คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 15/2565 เรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 [ระหว่าง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้อง วุฒิสภา ผู้ถูกร้อง]
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 15/2565 เรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 [ระหว่าง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้อง วุฒิสภา ผู้ถูกร้อง]
ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลรัฐธรรมนูญ คําวินิจฉัยที่ 15/2565 เรื่องพิจารณาที่ ต. 20/2564 วันที่ 12 เดือน ตุลาคม พุทธศักราช 2565 ผู้ตรวจการแผนดิน ผู้รอง วุฒิสภา ผู้ถูกรอง เรื่อง ผู้ตรวจการแผนดิน (ผู้รอง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ผู้ตรวจการแผนดิน (ผู้รอง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ขอเท็จจริงตามคํารองและเอกสารประกอบคํารอง สรุปได้ดังนี้ ผู้รองรับเรื่องรองเรียนจาก นายรัชนันท ธนานันท (ผู้รองเรียน) ขอให้เสนอเรื่องพรอมด้วย ความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กลาวอางวาผู้รองเรียนสมัครเขารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดสองครั้ง คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติให้ผู้รองเรียนเป็นผู้ผานการคัดเลือก เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุดทั้งสองครั้งตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง รายชื่อ ผู้ผานการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2562 และตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง รายชื่อผู้ผานการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ 16 กันยายน 2563 ก.ศป. เสนอชื่อผู้รองเรียนต่อนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ระหวาง ้ หนา 13 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
นํารายชื่อเสนอวุฒิสภา (ผู้ถูกรอง) พิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสาม ผู้ถูกรองมีมติตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในคราวประชุมวุฒิสภาสองครั้ง คือ ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจําปครั้งที่สอง) วันที่ 17 กุมภาพันธ 2563 และครั้งที่ 15 (สมัยสามัญประจําป ครั้งที่สอง) วันที่ 19 มกราคม 2564 ผู้ถูกรองมีมติไม่ให้ความเห็นชอบให้ผู้รองเรียนดํารงตําแหนง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ผู้รองเรียนได้รับความเดือดรอนเสียหายและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใชอํานาจ ของผู้ถูกรองตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม และการกระทําหรือมติของผู้ถูกรองตามกฎหมายดังกลาว ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 ผู้รองมีหนังสือถึงผู้ถูกรองและศาลปกครองเพื่อขอทราบขอเท็จจริงหรือความเห็นประกอบการพิจารณา ผู้ถูกรองให้ความเห็นต่อผู้รองวา การให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง ตุลาการศาลปกครองสูงสุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจตามมาตรา 15 วรรคสาม และขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ศาลปกครองโดยประธานศาลปกครองสูงสุดในขณะนั้น ให้ความเห็นต่อผู้รองวา พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม เป็นบทบัญญัติที่ยืนยันหรืออนุวัติตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เพื่อให้ศาลปกครอง อยู่ในฐานะทัดเทียมกับคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นองคกรฝ่ายบริหารและเป็นผู้บังคับบัญชาหรือกํากับดูแล หนวยงานทางปกครองอันจะทําให้คําพิพากษาได้รับการยอมรับจากคู่กรณี จึงกําหนดให้ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดซึ่งเป็นศาลชั้นสุดทายในการพิจารณาพิพากษาคดีปกครองต้องยึดโยงกับฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่มีฐานะเป็นผู้แทนปวงชน บทบัญญัติดังกลาวไม่ทําให้ผู้ถูกรองเขามากาวลวง ความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง หน้าที่และอํานาจของผู้ถูกรอง สิ้นสุดเมื่อได้ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบบุคคลให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองได้ รับการรับรองความเป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 ้ หนา 14 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
ผู้รองเห็นวา ตุลาการศาลปกครองและผู้พิพากษาศาลยุติธรรมเป็นขาราชการตุลาการที่มีหน้าที่ พิจารณาพิพากษาอรรถคดีเหมือนกัน แต่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม กําหนดให้การแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดต้องขอความเห็นชอบ ต่อผู้ถูกรองกอน แตกตางจากการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลยุติธรรมที่ไม่กําหนดวิธีการดังกลาวไว เป็นการปฏิบัติ ที่แตกตางกันในสิ่งที่มีสาระสําคัญเหมือนกัน ขัดต่อหลักความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นอกจากนี้ การแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองเป็นขั้นตอนในการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง ที่ต้องมีความเป็นอิสระและดําเนินการโดย ก.ศป. การให้อํานาจดังกลาวแกผู้ถูกรองเป็นการแทรกแซง และขัดต่อความเป็นอิสระของการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 และเป็นการกระทําที่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้รองเรียนตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง และคุมครองไว ผู้รองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 วาพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ขัดหรือแยง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และมาตรา 198 มติหรือการกระทําของผู้ถูกรองที่ไม่ให้ความเห็นชอบ ผู้รองเรียนให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุดอันเนื่องมาจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ขัดหรือแยง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และมาตรา 198 และขอให้สั่งเพิกถอนมติหรื อการกระทําดังกลาว ของผู้ถูกรอง ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาเบื้องตนมีวา ศาลรัฐธรรมนูญมีอํานาจรับคํารอง ของผู้รองไวพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 หรือไม่ เห็นวา ผู้รองมีความเห็นวามติ หรือการกระทําของผู้ถูกรองที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม เป็นการกระทําที่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้รองเรียน ตามที่รัฐธรรมนูญคุมครองไวอันเป็นผลจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และมาตรา 198 กรณีเป็นไปตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 และมาตรา 48 จึงมีคําสั่งรับไวพิจารณาวินิจฉัยและให้ผู้ถูกรองยื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหา ้ หนา 15 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
ผู้ถูกรองยื่นคําชี้แจงแกขอกลาวหาและเอกสารประกอบสรุปได้วา ผู้ถูกรองเคยพิจารณา กรณีที่ผู้รองเรียนได้รับการคัดเลือกจาก ก.ศป. เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสาม จํานวน 2 ครั้ง ผลการลงมติที่ประชุมผู้ถูกรองทั้งสองครั้งไม่ให้ความเห็นชอบ ให้ผู้รองเรียนดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นการดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม หลักเกณฑและวิธีพิจารณาให้ความเห็นชอบให้บุคคลดํารงตําแหนงตาง ๆ ตามขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 โดยตั้งคณะกรรมาธิการสามัญขึ้นทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้รองเรียน และรายงานผลการตรวจสอบให้ผู้ถูกรองทราบ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่ผานมา จํานวน 6 ครั้ง มีบุคคลที่ไม่ได้รับความเห็นชอบ จํานวน 2 ราย การที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ไม่มีบทบัญญัติให้การแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดและประธานศาลปกครองสูงสุด ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกรองกอนเหมือนเชนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 บัญญัติไว มิได้หมายความวา รัฐธรรมนูญ มีเจตนารมณที่จะยกเลิกหลักการดังกลาว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 198 บัญญัติให้การบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองต้องมีความเป็นอิสระ และดําเนินการโดย ก.ศป. ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 จึงกําหนดหลักเกณฑเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและการแต่งตั้ง ตุลาการศาลปกครองได้ นอกจากนี้ ไม่ปรากฏวามีการเสนอแกไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 เพื่อให้ยกเลิกบทบัญญัติมาตรา 15 วรรคสาม การพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบของผู้ถูกรองมิได้เป็นการกาวลวงความเป็นอิสระ ในการบริหารงานบุคคลของ ก.ศป. เพราะ ก.ศป. ยังสามารถสรรหาบุคคลได้อยางอิสระโดยปราศจาก การบังคับบัญชาหรือกํากับดูแลจากผู้ถูกรอง ในกรณีที่ผู้ถูกรองไม่ให้ความเห็นชอบ ผู้ถูกรอง ไม่อาจนํารายชื่อบุคคลอื่นที่เห็นวามีความเหมาะสมยิ่งกวาเขามาแทนได้ และไม่มีอํานาจพิจารณาเห็นชอบ ให้ตุลาการศาลปกครองพนจากตําแหนง ลงโทษทางวินัย โยกยาย เลื่อนตําแหนง การให้ได้รับเงินเดือน ้ หนา 16 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
และเงินประจําตําแหนงแกตุลาการศาลปกครอง หน้าที่ของผู้ถูกรองสิ้นสุดลงเมื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ หรือไม่ให้ความเห็นชอบเทานั้น แมการแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีความแตกตางกับการแต่งตั้งผู้พิพากษา ในศาลยุติธรรมที่ไม่ต้องขอความเห็นชอบต่อผู้ถูกรอง แต่มิได้เป็นการปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสําคัญเหมือนกัน ให้แตกตางกัน ผู้ถูกรองดําเนินการต่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกราย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม และขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 การกระทําของผู้ถูกรอง ไม่เป็นการกระทําที่ขัดต่อหลักความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 หรือละเมิดสิทธิ หรือเสรีภาพของผู้รองเรียนที่รัฐธรรมนูญคุมครองไว เพื่อประโยชนแห่งการพิจารณาอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 วรรคสาม ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเรียกเอกสาร หลักฐาน หรือบุคคล ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดชี้แจงเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุดชี้แจงสรุปได้วา ผู้รองเรียนยื่นฟ้องผู้ถูกรองต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ 2564 คดีหมายเลขดําที่ บ. 40/2564 และศาลปกครองกลางมีคําสั่ง ในคดีหมายเลขแดงที่ บ. 47/2564 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2564 ไม่รับคําฟ้องไวพิจารณา และศาลปกครองสูงสุดโดยมติที่ประชุมใหญมีคําสั่งที่ คบ. 26/2565 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ 2565 ยืนตามคําสั่งของศาลปกครองกลาง นอกจากนี้ ศาลปกครองโดย ก.ศป. ให้ความเห็นเพิ่มเติมวา การกําหนดให้ผู้ถูกรองซึ่งเป็นองคกรในทางนิติบัญญัติมีอํานาจให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะได้รับแต่งตั้ง เป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดขัดแยงกับหลักการเกี่ยวกับความเป็นอิสระของตุลาการศาลปกครองโดยตรง เพราะผู้ถูกรองเป็นองคกรภายนอกอาจใชอํานาจขัดแยงกับ ก.ศป. ซึ่งเป็นองคกรที่รัฐธรรมนูญ กําหนดให้เป็นองคกรบริหารงานบุคคลสูงสุดของศาลปกครอง การที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 บัญญัติให้การแต่งตั้งบุคคล ให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุดจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกรองเป็นเสมือนบท ยกเวนของหลักการที่ประกันความเป็นอิสระของตุลาการศาลปกครอง แต่เมื่อมีการประกาศใชรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บทบัญญัติที่เป็นหลักประกันความเป็นอิสระ ในการบริหารงานบุคคลของตุลาการศาลปกครองบัญญัติแตกตางไปจากรัฐธรรมนูญฉบับกอนโดยไม่มีบทบัญญัติ ้ หนา 17 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกรอง อันเป็นการยกเลิกบทยกเวนของหลักประกันความเป็นอิสระ ของตุลาการศาลปกครองดังที่เคยบัญญัติไว เห็นวาพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคํารอง คําชี้แจงแกขอกลาวหา หนังสือชี้แจง และเอกสารประกอบแล้วเห็นวา คดีเป็นปญหาขอกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไตสวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง สวนที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยวา มติหรือการกระทําของผู้ถูกรองที่ปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม เป็นการกระทําที่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุมครองไว ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และมาตรา 198 และขอให้เพิกถอนมติหรือการกระทําดังกลาว นั้น เห็นวา มติหรือการกระทํา ของผู้ถูกรองตามที่กลาวอางเป็นการใชอํานาจตามกฎหมาย มิใชการใชอํานาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หากมีผลกระทบต่อสถานภาพหรือสิทธิของบุคคล ผู้รองเรียนสามารถใชสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ต่อศาลอื่นได้ เป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กําหนดกระบวนการรอง หรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยไวเป็นการเฉพาะแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) กรณีต้องด้วยมาตรา 46 วรรคสาม ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยคําขอในสวนนี้ และกําหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยวา พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และมาตรา 198 หรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นวา รัฐธรรมนูญ มาตรา 27 เป็นบทบัญญัติในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพ ของปวงชนชาวไทย มาตรา 27 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “ บุคคลยอมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพ และได้รับความคุมครองตามกฎหมายเทาเทียมกัน ” วรรคสาม บัญญัติวา “ การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ต่อบุคคล ไม่วาด้วยเหตุความแตกตางในเรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือเหตุอื่นใด จะกระทํามิได้ ” และมาตรา 198 เป็นบทบัญญัติในหมวด 10 ศาล สวนที่ 3 ศาลปกครอง บัญญัติวา ้ หนา 18 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
“ การบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองต้องมีความเป็นอิสระและดําเนินการโดยคณะกรรมการ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประกอบด้วยประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นตุลาการในศาลปกครอง และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่เป็นหรือเคยเป็นตุลาการในศาลปกครองไม่เกินสองคน บรรดาที่ได้รับเลือกจากขาราชการตุลาการศาลปกครอง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ” พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มีเหตุผล ในการประกาศใชวา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติให้จัดตั้งศาลปกครองขึ้น เพื่อให้มีอํานาจ พิจารณาพิพากษาคดีที่มีขอพิพาททางกฎหมายปกครองระหวางเอกชนกับหนวยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือระหวางหนวยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกัน เกี่ยวกับการกระทําหรือการละเวนการกระทํา ที่หนวยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเนื่องจากการกระทําหรือการละเวน การกระทําที่หนวยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งตามอํานาจหน้าที่ของศาลปกครองดังกลาวเป็นเรื่องที่เกี่ยวของกับการออกกฎหรือคําสั่งทางปกครอง การกระทําละเมิดในทางปกครอง หรือการทําสัญญาทางปกครอง อันเป็นเรื่องของกฎหมายมหาชน และโดยที่ระบบการพิจารณาและพิพากษาคดีจําเป็นต้องมีกระบวนการเป็นพิเศษตางจากคดีปกติทั่ว ๆ ไป เพราะผลแห่งคําพิพากษาอาจกระทบถึงการบริหารราชการแผนดิน หรือต้องจายเงินภาษีอากร ของสวนรวมเป็นคาชดเชยหรือคาเสียหายแกเอกชน ในขณะเดียวกันเอกชนจะอยู่ในฐานะเสียเปรียบ ที่ไม่อาจทราบขอมูลจากหนวยงานของรัฐได้ ในการพิจารณาจึงจําเป็นต้องใชระบบไตสวน เพื่อหาขอเท็จจริงที่แทจริง และต้องมีตุลาการที่มีความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะซึ่งสามารถตรวจสอบได้ จากฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และประชาชนทั่วไปซึ่งจะถูกกระทบในทางใดทางหนึ่งจากคําพิพากษา ของศาลปกครอง โดยมาตรา 15 วรรคสาม บัญญัติวา “ ให้ ก.ศป. เสนอรายชื่อผู้ได้รับการเลื่อน ตามวรรคหนึ่ง (1) หรือได้รับการคัดเลือกตามวรรคหนึ่ง (2) ต่อนายกรัฐมนตรี และให้นายกรัฐมนตรี นํารายชื่อดังกลาวเสนอขอความเห็นชอบต่อวุฒิสภาภายในสิบหาวันนับแต่วันที่ได้รับรายชื่อ เมื่อได้รับ ความเห็นชอบแล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ แต่งตั้ง ” ขอโตแยงของผู้รองที่วา พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม เป็นบทบัญญัติที่บัญญัติให้การแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองแตกตางจากการแต่งตั้ง ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมที่ไม่ต้องให้ผู้ถูกรองให้ความเห็นชอบ เป็นการปฏิบัติที่แตกตางกันต่อสิ่งที่มี ้ หนา 19 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
สาระสําคัญเหมือนกันขัดต่อหลักความเสมอภาค ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม นั้น เห็นวา หลักความเสมอภาคมีสาระสําคัญเพื่อคุมครองการปฏิบัติต่อบุคคลโดยจะต้อง ปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสําคัญเหมือนกันอยางเทาเทียมกันและจะต้องปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสาระสําคัญแตกตางกัน ให้แตกตางกันไปตามลักษณะของเรื่องนั้น ๆ รัฐธรรมนูญ มาตรา 194 บัญญัติให้ศาลยุติธรรม มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เวนแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอํานาจของศาลอื่น และรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 บัญญัติให้ศาลปกครองมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครองอันเนื่องมาจาก การใชอํานาจทางปกครองหรือเนื่องมาจากการดําเนินกิจการทางปกครอง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ศาลยุติธรรมและศาลปกครองจึงมีหน้าที่และอํานาจ การจัดตั้ง และวิธีพิจารณาคดีที่แตกตางกัน แมผู้พิพากษาศาลยุติธรรมและตุลาการศาลปกครองเป็นตําแหนงที่มีอํานาจในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ แต่หน้าที่และอํานาจของศาลทั้งสองมีความแตกตางกัน ผู้พิพากษาหรือตุลาการในแต่ละศาลจึงต้องเป็นผู้ที่มีความรู ความเขาใจกฎหมาย และความเชี่ยวชาญ ตามคดีแต่ละประเภทตามความเหมาะสมของแต่ละศาล ทําให้การกําหนดที่มา ลักษณะการแต่งตั้ง และการคัดเลือกบุคคลให้ดํารงตําแหนงยอมแตกตางกันด้วย นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติ ให้การบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับผู้พิพากษาหรือตุลาการ เชน การสรรหาและการแต่งตั้ง การเลื่อนตําแหนง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษทางวินัย ดําเนินกำรโดยคณะกรรมการตุลาการของแต่ละศาล โดยรูปแบบคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่เหมาะสม แต่ละศาลจึงกําหนดรูปแบบ ในการคัดเลือกบุคคลเพื่อดํารงตําแหนงผู้พิพากษาหรือตุลาการที่แตกตางกัน โดยเฉพาะผู้พิพากษาศาลฎีกา ต้องเป็นบุคคลที่มีความรูและประสบการณในการพิจารณาคดีตั้งแต่ผู้ชวยผู้พิพากษา การปฏิบัติหน้าที่ อยู่ภายใตกรอบของประมวลจริยธรรมขาราชการตุลาการและควบคุมกํากับการปฏิบัติงานโดยคณะกรรมการ ตุลาการศาลยุติธรรมมาตั้งแต่ตน สําหรับตุลาการศาลปกครองสูงสุด กําหนดให้การแต่งตั้งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดอาจดําเนินการได้โดยวิธีการพิจารณาเลื่อนตุลาการในศาลปกครองชั้นตนซึ่งดํารงตําแหนง ไม่ต่ํากวาตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นตน โดยคํานึงถึงหลักอาวุโส ความรู ความสามารถ ความรับผิดชอบ ความเหมาะสม ประวัติและผลงานการปฏิบัติราชการ และโดยวิธีการพิจารณา คัดเลือกบุคคลซึ่งมิได้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองในขณะนั้น โดยมีคุณสมบัติตามมาตรา 13 และมีความเหมาะสมที่จะแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอาจมิใชบุคคลที่เคยดํารงตําแหนงตุลาการ ้ หนา 20 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
ในศาลปกครองชั้นตน เมื่อบุคคลผู้ดํารงตําแหนงผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมและตุลาการศาลปกครองสูงสุด มีสาระสําคัญที่แตกตางกันยอมมีกระบวนการในการคัดเลือกที่แตกตางกันได้ ไม่อาจนํามาเปรียบเทียบกัน การดําเนินการแต่ละกระบวนการในการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุดยอมเป็นไปตามบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยใชบังคับแกผู้สมัครเขารับการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนอยางเทาเทียมกัน ดังนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ที่บัญญัติให้การแต่งตั้งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกรองแล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ แต่งตั้ง จึงไม่ขัดต่อหลักความเสมอภาค ไม่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม สวนที่ผู้รองโตแยงวา พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม เป็นบทบัญญัติแทรกแซงการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง ขัดต่อความเป็นอิสระของการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 นั้น เห็นวา หลักความเป็นอิสระของตุลาการเป็นหลักการสําคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีการแบงแยกอํานาจโดยให้การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอํานาจของศาลซึ่งต้องดําเนินการ ให้เป็นไปตามกฎหมายและในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย เพื่อเป็นหลักประกันให้การพิจารณา พิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง รัฐธรรมนูญบัญญัติ หลักการคุมครองความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการไวหลายกรณี เชน ความเป็นอิสระในการทําหน้าที่ ของผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ยอมมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ความเป็นอิสระในทางองคกร โดยมีหนวยงานธุรการที่เป็นอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดําเนินการอื่น ๆ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อให้องคกรศาลมีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงจากองคกรอื่นของรัฐ อันมีผลให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อยางอิสระและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งความเป็นอิสระของตัวบุคคล ที่กําหนดให้มีองคกรบริหารงานบุคคลของตุลาการโดยเฉพาะในรูปแบบคณะกรรมการตุลาการ ที่ต้องมีความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคล เชน การสรรหาและการแต่งตั้ง การเลื่อนตําแหนง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษทางวินัย ้ หนา 21 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวของกับการแต่งตั้งบุคคล ที่มีความเหมาะสมและสมควรได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงในองคกรอื่นโดยผู้ถูกรอง เชน การให้ความเห็นชอบ ให้บุคคลดํารงตําแหนงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผนดิน คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผนดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดตั้งองคกร เชน ประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ผู้ถูกรองจึงเป็นองคกรนิติบัญญัติที่ให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อดํารงตําแหนงตาง ๆ ตามที่บัญญัติไว ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้ถูกรองอาศัยอํานาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ตราขอบังคับ การประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 เพื่อดําเนินกิจการและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ และกฎหมายบัญญัติไว โดยหลักการให้ความเห็นชอบบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดบัญญัติไวครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 277 วรรคสอง และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 224 วรรคสอง บัญญัติวา “ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตรและผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารราชการแผนดินอาจได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุดได้ การแต่งตั้งให้บุคคลดังกลาวเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ให้แต่งตั้งไม่นอยกวาหนึ่งในสามของจํานวนตุลาการในศาลปกครองสูงสุดทั้งหมดและต้องได้รับความเห็นชอบ ของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองตามที่กฎหมายบัญญัติและได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภากอน แล้วจึงนําความกราบบังคมทูล ” การให้ความเห็นชอบของผู้ถูกรองมีวัตถุประสงคเพื่อให้ผู้ถูกรอง ซึ่งเป็นองคกรฝ่ายนิติบัญญัติมีบทบาทกลั่นกรองผู้มีความเหมาะสมและสมควรได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เพื่ อให้ศาลปกครองเป็นองคกรตรวจสอบหนวยงานทางปกครอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับการยอมรับนับถือจากคู่กรณี ซึ่งเป็นหนวยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เป็นผู้ถูกฟ้องคดี แมรัฐธรรมนูญฉบับปจจุบันไม่ได้บัญญัติให้การแต่งตั้งตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกรองเหมือนดังเชนที่เคยบัญญัติไวในรัฐธรรมนูญฉบับที่ผานมา แต่ยังคงหลักการเดิมในการคัดเลือกและแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุดในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ้ หนา 22 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกฎหมาย ในระดับพระราชบัญญัติที่บัญญัติรับรองไวแล้ว โดยยึดถือปฏิบัติตามเจตนารมณในการจัดตั้งศาลปกครองครั้งแรก ไม่จําต้องบัญญัติไวในรัฐธรรมนูญอีก เมื่อ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดแล้ว ให้เสนอรายชื่อดังกลาวต่อนายกรัฐมนตรีและให้นายกรัฐมนตรีนํารายชื่อ เสนอขอความเห็นชอบต่อผู้ถูกรอง จากนั้น ผู้ถูกรองจะดําเนินการตามขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 โดยตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด รวบรวมขอเท็จจริงและพยานหลักฐานอันจําเป็น การให้ความเห็นชอบของผู้ถูกรองเป็นเพียงขั้นตอน ที่เกิดขึ้นภายหลังจาก ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยทําหน้าที่ในการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ กอนที่นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ แต่งตั้ง เป็นกระบวนการกลั่นกรอง ที่เกี่ยวกับความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่จะแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดโดยเริ่มตนขึ้นภายหลังได้รับรายชื่อจากนายกรัฐมนตรีและสิ้นสุดลงเมื่อมีการพิจารณาลงมติ ซึ่งเป็นไปตามขอบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ขั้นตอนดังกลาวมิได้เกี่ยวของกับ การดําเนินการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่กระทําโดย ก.ศป. เนื่องจาก ก.ศป. มีความเป็นอิสระ ในการคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 13 และหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.ศป. กําหนด นอกจากนี้ องคประกอบของ ก.ศป. ไม่ปรากฏวาผู้ถูกรองเขาไปมีสวนเกี่ยวขอ งกับ การให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบของผู้ถูกรอง จึงไม่ได้เป็นการใชอํานาจขัดหรือแยงกับ ก.ศป. และไม่กระทบต่อหลักความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครอง แต่เป็นบทบัญญัติที่สอดคลองกับหลักการในการจัดตั้งศาลปกครองและการทําหน้าที่ของตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดที่เป็นศาลชั้นสุดทายในการพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง การให้ผู้ ถูกรอง ให้ความเห็นชอบบุคคลให้ดํารงตําแหนงตุลาการศาลปกครองสูงสุด ไม่ขัดต่อความเป็นอิสระ ในการบริหารงานบุคคลเกี่ยวกับตุลาการศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ไม่ขัดหรือแยงต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 ด้วย ้ หนา 23 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565
อาศัยเหตุผลดังกลาวขางตน ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงขางมากจึงวินิจฉัยวา พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 15 วรรคสาม ไม่ขัดหรือแยง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และมาตรา 198 นายวรวิทย กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายปญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายวิรุฬห แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศปราชญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ้ หนา 24 ่ เลม 139 ตอนที่ 68 ก ราชกิจจานุเบกษา 1 พฤศจิกายน 2565