คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. 14/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 18/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวอาภาภรณ์ พุทธปวน ผู้ถูกกล่าวหา]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. 14/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 18/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวอาภาภรณ์ พุทธปวน ผู้ถูกกล่าวหา]
(อม.34 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 14/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 18/2565 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 31 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2565 คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้รอง นางสาวอาภาภรณ พุทธปวน ผู้ถูกกลาวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้รองยื่นคํารองขอให้วินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพนจากตําแหนงรองนายกเทศมนตรีตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน โดยผู้ถูกกลาวหา ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ได้แก 1. ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 41246 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน พรอมสิ่งปลูกสราง บ้านพักเลขที่ 87/5 หมู่ 1 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน 2. รถยนตนั่งสามตอน ยี่หอเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม9483 เชียงใหม 3. รายการหนี้เงินกูธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน) บัญชีเงินกูเลขที่ 1000 5723 4725 วงเงินกู 100 , 000 บาท 4. รายการหนี้เงินกูธนาคารกรุงไทย จํากัด ( มหาชน) บัญชีเงินกูเลขที่ 1000 5723 4713 วงเงินกู 1 , 000 , 000 บาท และ 5. รายการหนี้คาเชาซื้อรถยนตนั่งสามตอน ยี่หอ ระหวาง ้ หนา 19 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
เชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม โดยทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการดังกลาว ผู้ถูกกลาวหาให้ นางสาวเกศสุดา กันตี ถือครองไวแทน ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกลาวหา กับลงโทษฐานผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณ อันควรเชื่อได้วา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพนจากตําแหนงรองนายกเทศมนตรี ตําบลตนธง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 , 114 วรรคสอง ( 1) , 167 , 188 ผู้ถูกกลาวหาให้การปฏิเสธวา ทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการตามคํารองไม่ใชทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ถูกกลาวหา แต่เป็นของ นายปญญา เขียวธง ที่ให้ นางสาวเกศสุดา ถือครองไวแทน ผู้ถูกกลาวหา จึงไม่จําต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกลาวต่อผู้รอง ขอให้ยกคํารอง พิเคราะหคํารองประกอบเอกสารทายคํารอง คําให้การของผู้ถูกกลาวหา สํานวนการไตสวนของผู้รอง คําแถลงปดคดี และพยานหลักฐานตามทางไตสวนโดยตลอดแล้ว ขอเท็จจริงเบื้องตนรับฟงเป็นยุติวา ผู้ถูกกลาวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงรองนายกเทศมนตรีตําบลตนธง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ 2559 ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ 2559 ผู้ถูกกลาวหา ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนง โดยไม่แสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ได้แก 1. ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 41246 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน พรอ มสิ่งปลูกสราง บ้านพักเลขที่ 87/5 หมู่ 1 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ซึ่งมีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ 2. รถยนตนั่งสามตอน ยี่หอเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้ถือครอง 3. รายการหนี้เงินกูธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) บัญชีเงินกูเลขที่ 1000 5723 4725 วงเงินกู 100 , 000 บาท มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้กู 4. รายการหนี้เงินกูธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) บัญชี เงินกูเลขที่ 1000 5723 4713 วงเงินกู 1 , 000 , 000 บาท มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้กู และ 5. รายการหนี้คาเชาซื้อรถยนตนั่งสามตอน ยี่หอเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม จากบริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จํากัด มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้เชาซื้อ ต่อมาผู้รองตรวจสอบแล้ว มีความเห็นวา ทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการดังกลาวเป็นของผู้ถูกกลาวหาที่ให้ นางสาวเกศสุดา ถือครองไวแทน จึงแจงขอกลาวหาแกผู้ถูกกลาวหาวา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกลาวและเอกสาร ้ หนา 20 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
ประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพนจากตําแหนงรองนายกเทศมนตรีตําบลตนธง แต่ผู้ถูกกลาวหาให้การปฏิเสธ คดีมีปญหาต้องวินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามคํารอง และเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณ อันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพนจากตําแหนงรองนายกเทศมนตรี ตําบลตนธงหรือไม่ กรณีทรัพย์สินและหนี้สินตามคํารอง 3 รายการ ได้แก 1. ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่41246 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน พรอมสิ่งปลูกสราง บ้านพักเลขที่ 87/5 หมู่ 1 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน 2.รายการหนี้เงินกูธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) วงเงินกู 100 , 000 บาท 3. รายการหนี้เงินกูธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) วงเงินกู 1 , 000 , 000 บาท นั้น เห็นวา ขอเท็จจริงตามทางไตสวนปรากฏจากคําเบิกความของ นางสาวคัทลียา เงินอินตะ เจ้าพนักงาน ตรวจสอบทรัพย์สินชํานาญการ สํานักงาน ป.ป.ช. จังหวัดลําพูน วา พยานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินของ นายปญญา เขียวธง อดีตสามีของผู้ถูกกลาวหา ซึ่งดํารงตําแหนงนายกเทศมนตรีตําบลตนธง กับผู้ถูกกลาวหา ซึ่งดํารงตําแหนงรองนายกเทศมนตรีตําบลตนธง และ นางสาวเกศสุดา ซึ่งดํารงตําแหนง เลขานุการนายกเทศมนตรีตําบลตนธง และจากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นางสาวเกศสุดา ที่ยื่นไวกรณีพนจากตําแหนงเลขานุการนายกเทศมนตรีตําบลตนธง เปรียบเทียบกับบัญชี แสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเขารับตําแหนง พบวา นางสาวเกศสุดา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยไม่สัมพันธกับรายได้ 3 รายการ ได้แก 1. ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 41246 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน 2. สิ่งปลูกสราง ได้แก บ้านพักเลขที่ 87/5 หมู่ 1 ตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน บนที่ดินดังกลาว และ 3. รถยนตนั่งสามตอน ยี่หอเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม สํานักงาน ป.ป.ช.จังหวัดลําพูนจึงมีหนังสือแจงให้ นางสาวเกศสุดา ชี้แจงขอเท็จจริงดังกลาว นางสาวเกศสุดา ได้ยื่นคําชี้แจงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2556 วา นางสาวเกศสุดา ได้รับการรองขอ จากผู้ถูกกลาวหาให้เป็นผู้กูเงินจากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) แทนผู้ถูกกลาวหา เนื่องจากผู้ถูกกลาวหา มีประวัติการชําระหนี้เสีย ไม่สามารถขอกูเงินได้และผู้ถูกกลาวหาจะนําเงินกูไปไถถอนจํานองที่ดินโฉนดที่ดิน เลขที่ 41246 พรอมบ้านพัก เลขที่ 87/5 ดังกลาว ซึ่งขณะนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถูกกลาวหา ้ หนา 21 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
แต่ถูกธนาคารอาคารสงเคราะหเจ้าหนี้จํานองยึดทรัพย์รอขายทอดตลาด โดยผู้ถูกกลาวหาตกลงจะเป็น ผู้รับผิดชอบผอนชําระหนี้ดังกลาวเอง นางสาวเกศสุดา เกิดความสงสารจึงยอมกูเงินจากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ทั้งสองบัญชีดังกลาวตามคํารอง แล้วนําเงินไปไถถอนบ้านและที่ดินดังกลาวเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ดังปรากฏตามคําชี้แจงขอเท็จจริงของ นางสาวเกศสุดา เอกสารหมาย ร. 21 หน้า 174 ถึง 178 เมื่อปรากฏวาผู้ถูกกลาวหาได้ยื่นคําชี้แจงขอเท็จจริงต่อผู้รองเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 และวันที่ 6 สิงหาคม 2561 ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 162 ถึง 166 ยอมรับวาชวงเวลานั้น ตนเองประสบปญหาทางการเงิน ไม่สามารถขอกูเงินจากสถาบันการเงินได้ จึงขอรองให้ นางสาวเกศสุดา ชวยทําสัญญากูเงินจากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) แทนตนเอง เพื่อนําเงินไปไถถอนที่ดินและบ้าน ซึ่งถูกธนาคารเจ้าหนี้ยึดไวรอขายทอดตลาด และเมื่อได้รับเงินกูจากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ได้นําเงินไปไถถอนจํานองที่ดินและบ้านดังกลาวจากธนาคารอาคารสงเคราะห โดยผู้ถูกกลาวหาเป็นผู้รับผิดชอบ ผอนชําระหนี้คาผอนบ้าน เดือนละ 7 , 800 บาท ซึ่งเป็นขอเท็จจริงที่สอดคลองกับคําชี้แจงขอเท็จจริงของ นางสาวเกศสุดา ที่ชี้แจงไวต่อผู้รอง โดยผู้ถูกกลาวหามิได้ปฏิเสธโตเถียงขอกลาวอางของ นางสาวเกศสุดา ให้เห็น เป็นอยางอื่น และผู้รองได้นํา นางสาวเกศสุดา มาเบิกความยืนยันขอเท็จจริงดังกลาวเพื่อสนับสนุนขออาง และได้นํา นางสาวคัทลียา พยานผู้รองซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกลาวหา ยื่นต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนงครบ 1 ป มาเบิกความเพิ่มเติมวา ผู้ถูกกลาวหาได้แสดงรายการคาใชจายวา ผู้ถูกกลาวหามีหนี้คาผอนบ้าน เลขที่ 87/5 เดือนละ 7 , 800 บาท และตรวจสอบรายการเคลื่อนไหว ทางการเงินของ นางสาวเกศสุดา ตามบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาลําพูน เลขบัญชี 511 0387 494 ตามรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี เอกสารหมาย ร. 24 พบวา เมื่อใกล ครบกําหนดชําระหนี้คาผอนบ้านดังกลาวจะมีเงินยอดเงินจํานวนใกลเคียงกับหนี้คาผอนบ้านแต่ละงวด โอนมาจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาลําพูน เลขบัญชี 854 0264 471 ของผู้ถูกกลาวหา ประกอบกับ นายธวัช เขียวธง ผู้ใหญบ้านหมู่ที่ 1 ตําบลตนธง ทองที่ซึ่งบ้านดังกลาว ปลูกสรางอยู่ ก็มีหนังสือยืนยันวาบ้านดังกลาวมีผู้พักอาศัย 5 คน คือ ผู้ถูกกลาวหา นายปญญา ( สามีผู้ถูกกลาวหาในเวลานั้น) กับบุตร 3 คน และผู้ถูกกลาวหายังใชบ้านดังกลาวเปดเป็นสํานักงาน ขายสินคาออนไลน นางสาวเกศสุดา เป็นเพียงพนักงานที่เดินทางมาทํางานที่บ้านดังกลาวเทานั้นไม่ได้พักอาศัย ที่บ้านดังกลาว อันนับเป็นการพิสูจนแสดงการยึดถือครอบครองที่ดินพรอมบ้านดังกลาวและการรับผิดชอบ ้ หนา 22 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
ต่อภาระหนี้เงินกูทั้งสองรายการวาเป็นของผู้ถูกกลาวหาแล้ว กรณีเห็นได้วาทรัพย์สินและหนี้สินทั้งสาม รายการขางตนเป็นของผู้ถูกกลาวหาที่ให้ นางสาวเกศสุดา ถือครองแทน สวนที่ผู้ถูกกลาวหาต่อสูวา ทรัพย์สินและหนี้สินสามรายการดังกลาว นางสาวเกศสุดา ถือครองไวแทน นายปญญา นั้น เมื่อพิเคราะห พยานหลักฐานที่ได้ความตามทางไตสวนและเหตุผลดังวินิจฉัยมา จะเห็นได้วาเป็นขอที่ผู้ถูกกลาวหาเพิ่งยกขึ้นเป็น ขอต่อสูในชั้นพิจารณา โดยผู้ถูกกลาวหาไม่เคยยกขึ้นชี้แจงต่อผู้รองมากอน ทั้งเป็นขอกลาวอางซึ่งขัด กับขอเท็จจริงที่ผู้ถูกกลาวหาเคยชี้แจงไวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพนจากตําแหนง ครบ 1 ป ทั้งยังขัดกับขอเท็จจริงตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเขารับตําแหนง หรือพนจากตําแหนงนายกเทศมนตรีตําบลตนธง ของ นายปญญา ที่ไม่ได้กลาวแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้งสามรายการดังกลาวไว ตลอดจน นายปญญา ก็ไม่เคยยกขอเท็จจริงดังกลาวขึ้นกลาวอางชั้นไตสวนขอเท็จจริงต่อผู้รอง และ นางสาวเกศสุดา ก็ไม่เคยชี้แจงขอเท็จจริงหรือให้ถอยคําชั้นไตสวนต่อผู้รองหรือเบิกความในชั้นพิจารณาวา ตนเองถือครองทรัพย์สินและหนี้สินทั้งสามรายการดังกลาวแทน นายปญญา แต่อยางใดแล้ว เห็นได้วา ขอต่อสูดังกลาวของผู้ถูกกลาวหาไม่มีเหตุผลที่จะรับฟง สวนทรัพย์สินและหนี้สินตามคํารองอีก 2 รายการ ได้แก 1. รถยนตนั่งสามตอน ยี่หอเชฟ โรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้ถือครอง 2. รายการหนี้คาเชาซื้อรถยนตนั่งสามตอน ยี่หอเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหมจากบริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จํากัด มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้เชาซื้อนั้น เห็นวา ขอเท็จจริงตามทางไตสวนได้ความวา นางสาวเกศสุดา เคยชี้แจงต่อผู้รองในชั้นไตสวน ขอเท็จจริงวา นางสาวเกศสุดา มีชื่อถือครองรถยนตและเป็นผู้เชาซื้อรถยนตดังกลาวแทนผู้ถูกกลาวหา เนื่องจากผู้ถูกกลาวหาแจงวาผู้ถูกกลาวหามีประวัติหนี้เสียไม่สามารถทําสัญญาเชาซื้อ และผู้ถูกกลาวหา กับ นางสาวเกศสุดา จะชวยกันผอนชําระ ซึ่งสอดคลองกับขอเท็จจริงที่ผู้ถูกกลาวหาให้ถอยคําปรากฏตามคําชี้แจง ต่อผู้รอง ตามเอกสารหมาย ร.21 หน้า 174 ถึง 178 ที่ระบุวา ผู้ถูกกลาวหากับ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้รวมผอนชําระหนี้คาเชาซื้อ และเจือสมกับขอเท็จจริงที่ปรากฏจากคําเบิกความของ นางสาวคัทลียา ที่ยืนยันวา ผู้ถูกกลาวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพนจากตําแหนงครบ 1 ป ระบุวา ผู้ถูกกลาวหามีรายจายเป็นคาผอนรถยนต เดือนละ 15 , 000 บาท ที่แมจะไม่ระบุชัดวาเป็น คาผอนรถยนตคันใดก็ตาม แต่ยอดเงิน 15 , 000 บาท ที่ผู้ถูกกลาวหาระบุวา เป็นคาผอนรถยนต เป็นจํานวนใกลเคียงกับคางวดเชาซื้อรถยนตตามคํารองในคดีนี้ที่มีคาเชาซื้องวดละ 14 , 619 บาท ้ หนา 23 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
ตามสัญญาเชาซื้อเอกสารหมาย ร.13 ทั้ง นางสาวคัทลียา ยังยืนยันวา นางสาวเกศสุดา ชี้แจงขอเท็จจริง ยอมรับตลอดมาวา นางสาวเกศสุดา ถือครองรถยนตดังกลาวและทําสัญญาเชาซื้อแทน ผู้ถูกกลาวหา ไม่ได้ถือครองแทน นายปญญา และเมื่อฟงประกอบขอเท็จจริงที่วา นายปญญา ไม่เคยแสดงรายการรถยนตและหนี้ ตามสัญญาเชาซื้อดังกลาวต่อผู้รองในการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีรับตําแหนงและพนจาก ตําแหนงนายกเทศมนตรีตําบลตนธง และผู้ถูกกลาวหามีเพียงผู้ถูกกลาวหากับ นายปญญา กลาวอางเพียงวา นางสาวเกศสุดา ถือครองรถยนตดังกลาวและเป็นผู้เชาซื้อแทน นายปญญา มิได้ถือครองแทนตนเอง โดยไม่ปรากฏหลักฐานวา นางสาวเกศสุดา ได้กระทําการใดอันเป็นการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของรถยนต และการขอสินเชื่อเชาซื้อรถยนตดังกลาว ทั้งยังปรากฏวาขออางดังกลาวเป็นขอที่ขัดแยงกับเอกสารบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายปญญา ที่ยื่นต่อผู้รองกรณีเขารับตําแหนงและพนจากตําแหนง อันไม่อาจรับฟงได้วา นายปญญา เป็นเจ้าของรถยนตและผู้ทําสัญญาเชาซื้อรถยนตดังกลาว สวนที่ผู้ถูกกลาวหาอาง นางสาวฉวีวรรณ เขียวธง มาเป็นพยานเบิกความวา นางสาวเกศสุดา และสามีเดินทางไปพบพยานที่บ้าน แจงวารถยนตยี่หอเชฟโรเลต หมายเลขทะเบียน ขม 9483 เชียงใหม มีชื่อ นางสาวเกศสุดา เป็นผู้เชาซื้อแทน นายปญญา แต่ นายปญญา ผู้ใชรถยนต และเจ้าหนี้เชาซื้อทวงถามหนี้คาเชาซื้อ นางสาวฉวีวรรณ จึงรวบรวมเงินจนครบ จํานวน 305 , 921.71 บาท นําไปชําระคาเชาซื้อที่เหลือทั้งหมดแกบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จํากัด เพื่อปดบัญชีตามสัญญาเชาซื้อรถยนตดังกลาวแทน นายปญญา ซึ่งอยู่ในระหวาง รับโทษจําคุกตามที่ นางสาวเกศสุดา รองขอนั้น เห็นวา นางสาวฉวีวรรณ มีความเกี่ยวพันเป็นพี่สาวของ นายปญญา ซึ่งเป็นอดีตสามีของผู้ถูกกลาวหา การรับฟงคําพยานลักษณะเชนนี้ จึงต้องรับฟงด้วยความระมัดระวัง เมื่อปรากฏวา นางสาวฉวีวรรณ เพิ่งมาทราบเหตุและเขาเกี่ยวพันกับรถยนตดังกลาวภายหลังการผิดนัด ไม่ชําระคาเชาซื้อ โดยไม่รูเห็นเกี่ยวกับการเชาซื้อและครอบครองรถยนตดังกลาว ทั้งขออางของ นางสาวฉวีวรรณ ก็ไม่สอดคลองกับพยานเอกสารที่ผู้ถูกกลาวหาและ นายปญญา แสดงไวต่อผู้รองกอนเกิดเหตุคดีนี้ ยอมไม่มีเหตุผลที่จะรับฟง ด้วยพฤติการณแห่งคดีและพยานหลักฐานตามทางไตสวนดังวินิจฉัยมา จึงมีน้ําหนักมั่นคงรับฟงได้วา นางสาวเกศสุดา มีชื่อเป็นผู้ถือครองรถยนตดังกลาวและเป็นผู้ทําสัญญาเชาซื้อ แทนผู้ถูกกลาวหา ดังนั้น ผู้ถูกกลาวหาจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ดังกลาวต่อผู้รอง การที่ผู้ถูกกลาวหาไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการ ดังกลาวต่อผู้รองจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้วา ผู้ถูกกลาวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ้ หนา 24 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
ผู้ถูกกลาวหาจึงมีความผิดตามคํารอง แต่ที่ผู้รองขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใชภายหลังกระทําความผิด และมีผลให้ใชบังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยพระราชบัญญัติดังกลาวยกเลิกพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมาย ที่ใชภายหลังการกระทําความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคํารองเป็นความผิดอยู่ และมีระวางโทษเทาเดิม จึงต้องใชพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใชในขณะกระทําผิด บังคับแกคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง สวนมาตรการบังคับทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณแกผู้ถูกกลาวหา จึงต้องใชพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง บังคับแกคดีนี้ เมื่อขอเท็จจริงรับฟงได้วา ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงรองนายกเทศมนตรีตําบลตนธง อันถือเป็นผู้ดํารงตําแหนง ทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 จึงมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้รองภายในสามสิบวันนับแต่ วันเขารับตําแหนง วันพนจากตําแหนง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ซึ่งเป็นหน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหนง ทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ การที่ผู้ถูกกลาวหาไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน 5 รายการตามคํารอง ผู้ถูกกลาวหาจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รอง ด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ อันมีผลหามมิให้ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนง ทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาหาปนับแต่วันที่ผู้ถูกกลาวหาพนจากตําแหนง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และผู้ถูกกลาวหายังมีความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ในกรณีพนจาก ้ หนา 25 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565
ตําแหนงรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตําบลตนธง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย พิพากษาวา นางสาวอาภาภรณ พุทธปวน ผู้ถูกกลาวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้รองด้วยขอความอันเป็นเท็จหรือปกปดขอเท็จจริงที่ควรแจงให้ทราบ และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพนจากตําแหนง รองนายกเทศมนตรีตําบลตนธง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 , 33 หามมิให้ผู้ถูกกลาวหา ดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือดํารงตําแหนงใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาหาป นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกลาวหาพนจากตําแหนง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8 , 000 บาท ไม่ปรากฏวาผู้ถูกกลาวหาเคยได้รับโทษจําคุกมากอน จึงให้รอการลงโทษจําคุกไว 1 ป หากไม่ชําระคาปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30. นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา นายอธิคม อินทุภูติ นายทรงพล สงวนพงศ นายพงษศักดิ์ กิติสมเกียรติ นางชนากานต ธีรเวชพลกุล นายปุณณะ จงนิมิตรสถาพร นายอรพงษ ศิริกานตนนท นางพฤษภา พนมยันตร นางทัศนีย จั่นสัญชัย ธรรมเกณฑ ้ หนา 26 ่ เลม 139 ตอนที่ 65 ก ราชกิจจานุเบกษา 19 ตุลาคม 2565