คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 17/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายบุญเถิง พิลาลัย ผู้ถูกกล่าวหา]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 17/2565 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายบุญเถิง พิลาลัย ผู้ถูกกล่าวหา]
(อม.33 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 9/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 17/2565 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 18 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2565 คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้รอง นายบุญเถิง พิลาลัย ผู้ถูกกลาวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้รองยื่นคํารองขอให้วินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนตําบลหนองไฮ อําเภอวาปปทุม จังหวัดมหาสารคาม จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินต่อผู้รอง และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮ ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของผู้ถูกกลาวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 , 114 วรรคสอง (1) , 167 และ 188 ผู้ถูกกลาวหาให้การรับสารภาพ พิเคราะหคํารอง ประกอบเอกสารทายคํารอง และคําให้การของผู้ถูกกลาวหาแล้ว ขอเท็จจริง รับฟงได้วา ผู้ถูกกลาวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮ อําเภอวาปปทุม จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ 2555 และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ ระหวาง ้ หนา 24 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
4 กันยายน 2561 ผู้ถูกกลาวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รองกรณีเขารับตําแหนงแล้ว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 และมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รอง กรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮ แต่ผู้ถูกกลาวหามิได้ยื่น ผู้รองมีหนังสือ แจงเตือนให้ผู้ถูกกลาวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินแล้ว ผู้ถูกกลาวหาเพิกเฉย ต่อมาผู้รอง มีหนังสือแจงขอกลาวหาและให้ผู้ถูกกลาวหาชี้แจงขอเท็จจริง ผู้ถูกกลาวหาแจงความประสงคขอชี้แจง ขอกลาวหาภายในวันที่ 29 พฤษภาคม 2564 แต่เมื่อถึงกําหนดดังกลาวผู้ถูกกลาวหามิได้ชี้แจง ขอกลาวหา แต่อยางใด มีปญหาต้องวินิจฉัยวา ผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รอง และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพนจากตําแหนง รองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮหรือไม่ เห็นวา ผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงรองนายกองคการบริหาร สวนตําบลหนองไฮ และพนจากตําแหนงเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใชบังคับแล้ว ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 อยางไรก็ดี ในชวงเวลาที่ผู้ถูกกลาวหาพนจากตําแหนง ยังมิได้มีประกาศ คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติดังกลาว เพื่อกําหนดตําแหนงผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินใชบังคับ จึงต้องใชประกาศคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหนงผู้บริหารทองถิ่น รองผู้บริหารทองถิ่น ผู้ชวยผู้บริหารทองถิ่น และสมาชิกสภาทองถิ่น ขององคกรปกครองสวนทองถิ่นเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พ.ศ. 2554 และประกาศคณะกรรมการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหนงผู้บริหารทองถิ่น รองผู้บริหารทองถิ่น ผู้ชวยผู้บริหารทองถิ่น และสมาชิกสภาทองถิ่นขององคกรปกครองสวนทองถิ่น เป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 บังคับแกคดี ทั้งนี้ ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 188 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อผู้ถูกกลาวหาดํารงตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนตําบลตามที่ระบุไวในประกาศคณะกรรมการปองกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดังกลาว ผู้ถูกกลาวหาจึงเป็นรองผู้บริหารทองถิ่นและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ้ หนา 25 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 ผู้ถูกกลาวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้รองกรณีเขารับตําแหนงและกรณีพนจากตําแหนงภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รองเป็นหน้าที่สําคัญ ของรองผู้บริหารทองถิ่นที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อปองปรามผู้ใชอํานาจรัฐโดยมิชอบ ทั้งผู้ถูกกลาวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รอง กรณีเขารับตําแหนงแล้ว ถือได้วาผู้ถูกกลาวหาทราบถึงรายละเอียดและที่มาแห่งทรัพย์สินของตนเป็นอยางดี เมื่อผู้ถูกกลาวหาไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพนจากตําแหนงไว ประกอบกับผู้ถูกกลาวหา ให้การรับสารภาพ พฤติการณมีเหตุอันควรเชื่อได้วาผู้ถูกกลาวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สิน จึงฟงได้วา ผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รองกรณีพนจากตําแหนง รองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮ มีผลให้ผู้ถูกกลาวหาต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกลาวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้รอง และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ด้วย พิพากษาวา นายบุญเถิง พิลาลัย ผู้ถูกกลาวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้รอง และมีพฤติการณอันควรเชื่อได้วามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพนจากตําแหนงรองนายกองคการบริหารสวนตําบลหนองไฮ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกลาวหาตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จําคุก 2 เดือน ้ หนา 26 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
และปรับ 8 , 000 บาท ผู้ถูกกลาวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชนแกการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4 , 000 บาท ไม่ปรากฏวาผู้ถูกกลาวหาเคยได้รับโทษจําคุกมากอน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไวมีกําหนด 1 ป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระคาปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30. นายภพพิสิษฐ สุขะพิสิษฐ นายจักรกฤษณ อนันตสุชาติกุล นายสุพิศ ปราณีตพลกรัง นายขจรศักดิ์ บุญเกษม นายพงษธร จันทร์อุดม นายกมล คําเพ็ญ นางจรรยา จีระเรืองรัตนา นายธนสิทธิ์ นิลกําแหง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ ้ หนา 27 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565