คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต [คดีหมายเลขดำที่ อม. 19/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 15/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ จำเลย]
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต [คดีหมายเลขดำที่ อม. 19/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 15/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ จำเลย]
(อม.33 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 19/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 15/2565 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 3 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2565 อัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต พรพงษาโรจน จําเลย เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต โจทก์ฟ้องวา จําเลยดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบงเขตเลือกตั้งที่ 7 (บางซื่อ – ดุสิต) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ มีหน้าที่และอํานาจ เกี่ยวกับการเสนอและพิจารณารางพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รางพระราชบัญญัติตาง ๆ การควบคุมการบริหารราชการแผนดินโดยการตั้งกระทูถาม การเปดอภิปรายทั่วไป การตั้งกรรมาธิการ การเขาชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและผู้ดํารงตําแหนงในองคกรอิสระ การให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งบุคคลให้ดํารงตําแหนงนายกรัฐมนตรีและการแกไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 เวลากลางวัน จําเลยลงชื่อเขารวมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจําปครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งมีการพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … โดยไม่ได้ลาประชุม แต่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมระหวางเวลาประมาณ 13.30 ถึง 15 นาฬิกา จําเลย ระหวาง ้ หนา 9 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสแสดงตนและลงมติของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือบัตรของจําเลย อยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นโดยความยินยอมของจําเลย เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รายนั้นใชบัตรของจําเลยกดปุมแสดงตนและลงมติแทนจําเลยในการพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 เวลา 13.41 นาฬิกา และวาระที่ 3 เวลา 14.01 นาฬิกา โดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชนเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณที่รูเห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่น ใชตําแหนงหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชนโดยมิชอบจากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน ทั้งที่ทราบดีวา สมาชิกคนหนึ่งยอมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนนซึ่งการออกเสียงลงคะแนนจะกระทําแทนกันมิได้ สงผลให้การออกเสียงลงคะแนนในการประชุมเพื่อพิจารณารางพระราชบัญญัติดังกลาวไม่เป็นตามเจตนารมณ ที่แทจริงของผู้แทนปวงชนชาวไทยและถือเป็นมติที่มิชอบ อันเป็นการกระทําโดยไม่ชอบด้วยบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และขอบังคับที่เกี่ยวของเป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรปวงชนชาวไทยผู้เป็น เจ้าของอํานาจอธิปไตย รวมทั้งกระบวนการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จําเลยให้การปฏิเสธ พิเคราะหแล้ว การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองใชระบบไตสวนซึ่งศาล เป็นผู้คนหาความจริงไม่วาจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยนําสํานวนการไตสวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชนแห่งความยุติธรรมให้ศาลมีอํานาจ ไตสวนหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ตามมาตรา 6 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พ.ศ. 2560 เชนนี้ โจทก์จึงไม่มีภาระพิสูจนถึงการกระทําความผิดและเจตนาของจําเลยดังที่จําเลยแถลงปดคดี แต่เป็นหน้าที่ และอํานาจของศาลที่จะไตสวนคนหาความจริงแล้วใชดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานทั้งปวงวา ความจริงรับฟงได้หรือไม่วาจําเลยเป็นผู้กระทําความผิดตามฟ้อง เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานตามทางไตสวน ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง ประกอบสํานวนการไตสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และแถลงปดคดีของจําเลยแล้ว ขอเท็จจริงรับฟงเป็นยุติวา จําเลยดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบงเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 7 (บางซื่อ – ดุสิต) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหนง ้ หนา 10 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
ทางการเมืองและเจ้าพนักงานของรัฐ มีหน้าที่และอํานาจเกี่ยวกับการเสนอและพิจารณารางพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ รางพระราชบัญญัติตาง ๆ การควบคุมการบริหารราชการแผนดินโดยตั้งกระทูถาม การเปดอภิปรายทั่วไป การตั้งกรรมาธิการ การเขาชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและผู้ดํารงตําแหนง ในองคกรอิสระ การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้ดํารงตําแหนงนายกรัฐมนตรี และการแกไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา สภาผู้แทนราษฎรประชุมสมัยสามัญประจําปครั้งที่หนึ่ง ที่หองประชุมใหญวุฒิสภา (หองจันทรา) อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ชั้น 2 ซึ่งมีที่นั่งและชองเสียบบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสไม่เพียงพอ ต่อการใชงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 500 คน จําเลยลงลายมือชื่อเขารวมประชุมด้วย โดยไม่ได้ลาประชุม ต่อมากอนเวลา 13.41 นาฬิกา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณารางพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … โดยพิจารณา 3 วาระ วาระที่ 1 รับหลักการ ที่ประชุมลงมติ เวลา 13.41 นาฬิกา โดยมีการนําบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปใชลงมติ ลําดับที่ 143 เลขที่บัตร 150 ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 489 เอกสารหมาย จ. 11 วาระที่ 2 มีการตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา และวาระที่ 3 ที่ประชุมลงมติ เวลา 14.01 นาฬิกา โดยมีการนําบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปใชลงมติ ลําดับที่ 143 เลขที่บัตร 150 ตามรายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 513 เอกสารหมาย จ. 11 ต่อมาเวลา 14.34 นาฬิกา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณารางขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … เวลา 15.05 นาฬิกา มีการตรวจสอบองคประชุมแต่จําเลยไม่ได้แสดงตน ตามรายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 624 ถึง 636 เอกสารหมาย จ. 11 เวลา 15.09 นาฬิกา ที่ประชุมลงมติรางขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … ขอ 3 โดยจําเลยเป็นผู้ลงมติลําดับที่ 131 เลขที่บัตร 150 ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 643 เอกสารหมาย จ. 11 หลังจากนั้น จําเลยใชบัตรอิเล็กทรอนิกสแสดงตน และลงมติรางขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … อีกหลายครั้ง ตามรายงานการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 669 หน้า 683 หน้า 746 หน้า 761 หน้า 781 และหน้า 796 เอกสารหมาย จ. 11 ครั้นเวลา 17.50 นาฬิกา ประธานสั่งเลิกประชุม ซึ่งวันเดียวกันนั้น เวลา 13 นาฬิกา ถึง 15 นาฬิกา มีการจัดงานเสวนาแบงปนความรูบทบาทแมยุคดิจิทัล ้ หนา 11 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
ที่หองประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรูให้กับแมและเด็กในชุมชน หัวขอเรื่อง การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล โดยมีจําเลย พันเอก อดิสรณ ลําเพาพงศ และ นางสาวทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เป็นวิทยากร ซึ่งระหวางประชุมสภาผู้แทนราษฎรจําเลยออกจากหองประชุมไปรวมงานเสวนา ดังกลาวด้วย ปญหาต้องวินิจฉัยมีวาจําเลยกระทําความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นสมควรวินิจฉัยตามลําดับ ในปญหาขอแรกวา จําเลยรวมประชุมและลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาล ที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 หรือไม่ ทางไตสวน พันเอก อดิสรณ เบิกความวา พยานเดินทาง ไปถึงสถานที่จัดงานเวลา 12.29 นาฬิกา ตามที่ Google Map สวนตัวบันทึกไว เมื่อถึงเวลา 13 นาฬิกา งานยังไม่เริ่มเนื่องจากมีคนแจงวาจําเลยจะมาชา หลังจากนั้น อีกสักพักจําเลยมาถึงงานและพูดคุยเตรียมงาน กอนขึ้นเวทีเสวนา เมื่อเตรียมตัวเสร็จเวลา 13.30 นาฬิกา พิธีกรเชิญขึ้นเวทีเสวนาแล้วมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนกันใชเวลาเกินกวา 30 นาที แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้น พยาน จําเลย และ นางสาวทักษอร ถายรูปรวมกันบนเวทีและถายรูปรวมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่มารวมงานด้วย พยานออกจาก สถานที่จัดงานเวลา 15 นาฬิกา ซึ่งคําเบิกความดังกลาวตรงกับขอมูลในแอปพลิเคชัน Google Map เอกสารหมาย จ. 16 แผนที่ 824 ที่ระบุวา พันเอก อดิสรณ อยู่ที่อาคารจัดงานเสวนาชวงเวลา 12.29 ถึง 15 นาฬิกา ทั้งจําเลยเบิกความรับวา จําเลยอยู่ในงานเสวนานานประมาณ 30 นาที โดยพูดชักชวน ให้ผู้เขารวมงานเสวนาเขาใจการมีสวนรวมของชุมชน บทบาทของสตรีในทุกชวงวัย ความสําคัญของการปรับตัว ให้เขากับยุคดิจิทัล รวมถายรูปและแจกของที่ระลึก สอดคลองกับคําเบิกความของ พันเอก อดิสรณ และ นางสาวอัจฉรา ชินนิยมพาณิชย ผู้จัดงานโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรูให้กับแม และเด็กในชุมชน เบิกความวา จําเลยมาถึงงานเสวนาหลังเวลา 13.30 นาฬิกา จําเลยอยู่ที่งานเสวนา นานประมาณ 20 นาที โดยลงจากเวทีประมาณ 14 นาฬิกา บงชี้ให้เห็นวาจําเลยขึ้นเวทีเสวนา กับ พันเอก อดิสรณ และ นางสาวทักษอร เมื่อเสวนาเสร็จแล้วจําเลยรวมถายรูปและแจกของที่ระลึก เชนนี้ แมทางไตสวนไม่ปรากฏขอเท็จจริงถึงเวลาแนนอนที่จําเลยไปรวมงานงานเสวนาแบงปนความรูบทบาทแม ยุคดิจิทัลและออกจากงานเสวนาก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาระยะเวลาตั้งแต่จําเลยมาถึงงานเสวนาและเสวนา อยู่บนเวทีจนถึงเวลาที่จําเลยลงจากเวทีดังกลาวขางตน ประกอบกับรายงานประจําวันรับแจงเป็นหลักฐาน ้ หนา 12 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
เอกสารหมาย ล. 19 ที่จําเลยแจงต่อ รอยตํารวจเอก ชัชวาลย นิยมชาติ พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลบางโพ วา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 มีผลการแสดงตนและลงมติในวาระที่ 1 เวลา 13.41 นาฬิกา และวาระที่ 3 เวลา 14.01 นาฬิกา เป็นชื่อจําเลย การประชุมเพื่อพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … จําเลยมิได้เป็นผู้กดปุมแสดงตนและลงมติดังกลาวเพราะจําเลยเรงรีบออกไป รวมงานเสวนาเนื่องจากลวงเลยกําหนดเวลาการจัดงานและถูกติดตามตัวแล้ว เชื่อวาชวงเวลา 13.41 นาฬิกา ถึงเวลา 14.01 นาฬิกา จําเลยรวมงานเสวนาแบงปนความรูบทบาทแมยุคดิจิทัล ที่หองประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรูให้กับแมและเด็กในชุมชน หัวขอเรื่อง การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล แล้วรวมถายรูปและแจกของที่ระลึก ที่จําเลยเบิกความอางวา จําเลยจํารายละเอียดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันเกิดเหตุไม่ได้เพราะระยะเวลาผานมานานแล้ว และจําเวลาที่ออกจากงานเสวนาไม่ได้นั้น เป็นการงายต่อการกลาวอางจึงรับฟงเป็นความจริงไม่ได้ ขอเท็จจริงฟงได้วา จําเลยไม่ได้รวมประชุมและลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ปญหาขอต่อไปมีวา ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสในการลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 มีความผิดพลาดหรือบกพรองหรือไม่ ทางไตสวน นายชัยรัตน์ ทาริยา นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชํานาญการพิเศษ กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณ สํานักงานประชาสัมพันธ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระบบเสียงและระบบลงคะแนนการประชุม สภาผู้แทนราษฎรและการประชุมรวมกันของรัฐสภา เบิกความวา ระบบลงคะแน นอิเล็กทรอนิกส ภายในหองประชุมรัฐสภาเป็นระบบลงคะแนนแบบดิจิทัลที่ต้องใชการทํางานรวมกันระหวางระบบ Hardware ได้แก เครื่องอานบัตรอิเล็กทรอนิกส แผงปุมลงคะแนน กับระบบ Software ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมคําสั่งคอมพิวเตอร ในการเปดปดการลงคะแนน การคํานวณและประมวลผลคะแนนโดยมีบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส หรือ Chip Card ที่บรรจุฐานขอมูล หมายเลขประจําตัว ชื่อ - สกุล พรรคสังกัดของผู้เขารวมประชุม ซึ่งเป็นฐานขอมูลเดียวกันกับระบบฐานขอมูลกลางของชุดโปรแกรมคอมพิวเตอรบริหารจัดการเป็นสื่อกลาง ในการสื่อสารรับสงขอมูลระหวางระบบ Hardware และ Software ซึ่งขั้นตอนการทํางานระบบการแสดงตน ประธานสั่งให้แสดงตนเพื่อตรวจสอบจํานวนผู้เขารวมประชุม/เสียบบัตร/แสดงผลจํานวนผู้เขารวมประชุม ้ หนา 13 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
และขั้นตอนการทํางานระบบการลงคะแนน ประธานสั่งให้สมาชิกลงคะแนนเสียง/เสียบบัตร/กดปุม แสดงตน(อีกครั้ง)/กดปุมเพื่อลงมติเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย งดออกเสียง (สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลง มติของตนเองได้)/ประธานสั่งปดการลงคะแนนเสียง/แสดงผลการลงคะแนนเสียง/รายงานผลมติ เมื่อประธานที่ประชุมแจงปดการลงมติ เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมระบบปดโปรแกรมฟงกชั่นการลงมติพรอมทั้ง เขาฟงกชั่นการแสดงผลการลงคะแนนผานระบบจอแสดงภาพภายในหองประชุมและพิมพตนฉบับ เอกสารรายงานการลงมติของระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสให้เจ้าหน้าที่ของสํานักรายงานการประชุมและชวเลข ดําเนินการต่อไป ซึ่งเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจสอบองคประชุมและการลงมติของที่ประชุมสภา เมื่อลงมติจบแต่ละครั้งหรือแต่ละมาตรา ระบบเครื่องลงคะแนนจะมีการลางขอมูล โดยระบบ Software จะเปดและปด ขอมูลเกาจะไม่คางในระบบ กลาวคือ เมื่อประธานในที่ประชุมเปดให้แสดงตนและสั่งให้ปด การแสดงตน ระบบแสดงตนก็จะปดโดยระบบจะประมวลผลสงผลไปยังหน้าจอ จากนั้น จะเริ่มการลงมติต่อไป ( Start Vote) ซึ่งการกด Start Vote แต่ละครั้งจะทําให้ผลใด ๆ กอนหน้าจะลางขอมูลออกทันที โดยสรุปการทํางานของเครื่องลงคะแนนเกิดจากระบบ Software กลาวคือ ระบบควบคุมเปดและปด ของเจ้าหน้าที่ที่จะเปดปดตามคําสั่งของประธานในที่ประชุม สวนระบบ Hardware คือ เครื่องลงคะแนน และบัตรลงคะแนน เป็นการดําเนินการของสมาชิกแต่ละคน โดยหากยังไม่เปดระบบ Software ตามคําสั่งของประธานในที่ประชุม ระบบ Hardware ก็ไม่สามารถใชงานและประมวลผลได้ แต่สามารถใชได้เฉพาะระบบไมโครโฟนในการอภิปรายเทานั้น แมเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกสหรือกดปุมใด ในขณะที่ยังไม่เปดระบบ Software ก็จะไม่มีการประมวลผลการแสดงตนและลงมติ กอนประชุมสภาทุกครั้ง เจ้าหน้าที่กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณรวมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ติดตั้งจะต้องตรวจสอบการทํางานของระบบ ทั้ง Software และ Hardware กลาวคือ ตรวจสอบทุกฟงกชั่นของระบบ Software และเครื่องลงคะแนน ทุกเครื่อง ระบบไมโครโฟน ไฟสถานะของเครื่องอานบัตร โดยใชบัตรฐานขอมูลทดสอบที่ไม่ใชฐานขอมูล ของสมาชิก (Hardware) ให้อยู่ในสภาพใชงานได้รอยละรอย ซึ่งการตรวจสอบทุกครั้งอุปกรณทุกหนวย ทั้งบนบัลลังกและแถวที่นั่งของสมาชิกไม่เคยมีปญหาของระบบ นายชัยรัตน์ มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับ การควบคุมระบบเสียงและระบบลงคะแนนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเบิกความตามขอเท็จจริงที่ตนรูเห็น จากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ คําเบิกความของ นายชัยรัตน์ จึงมีน้ําหนักรับฟงเป็นความจริงได้ เมื่อพิจารณาประกอบขอเท็จจริงการแสดงตนและลงมติการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของจําเลยกอน ้ หนา 14 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
และหลังพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ตามรายงานการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 เอกสารหมาย จ. 11 ที่ไม่ปรากฏวาการแสดงตน และลงมติของจําเลยมีความผิดพลาดหรือบกพรองเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสหรือจําเลย ได้ทักทวงเกี่ยวกับการใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยในการแสดงตนและลงมติ แต่อยางใด และขอเท็จจริง ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 เอกสารหมาย จ. 11 ได้ความวา วันเกิดเหตุสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแจงเหตุขัดของในการแสดงตนและประมวลผล ต่อประธานในที่ประชุม ได้แก เครื่องเสียบบัตรคางกดลงคะแนนแล้ว แต่เครื่องเสียบบัตรขึ้นสถานะวา ยังไม่ได้ลงคะแนน เสียบบัตรอิเล็กทรอนิกสแสดงตนแล้ว แต่เครื่องเสียบบัตรแสดงสถานะวาบัตรใชไม่ได้ กดออกเสียงลงคะแนนวาเห็นด้วย แต่เครื่องเสียบบัตรแจงวางดออกเสียง ซึ่งเหตุขัดของดังกลาวแสดงให้เห็นได้วา ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสทํางานครบถวนทุกขั้นตอนแล้ว แต่อาจเกิดความผิดพลาดหรือบกพรอง ของการประมวลผลเทานั้น ทั้งความผิดพลาดหรือบกพรองดังกลาวเกิดขึ้นขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ในหองประชุมได้ใชบัตรอิเล็กทรอนิกสและทักทวงทันทีที่พบขอผิดพลาดหรือบกพรองนั้น ทําให้ขออาง ที่ปรากฏตามทางไตสวนของจําเลยเกี่ยวกับความผิดพลาดหรือบกพรองของระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส รับฟงเป็นความจริงไม่ได้ ขอเท็จจริงฟงได้วา ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสในการลงมติรางพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ไม่มีความผิดพลาดหรือบกพรอง ปญหาขอต่อไปมีวา จําเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยแสดงตนและลงมติ รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจําเลยหรือไม่ เห็นวา แมหองประชุมใหญวุฒิสภา (หองจันทรา) อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ชั้น 2มีที่นั่งและชองเสียบบัตร ลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสไม่เพียงพอต่อการใชงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 500 คนก็ตาม แต่ขอเท็จจริงได้ความจากคําเบิกความของ นายชัยรัตน์ วา เมื่อสมาชิกใชบัตรอิเล็กทรอนิกสลงมติเขากับ เครื่องอานบัตรเครื่องใดแล้วสามารถดึงบัตรหนวยนั้นออกจากเครื่องอานบัตรได้ โดยเผื่อเวลาการสงขอมูล ไปยังระบบคอมพิวเตอรประมาณ 2 ถึง 5 วินาที เนื่องจากระบบเครื่องอานบัตรอิเล็กทรอนิกส ภายในหองประชุมรัฐสภา มีจํานวนหลายรอยหนวยจึงต้องใชเวลารับสงขอมูลระหวางเครื่องอานบัตรอิเล็กทรอนิกส ้ หนา 15 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
แต่ละหนวยกับระบบประมวลผลสวนกลาง ขอมูลที่ลงมติจะเขาสูฟงกชั่นการคํานวณและประมวลผลคะแนน ของระบบคอมพิวเตอรสั่งการโดยอัตโนมัติและขอมูลจะไม่สูญหาย สมาชิกยังสามารถใชบัตรอิเล็กทรอนิกส หนวยอื่นมาเสียบและกดลงมติในเครื่องอานบัตรเครื่องเดิมได้ทันที โดยระบบจะคํานวณและประมวลผล ขอมูลของบัตรที่สมาชิกเสียบและกดปุมลงคะแนนเขามาใหมโดยอัตโนมัติ เชนนี้ ระหวางที่ประธานในที่ประชุม ยังไม่ได้สั่งปดการลงคะแนน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยอมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันใชชองเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส ลงคะแนนเสียงได้ ซึ่งเป็นชองทางให้ นําบัตรอิเล็กทรอนิกสของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น มาลงคะแนนเสียงได้โดยงายและไม่มีผู้ใดรูเห็น เมื่อพิจารณาประกอบขอเท็จจริงที่วาระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส จะปรากฏชื่อจําเลยแสดงตนและลงคะแนนเมื่อมีการเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยเขาเครื่องเสียบบัตร อิเล็กทรอนิกสกอนแล้ว จึงเชื่อวา ขณะที่มีการลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 นั้น บัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยต้องอยู่ในหองประชุมใหญวุฒิสภา (หองจันทรา) ทั้งทางไตสวนที่จําเลยอางวา จําเลยจําไม่ได้วาขณะที่จําเลยไปรวมเสวนานั้น บัตรอิเล็กทรอนิกส ของจําเลยอยู่ที่ใด จําเลยจําไม่ได้วาลืมบัตรอิเล็กทรอนิกสและเบิกบัตรสํารองหรือไม่ จําไม่ได้วาเมื่อกลับจาก งานเสวนาพบบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยที่ใดและบัตรอิเล็กทรอนิกสเป็นบัตรชั่วคราวที่ไม่มีรูปและพิมพชื่อที่ชัดเจน ทําให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นอาจนําไปใชโดยหลงผิดนั้น เป็นการเลื่อนลอยไม่มีน้ําหนักรับฟง เป็นความจริงได้ และที่จําเลยอางวาจําเลยไม่จําต้องฝากบัตรอิเล็กทรอกนิกสเพื่อลงมติให้รางพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ผานความเห็นชอบนั้น เห็นวา ขอเท็จจริงได้ความจากคําเบิกความ นายวิเชียร ชวลิต ผู้ควบคุมเสียงฝ่ายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 วา รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … เป็นรางพระราชบัญญัติสําคัญที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องให้ความเห็นชอบ และจําเลยเบิกความวา รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … เป็นรางกฎหมาย ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนาจะต้องเห็นชอบทั้งหมด แต่จําเลยกลับไม่อยู่ในที่ประชุมเพื่อลงมติรางพระราชบัญญัติ ดังกลาว แสดงถึงการไม่ให้ความสําคัญต่อรางพระราชบัญญัตินั้นซึ่งเป็นรางกฎหมายที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องเห็นชอบอันเป็นการขัดแยงกันในตัวเอง จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้วาจําเลยต้องการแสดงให้เห็นวา จําเลยลงมติเห็นชอบรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ด้วย ขออางของจําเลยดังกลาว รับฟงเป็นความจริงไม่ได้เชนกัน ดังนี้ เมื่อจําเลยไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรขณะที่มีการลงมติ รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระ ที่ 1 และวาระที่ 3 แต่มีการนํา ้ หนา 16 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
บัตรอิเล็กทรอกนิกสของจําเลยไปใชลงมติ ประกอบกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสไม่มีความผิดพลาด หรือบกพรอง และชองเสียบบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสที่ไม่เพียงพอต่อการใชงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นชองทางให้สามารถนําบัตรอิเล็กทรอนิกสของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นมาลงมติได้ดังวินิจฉัย ขางตนแล้ว แมทางไตสวนไม่ปรากฏขอเท็จจริงวาจําเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยก็ตาม แต่พฤติการณดังกลาว ขางตน ทําให้ขอเท็จจริงฟงได้วา จําเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยแสดงตนและลงมติ รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจําเลย ปญหาขอต่อไปมีวา การกระทําของจําเลยเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเวนการปฏิบัติอยางใดในตําแหนงหรือหน้าที่หรือใชอํานาจในตําแหนงหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ เห็นวา การออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณารางพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นสิทธิเฉพาะตัว ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเขาประชุมและอยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีการออกเสียงลงคะแนนเทานั้น การกระทําใดเพื่อให้มีการออกเสียงลงคะแนนแทนกันจึงเป็นการขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 120 วรรคสาม ที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน และไม่ชอบด้วยขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ขอ 72 วรรคสาม ที่กําหนดวา การออกเสียงลงคะแนนจะกระทําแทนกันไม่ได้ อันเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต มีผลทําให้ การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้น ไม่เป็นไปตามเจตนารมณที่แทจริง ของผู้แทนปวงชนชาวไทย การกระทําของจําเลยจึงกอให้เกิดความเสียหายแกประชาชนและสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นองคกรที่ทําหน้าที่นิติบัญญัติแล้ว แมจะไม่ทําให้กระบวนการตรากฎหมายเสียไป สวนที่จําเลย มีเอกสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนนโดยเด็ดขาดผู้ใดจะนําไปเป็นเหตุฟ้องรองวากลาวจําเลย ในทางใด ๆ มิได้นั้น การใชเอกสิทธิ์ดังกลาวยอมต้องชอบด้วยขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ้ หนา 17 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
และอยู่ภายใตคําปฏิญาณวาตนจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตยสุจริตด้วย ทั้งเอกสิทธิ์ดังกลาวมิได้หมายความรวมถึง กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายให้ผู้อื่นลงมติแทนตนได้ เพราะจะเป็นการใชเอกสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยให้ความคุมครองมากระทําการละเมิดหรือฝาฝนต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยเสียเอง องคคณะเสียงเอกฉันทเห็นวา การกระทําของจําเลยเป็นความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติอยางใดในตําแหนงหรือหน้าที่ หรือใชอํานาจ ในตําแหนงหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด และองคคณะเสียงขางมาก เห็นวา การที่จําเลยซึ่งมีหน้าที่พิจารณารางพระราชบัญญัติตาง ๆ แต่กลับฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส ของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกส ของจําเลยแสดงตนและลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจําเลย ดังวินิจฉัยขางตน เป็นผลให้รางพระราชบัญญัติดังกลาวผานการพิจารณา ของสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีที่จําเลยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนเป็นชองทางใน การแสวงหาประโยชนอันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเอง ถือได้วาเป็นปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริตแล้ว การกระทําของจําเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริตด้วย ดังนี้ จําเลยจึงกระทําความผิดตามฟ้อง อยางไรก็ตาม องคคณะเสียงขางมาก เห็นวา มูลเหตุที่ทําให้จําเลยกระทําความผิดครั้งนี้เกิดจากจําเลยต้องไปเป็นวิทยากรในงานเสวนาแบงปนความรู บทบาทแมยุคดิจิทัลที่หองประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรู ให้กับแมและเด็กในชุมชน หัวขอเรื่อง การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล ที่จัดขึ้นในชวงเวลาเดียวกับ ที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ซึ่งเป็นกฎหมายที่สําคัญ ประกอบกับรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ประกาศใชบังคับเป็นกฎหมายแล้ว พฤติการณแห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่รายแรงมากนัก เมื่อไม่ปรากฏวาจําเลยเคยกระทําผิดหรือได้รับโทษจําคุกมากอน กรณีมีเหตุสมควรปรานีแกจําเลยเพื่อให้โอกาสจําเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป แต่เพื่อให้จําเลย หลาบจํา เห็นควรลงโทษปรับจําเลยในสถานหนัก ้ หนา 18 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565
พิพากษาวา จําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จําคุก 1 ป และปรับ 200 , 000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว 2 ป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจําเลยไม่ชําระคาปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 กรณีต้องกักขังแทนคาปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ป นายโชติวัฒน เหลืองประเสริฐ นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายเทพ อิงคสิทธิ์ นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ นายภพพิสิษฐ สุขะพิสิษฐ นายประทีป อาววิจิตรกุล นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง นายอุดม วัตตธรรม นายชลิต กฐินะสมิต ้ หนา 19 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565