผิด สําหรับมาตรา 244/5 กําหนดบทสันนิษฐานการกระทําวาการกระทํา ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งตามที่ปรากฏใน (1) ถึง (5) เป็นการกระทําตามมาตรา 244/3 สวนมาตรา 244/6 กําหนดบทสันนิษฐานเกี่ยวกับลักษณะการกระทําอยางใดอยางหนึ่งตามที่ปรากฏใน (1) ถึง (7) วาเป็นตัวการในการกระทําความผิดตามมาตรา 244/3 บทบัญญัติทั้งสองมาตราเป็นบทสันนิษฐาน ที่ถือเอาพฤติกรรมหรือการกระทําของบุคคลซึ่งกอให้เกิดการกระทําความผิดต้องรับผลของการกระทําของตนเอง มิใชเป็นบทสันนิษฐานความผิดของบุคคลวาเป็นผู้กระทําความผิดไวกอนตั้งแต่เริ่มคดี โจทก์ยังคงมีหน้าที่ พิสูจนการกระทําของบุคคลดังกลาวกอนวาเป็นผู้กระทําการตามที่กฎหมายบัญญัติหามไวในมาตรา 244/3 และมีความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยผู้ถูกกลาวหาวา กระทําผิดมีสิทธินําสืบหักลางขอสันนิษฐานดังกลาว สอดคลองกับหลักการทั่วไปของความรับผิดทางอาญา ที่ผู้กระทําความผิดจะต้องรับผลแห่งการกระทําการหรืองดเวนกระทําการนั้นเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไววา เป็นความผิดและครบองคประกอบความผิด นอกจากนี้ เมื่อบุคคลใดถูกกลาวหาวากระทําความผิด โจทก์จะต้องพิสูจนให้ศาลเห็นโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัยวาการกระทําความผิดดังกลาวเกิดขึ้นจาก การกระทําของบุคคลนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 โดยระหวาง การพิจารณาของศาลหรือหนวยงานในกระบวนการยุติธรรม บุคคลนั้นยังถือวาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกวา ศาลมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดวาจําเลยได้กระทําการอันเป็นความผิด ดังนั้น แมบทบัญญัติมาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 จะจํากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอยู่บาง แต่เมื่อชั่งน้ําหนัก ระหวางสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่ถูกจํากัดตามกฎหมายกับประโยชนสวนรวมที่ได้รับตามวัตถุประสงค ของกฎหมายที่มุงปองกันและปราบปรามการกระทําความผิดที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์อยางมีประสิทธิภาพ รวมถึงเพื่อคุมครองตลาดทุนและประชาชนผู้ลงทุน เป็นไปตามหลักความได้สัดสวน ไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแกเหตุ ไม่กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย มีผลใชบังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุงหมายให้ใชบังคับแกกรณีใดกรณีหนึ่งหรือแกบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายที่มีโทษทางอาญาหามยอนหลังแกบุคคลและบทสันนิษฐานความรับผิดทางอาญาของบุคคล พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ไม่ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ้ หนา 52 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
ประเด็นที่สอง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง หรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นวา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 เป็นบทบัญญัติในหมวด 12/1 มาตรการลงโทษทางแพง โดยมาตรา 317/1 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “ ให้การกระทําความผิดดังต่อไปนี้ เป็นการกระทําความผิดที่อาจดําเนินมาตรการ ลงโทษทางแพงกับผู้กระทําความผิดนั้นได้ (1) กระทําการอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดตามมาตรา 296 หรือมาตรา 296/1 (2) แสดงขอความอันเป็นเท็จหรือปกปด ขอความจริงซึ่งควรบอกให้แจงในสาระสําคัญ อันเป็นความผิดตามมาตรา 278 หรือมาตรา 281/10 (3) ไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการหรือผู้บริหารตามมาตรา 89/7 อันเป็นความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคหนึ่ง (4) ยินยอมให้บุคคลอื่นใชบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หรือบัญชีธนาคารที่ใชชําระคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือใชบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์หรือบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น อันเป็นความผิดตามมาตรา 297 ” วรรคสอง บัญญัติวา “ การนํามาตรการลงโทษทางแพงมาใชบังคับแกผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง ให้คํานึงถึงความรายแรงของการกระทํา ผลกระทบต่อตลาดทุน พยานหลักฐานที่อาจนํามาใชพิสูจนความผิด และความคุมคาในการดําเนินมาตรการนั้น ” มาตรา 317/4 บัญญัติวา “ มาตรการลงโทษทางแพง ได้แก (1) คาปรับทางแพงตามมาตรา 317/5 (2) ชดใชเงินในจํานวนที่เทากับผลประโยชนที่ได้รับ หรือพึงได้รับจากการกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวในมาตรา 317/1 (3) หามเขาซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนยซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเขาผูกพันตามสัญญาซื้อขายลวงหน้าในศูนยซื้อขาย สัญญาซื้อขายลวงหน้าภายในระยะเวลาที่กําหนดซึ่งต้องไม่เกินหาป (4) หามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัท ที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ภายในระยะเวลาที่กําหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบป (5) ชดใชคาใชจาย ของสํานักงานเนื่องจากการตรวจสอบการกระทําความผิดนั้นคืนให้แกสํานักงาน ” และมาตรา 317/5 บัญญัติวา “ ให้กําหนดคาปรับทางแพง ดังนี้ (1) กรณีตามมาตรา 317/1 (1) หรือ (2) ให้ปรับ ้ หนา 53 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
เป็นเงินไม่เกินสองเทาของผลประโยชนที่บุคคลนั้นได้รับไวหรือพึงได้รับจากการกระทําความผิดนั้น แต่ต้องไม่ต่ํากวาหาแสนบาท ในกรณีที่ไม่สามารถคํานวณผลประโยชนได้ ให้ปรับตั้งแต่หาแสนบาท ถึงสองลานบาท (2) กรณีตามมาตรา 317/1 (3) หรือ (4) ให้ปรับตั้งแต่หาหมื่นบาทถึงหนึ่งลานบาท ” ขอโตแยงของจําเลยที่วา มาตรการลงโทษทางแพงตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีวัตถุประสงคเพื่อลงโทษและยับยั้ง การกระทําความผิดในลักษณะเชนเดียวกับคดีอาญา ไม่สามารถนํามาใชบังคับยอนหลังได้ อีกทั้งบัญญัติขึ้น ภายหลังที่ได้กระทําความผิด โดยกฎหมายที่ใชในขณะกระทําความผิดแตกตางกับกฎหมายที่ใชภายหลัง กระทําความผิด ต้องใชกฎหมายในสวนที่เป็นคุณเทานั้น ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 นั้น เห็นวา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 มีสาระสําคัญกําหนดมาตรการลงโทษทางแพงเพิ่มเติมนอกเหนือจากการบังคับใชกฎหมาย โดยมาตรการลงโทษทางอาญา ด้วยเหตุที่การกระทําความผิดในคดีที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์มีลักษณะ แตกตางจากอาชญากรรมทั่วไป มีความซับซอน มีการวางแผนอยางรอบคอบ ผู้กระทําความผิดเป็นผู้มี ความรูความเชี่ยวชาญ มีการศึกษาและฐานะทางเศรษฐกิจดี รวมกลุ่มกันกระทําความผิดโดยผานตัวแทน ทําให้พยานหลักฐานที่เกี่ยวของสวนใหญอยู่ในความครอบครองของผู้กระทําความผิด การรวบรวม พยานหลักฐานเพื่อพิสูจนความผิดตามมาตรฐานคดีอาญาเป็นไปได้ยาก เนื่องจากการดําเนินคดีอาญา มีมาตรฐานการพิสูจนที่สูงตามหลักการพิสูจนจนสิ้นสงสัย มาตรการลงโทษทางแพงจึงเป็นมาตรการ เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใชกฎหมายโดยนํามาตรฐานการพิสูจนเชนเดียวกับคดีแพงมาใชพิสูจนความผิดของจําเลย เพื่อให้การบังคับใชกฎหมายวาด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กับผู้กระทําความผิดเกิดประสิทธิภาพ และได้ผลดียิ่งขึ้น มาตรการนี้กําหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพงเป็นผู้พิจารณาวา ควรดําเนินการทางแพงหรือทางอาญา ซึ่งหากมีการดําเนินการทางแพงและผู้กระทําความผิดยินยอม ที่จะปฏิบัติตามมาตรการที่กําหนดแล้ว ให้สิทธิในการนําคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับ มาตรา 317/1 ้ หนา 54 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
เป็นบทบัญญัติกําหนดลักษณะของการกระทําความผิดวาความผิดในลักษณะใดที่สามารถนํามาตรการ ลงโทษทางแพงมาใชบังคับได้ซึ่งมิใชทุกฐานความผิด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนจึงกําหนดกรอบ ในการพิจารณานํามาตรการลงโทษทางแพงมาใชบังคับแกผู้กระทําความผิดโดยคํานึงถึงความรายแรง ของการกระทํา ผลกระทบต่อตลาดทุน พยานหลักฐานที่อาจนํามาใชพิสูจนความผิด และความคุมคา ในการดําเนินมาตรการนั้น มาตรา 317/4 เป็นบทบัญญัติที่กําหนดบทลงโทษของมาตรการลงโทษทางแพง เพื่อเป็นหลักเกณฑการใชดุลพินิจของคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพง มาตรการลงโทษทางแพง ประกอบด้วย (1) คาปรับทางแพง (2) ชดใชเงินในจํานวนที่เทากับผลประโยชนที่ได้รับหรือพึงได้รับ จากการกระทําความผิด (3) หามเขาซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนยซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเขาผูกพันตามสัญญาซื้อขายลวงหน้าในศูนยซื้อขายสัญญาซื้อขายลวงหน้า (4) หามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ และ (5) ชดใชคาใชจายของสํานักงาน คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จากการตรวจสอบการกระทําความผิด และมาตรา 317/5 เป็นบทบัญญัติที่กําหนดคาปรับทางแพง เพื่อความชัดเจนในการบังคับใชกฎหมาย บทบัญญัติทั้งสามมาตรา จึงเป็นมาตรการลงโทษทางแพงที่กําหนดขึ้นใชบังคับเฉพาะกับการกระทําความผิดสําคัญในบางลักษณะ และมีกรอบในการนํามาตรการดังกลาวมาใชบังคับอยางชัดเจน อีกทั้งมาตรการลงโทษทางแพงมิใชโทษ ทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 แต่เป็นมาตรการทางเลือกสําหรับแกไขขอขัดของ จากมาตรการลงโทษทางอาญา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบังคับใชกฎหมายปองปราม การกระทําความผิด อันเป็นการดําเนินการแยกตางหากจากการดําเนินคดีอาญา และอยู่ภายใตการตรวจสอบ ขององคกรตุลาการ กรณีจึงไม่เกี่ยวกับหลักกฎหมายที่มีโทษทางอาญาหามยอนหลังแกบุคคลและบทสันนิษฐาน ความรับผิดทางอาญาของบุคคล ดังนั้น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ไม่ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ้ หนา 55 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565
อาศัยเหตุผลดังกลาวขางตน จึงวินิจฉัยวา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 มาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ไม่ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสอง และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 317/1 มาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ไม่ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง นายวรวิทย กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายปญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายวิรุฬห แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศปราชญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ้ หนา 56 ่ เลม 139 ตอนที่ 73 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 พฤศจิกายน 2565