พระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565
พระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565
พระราช บัญญัติ กำหนดระยะเวลาดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 25 6 5 เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยกำหนดระยะเวลาดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “ พระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน ในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 ” มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวั นนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ “ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ” หมายความว่า หน่วยงานหรือองค์กรซึ่งมีหน้าที่ และอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรมตามพระราชบัญญัตินี้ ้ หนา 1 ่ เลม 139 ตอนที่ 66 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 ตุลาคม 2565
“ การดาเนินงานในกระบวนการยุติ ธรรม ” หมายความว่า การดาเนินงานทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง รวมทั้งการดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ “ ศาล ” หมายความว่า ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร และศาลรัฐธรรมนูญ “ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ” หมายความว่า คู่ความ คู่กรณี ผู้ต้องหา และผู้เสียหาย ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้มีสิทธิกระทำการแทนบุคคลนั้น ๆ ตามกฎหมายหรือในฐานะทนายความ มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม กาหนดระยะเวลาดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้ รับ ความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบได้ว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จะพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่างการดาเนินงานเสร็จสิ้นเมื่อใด รวมทั้งตรวจสอบความคืบหน้าได้โดยผ่าน ช่องทางที่หลากหลาย แต่ทั้งนี้จะกาหนดระยะเวลาดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลก ระทบต่อความเป็นอิสระ ในการอำนวยความยุติธรรมหรือการดาเนินงานโดยสุจริตของบุคคลใดไม่ได้ไม่ว่าทางใด มาตรา 5 ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมดังต่อไปนี้มีหน้าที่ดำเนินการ ตามพระราชบัญญัตินี้ (1) กระทรวงกลาโหม (2) กระทรวงมหาดไทย (3) กระทรวงยุติธรรม (4) สำนักงานตา รวจแห่งชาติ (5) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (6) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (7) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (8) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (9) ศาล (10) องค์กรอัยการ (11) หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นตามที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกา ้ หนา 2 ่ เลม 139 ตอนที่ 66 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 ตุลาคม 2565
มาตรา 6 ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามมาตรา 5 กำหนดระยะเวลา แล้วเสร็จในการพิจารณาเรื่องในขั้นตอนต่าง ๆ ของการดาเนินงานในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอานาจ ของตนตามแต่ลักษณะ สภาพ หรือประเภทคดี รวมทั้งปริมาณงานที่อยู่ในความรับผิดชอบ เว้นแต่ มีกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้เป็นอย่างอื่น กาหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศและเผยแพร่ในรูปแบบที่ประชาชนสามารถเข้าถึง และเข้าใจได้โดยง่าย มาตรา 7 ให้ผู้รับผิดชอบดาเนินงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนให้แล้วเสร็จภำยใน กาหนดระยะเวลาตามมาตรา 6 หากไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้บันทึกเหตุแห่ง ความล่าช้าให้ปรากฏ ตลอดจนกาหนดระยะเวลาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งรายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกครั้งเพื่อพิจารณาสั่งการ แล้วให้หน่วยงานในกระบวนการ ยุติธรรมแจ้งให้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบถึงเหตุแห่งความล่าช้า ตลอดจนกาหนดระยะเวลาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การรายงานและการแจ้งให้เป็นไปตามวิธีการที่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกำหนด ซึ่งต้องมี หลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้ ในกรณีที่ไม่รายงา นให้ผู้บังคับบัญชาทราบ หรือในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าความล่าช้านั้น เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่แจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ ให้ผู้บังคับบัญชา พิจารณาดาเนินการทางวินัยต่อไป มาตรา 8 ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามมาตรา 5 จัดให้มี ระบบเทคโนโลยี สารสนเทศหรือวิธีการอื่นใดที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยสะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถทราบหรือตรวจสอบความคืบหน้าของการดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรมได้ ในคดีใดที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ให้หน่วยงานในกระบวน การยุติธรรมจัดให้มี ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิธีการอื่นใด เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมนั้นกาหนด มาตรา 9 ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามมาตรา 5 จัดให้มีผู้รับผิดชอบ เป็นการเฉพาะเพื่อรับเรื่อ งในกรณีที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากความล่าช้า ้ หนา 3 ่ เลม 139 ตอนที่ 66 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 ตุลาคม 2565
และให้ตรวจสอบความคืบหน้าของการดาเนินงาน แล้วแจ้งผลการตรวจสอบไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง พร้อมทั้งรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกครั้ง มาตรา 10 ให้ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามมาตรา 5 เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติ ระยะเวลาของการดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรมในแต่ละขั้นตอน วัดผลการดาเนินงานเทียบกับ ขั้นตอนและกาหนดระยะเวลาดาเนินงานตามมาตรา 6 พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้ประชาชน ทราบทุกปี มาตรา 11 ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมตามมาตรา 5 ตรวจสอบขั้นตอน และระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 6 ว่าเป็นขั้นตอนและระยะเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ หากเห็นว่าไม่เหมาะสม ให้มีมาตรการเพื่อพัฒนา หรือปรับปรุงหน่วยงานหรือระบบการ ปฏิบัติราชการของหน่วยงานโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับ ความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า ซึ่งอย่างน้อยต้องดาเนินการทุกสามปี มาตรา 12 ให้นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธาน ศาลรัฐธรรมนูญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหา ดไทย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ และอัยการสูงสุด รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอานาจ ของตน ผู้รับสนองพระ บรม ราชโองการ พลเอก ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ้ หนา 4 ่ เลม 139 ตอนที่ 66 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 ตุลาคม 2565
หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้พระราช บัญญัติ ฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการ ยุติธรรม (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ดาเนินการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการ ยุติธรรม โดยให้มีการกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่า ช้า สมควรกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกาหนดระยะเวลา ดาเนินงานในกระบวนการยุติธรรมขึ้น เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบได้ว่าหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จะพิจารณาเรื่องที่อยู่ระหว่าง การ ดาเนินงานเสร็จสิ้นเมื่อใด รวมทั้งตรวจสอบความคืบหน้าได้ อันจะยังประโยชน์ ให้ ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยสะดวกและรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ้ หนา 5 ่ เลม 139 ตอนที่ 66 ก ราชกิจจานุเบกษา 25 ตุลาคม 2565