Wed Oct 05 2022 00:00:00 GMT+0000 (Coordinated Universal Time)

คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต [คดีหมายเลขดำที่ อม. 19/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 15/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ จำเลย]


คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต [คดีหมายเลขดำที่ อม. 19/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 15/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ จำเลย]

(อม.33 ) คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ อม. 19/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 15/2565 ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง วันที่ 3 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2565 อัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต พรพงษาโรจน จําเลย เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต โจทก์ฟ้องวา จําเลยดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบงเขตเลือกตั้งที่ 7 (บางซื่อ – ดุสิต) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ มีหน้าที่และอํานาจ เกี่ยวกับการเสนอและพิจารณารางพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รางพระราชบัญญัติตาง ๆ การควบคุมการบริหารราชการแผนดินโดยการตั้งกระทูถาม การเปดอภิปรายทั่วไป การตั้งกรรมาธิการ การเขาชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและผู้ดํารงตําแหนงในองคกรอิสระ การให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งบุคคลให้ดํารงตําแหนงนายกรัฐมนตรีและการแกไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 เวลากลางวัน จําเลยลงชื่อเขารวมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจําปครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งมีการพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … โดยไม่ได้ลาประชุม แต่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมระหวางเวลาประมาณ 13.30 ถึง 15 นาฬิกา จําเลย ระหวาง ้ หนา 9 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสแสดงตนและลงมติของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือบัตรของจําเลย อยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นโดยความยินยอมของจําเลย เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รายนั้นใชบัตรของจําเลยกดปุมแสดงตนและลงมติแทนจําเลยในการพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 เวลา 13.41 นาฬิกา และวาระที่ 3 เวลา 14.01 นาฬิกา โดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชนเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณที่รูเห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่น ใชตําแหนงหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชนโดยมิชอบจากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน ทั้งที่ทราบดีวา สมาชิกคนหนึ่งยอมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนนซึ่งการออกเสียงลงคะแนนจะกระทําแทนกันมิได้ สงผลให้การออกเสียงลงคะแนนในการประชุมเพื่อพิจารณารางพระราชบัญญัติดังกลาวไม่เป็นตามเจตนารมณ ที่แทจริงของผู้แทนปวงชนชาวไทยและถือเป็นมติที่มิชอบ อันเป็นการกระทําโดยไม่ชอบด้วยบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และขอบังคับที่เกี่ยวของเป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรปวงชนชาวไทยผู้เป็น เจ้าของอํานาจอธิปไตย รวมทั้งกระบวนการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จําเลยให้การปฏิเสธ พิเคราะหแล้ว การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองใชระบบไตสวนซึ่งศาล เป็นผู้คนหาความจริงไม่วาจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยนําสํานวนการไตสวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชนแห่งความยุติธรรมให้ศาลมีอํานาจ ไตสวนหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ตามมาตรา 6 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง พ.ศ. 2560 เชนนี้ โจทก์จึงไม่มีภาระพิสูจนถึงการกระทําความผิดและเจตนาของจําเลยดังที่จําเลยแถลงปดคดี แต่เป็นหน้าที่ และอํานาจของศาลที่จะไตสวนคนหาความจริงแล้วใชดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานทั้งปวงวา ความจริงรับฟงได้หรือไม่วาจําเลยเป็นผู้กระทําความผิดตามฟ้อง เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานตามทางไตสวน ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนงทางการเมือง ประกอบสํานวนการไตสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และแถลงปดคดีของจําเลยแล้ว ขอเท็จจริงรับฟงเป็นยุติวา จําเลยดํารงตําแหนงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบงเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 7 (บางซื่อ – ดุสิต) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหนง ้ หนา 10 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

ทางการเมืองและเจ้าพนักงานของรัฐ มีหน้าที่และอํานาจเกี่ยวกับการเสนอและพิจารณารางพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ รางพระราชบัญญัติตาง ๆ การควบคุมการบริหารราชการแผนดินโดยตั้งกระทูถาม การเปดอภิปรายทั่วไป การตั้งกรรมาธิการ การเขาชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหนงทางการเมืองและผู้ดํารงตําแหนง ในองคกรอิสระ การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้ดํารงตําแหนงนายกรัฐมนตรี และการแกไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา สภาผู้แทนราษฎรประชุมสมัยสามัญประจําปครั้งที่หนึ่ง ที่หองประชุมใหญวุฒิสภา (หองจันทรา) อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ชั้น 2 ซึ่งมีที่นั่งและชองเสียบบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสไม่เพียงพอ ต่อการใชงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 500 คน จําเลยลงลายมือชื่อเขารวมประชุมด้วย โดยไม่ได้ลาประชุม ต่อมากอนเวลา 13.41 นาฬิกา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณารางพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … โดยพิจารณา 3 วาระ วาระที่ 1 รับหลักการ ที่ประชุมลงมติ เวลา 13.41 นาฬิกา โดยมีการนําบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปใชลงมติ ลําดับที่ 143 เลขที่บัตร 150 ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 489 เอกสารหมาย จ. 11 วาระที่ 2 มีการตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา และวาระที่ 3 ที่ประชุมลงมติ เวลา 14.01 นาฬิกา โดยมีการนําบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปใชลงมติ ลําดับที่ 143 เลขที่บัตร 150 ตามรายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 513 เอกสารหมาย จ. 11 ต่อมาเวลา 14.34 นาฬิกา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณารางขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … เวลา 15.05 นาฬิกา มีการตรวจสอบองคประชุมแต่จําเลยไม่ได้แสดงตน ตามรายงาน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 624 ถึง 636 เอกสารหมาย จ. 11 เวลา 15.09 นาฬิกา ที่ประชุมลงมติรางขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … ขอ 3 โดยจําเลยเป็นผู้ลงมติลําดับที่ 131 เลขที่บัตร 150 ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 643 เอกสารหมาย จ. 11 หลังจากนั้น จําเลยใชบัตรอิเล็กทรอนิกสแสดงตน และลงมติรางขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … อีกหลายครั้ง ตามรายงานการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 หน้า 669 หน้า 683 หน้า 746 หน้า 761 หน้า 781 และหน้า 796 เอกสารหมาย จ. 11 ครั้นเวลา 17.50 นาฬิกา ประธานสั่งเลิกประชุม ซึ่งวันเดียวกันนั้น เวลา 13 นาฬิกา ถึง 15 นาฬิกา มีการจัดงานเสวนาแบงปนความรูบทบาทแมยุคดิจิทัล ้ หนา 11 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

ที่หองประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรูให้กับแมและเด็กในชุมชน หัวขอเรื่อง การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล โดยมีจําเลย พันเอก อดิสรณ ลําเพาพงศ และ นางสาวทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เป็นวิทยากร ซึ่งระหวางประชุมสภาผู้แทนราษฎรจําเลยออกจากหองประชุมไปรวมงานเสวนา ดังกลาวด้วย ปญหาต้องวินิจฉัยมีวาจําเลยกระทําความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นสมควรวินิจฉัยตามลําดับ ในปญหาขอแรกวา จําเลยรวมประชุมและลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาล ที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 หรือไม่ ทางไตสวน พันเอก อดิสรณ เบิกความวา พยานเดินทาง ไปถึงสถานที่จัดงานเวลา 12.29 นาฬิกา ตามที่ Google Map สวนตัวบันทึกไว เมื่อถึงเวลา 13 นาฬิกา งานยังไม่เริ่มเนื่องจากมีคนแจงวาจําเลยจะมาชา หลังจากนั้น อีกสักพักจําเลยมาถึงงานและพูดคุยเตรียมงาน กอนขึ้นเวทีเสวนา เมื่อเตรียมตัวเสร็จเวลา 13.30 นาฬิกา พิธีกรเชิญขึ้นเวทีเสวนาแล้วมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนกันใชเวลาเกินกวา 30 นาที แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้น พยาน จําเลย และ นางสาวทักษอร ถายรูปรวมกันบนเวทีและถายรูปรวมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่มารวมงานด้วย พยานออกจาก สถานที่จัดงานเวลา 15 นาฬิกา ซึ่งคําเบิกความดังกลาวตรงกับขอมูลในแอปพลิเคชัน Google Map เอกสารหมาย จ. 16 แผนที่ 824 ที่ระบุวา พันเอก อดิสรณ อยู่ที่อาคารจัดงานเสวนาชวงเวลา 12.29 ถึง 15 นาฬิกา ทั้งจําเลยเบิกความรับวา จําเลยอยู่ในงานเสวนานานประมาณ 30 นาที โดยพูดชักชวน ให้ผู้เขารวมงานเสวนาเขาใจการมีสวนรวมของชุมชน บทบาทของสตรีในทุกชวงวัย ความสําคัญของการปรับตัว ให้เขากับยุคดิจิทัล รวมถายรูปและแจกของที่ระลึก สอดคลองกับคําเบิกความของ พันเอก อดิสรณ และ นางสาวอัจฉรา ชินนิยมพาณิชย ผู้จัดงานโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรูให้กับแม และเด็กในชุมชน เบิกความวา จําเลยมาถึงงานเสวนาหลังเวลา 13.30 นาฬิกา จําเลยอยู่ที่งานเสวนา นานประมาณ 20 นาที โดยลงจากเวทีประมาณ 14 นาฬิกา บงชี้ให้เห็นวาจําเลยขึ้นเวทีเสวนา กับ พันเอก อดิสรณ และ นางสาวทักษอร เมื่อเสวนาเสร็จแล้วจําเลยรวมถายรูปและแจกของที่ระลึก เชนนี้ แมทางไตสวนไม่ปรากฏขอเท็จจริงถึงเวลาแนนอนที่จําเลยไปรวมงานงานเสวนาแบงปนความรูบทบาทแม ยุคดิจิทัลและออกจากงานเสวนาก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาระยะเวลาตั้งแต่จําเลยมาถึงงานเสวนาและเสวนา อยู่บนเวทีจนถึงเวลาที่จําเลยลงจากเวทีดังกลาวขางตน ประกอบกับรายงานประจําวันรับแจงเป็นหลักฐาน ้ หนา 12 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

เอกสารหมาย ล. 19 ที่จําเลยแจงต่อ รอยตํารวจเอก ชัชวาลย นิยมชาติ พนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลบางโพ วา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 มีผลการแสดงตนและลงมติในวาระที่ 1 เวลา 13.41 นาฬิกา และวาระที่ 3 เวลา 14.01 นาฬิกา เป็นชื่อจําเลย การประชุมเพื่อพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … จําเลยมิได้เป็นผู้กดปุมแสดงตนและลงมติดังกลาวเพราะจําเลยเรงรีบออกไป รวมงานเสวนาเนื่องจากลวงเลยกําหนดเวลาการจัดงานและถูกติดตามตัวแล้ว เชื่อวาชวงเวลา 13.41 นาฬิกา ถึงเวลา 14.01 นาฬิกา จําเลยรวมงานเสวนาแบงปนความรูบทบาทแมยุคดิจิทัล ที่หองประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรูให้กับแมและเด็กในชุมชน หัวขอเรื่อง การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล แล้วรวมถายรูปและแจกของที่ระลึก ที่จําเลยเบิกความอางวา จําเลยจํารายละเอียดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันเกิดเหตุไม่ได้เพราะระยะเวลาผานมานานแล้ว และจําเวลาที่ออกจากงานเสวนาไม่ได้นั้น เป็นการงายต่อการกลาวอางจึงรับฟงเป็นความจริงไม่ได้ ขอเท็จจริงฟงได้วา จําเลยไม่ได้รวมประชุมและลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ปญหาขอต่อไปมีวา ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสในการลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 มีความผิดพลาดหรือบกพรองหรือไม่ ทางไตสวน นายชัยรัตน์ ทาริยา นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชํานาญการพิเศษ กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณ สํานักงานประชาสัมพันธ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระบบเสียงและระบบลงคะแนนการประชุม สภาผู้แทนราษฎรและการประชุมรวมกันของรัฐสภา เบิกความวา ระบบลงคะแน นอิเล็กทรอนิกส ภายในหองประชุมรัฐสภาเป็นระบบลงคะแนนแบบดิจิทัลที่ต้องใชการทํางานรวมกันระหวางระบบ Hardware ได้แก เครื่องอานบัตรอิเล็กทรอนิกส แผงปุมลงคะแนน กับระบบ Software ซึ่งเป็นชุดโปรแกรมคําสั่งคอมพิวเตอร ในการเปดปดการลงคะแนน การคํานวณและประมวลผลคะแนนโดยมีบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส หรือ Chip Card ที่บรรจุฐานขอมูล หมายเลขประจําตัว ชื่อ - สกุล พรรคสังกัดของผู้เขารวมประชุม ซึ่งเป็นฐานขอมูลเดียวกันกับระบบฐานขอมูลกลางของชุดโปรแกรมคอมพิวเตอรบริหารจัดการเป็นสื่อกลาง ในการสื่อสารรับสงขอมูลระหวางระบบ Hardware และ Software ซึ่งขั้นตอนการทํางานระบบการแสดงตน ประธานสั่งให้แสดงตนเพื่อตรวจสอบจํานวนผู้เขารวมประชุม/เสียบบัตร/แสดงผลจํานวนผู้เขารวมประชุม ้ หนา 13 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

และขั้นตอนการทํางานระบบการลงคะแนน ประธานสั่งให้สมาชิกลงคะแนนเสียง/เสียบบัตร/กดปุม แสดงตน(อีกครั้ง)/กดปุมเพื่อลงมติเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย งดออกเสียง (สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลง มติของตนเองได้)/ประธานสั่งปดการลงคะแนนเสียง/แสดงผลการลงคะแนนเสียง/รายงานผลมติ เมื่อประธานที่ประชุมแจงปดการลงมติ เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมระบบปดโปรแกรมฟงกชั่นการลงมติพรอมทั้ง เขาฟงกชั่นการแสดงผลการลงคะแนนผานระบบจอแสดงภาพภายในหองประชุมและพิมพตนฉบับ เอกสารรายงานการลงมติของระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสให้เจ้าหน้าที่ของสํานักรายงานการประชุมและชวเลข ดําเนินการต่อไป ซึ่งเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจสอบองคประชุมและการลงมติของที่ประชุมสภา เมื่อลงมติจบแต่ละครั้งหรือแต่ละมาตรา ระบบเครื่องลงคะแนนจะมีการลางขอมูล โดยระบบ Software จะเปดและปด ขอมูลเกาจะไม่คางในระบบ กลาวคือ เมื่อประธานในที่ประชุมเปดให้แสดงตนและสั่งให้ปด การแสดงตน ระบบแสดงตนก็จะปดโดยระบบจะประมวลผลสงผลไปยังหน้าจอ จากนั้น จะเริ่มการลงมติต่อไป ( Start Vote) ซึ่งการกด Start Vote แต่ละครั้งจะทําให้ผลใด ๆ กอนหน้าจะลางขอมูลออกทันที โดยสรุปการทํางานของเครื่องลงคะแนนเกิดจากระบบ Software กลาวคือ ระบบควบคุมเปดและปด ของเจ้าหน้าที่ที่จะเปดปดตามคําสั่งของประธานในที่ประชุม สวนระบบ Hardware คือ เครื่องลงคะแนน และบัตรลงคะแนน เป็นการดําเนินการของสมาชิกแต่ละคน โดยหากยังไม่เปดระบบ Software ตามคําสั่งของประธานในที่ประชุม ระบบ Hardware ก็ไม่สามารถใชงานและประมวลผลได้ แต่สามารถใชได้เฉพาะระบบไมโครโฟนในการอภิปรายเทานั้น แมเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกสหรือกดปุมใด ในขณะที่ยังไม่เปดระบบ Software ก็จะไม่มีการประมวลผลการแสดงตนและลงมติ กอนประชุมสภาทุกครั้ง เจ้าหน้าที่กลุ่มงานโสตทัศนูปกรณรวมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ติดตั้งจะต้องตรวจสอบการทํางานของระบบ ทั้ง Software และ Hardware กลาวคือ ตรวจสอบทุกฟงกชั่นของระบบ Software และเครื่องลงคะแนน ทุกเครื่อง ระบบไมโครโฟน ไฟสถานะของเครื่องอานบัตร โดยใชบัตรฐานขอมูลทดสอบที่ไม่ใชฐานขอมูล ของสมาชิก (Hardware) ให้อยู่ในสภาพใชงานได้รอยละรอย ซึ่งการตรวจสอบทุกครั้งอุปกรณทุกหนวย ทั้งบนบัลลังกและแถวที่นั่งของสมาชิกไม่เคยมีปญหาของระบบ นายชัยรัตน์ มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับ การควบคุมระบบเสียงและระบบลงคะแนนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเบิกความตามขอเท็จจริงที่ตนรูเห็น จากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ คําเบิกความของ นายชัยรัตน์ จึงมีน้ําหนักรับฟงเป็นความจริงได้ เมื่อพิจารณาประกอบขอเท็จจริงการแสดงตนและลงมติการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของจําเลยกอน ้ หนา 14 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

และหลังพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ตามรายงานการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 เอกสารหมาย จ. 11 ที่ไม่ปรากฏวาการแสดงตน และลงมติของจําเลยมีความผิดพลาดหรือบกพรองเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสหรือจําเลย ได้ทักทวงเกี่ยวกับการใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยในการแสดงตนและลงมติ แต่อยางใด และขอเท็จจริง ตามรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปที่ 1 ครั้งที่ 14 เอกสารหมาย จ. 11 ได้ความวา วันเกิดเหตุสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแจงเหตุขัดของในการแสดงตนและประมวลผล ต่อประธานในที่ประชุม ได้แก เครื่องเสียบบัตรคางกดลงคะแนนแล้ว แต่เครื่องเสียบบัตรขึ้นสถานะวา ยังไม่ได้ลงคะแนน เสียบบัตรอิเล็กทรอนิกสแสดงตนแล้ว แต่เครื่องเสียบบัตรแสดงสถานะวาบัตรใชไม่ได้ กดออกเสียงลงคะแนนวาเห็นด้วย แต่เครื่องเสียบบัตรแจงวางดออกเสียง ซึ่งเหตุขัดของดังกลาวแสดงให้เห็นได้วา ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสทํางานครบถวนทุกขั้นตอนแล้ว แต่อาจเกิดความผิดพลาดหรือบกพรอง ของการประมวลผลเทานั้น ทั้งความผิดพลาดหรือบกพรองดังกลาวเกิดขึ้นขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ในหองประชุมได้ใชบัตรอิเล็กทรอนิกสและทักทวงทันทีที่พบขอผิดพลาดหรือบกพรองนั้น ทําให้ขออาง ที่ปรากฏตามทางไตสวนของจําเลยเกี่ยวกับความผิดพลาดหรือบกพรองของระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส รับฟงเป็นความจริงไม่ได้ ขอเท็จจริงฟงได้วา ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสในการลงมติรางพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ไม่มีความผิดพลาดหรือบกพรอง ปญหาขอต่อไปมีวา จําเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยแสดงตนและลงมติ รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจําเลยหรือไม่ เห็นวา แมหองประชุมใหญวุฒิสภา (หองจันทรา) อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ชั้น 2มีที่นั่งและชองเสียบบัตร ลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสไม่เพียงพอต่อการใชงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 500 คนก็ตาม แต่ขอเท็จจริงได้ความจากคําเบิกความของ นายชัยรัตน์ วา เมื่อสมาชิกใชบัตรอิเล็กทรอนิกสลงมติเขากับ เครื่องอานบัตรเครื่องใดแล้วสามารถดึงบัตรหนวยนั้นออกจากเครื่องอานบัตรได้ โดยเผื่อเวลาการสงขอมูล ไปยังระบบคอมพิวเตอรประมาณ 2 ถึง 5 วินาที เนื่องจากระบบเครื่องอานบัตรอิเล็กทรอนิกส ภายในหองประชุมรัฐสภา มีจํานวนหลายรอยหนวยจึงต้องใชเวลารับสงขอมูลระหวางเครื่องอานบัตรอิเล็กทรอนิกส ้ หนา 15 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

แต่ละหนวยกับระบบประมวลผลสวนกลาง ขอมูลที่ลงมติจะเขาสูฟงกชั่นการคํานวณและประมวลผลคะแนน ของระบบคอมพิวเตอรสั่งการโดยอัตโนมัติและขอมูลจะไม่สูญหาย สมาชิกยังสามารถใชบัตรอิเล็กทรอนิกส หนวยอื่นมาเสียบและกดลงมติในเครื่องอานบัตรเครื่องเดิมได้ทันที โดยระบบจะคํานวณและประมวลผล ขอมูลของบัตรที่สมาชิกเสียบและกดปุมลงคะแนนเขามาใหมโดยอัตโนมัติ เชนนี้ ระหวางที่ประธานในที่ประชุม ยังไม่ได้สั่งปดการลงคะแนน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยอมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันใชชองเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส ลงคะแนนเสียงได้ ซึ่งเป็นชองทางให้ นําบัตรอิเล็กทรอนิกสของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น มาลงคะแนนเสียงได้โดยงายและไม่มีผู้ใดรูเห็น เมื่อพิจารณาประกอบขอเท็จจริงที่วาระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส จะปรากฏชื่อจําเลยแสดงตนและลงคะแนนเมื่อมีการเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยเขาเครื่องเสียบบัตร อิเล็กทรอนิกสกอนแล้ว จึงเชื่อวา ขณะที่มีการลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 นั้น บัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยต้องอยู่ในหองประชุมใหญวุฒิสภา (หองจันทรา) ทั้งทางไตสวนที่จําเลยอางวา จําเลยจําไม่ได้วาขณะที่จําเลยไปรวมเสวนานั้น บัตรอิเล็กทรอนิกส ของจําเลยอยู่ที่ใด จําเลยจําไม่ได้วาลืมบัตรอิเล็กทรอนิกสและเบิกบัตรสํารองหรือไม่ จําไม่ได้วาเมื่อกลับจาก งานเสวนาพบบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยที่ใดและบัตรอิเล็กทรอนิกสเป็นบัตรชั่วคราวที่ไม่มีรูปและพิมพชื่อที่ชัดเจน ทําให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นอาจนําไปใชโดยหลงผิดนั้น เป็นการเลื่อนลอยไม่มีน้ําหนักรับฟง เป็นความจริงได้ และที่จําเลยอางวาจําเลยไม่จําต้องฝากบัตรอิเล็กทรอกนิกสเพื่อลงมติให้รางพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ผานความเห็นชอบนั้น เห็นวา ขอเท็จจริงได้ความจากคําเบิกความ นายวิเชียร ชวลิต ผู้ควบคุมเสียงฝ่ายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 วา รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … เป็นรางพระราชบัญญัติสําคัญที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องให้ความเห็นชอบ และจําเลยเบิกความวา รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … เป็นรางกฎหมาย ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนาจะต้องเห็นชอบทั้งหมด แต่จําเลยกลับไม่อยู่ในที่ประชุมเพื่อลงมติรางพระราชบัญญัติ ดังกลาว แสดงถึงการไม่ให้ความสําคัญต่อรางพระราชบัญญัตินั้นซึ่งเป็นรางกฎหมายที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องเห็นชอบอันเป็นการขัดแยงกันในตัวเอง จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้วาจําเลยต้องการแสดงให้เห็นวา จําเลยลงมติเห็นชอบรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ด้วย ขออางของจําเลยดังกลาว รับฟงเป็นความจริงไม่ได้เชนกัน ดังนี้ เมื่อจําเลยไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรขณะที่มีการลงมติ รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระ ที่ 1 และวาระที่ 3 แต่มีการนํา ้ หนา 16 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

บัตรอิเล็กทรอกนิกสของจําเลยไปใชลงมติ ประกอบกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสไม่มีความผิดพลาด หรือบกพรอง และชองเสียบบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกสที่ไม่เพียงพอต่อการใชงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นชองทางให้สามารถนําบัตรอิเล็กทรอนิกสของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นมาลงมติได้ดังวินิจฉัย ขางตนแล้ว แมทางไตสวนไม่ปรากฏขอเท็จจริงวาจําเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยก็ตาม แต่พฤติการณดังกลาว ขางตน ทําให้ขอเท็จจริงฟงได้วา จําเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครองของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยแสดงตนและลงมติ รางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจําเลย ปญหาขอต่อไปมีวา การกระทําของจําเลยเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเวนการปฏิบัติอยางใดในตําแหนงหรือหน้าที่หรือใชอํานาจในตําแหนงหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ เห็นวา การออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณารางพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นสิทธิเฉพาะตัว ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเขาประชุมและอยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีการออกเสียงลงคะแนนเทานั้น การกระทําใดเพื่อให้มีการออกเสียงลงคะแนนแทนกันจึงเป็นการขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 120 วรรคสาม ที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน และไม่ชอบด้วยขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ขอ 72 วรรคสาม ที่กําหนดวา การออกเสียงลงคะแนนจะกระทําแทนกันไม่ได้ อันเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต มีผลทําให้ การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้น ไม่เป็นไปตามเจตนารมณที่แทจริง ของผู้แทนปวงชนชาวไทย การกระทําของจําเลยจึงกอให้เกิดความเสียหายแกประชาชนและสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นองคกรที่ทําหน้าที่นิติบัญญัติแล้ว แมจะไม่ทําให้กระบวนการตรากฎหมายเสียไป สวนที่จําเลย มีเอกสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนนโดยเด็ดขาดผู้ใดจะนําไปเป็นเหตุฟ้องรองวากลาวจําเลย ในทางใด ๆ มิได้นั้น การใชเอกสิทธิ์ดังกลาวยอมต้องชอบด้วยขอบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ้ หนา 17 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

และอยู่ภายใตคําปฏิญาณวาตนจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตยสุจริตด้วย ทั้งเอกสิทธิ์ดังกลาวมิได้หมายความรวมถึง กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายให้ผู้อื่นลงมติแทนตนได้ เพราะจะเป็นการใชเอกสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยให้ความคุมครองมากระทําการละเมิดหรือฝาฝนต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยเสียเอง องคคณะเสียงเอกฉันทเห็นวา การกระทําของจําเลยเป็นความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติอยางใดในตําแหนงหรือหน้าที่ หรือใชอํานาจ ในตําแหนงหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด และองคคณะเสียงขางมาก เห็นวา การที่จําเลยซึ่งมีหน้าที่พิจารณารางพระราชบัญญัติตาง ๆ แต่กลับฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส ของจําเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหรือบัตรอิเล็กทรอนิกสของจําเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น โดยจําเลยยินยอมให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใชบัตรอิเล็กทรอนิกส ของจําเลยแสดงตนและลงมติรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจําเลย ดังวินิจฉัยขางตน เป็นผลให้รางพระราชบัญญัติดังกลาวผานการพิจารณา ของสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีที่จําเลยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนเป็นชองทางใน การแสวงหาประโยชนอันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสําหรับตนเอง ถือได้วาเป็นปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริตแล้ว การกระทําของจําเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริตด้วย ดังนี้ จําเลยจึงกระทําความผิดตามฟ้อง อยางไรก็ตาม องคคณะเสียงขางมาก เห็นวา มูลเหตุที่ทําให้จําเลยกระทําความผิดครั้งนี้เกิดจากจําเลยต้องไปเป็นวิทยากรในงานเสวนาแบงปนความรู บทบาทแมยุคดิจิทัลที่หองประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรู ให้กับแมและเด็กในชุมชน หัวขอเรื่อง การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล ที่จัดขึ้นในชวงเวลาเดียวกับ ที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณารางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ซึ่งเป็นกฎหมายที่สําคัญ ประกอบกับรางพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ประกาศใชบังคับเป็นกฎหมายแล้ว พฤติการณแห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่รายแรงมากนัก เมื่อไม่ปรากฏวาจําเลยเคยกระทําผิดหรือได้รับโทษจําคุกมากอน กรณีมีเหตุสมควรปรานีแกจําเลยเพื่อให้โอกาสจําเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป แต่เพื่อให้จําเลย หลาบจํา เห็นควรลงโทษปรับจําเลยในสถานหนัก ้ หนา 18 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565

พิพากษาวา จําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาด้วยการปองกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จําคุก 1 ป และปรับ 200 , 000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว 2 ป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจําเลยไม่ชําระคาปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 กรณีต้องกักขังแทนคาปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ป นายโชติวัฒน เหลืองประเสริฐ นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายเทพ อิงคสิทธิ์ นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ นายภพพิสิษฐ สุขะพิสิษฐ นายประทีป อาววิจิตรกุล นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง นายอุดม วัตตธรรม นายชลิต กฐินะสมิต ้ หนา 19 ่ เลม 139 ตอนที่ 62 ก ราชกิจจานุเบกษา 6 ตุลาคม 2565